12 ก พ 2555 13.10 น. ธรรมะอาทิตย์ที่ 2 โดยองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ
• ปราณทิพย์ เป็นสัมผัสพิเศษ ที่ละเอียด ต้องฝึก สัมผัสได้ทางพลังจิต
• คุณสมบัติของหมอยา
เจริญธรรม เจริญสุข ท่านสาธุชนคนดีที่รักทุกท่าน ผู้รับชมรายการปุจฉา วัสัชนา
ญาติโยมพุทธบริษัทผู้มาอยู่รวมกันณ.สถานสมาคมแห่งนี้
วันนี้เป็นวันแสดงธรรมประจำเดือนกุมภาพันธ์ เดือนแห่งความรัก....
อาม่า วันนี้พูดเพราะเป็นพิเศษ .....และคุณมนัส ตั้งสุข ผู้ดำเนินรายการ
เอ้า เชิญ
คุณมนัส.....เห็นว่า วันนี้ ท่านมีภาระกิจ ไปงานศพพระราชทานเพลิง.....
หลวงปู่......ไม่ทันแล้ว เวลาจวนเจียน เราเผาในใจ สมเด็จฯ ท่านเสด็จแล้ว
คราวที่แล้ว พูดเรื่องเป็นที่รักของเทวดา หลังจากแสดงธรรมจบ....มีอาคันตุกะมายามวิกาล
นอกจากเป็นที่รักของเทวดาแล้ว.....พระพุทธเจ้าสอนปัจจัตตัง เป็นอกาลิโก ..
....สอนให้พึ่งตัวเองไม่ใช่เหรอ
สอนไปแล้ว ก็เคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่า แต่ละคนแข็งแรงพอ พึ่งตัวเองได้หรือยัง
ก็แน่นอน ก็ต้องอาศัยพึ่งคนอื่น ก็ต้องให้เค้ารัก พึงพอใจ ชอบใจ
อย่างน้อยให้เค้าเกรงอกเกรงใจ
นี่คือการอยู่ร่วมกัน...แต่ก็ยังไม่ละทิ้งคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า
อัตตาหิ อัตโน นาโถ ..แม้ในนิคมชนบท พระองค์ก็ยังชี้ให้เห็นประโยชน์ของเทวดา
ประโยชน์ของอัครสาวก ประโยชน์ของไมตรีจิต
แม้ที่พระองค์ทรงทำไว้ต่อสรรพสัตว์ในอดีตชาติ
ท่านทั้งหลายเหล่านี้ จะอุปถัมภ์ บำรุง ปกป้องเราได้ในเวลาที่เราจำเป็นและต้องการ
ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรือสอนผิด
อย่างที่บอกไป อยากให้เทวดาชอบ ..บริจาคทาน มีหิริ โอตัปปะ กตัญญู รู้คุณ ตอบแทนคุณ...
ถ้าทำได้อย่างนี้ เทวดาชอบ
อยากให้เทวดารัก ต้องรักษาศีล ผู้รักษาศีลเป็นผู้มีกลิ่นตัวหอม เทวดาจะรักใคร่ทะนุถนอม
อยากให้เทวดาบูชา ต้องมีสมาธิ และปัญญา
เหล่านี้เป็นเรื่องให้เทวดาบูชาเรา ไม่ใช่เราบูชาเทวดา
วันนี้จะมาพูดว่า อย่ามัวจ้องให้เทวดาชอบ รัก บูชา
เราต้องรู้จักชอบ พอใจในตัวเราเอง คำที่เราพูดว่า สิ่งที่เราพูด คิด ไม่เสียหาย
สูตรที่เราคิด ต้องทำความรู้สึกไม่ใช่ทำผิดบาป
ตรงกันข้าม เป็นเรื่องบุญกุศล ให้บุคคลรอบข้างกับเรา อยู่กันได้ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ขณะเดียวกัน คำที่พูด สูตรที่คิด พึ่งพาอาศัยได้ทั้งในปัจจุบัน อดีต และอนาคต
ปัจจุบันที่มีอยู่ในชั่วโมงนี้ เดือนนี้ สัปดาห์นี้ วันนี้
ส่วนอนาคต คือ ปีหน้า เดือนหน้า ชาติหน้าก็พึ่งได้
อดีต คือ เมื่อวานนี้ ....แม้ที่สุดชาติภพที่ผ่านมา เราก็พึ่งพาอาศัยได้
ที่พระพุทธเจ้าสอนว่ามี บุพเพกตปุญญตา บุคคลที่ทำดี
แม้แต่กาลก่อน อาศัยพึ่งบุญในปัจจุบันได้
ทั้งหลายทั้งปวง คือคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ที่หลวงปู่สอน ไม่ได้สอนผิดธรรม ผิดวินัย ลูก
ตรงกันข้าม สอนถูก ตรงต่อพุทธพจน์
เพราะมนุษย์อยู่คนเดียวไม่ได้ในโลก ต้องมีญาติมิตร สังคม
ทำตัวน่ารังเกียจต่อสังคม ก็เหมือนหนอนขี้
ไม่มีใครอยากคบหาสมาคม เป็นที่รังเกียจของสังคม
ทำตัวเป็นที่รักของเทวดา เทวดา มี 2 ประเภท
สมมุติเทพ อย่างพวกเราๆ ท่านๆ เมื่อเรามี หิริ โอตัปปะ มีความกตัญญู
เรากลายเป็นที่เรียกว่า มนุษย์เทโว
อุบัติเทพ หลุดพ้นจากภพมนุษย์ ไปเป็นเทวดา อยู่ในภพภูมิอันเหมาะสม
เพราะฉะนั้น หลวงปู่สอน ไม่ผิดธรรม ผิดวินัย
เจริญธรรม
ร้อนไม๊ อบอ้าว ชั้นไปอยู่ทองผาภูมิมา 40-42 องศา หัวแทบระเบิด ต้องเอาผ้าชุบน้ำมาพัน
จริงๆ ไปเก็บสมุนไพร ไปขุดลอกคลอง อ่างเก็บน้ำให้ชาวบ้านใช้น้ำ
ปุจฉา ขอให้หลวงปู่อธิบายการสวดมนต์แบบพระปริตร เค้าว่าผู้ป่วยจะผ่อนคลาย.....
