23 ต ค 2554 13.45 น. ธรรมอาทิตย์ที่ 4 โดยองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ • ธรรมะเอาไว้ชนะความทุกข์ ออกจากท้องแม่ ก็กำไรแล้ว • ปีนี้ น้ำมาเร็วมาก แล้วก็อันตราย เราเพียงแค่ขยับตัวเองให้พ้นจากน้ำ • คนมีปัญญา เอาตัวรอดได้ทุกที่ • คนไม่มีปัญญา ที่ไหนๆ ก็อยู่ไม่รอด • มันเป็นบุญ ตอนที่เราทำ แล้วให้ • มันเป็นปัญญา ตอนที่เราทำ แล้วคิด • จงเชื่อพระพุทธเจ้า อัตตาหิ อัตโน นาโถ • อย่าคิดว่า เค้าจะทำอะไรให้เรา.....อะไรพอทำได้ อย่าปัดสวะ หนีปัญหา • ดูตัวเองให้มากๆ มีสำนึกในความเป็นมนุษย์ให้มาก เจริญธรรม เจริญสุข ท่านสาธุชนคนหนีน้ำที่รักทุกท่าน ...คนพ้นน้ำ ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ “รัฐบาลโปรดอยู่ในความสงบ เราจะปกป้องให้ท่านไม่ท่วมน้ำ แต่เราท่วมมิดแล้ว” หลวงปู่เปลี้ย...กับสรรพสัตว์ ทำอย่างไรให้พ้นจากบ่วงแห่งความทุกข์ครั้งนี้ให้ได้ .....มาจาก... มาถวายวันก่อน ..ลูกคงไม่ได้มาทอดกฐิน ..ครึ่งบ้านแล้ว พ่อแม่นั่งร้องไห้ ก่อร่างสร้างตัว...แล้วน้ำเอาไปหมด เราก็เลยต้องสอนว่า ธรรมะเอาไว้ชนะความทุกข์ ออกจากท้องแม่ ก็กำไรแล้ว ชีวิตไม่สิ้น ก็หาใหม่ได้ วันนั้นไปบางโพ บางสารพัดโพ เห็นแล้วก็น่าอนาถ บางคนเดินเหม่อลอย สะพายเป้ใบเดียว ถามว่า จะไปไหน ออกจากบ้าน ไม่รู้จะไปไหน แล้วแต่ละคนก็เคว้งคว้าง... แล้วถามว่า หลวงพ่อมาทำอะไร ..มาทำโรงครัว โอ้โห ไม่มีที่ให้ทำแล้ว แล้วมีศูนย์อพยพไม๊ ศูนย์อพยพก็อพยพไปแล้ว...เพราะว่าน้ำมันสูงขึ้นๆ ขนาดแมกโครยังมิดหลังคา ที่เห็นภาพ ตึกสูงๆ ใหญ่ๆ เค้าก็กั้นคนเข้า แทนที่จะให้คนเข้าไปอยู่ เค้าปิดตึก บริษัทประกันชีวิตด้วย อ้ายพวกนี้ ไม่ต้องไปเป็นลูกค้า บางปั๊มปิด เขียนป้าย ไม่ให้เอารถไปจอด พวกนี้ ไม่รู้คิดยังไง ถ้ารู้จักใช้สติปัญญา ต้องถือโอกาสสร้างบุญ สร้างกุศล มีเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย ให้มาอาศัยหลบภัย คนมายืนหมุนอยู่กลางเกาะ รถปิ๊กอับวิ่ง ก็ลอยอยู่ข้างๆทาง รถ 10 ล้อมา คลื่นน้ำซัดไปเกาะกลาง คนเกาะกลางก็ลุ้น เบาๆ เห็นแล้วก็น่าอนาถ คนยืนเลื่อยลอย ไม่รู้จะไปทางไหน ไม่รู้จะทำยังไง