วิสัชนา มนต์พระปริตรมีตั้งหลายบท บทป้องกันภัย มีหลายบท
7 ตำนาน 12 ตำนาน จะเอาบทไหน
ส่วนใหญ่คนป่วยจะสวดบท โพชฌงค์
ขับไล่ภูตผีปีศาจ เทวดาอันธพาล ปกป้องภัยพิบัติจากสิ่งที่ตามองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ ก็สวดอาฏานาฏิยปริตร
ส่วนสำคัญ ต้องสวดด้วยหัวใจ ใจกับมนต์รวมกัน ไม่ใช่ปากสวด ตาเลื่อนลอย
อย่างนี้ให้สวดให้ตาย ก็ไม่ได้อะไร
เมื่อคืน ชั้นยังฝันสวดมนต์ยันเช้า ...สัพเพ พุทธา พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพะลัง
อะระหันตานัญ จะ เตเชนะ รักขัง พันธามิ สัพพะโส สวดอย่างนี้ยันเช้า นี่ยังสวด
เอ้ นี่เราไปไหน ยืน เดิน นั่ง สวดมนต์ เมื่อคืนกูไปทำอะไร
แต่มีอาคุนตุกะมาเยอะมาก ไม่อยากเล่า เล่าเดี๋ยวจะหาว่าเป็นอรหันต์
คุณมนัส ผมรู้ ท่านอยากเล่า ...สักหน่อย
หลวงปู่ ไม่เอา เดี๋ยวหาว่าเป็นอรหันต์หลุยส์
คุณมนัส เดี๋ยวผมจะกล่อมท่านเอง จะจัดให้
ปุจฉา เวลาเดินปฏิบัติธรรม ทำไมมีเหงื่อออกจากฝ่ามือ
วิสัชนา ต้องถามว่า เดินปฏิบัติแบบไหน ถ้าเดินปราณโอสถ เป็นเรื่องธรรมชาติ
เพราะว่า คนมีกายรวมใจ ...ขับของเสียออกมาจากกายได้ง่าย รวดเร็ว
มีประสิทธิภาพ ถือเป็นธรรมชาติ
........แต่ถ้าเดินไป เยี่ยวไป ไม่ดีนะ นั่นผิดธรรมชาติ
ปุจฉา บางครั้ง หลวงปู่สอนให้สวดมนต์แบบช้า บางครั้งแบบเร็ว ให้ผลต่างกันอย่างไร
วิสัชนา การเจริญมนต์ช้าๆ ทีละตัว ทำให้ทรงสติได้ง่าย
ยิ่งสวดมนต์ถอยหลัง ยิ่งพลาดไม่ได้
ถ้าพลาด ไม่มีสติ สวดไม่ได้
สวดมนต์ช้า ให้ฝึกให้สติตั้งมั่น
สวดเร็ว ให้ใช้ในชีวิตประจำวันให้ได้ เอามาใช้ในชีวิตประจำวัน
........ขืนเดินอย่างนกกระยาง รถ 10 ล้อ เอาไปกิน
ช้า เพื่อฝึกให้สติตั้งมั่น
เร็ว เพื่อเอาสติมาใช้ให้เป็นประโยชน์ บูรณาการกับชีวิตให้ได้
แต่ต้องเป็นช้า เร็ว ที่ยืนอยู่บนความถูกต้อง ไม่บกพร่อง เสียหาย และไม่ผิดพลาด
ต้องมีสติตั้งมั่น ไม่ว่าช้า หรือเร็ว
ปุจฉา ปราณทิพย์ คืออะไร แล้วต้องปฏิบัติอย่างไร
วิสัชนา มันต้องฝึก อย่าใช้คำว่า มาฟังคำอธิบาย
เคยสอนไปหรือเปล่า
ครั้งหนึ่ง สองครั้ง เพราะฉะนั้น ต้องฝึก เป็นสัมผัสพิเศษที่มันละเอียด
ทิพย์ ก็บอกแล้ว อำนาจที่สัมผัสถึงพลังอันพิเศษ จับต้องไม่ได้ด้วยตา มือ
แต่สัมผัสได้ทางพลังจิต ละเอียดอ่อน
จับต้องไม่ได้ด้วยมือ ดูไม่ได้ด้วยตา แต่รู้ได้ด้วยใจ
ปราณโอสถ ปราณสุริยะ จับต้องได้ทางกายไม๊ ได้
ปราณทิพย์ จับต้องได้ทางใจเท่านั้น
ปุจฉา เป็นคำถามจากแม่ค้า ..เมื่อก่อนชอบพูดมาก พูดเกินความจริง
แต่หลังจากมาเจอหลวงปู่ มาฟังธรรม รับศีล 5 จากหลวงปู่
กลับไป ไม่พูด หยุดพูด แล้วอย่างนี้ แผงข้างๆ หาว่า แม่ค้าหยิ่งหรือเปล่า
มันแปลกๆ ตอนนี้ ต้องคอยระวังตัวมากขึ้น กลัวบาป ทำยังไงดี
วิสัชนา นั่นเป็นการเริ่มมีสติมากขึ้น รู้จักไตร่ตรอง ใคร่ครวญว่า อะไรควรพูด ไม่ควรพูด
ปกติพูดไม่มีหูรูด นินทาคนนั้น คนนี้
คิดก่อนพูด เป็นเรื่องดี ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ไม่ต้องไปเครียด
พูดแล้วคิด นั่นอัปรีย์ ถ้าเสียหาย ใครๆ ตำหนิว่าเราได้
พูดน้อยลง ทำมากขึ้น เห็นประโยชน์ เห็นโทษมากขึ้น
เลือกสรรสิ่งมีประโยชน์มากขึ้น เป็นพัฒนาการทางจิต น่าจะดีใจด้วยซ้ำ
ชั้นก็ไม่ค่อยพูดนะ คุณ วันๆ
คุณมนัส ท่านไม่พูด ท่านด่า ..ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม
หลวงปู่ ชั้นไม่เคยด่าคุณนะ
คุณมนัส อย่านะครับ ผมจะเฮงตลอดปี
หลวงปู่ ชั้นก็ไม่ค่อยพูด ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่เห็นประโยชน์
นี่เอาพระที่หล่อวันแม่ไปนั่งติด ไม่ใช่พลอย เอาชามสังคโลกติด
เจียรจนตาเคือง มันเข้าลูกตา กว่าจะได้แต่ละเม็ด จะทำให้เสร็จก่อนย่ากลับจากพม่า
ทำเสร็จแล้วจะเอาไปให้ย่าดู กว่าจะติดได้แต่ละเม็ด
คนเค้ามาไหว้ ..เอา คุยไป ....
ท่านทำด้วย ฟังด้วยได้เหรอ
หูกูไม่ได้ทำอะไร มึงอยากพูดอะไร ก็พูดไป
ไม่อยากพูด ไม่พูดแล้ว ท่านไม่อยากคุยด้วย
ดี กูอยากทำงาน
จะให้ทำไง เรามีความสุขกับการทำงาน
เออ ตัวใครตัวมัน
ชั้นเป็นคนไม่ค่อยรับแขก ไม่ใช่พระกะหรี่
พูดถูกหรือเปล่า
คุณมนัส เซ็นเซอร์นะ ทีมงาน
หลวงปู่ ไปเซ็นต์ทำไม เรื่องจริง พวกนั่งรับแขก วันๆ ทำอะไรบ้าง ดีอะไร
ดูหมอชาวบ้าน เอาแต่เรื่องชาวบ้านมาใส่หัว.....อยู่ๆ นมโตเอาๆ เวลากลัวตาย มาหา
เป็นรองสมเด็จฯ ท่าน ผมจะตายไม๊..................
อยากรับแขก มาเป็นพระทำไม ไปเป็นกะหรี่ก็หมดเรื่อง เรื่องจริง
เป็นพระ มีวิธีสอน เป็นตัวอย่างที่ดี ทำอะไรก็ให้มันตรงไปตรงมา
....เคยคิดจะทำที ลำบากใจ....