กูไม่ได้เอาเสื้อไปด้วย เอาไปก็ไปแจกไม่ได้ เมื่อเช้าส่งไป 2,500 กล่อง บางใหญ่ ตลาดไท อีก 2,000 กว่า รอรถกลับ มารับอีกรอบ เมื่อวานรถตาย ดีว่าแจกของหมด แล้วก็ตาย จอดอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้น บอกมึงทำยังไงก็ได้ เอาของไปแจกให้ได้ ไปทุกวัน เดี๋ยวเย็นไปอีกรอบ วันนี้ ร่วมๆ 5,000 ทำจน เค้าเรียก ผ อ โรงครัว ผ อ เครื่องหลวง หัวเข่าแย่ แกงไม่ใช่หม้อเล็กๆ ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ช่วยเท่าที่ช่วยได้ แต่อยากบอกว่า อย่านั่งดูดาย..... ออกจากท้องแม่ ไม่มีอะไรมา แล้วก็เห็นสัจธรรม พวกกาลี อัปรีย์ จันไร ชั่วช้า สามานต์.... เมื่อวาน อ้ายพวกอ้ายตั้ม ..เราทำทั้งวันแทบตาย อ้ายพวกนักการเมืองมันกระโดดขึ้นรถเฉยเลย อู้หู มันพูดหน้าด้านๆ มันออกโทรโขง นำอาหารมาช่วย... ทำให้รู้ว่า จากประสบการณ์ที่ไป พื้นที่ใครพื้นที่มัน ส.ส. ใครรับผิดชอบ คนนอกพื้นที่ก็ไม่แยแส เมื่อครู่เลยประกาศเป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลโปรดอยู่ในความสงบ..... ..ตรงไหนที่รัฐบาลประกาศว่า ป้องกัน 100% ท่วม 100%.... เพราะว่า มันพูดตรงกันข้าม แล้วก็ยังมีคนชอบมันอยู่ ไม่รู้คนคิดอย่างไร เราไม่ได้ต้องการให้เค้าชอบหรือไม่ชอบ แต่ให้เห็นความจริง เมื่อวาน มีคนตาย โดนไฟดูดตาย เมื่อวานวันเดียว 9 ศพ อยากบอกท่านทั้งหลายว่า ออกจากท้องแม่ มีเสื้อผ้าใส่ก็รวยแล้ว อย่าไปเฝ้าหลังคา หาทางเอาตัวรอดออกมา อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยง ใครที่แข็งแรง มีชีวิตหรูหรา ไม่หรูหรา ก็ช่วยตามเหตุตามปัจจัย ไม่รู้จะไปไหน ก็มาที่นี่ก็ได้ ...ทำไป ด่าไป เป็นครู ...ก็ต้องบอก ต้องสอน แค่ตักแกงใส่ถุง ก็ยังโดนด่า แกงไม่ใช่ถุงสองถุง ใส่ป่อง ...ก็แตก ต้องให้มานั่งคอยจ้ำจี้จ้ำใช แต่ละคนก็หัวหงอก คิดเองไม่เป็น ต้องให้เราคอยบอก เออ ทำไปเหอะ ถือโอกาสทำบุญ สร้างความดีงาม บำเพ็ญบารมี คนเรารู้จักการุณ ...ทำให้จิตใจละเอียดอ่อน ไม่ก้าวร้าว เป็นคนว่าง่ายสอนง่าย มากกว่าคนที่ไม่ใส่ใจใคร ...แม้ไม่มีอะไรให้ ก็ให้น้ำใจ จิตใจจะละเอียดอ่อน นอนหลับไม่ฝันร้าย เพราะว่า ไม่อาฆาต หลับง่าย กินจุ เลื้อย...