ไม่ต้องกลัวให้ใครรัก เพราะไม่ได้อยู่ให้ใครรัก
อยู่เพราะรักตัวเองได้ แค่ไหว้ตัวเองได้ บูชาตัวเองได้ ก็ภูมิใจแล้ว
ทุกวันนี้ บางคนไหว้ตัวเองไม่ลงนะ ไม่เคยทำประโยชน์ต่อแผ่นดิน
คุณได้ยินข่าวไม๊ ชั้นเริ่มซ่องสุมผู้คน ผบ. มา 4 คน จะเริ่มก่อการปฏิวัติ
คุณมนัส ผบ.มาซ่องสุม ที่นี่เป็น safe house
หลวงปู่ คนเราคิดไปได้เยอะแยะมากมาย ขอให้คิดให้ตรงใจกับตัวเองแล้วกัน
คุณมนัส ท่านเป็นอะไรดีครับ ผบ. เค้าเรียก นิติเรด
หลวงปู่ ชั้นก็เป็นชั้น เป็นแค่นี้ ก็แย่อยู่แล้ว ก็ เป็นกับตาย
ปุจฉา รายนี้ อยากพูด แต่พูดไม่ได้ มีปัญหา
เป็นเจ้าของห้องเช่า 7-8 ห้อง มีห้องหนึ่ง เลี้ยงหมาของตัวเอง หมาจรจัด
ให้อาหาร แต่ไม่รักษาความสะอาด ตกดึกหมาส่งเสียงดัง
ปล่อยหนี้เงินกู้ด้วย วันๆ ก็จะมีคนแปลกหน้ามาเดินบริเวณบ้านเช่า คนอื่นก็กลัว จะปลอดภัยไม๊
บอกให้ช่วยย้ายออกไปได้ไม๊ บอก ไม่รู้จะไปอยู่ไหน
สุดท้ายอึดอัด ไม่รู้จะพูดอย่างไรให้เค้าออกไป
หลวงปู่ คนโง่ เจ้าของบ้าน โง่แล้วไม่มีอำนาจ ไปกลัวแล้วไม่เห็นใจคนอีก 7-8 ห้อง
ที่เค้าลำบาก ทำไม่ถูกกาละเทศะ เค้าไม่เรียกเมตตา
เค้าเรียกซื่อบื้อ โง่ มีอำนาจ ไม่ใช้อำนาจ ไม่มีความรับผิดชอบต่อลูกบ้าน
เราจะบอกว่า เมตตาคนเลี้ยงหมา แล้วอีก 7-8 บ้าน
ในฐานะเจ้าของบ้าน ต้องบริหารลูกบ้าน ให้ถูกกับความต้องการ
ให้ความปลอดภัย ให้ความมั่นใจกับลูกบ้าน
คุณทำได้ แต่อย่าสร้างปัญหาให้คนรอบข้าง
หมาขี้ ก็ต้องเก็บ ขยะรก ต้องเก็บ หาวิธีบริหารจัดการ
สังคมต้องอยู่ร่วมกัน ไม่ใช่ตัวเองอยู่รอด คนอื่นไม่รอด ไม่ถูก
มีอำนาจ ใช้อำนาจไม่เป็น เค้าเรียกว่า คนโง่เชลา
ใช้ความเกรงใจบนพื้นฐานความกลัวและโง่เขลา
บอกเค้าว่า เค้าไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกกับหมาเท่านั้น แต่มีสังคมรอบข้าง
ควรให้โอกาสคนรอบข้างอยู่กับเค้าให้ได้ ให้เค้าคิดให้เป็น
ถ้าพูดไม่ได้ ก็เช็ดขี้หมาไปแล้วกัน
ปุจฉา วัตถุมงคลที่ปลุกเสกโดยท่านหลวงปู่พุทธะอิสระ
หลวงปู่ มันเป็นไงหรือ โยม มันแพงหรือไง โยม
คุณมนัส น้องสาวห้อยพระปรอท ไปหาหมอ วัดความดัน ตรวจสุขภาพ
วัดความดัน 3 ครั้ง ไม่มีผลอะไร ถอดพระออก วัดใหม่ ความดันปกติ
อย่างนี้ เป็นปฏิกิริยาของพระปรอทหรือไม่
หลวงปู่ พูดเป็นภาษาชาวบ้าน แล้วกูจะรู้ไม๊เนี่ย
ชั้นก็ไม่เคยพกพระ
คุณมนัส ก็ท่านเป็นพระ
หลวงปู่ ชั้นก็เลยไม่รู้เป็นไง ที่จริงปรอท มันเป็นได้สารพัดนึกได้
เป็นยา เป็นอาวุธ ของวิเศษตามที่ใจปรารถนา
ปรอท เป็นอาวุธของคนธรรพ์ ฤษี
ปรอท เป็นยาของรากษส
แต่คนใช้ต้องมีศีล มีคุณธรรมในระดับหนึ่งที่สามารถควบคุมมันได้
ปรอทชอบอยู่กับคนมีสติปัญญา
อยากบอกว่า เครื่องเสียหรือเปล่า เดี๋ยวก็ปั่นราคา กูก็ได้ 8,000
มันเป็นอานุภาพของจิตเราด้วยหรือเปล่า
อย่าคิดว่า เป็นอานุภาพของพระอย่างเดียว
แต่เค้าก็มีประสบการณ์เยอะแยะ ทางใครทางมัน
ปุจฉา ป่วยเป็นมะเร็ง ไปหาหมอนวด นวดกระดูกสะโพกหักมาที่เอว
อยู่โรงพยาบาล พรุ่งนี้จะต้องผ่าตัด ขอพรจากหลวงปู่ช่วยด้วย
นอกจากเป็นมะเร็งปอดแล้วยังติดเชื้อ HIV จากสามีที่ตายไปแล้ว
กลัวว่า พรุ่งนี้จะไม่รอด
วิสัชนา ที่จริง HIV มีคนกินยาที่วัด 2-3 ปี ก็ยังอยู่ปกติ
หลวงปู่ทำยาต้านไวรัส อยู่ได้ โรคไม่กำเริบ
ตอนนี้ รักษาเร่งด่วน คือ กระดูก ขึ้นอยู่กับหมอ อายุมากแล้ว เชื่อมยาก แต่ก็ทำได้
ก็เป็นอุทธาหรณ์ว่า คนจะไปนวด ต้องดูว่า สุขภาพตัวเองทนได้ไม๊ ทำส่งเดช
แล้วหมอนวดรับผิดชอบไม๊
หนีไปแล้ว
ปุจฉา เมืองลับแลมีจริงไม๊ ทำอย่างไรถึงจะไปได้
วิสัชนา ไม่เห็นต้องทำอะไรมาก นั่งรถไปลงอุตรดิตถ์ ไปลับแล
มีตังค์หรือเปล่า เดี๋ยวจ่ายตังค์ให้ นั่งรถไปลงอุตรดิตถ์ จบ
ปุจฉา คนถูกทำคุณไสย คนทำเอาดวง รูปไปทำ มีวิธีแก้อย่างไร
วิสัชนา ไม่เห็นยาก ไปผูกตรงไหน ก็ไปแก้ตรงนั้น
ส่วนใหญ่จะแหกตา เดี๋ยวนี้จะมีเหรอ
ที่มีจริงๆ หาไม่ค่อยเจอ กูท้านะ หมอคนไหนเชี่ยวชาญ ให้เจอกับกูหน่อยเถอะน่า
ออกโทรทัศน์เลย จะได้รู้ว่า ไผเป็นไผ
คุณมนัส ของขึ้น...
หลวงปู่ มันขี้เกียจตอบปัญหา มึงแหกตากันเยอะมากแล้ว
โดนของ... เออ ผลปรากฏมันโดนของชอบ
อ้ายคนที่เค้ามีจริง เค้าไม่ทำซี้ซั้ว ส่งเดช หรอกนะ เค้าจะทำเฉพาะที่จำเป็น
ส่วนใหญ่ ไม่จริง แหกตา
สมัยก่อนอยู่ถ้ำ ลูกศิษย์ฤษีทำใจ.... ไม่อยากเล่า เรื่องยาว
ยังไม่เคยเห็นของจริง ส่วนใหญ่ แหกตา
ไปหาพระปรอท ไม่มี ก็ไปเอากริช...
ปุจฉา เวลาใกล้ตาย จิตเราใกล้จะดับ ควรจะตั้งจิตไว้ที่ไหน
วิสัชนา จิตจะไปอยู่กับกรรม กับวิบาก จิตคนใกล้ตาย
เค้าถึงบอกว่า พยายามสร้างวิบากที่เป็นกุศล เรียกว่า กุศลวิบาก
เมื่อไหร่ มีอกุศลวิบาก จิตไหลลงต่ำ
ต้องพยายามประคองจิต อย่าให้ไหลลงต่ำ
ทำยังไง
คือ มีที่อยู่ ที่อาศัยของจิต
อยู่ในสุญญตา
อยู่ในองค์ฌานสมาบัติ
อยู่ในขณิกะฯ อยู่ในปฐมฌาน ทุติฯ ตติฯ ฌาน
หรือไม่ก็ อยู่ในบุญ กุศล คุณงามความดี เพื่อไม่ให้จิตลงไปในอกุศล
เพราะจิตของคนใกล้ตาย จะยึดติดอยู่กับวิบากที่เป็นกุศล วิบากที่เป็นอกุศล
ไปตามร่อง สำคัญว่า เราขุดร่องไหนลึกกว่า
ถ้าร่องดีลึกกว่า ก็ไปร่องดี
การทำบุญ สั่งสมคุณงามความดี เป็นการขุดร่องในทางดี
เป็นการขุดร่อง เพื่อสร้างวิบากที่เป็นกุศลที่ชอบ ไม่ใช่ที่ชัง
ปุจฉา เราสะสมบุญบาปที่ไหน จิตเดิม คืออะไร