หลับคาจานข้าว ก็เอา การให้ ทำให้จิตใจแช่มชื่น เบิกบาน แต่อย่าเอาอย่างหลวงปู่ ...กระดูดคนละเบอร์... ตอนนี้หัวเข่า กระดูกเสื่อม...กลางคืนก็จมน้ำ ...หลวงปู่ก็โวยวาย ถ้าไม่สอน ไม่ว่า ไม่ติ ไม่ติง ไม่รู้จัก..... ให้มันท่วมเถอะ แต่อย่ามาโกหก ตอนนี้เค้าว่า เข้าศูนย์อะไรของเค้า เออ ศ...กำลังวางกระสอบทราย ป้องกัน...ไม่ให้น้ำท่วม ตัวเองก็เตรียมอพยพเหมือนกัน เมื่อกี้ เค้าขอมา ม.รังสิต 500 ชุด ศูนย์ฯ ก็อดเหมือนกัน รัฐบาลแทบไม่ได้เตรียมการ ถ้าหมู่บ้าน จังหวัดเสียหาย ประกาศตรงนั้นตรงนี้ เป็นศูนย์ ถ้าเห็นมี ก็นครปฐม เมื่อเช้าประกาศ..กรุงเทพที่ประกาศ ก็เอกชน เค้าสงสัยกันว่า เงินที่ไปแจกๆ ว่า เงินชาวบ้านทั้งนั้น เงินรัฐบาลมันอยู่ตรงไหน เค้าซุบซิบกัน กูก็โผล่หัวเข้าไป เออ เงินรัฐบาลมันอยู่ตรงไหน หันมา อ้าวหลวงปู่ เงินที่ประกาศว่าจะให้ ให้หรือยัง คนเค้าถามกันแล้ว จังหวัดน้ำไม่ท่วม คือสุพรรณ จนป่านนี้ บางที่ยังดำนาอยู่เลย หรือมังกรหนังเหนียว เค้ามีท่วมเป็นบางที่ อย่างสองพี่น้อง แต่ท่วมไม่เยอะ ...เค้าตั้งข้อสังเกต ที่แย่คือ ประกาศว่า กำแพงแสนท่วม อะไรท่วม กูเห็นแต่น้ำลาย ...ไม่มีหรอก ก็ดีนะ รัฐบาลชุดนี้ ไม่มีใครด่าเลย หรือมันด่า เราไม่ได้ยิน ไม่รู้ว่า อีกเดือนจะยุบไม๊ หลวงปู่พูดเสมอว่า คนโบราณไม่ทำแผ่นดินกั้น เค้าจะปล่อยให้ไหลไปเรื่อยๆ ปีนี้ น้ำมาเร็วมาก แล้วก็อันตราย เราเพียงแค่ขยับตัวเองให้พ้นจากน้ำ เก็บของใช้ไว้บนขื่อ นี่ คิดไม่เป็น รัฐบาล ท่วมตรงไหน กั้นตรงนั้น น้ำนี่ อะไรก็สู้ไม่ได้ ถ้าไม่ทำมาตรฐานใหญ่โต ไม่มีสิทธิ์ เราก็หาวิธีป้องกัน บอกอ้ายพงษ์ศักดิ์ให้ไปก่ออิฐให้สูง เตรียมไว้ คนก็ว่า ทำ ทำไม.... ตอนนี้ ถาม ไปซื้ออิฐได้ที่ไหน ...อิฐก้อนละ 35 บาท หลวงปู่ซื้อก้อนละ 3.50 บาท มันขาย 25 บาท 30 บาท อ้ายหมูต้องมาขอ เอาไปเหอะ เลิกใช้ ก็เอามาคืนแล้วกัน ... ไม่เข้าใจ คนพวกนี้ เอาเปรียบสังคม ที่แย่ พวกลักขโมย เกิดภพชาติใด จะจน จ๊น จน นี่ไม่ได้แช่ง คนเลว ต่ำช้า สามานต์ เป็นคนเอาเปรียบ ตายไปแล้วจะตกนรก พอเกิดเป็นมนุษย์ ก็ จะจน จ๊น จน จำไว้ ลูก อย่าไปเอาเปรียบใคร แค่รักษาเปรียบของเรา แล้วแบ่งปันเปรียบของเรา อย่าไปจ้องเอาเปรียบ เรื่องนี้ ให้เข้าใจว่า คนฉลาดเค้ารู้จักใช้ทรัพย์เพื่อสนับสนุนให้เกิดทาน ศีล สติ สมาธิ ปัญญา นำทรัพย์มาต่อบุญ ต่ออริยทรัพย์ ทรัพย์นั้น จะข้ามภพข้ามขาติ แต่ใช้ทรัพย์ในการกิน กาม เกียรติ โกรธ ...ไม่ใช่คนฉลาด เป็นคนโง่เขลา พระพุทธเจ้าทรงให้แยกทรัพย์ที่ได้มา ออกเป็น 4 ส่วน 1 เลี้ยงตน ครอบครัวสงเคราะห์ญาติ 2 เสียภาษี 3 เก็บไว้เป็นทุนยามตกยาก 4 บริจาค ถ้าใช้ทรัพย์แบบนี้ เรียกว่า ใช้ทรัพย์แบบมีสติปัญญา ใช้ข้ามภพข้ามชาติได้ ใช้เพื่อกิน กาม เกียรติ สุดท้ายไม่เหลืออะไร ใช้ทรัพย์อย่างฉลาด เมื่อนั้น จิตวิญญาณได้รับการพัฒนาจากความซกมก สกปรก .... เราจะพัฒนาจิตได้ในระดับสูง ....ให้มานั่งต่อหน้าอรหันต์ ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร เพราะว่า ไม่รู้จักวาง ว่าง ไม่รู้จักให้ จองหอง ทรนง อวดดี... สิ่งเหล่านี้เหมือนขยะ เกาะกินสนิมของจิต เราต้องรู้จักเคาะมันบ้าง ทำความสะอาดมัน การทำทุกวัน สามารถเคาะสนิม... อะไรเป็นวิถีแห่งบุญ อะไรเป็นวิถีแห่งทาน อะไรเป็นวิถีแห่งสติ สมาธิ ปัญญา บารมี บุญ ทำได้ ก็กลายเป็นวิปัสนา เมื่อเช้าหลวงปู่สอนมันผัดข้าว มันไม่ใช้ข้อเหวี่ยง... ใช้แรงท่อๆ ผัดสองทีก็หอบ กูแค่พักนิดหน่อย... แต่ เพราะว่า เครื่องมันหลวม มีปัญญากับการทำงาน ก็เป็นวิปัสนา ถ้าใช้แต่กำลัง ก็เป็นสมถะ .......ลูกศิษย์พระพุทธะ ไม่เคยสร้างปัญหาให้ใคร แล้วแก้ปัญหา ถ้าสร้างปัญหา ไม่ใช่ลูกศิษย์พระพุทธะ ต้ององอาจเสมอ งานเล็กๆ น้อยๆ นี่เป็นการเปรียบเทียบ...สติปัญญา การคิดอ่าน แค่กรอกแกงใส่ถุง พระโดนด่าทุกครั้ง..... ใครเข้าใกล้กู โดนด่าทุกครั้ง ...ต้องรู้จักแยกแยะ แก้ไข คนมีปัญญา เอาตัวรอดได้ทุกที่ คนไม่มีปัญญา ที่ไหนๆ ก็อยู่ไม่รอด สมัยก่อน ที่มึงนั่งตรงนี้ น้ำทั้งนั้น จะหาหลักหิน ต้องดำลงไปหา กูยังไปยืนมอง มันเข้าใจถวาย...พระ 60 องค์ เหลือ 6 องค์..ไม่เห็นมีแววว่า จะเป็นวัด เออ เดี๋ยวกูจะทำให้เห็นว่า จะเป็นวัดอย่างไร หาวิธีการสร้าง โยกย้ายให้เหมาะสม เอาดินไปถมตรงนั้น ...