วิสัชนา สัญญาจิตไง จิตมีหน้าที่ รับอารมณ์ จำอารมณ์ คิดอารมณ์ รู้อารมณ์
วิบากมันอยู่กับอะไร อยู่กับตัวจำ
ตัวจำมีจำกัดไม๊
ไม่มีจำกัด จำได้ทั้งอนันตจักรวาล หมื่นจักรวาล มันจำได้หมด
ไม่ใช่แค่ข้ามภพข้ามชาติ
แต่ที่เราจำไม่ได้ เพราะเราไม่มีสติ ไม่สามารถดึงเอาข้อมูล เหมือนคอมพิวเตอร์
ไม่รู้เอาตัวไหนออกมา
ภวังคจิต เป็นส่วนหนึ่งของจิต ไม่ใช่ความจำ
ชั้นถือว่าเป็นวิปลาสแห่งจิต
ภวังคจิต ดี ก็ไม่ใช่ เลว ก็ไม่ใช่ เฉย ก็ไม่ใช่
จิตตกภวังค์ เหมือนหลุมดำ ว่าง ก็ไม่ใช่ ตื้อๆ มองไม่เห็น ดำๆ
ไม่ใช่ความว่าง ความว่างต้องไม่มีอารมณ์ปรากฏ
ภวังค์จิต ไม่ใช่เป็นเรื่องดี
แต่สำหรับคนเล่นฌาน ถือว่า เป็นพัฒนาการทางจิต
สูงกว่าสามัญจิต เป็นจิตที่มีผลต่อเนื่องไปถึงองค์ฌาน
สั่งสมบุญคุณงามความดีไว้ที่ไหน ...บารมี 10 ทัศ เก็บไว้ที่สัญญาจิต
ปุจฉา ซีดีเดินป๊อก
คุณมนัส อะไรครับ ซีดีเดินป๊อก
หลวงปู่ ก็ซีดีปฏิบัติธรรม
คุณมนัส หัดเดินที่บ้าน ...ถ้าชอบ แสดงว่า ของเก่าตามมา หมายความว่าอย่างไร
วิสัชนา เขาฝึกปราณโอสถ ตามเพลงจังหวะ ถ้าเราชอบ แสดงว่า ของเก่าตามมา
เรื่องบางเรื่อง แม้ทำให้ตาย ไม่ชอบ เพราะไม่เคยทำมา
เหมือนพระสารีบุตรสอนนายช่างทองตลอดพรรษายังไม่ได้ เอาไปฝากพระพุทธเจ้า
พระองค์ก็ทรงเนรมิตรดอกบัวทองคำ ปางนี้ล่ะ ปางเนรมิตรดอกบัวทองคำ
(พระประทานที่อยู่ในศาลาปฏิบัติธรรม)
ดอกบัวจากทองคำเหลืองอร่าม....เป็นมัวหมอง...บรรลุอรหันต์พร้อม....
อยู่ที่ว่า คนๆ นี้ เคยสั่งสมอบรมบารมีธรรมกับใครมา
ไม่ใช่เรื่องแปลก มันก็ตามมากันได้
ปุจฉา รักษาความดันสูง เบาหวาน กินยาหลวงปู่ อยากถอนฟัน ทำได้หรือไม่
วิสัชนา ที่จริงเก็บไว้บ้าง จะไปถอนทำไม มันมียารักษาได้ ยกเว้นเป็นรำมะนาด
ติดเชื้อในรากฟัน แค่โยกโคลน เอายาสีฟันจิ้มที่มือ สีๆ ทิ้งไว้ 5-10 นาที
ทำให้รากฟันกระชับขึ้น แน่นขึ้น แก้อาการปวด เสียวฟันได้
ถ้าจำเป็นต้องถอน ก็ต้องให้น้ำตาลลดหน่อย
เบาหวาน แผลปิดยาก อย่าให้แผลเปิด รักษาลำบาก
ยิ่งในช่องปาก เจอเชื้อโรคจากอาหาร ยิ่งรักษายาก
ปุจฉา ปราณโอสถ มีลักษณะร้อน แล้วปราณเย็น เรียกอะไร
วิสัชนา ปราณโอสถเย็น ปราณร้อน ปราณเย็น มาจากธาตุเจ้าเรือน
ธาตุไฟเป็นเจ้าเรือน เกิดปราณร้อน
ธาตุน้ำเป็นเจ้าเรือน เกิดปราณาเย็น
ปุจฉา การช่วยล้างป่าช้า ได้บุญอย่างไร
วิสัชนา เป็นสาธารณะกุศล เป็นสาธารณะประโยชน์
ไม่ต่างอะไรกับช่วยน้ำท่วม ไฟไหม้ เก็บขยะ ล้างส้วม
บุญไม่ต่างกัน ต่างกันตรงเหม็นกับไม่เหม็น
พัฒนาการทางจิตสูงขึ้น ถ้าไม่รังเกียจ บุญจะสำเร็จมากขึ้น
ปัญหาว่า คนทำได้อะไรจากสิ่งที่ทำหรือเปล่า
ถ้าได้ ก็ได้มาก