เป็นที่ดอน.... คนมีปัญญา อยู่ที่ไหน ก็ไม่มีปัญหา คนไม่มีปัญญา เข้าไปอยู่ที่ไหน สร้างปัญหา เพราะฉะนั้น ปัญญาเป็นแสงสว่างของโลก ไม่ต้องรอนั่งหลับตา ...หั่นผัก ทำยังไงให้มันสุก เวลากูผัด กูเครียดมาก..ไม่ได้คิดว่า จะทำยังไงให้สุกพร้อมกัน ฟักทองชิ้นหนึ่งเท่าหัวแม่โป้ง ชิ้นหนึ่งเท่านิ้วก้อย แค่นี้มันก็คิดไม่เป็น ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่หั่นผัก ก็โง่แล้ว คนมีสติปัญญา เค้ารู้จักวิเคราะห์....นี่แหละเจริญธรรม ไม่ใช่นั่งหลับตา นั่นมันปัญญาของคนว่างงาน ....ปัญญาอย่างพวกเรา ต้องทำงานไม๊ ถ้าสังเกต ใช้ปัญญาวิเคราะห์ แล้วปล่อยออกไปอย่างใคร่ครวญ เมื่อเช้าหลวงปู่ผัดผักบุ้ง ใครกินแล้วบ้าง เออ คนไม่ได้กิน ไม่มีวาสนา ทำไมใส่ข่า ผัดยังไงให้มันหอม ผัดให้มันร้อน กว่าข่าจะร้อน กระเทียมก็ไหม้ ต้องให้ข่าหอมก่อนจึงใส่กระเทียม ง่ายๆ แค่นี้ ต้องนั่งวิปัสนาไม๊ มันเป็นบุญ ตอนที่เราทำ แล้วให้ มันเป็นปัญญา ตอนที่เราทำ แล้วคิด คนถาม ทำไมเอาปลากระป๋องใส่ถุง ไม่ใส่หม้อ....โง่แล้วยังมาถาม ใส่หม้อแล้วเป็นไง หมายเหตุ หลวงพี่โต๊ดให้เปิดปลากระป๋องออก แล้วเทผ่านกระชอน เหลือแต่เนื้อปลากระป๋อง ใส่ในถุงอาหาร ถุงละ 1 ชิ้น หลวงปู่ต้มแกงส้มผักรวม เสร็จแล้วท่านสั่งให้ตักแกงส้มผักรวมลงในถุงที่ใส่ปลากระป๋องทีละถุง มีปัญญาแล้ว ทำให้ประโยชน์สูง ประหยัดสุด ....กูล้างตีนนานกว่าจะได้ล้างหน้า เพราะว่าหน้าบางอยู่แล้ว พวกมึงหน้าหนา... เพราะฉะนั้น งานทุกงาน เป็นวิปัสนาได้ทั้งนั้น งานทุกงาน เป็นสมถะได้ ถ้ารู้จักวิธีทำ เป็นงานบุญ ถ้าไม่รู้จักวิธีทำ แก่งแย่งชิงดี ทะเลาะกัน นอกจากบุญไม่ได้ ยังได้บาป แล้วสติปัญญาจะทึบ กลัว ไม่กล้า แล้วจำไว้อย่างหนึ่งว่า หลวงปู่พบสัจธรรมว่า เมื่อใดเราหวังพึ่งคนอื่น เราจะอ่อนแอ ครั้งหนึ่งหลวงปู่เคยหวังพึ่งมูลนิธิฯ ..ซ่อม สร้าง โรงเจ เราแค่เซนต์ จ่าย เดือนหนึ่ง 20 ล้าน 25 ล้าน ต้องหาจ่าย พอเห็นว่า ท่าจะไม่รอด ยุบ ยึดอำนาจ เข้าไปบริหารเอง จาก 20 ล้าน เหลือ 10 -12 ล้าน แล้วของได้มามีคุณภาพ เพราะฉะนั้น เราหวังพึ่งคนอื่น เราจะอ่อนแอในศักยภาพ อ่อนแอในการตัดสินใจ จงเชื่อพระพุทธเจ้า พึ่งตนเอง เราจะแข็งแรงทางความคิด แข็งแรงทางสติปัญญา เราจะเผชิญหน้ากับทุกโอกาส จงเชื่อพระพุทธเจ้า อัตตาหิ อัตโน นาโถ แล้วเราจะแข็งแรงที่สุดในโลก หลวงปู่ไม่ได้เจอบ่อย เจอนาน.... แต่เราวางใจคนอื่น เราจะเสียใจ อย่าคิดว่า เค้าจะทำอะไรให้เรา.....อะไรพอทำได้ อย่าปัดสวะ หนีปัญหา ชีวิต คือ การต่อสู้ ปัญหา คือการเรียนรู้ ศัตรู คือ ครูของเรา และขอประกาศว่า รัฐบาลจ๋ะ คุณโปรดอยู่ในความสงบ เราคน ประชาชนจะปกป้องท่านไม่ให้ท่วมจมูก แต่เราจมน้ำแล้ว คนกรุงเทพพายเรือไม่เป็น.....พายข่งเดียว ก็หมุนอยู่ตรงนั้น พาย 2 ข้าง ยกไม่พ้นหัวคนนั่งข้างหน้า ก็โป๊กแล้ว คนกรุงเทพ ต้องอดอยาก เพราะไม่ได้ศึกษาวิธีเอาตัวรอดเวลาเผชิญเหตุ เอาเสื้อผ้า แล้วไม่รู้จะไปทางไหน มองเลื่อนลอย คนเค้าบอก ลุงคนนี้ยืนอยู่ตรงนี้ 3 ชั่วโมงแล้ว ไม่รู้น้ำลดแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น บอกแล้วว่า กฐินวัดปีนี้ หลวงปู่ขอผาติกรรมจากสงฆ์ ...ตั้งโรงครัวแจกทาน รู้ข่าวรัฐบาลจะช่วยเฉพาะบ้านที่มีสำมะโนครัว...พวกที่ไม่มีสำมะโนครัวจะไม่ได้ บ้านพ่อแม่มีสำมะโนครัว ลูก มาอาศัยอยู่ ไม่ได้จด....ก็จะไม่ได้ จะเอาสตางค์พวกนี้ ไปช่วยพวกนี้ พวกมีสำมะโนครัว มีหลักฐาน รัฐบาลช่วย แต่พวกไม่มีสำมะโนครัว ก็คงอยู่ยาก กำนัน อบต มาเก็บบ้านเลขที่ แล้วพวกไม่มีบ้านเลขที่ ขืนทำเพิ่ม เดี๋ยวก็โดนสอบ เออ เดี๋ยวเค้าคงมีก๊อก 2 ก๊อก 3 เดี๋ยวเค้าคงช่วย ...สีแดงทั้งหมู่บ้าน หลวงปู่ไม่เลือกสี ขอให้พูดไทยได้ 14.45 น. ทิ้งเวลาให้ถามปัญหา 5 ข้อ เดี๋ยวจะไปทำอาหาร ปุจฉา โลกนี้ มนุษย์จ้องแต่จะเอาเปรียบ... วิสัชนา อย่าไปโทษมนุษย์ส่วนใหญ่ ดูตัวเรา คนอื่นเป็นอย่างไร เราอย่ามีกรรมซ้ำ เค้าไม่ให้ ไม่ใช่ว่า เราจะแล้งน้ำใจ เค้ากราดกริ้ว ไม่ใช่ว่า เราจะเป็นอย่างเค้า ดูตัวเองให้มากๆ มีสำนึกในความเป็นมนุษย์ให้มาก ปุจฉา การปฏิบัติทางจิต 3 วิธีนี้ ต่างกันอย่างไร วิธีใดเป็นวิถีแห่งพระพุทธะครับ วิธีที่ 1 การปล่อยจิตให้เรียนรู้ในทุกๆ การปรุงแต่งในชีวิตจริง จนจิตแจ้งในสรรพทุกข์ทั้งปวง จิตจึงหยุดเอง วางเอง โดยอัตโนมัติ และเข้าสู่ความว่างโดยธรรมชาติ ไม่ต้องมีรูปแบบ และการบังคับใดๆ วิธีที่ 2 