ปุจฉา ตอนนี้ มีลูกในครรภ์ แม่ฟังธรรม ลูกที่อยู่ในครรภ์ เวลาคลอดออกมาแล้ว
เค้าจะจดจำวิชาที่แม่ฟังได้หรือไม่
วิสัชนา .........เค้ารับรู้นะ เราพูดถึงอารมณ์และความรู้สึกที่เด็กพึงจะได้จากแม่
อารมณ์แจ่มใส เป็นวิบากที่แจ่มใส
เด็กจะได้อารมณ์ ได้นิสัย แต่ถามว่า สรรพวิทยาที่เด็กจะจำได้
มันเป็นไปไม่ได้ มันจะสืบต่อเนื่องเมื่อเด็กออกมาแล้ว
แต่เราพูดถึงอารมณ์ เป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับเด็ก
ไม่งั้น โตขึ้นจะก้าวร้าว มุทะลุ ดุดัน ไร้เหตุผล และจะเป็นคนอกตัญญู
อารมณ์จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่า เด็กจะสื่ออารมณ์นั้นไปเป็นของตัวเอง
เค้าทำวิจัยแล้ว เวลาแม่โกรธกริ้ว เด็กจะถีบในท้อง
อีกคน แม่เบิกบาน จิตใจแจ่มใส มีเหตุมีผล อารมณ์ดี เด็กจะว่าง่าย สอนง่าย นอนนิ่งสงบ
และนำไปมีพัฒนาการทางสมองดีด้วย
จะเห็นว่า เด็กอารมณ์แจ่มใส จะมีความคิดก้าวไกล จะมีขั้นตอน รู้อะไรก่อน อะไรหลัง
อารมณ์เป็นประสบการณ์ยิ่งใหญ่ที่แม่ต้องให้ลูก
ให้ลูกจำทุกอย่างจากในท้อง นั่นเข้าใจผิดแล้ว
แล้วอย่าไปกินนะ ยาดอง ยาหมัก เหล้า เบียร์ บุหรี่
ทำให้พัฒนาการสมองเด็กฝ่อ พัฒนาการเชื่องช้า
เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเครื่องอยู่
พ่อแม่มีกรรมอย่างไร ลูกก็จะมีกรรมอย่างนั้น
พ่อแม่ก็เป็นกรรมของลูกอย่างหนึ่ง
ถ้าไม่มีกรรมต่อเนื่อง เค้าก็ไม่มาเกิดเป็นลูกเรา
เราสร้างกรรมให้กับลูกในท้องได้
ใครจะท้อง ก็ต้องตั้งอารมณ์ให้เหมาะสม
ปุจฉา ให้หลวงปู่ฝากข้อคิดในวันแห่งความรัก
วิสัชนา ที่จริง ชั้นไม่รู้ ทำไมต้องรักเฉพาะวัน เป็นวันๆ
ที่จริงต้องรักได้ทุกวัน ทั้งปี ....อารมณ์เป็นเครื่องกำหนดให้มนุษย์อยู่
ได้ดีมีชอบ ได้ดีมีเสีย มั่งมีความสุข สมบูรณ์
ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสียหายที่จะสร้างความรัก
แต่เราชอบแปลความรักเป็นเรื่องระหว่างผัวกับเมีย
เรามาคิดให้ความรัก ทำไมคนชอบคิดแต่ความรักผัวเมีย
พระเจ้าต้องรักคนทั้งโลก ไม่ใช่แค่คน 2 คน
อย่าแปลความรักให้ได้แค่คน 2 คน ให้ได้คนได้ทั้งโลก ได้ทั่วโลก ทั่วแผ่นดิน
เจริญธรรม
หลวงปู่ เค้าจะปฏิวัติเมื่อไหร่
คุณมนัส ผมซ้อมอ่านแล้ว
หลวงปู่ เค้าจะมีจริงๆ เหรอ
คุณมนัส ไม่มี เค้าถึงบอกว่า ปลุกระดมเค้าอยู่เรื่อย
หลวงปู่ บ้านเมืองจะฝืดเคืองมากขึ้น อยู่ในช่วงเงินฝืด เพราะว่า เงินหายาก
ใช้อะไรก็ระมัดระวัง
อ้ายที่ฝันๆ ว่า มัน จาก 3 บาท เหลือบาทกว่า
ข้าวจะจำนำได้หมื่นห้า ก็เป็นข้าวเขมร คนที่มีข้าวจำนำ คือ ข้าวเขมร ข้าวพม่า