เฝ้าสังเกตปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดแก่จิต โดยไม่เข้าไปข้องเกี่ยวใดๆ เพียงแต่รู้อยู่เฉยๆ จนเห็นสิ่งที่ปรากฏแก่จิต เกิดๆ ดับๆ แก่จิตนี้ไปเรื่อยๆ คือเราเพียงดำรงตัวรู้อยู่เท่านั้น จนจิตแจ้งในสรรพความเกิดดับ เข้าถึงความว่าง วิธีที่ 3 ท่าฮวงโป สอนให้ เว้นขาดจากความคิด และการปรุงแต่งต่างๆ ของจิต โดยการควบคุมพฤติกรรมต่างๆ ของจิตนี้ ไม่ให้จิตนี้มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย จนปรากฏ เป็นความว่าง และรักษาสมดุลนี้ไปเรื่อยๆ จนจิตลุถึงความว่างที่แท้จริง วิสัชนา วิธีที่ 1 เป็นเรื่องของคนหูไม่หนวก แขนขาแข็งแรง วิธีที่ 2 เป็นเรื่องของคนหูหนวก..... วิธีที่ 3 เป็นเรื่องของคนตาบอด สรุป ทุกวิธี เป็นเรื่องของกาย วิธีที่ 1 ...ความสามารถเรียนรู้ วิธีที่ 2 นั่งเฝ้าดูอาการ เป็เรื่องของคนพิการ วิธีที่ 3 เป็นเรื่องของคนตาบอด ปิดทุกเรื่อง รู้เฉพาะเรื่องที่อยากรู้ เลือเอา จะเอาแบบไหน ปุจฉา ฝึกปราณ จะรู้สึกร้อนตามจุดต่างๆ .... วิสัชนา ที่จริงวิชาปราณโอสถ ไม่ใช่เฉพาะที่จะฝึก ปราณมีทุกโอกาส ทุกลมหายใจ แต่เราไร้ความสามารถ ไม่รู้วิธีใช้ ปราณไม่ต้องสร้าง ...เราฝึกให้รู้ และควบคุม ในชีวิตประจำวัน ต้องรู้ปราณ ...ต้องมีสติมา สัมปชาโน.... ต้องพร้อม.... ทุกลมหายใจ ทุกอิริยาบท จึงจะถูกต้อง ปุจฉา เวลาเดิน เดินไม่ไหว ยาสมุนไพรเบอร์ 38 ...แต่เป็นความดันสูง ทานได้หรือไม่ วิสัชนา ต้องมาตรวจ บางทีเรามีโรคแทรกซ้อน...จะกินน้ำยาปรับธาตุคุมไปก่อนก็ได้ น้ำยาปรับธาตุมันมีผลละลายไขมัน ลดน้ำตาล ลดความดัน ปรับสมดุลในร่างกาย ปุจฉา โรคผิวหนังแห้ง...เลือดเป็นจ้ำๆ... วิสัชนา โรคผิวหนังแห้ง ...ต้องผิวบางด้วย ครีม สบู่ .... ขัดฟอกทั้งหลายที่มีฤทธิ์กรดรุนแรง ต้องหยุดใช้ ใช้น้ำมัน (oil) ให้ผิวชุ่มชื้น อาบน้ำอุ่น ยิ่งทำให้ผิวแห้ง ผิวแห้ง จะตามมาด้วยเส้นเลือดฝอยแตกง่าย กินยาละลายลิ่มเลือด 14.55 น. เตรียมปฏิบัติธรรม ปฏิบัติธรรมครึ่งชั่วโมง แล้วหลวงปู่จะไปทำกับข้าวต่อ รถมาหรือยัง ...ไปเลย ของพร้อมแล้ว ขนขึ้นเลย นี่ 3 โมงแล้ว ไปถึง 5 โมงพอดี ปฏิบัติธรรม ขั้นที่ 1, 2, 3, 4 15.30 น. ถวายทาน .....