คนที่ได้ คือ นักการเมือง ข้าราขการอยู่ชายแดน แล้วก็พ่อค้า รวมหัวกับโรงสี
เงินควรจะกระจายตามหัวไร่ปลายนา ก็กระจุกอยู่กับผู้ลงทุน โรงสี เถ้าแก่ นักการเมือง
หัวคะแนน ขึ้นอยู่กับนักการเมือง พรรคไหน ผลัดกันรวย
คนไทยก็ยังเขาขึ้นอยู่เป็นปกติ เข็ดไม๊ สะใจไม๊
ก็ไม่เข็ด ไม่สะใจ ก็เลือกกันเข้ามา
บ้านน้ำท่วม ยังไม่ได้ตังค์เลย รัฐบาลเอาเงินไปฉลองแล้ว
ไม่รู้จะเอากับใคร ไม่รู้จะเอาที่ใคร แต่เค้าฉลองกันแล้ว
ถ้ามองอย่างยุติธรรม ก็ให้โอกาสเค้าทำงาน
แต่ที่รู้ๆ เวลานี้ ตามหัวไร่ปลายนา ชาวบ้านจนลง ไม่ใช่รวยขึ้น
รายจ่ายมันไม่หยุด แต่รายได้คงที่ หรือไม่ก็น้อยลง ปัญหาสังคมเลยมีไม่จบ
ถ้ารัฐบาลจะช่วย รายจ่ายต้องหยุด รายได้ต้องเพิ่ม ของต้องซื้อได้ในราคาถูก
....ยุโรปก็เจ๊งเป็นแถวๆ หนาวตายเป็นร้อย ลูกค้าก็หด
ทีนี้ ก็ย้ายไปพม่า เขมร พม่าค่าแรง 90 บาท เขมร 70, 50 บาท
มัน เขมรถึงได้ถูกๆ เดี๋ยวนี้
หมู แทบไม่อยากเลี้ยง เขียงหมูขายหมูไม่ได้ โรงหมูก็ฆ่าหมูไม่ได้
ก็เป็นผลดี หมูอายุก็เลยยาวขึ้น อยู่นานขึ้น
คุณต้องรู้สถานการณ์ว่า จะอยู่อย่างไร
นี่จะเปิดเทอมแล้ว จะเอาเงินที่ไหน..ให้โรงเรียนเก็บแป๊ะเจี๊ยะแล้ว
คนไม่มี...ก็จมอยู่ตามโรงเรียนวัด
ปัญหาสังคมจะตามมามากมาย
นี่ได้ยินข่าวว่า กรมการค้าข้าวโลกฟ้องศาลโลกว่า รัฐบาลไทยขายข้าวแพง
ที่แน่ๆ คือ มันจะลำบากขึ้น พวกคุณต้องพยายาม
พกพระปรอทเข้าไว้ มันจะได้ไวแบบพระปรอท
ปุจฉา อย่างไรจึงจะเรียกว่า ความว่าง
วิสัชนา ความว่าง ไม่มีการเรียกขาน คนที่อยู่กับความว่าง มัจจุราชจะไม่เห็น
แต่ไม่ใช่คนๆ นั้น จะไม่ตาย แต่ความตายในที่นี้ คือ กลัว สะดุ้งต่อความตาย
เมื่อเราอยู่ในความว่าง จะก้าวล่วงไปไม่ได้
ว่างระดับไหน ว่างจนไม่มีขีดจำกัด ไม่มีสมมุติบัญญัติ ไม่มีว่า อะไร เป็นใคร
ไม่มีตัวตน ไม่มีเจ็บกระดูก ทุกอย่างมันว่างไปหมด
คือว่า เป็นความว่างที่เข้าไปอาศัยได้ ปลอดภัยได้
นิ่ง นี่ไม่เรียกว่า ความว่าง
เอกัคคตา คือมีอารมณ์หนึ่งเดียว อารมณ์เดียว อารมณ์หนึ่ง เช่น มีพุทโธในใจ
อุเบกขารมณ์ คือ วางเฉย พออยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งแล้วเฉย
ว่าง พัฒนาจากเฉย พิจารณาเห็นชัดตามความเป็นจริง สรรพสิ่งมันเป็นความว่าง
ถ้าคนนอนอยู่เฉยๆ นั่น หลังยาว ขี้เกียจตัวเป็นขน ไม่ใช่อุเบกขา
อย่ามาปนกัน แต่ละอารมณ์ แต่ละสภาวะธรรม
มีใครถามอะไรอีกไม๊
ให้ทุกท่านสติตั้งมั่น.....เป็นที่พึ่งตนและคนรอบข้างได้ เจริญธรรม
14.35 น.
ไปพักแล้วเดี๋ยวมาปฏิบัติธรรม
พร้อม ใครไม่เคย ยกมือขึ้น รุ่นพี่เข้าไปแนะนำ
เริ่ม
ขั้นที่ 1
ฝึกที่จะมีเอกัคคตารมณ์ คือ มีอารมณ์เดียว แล้วจะพัฒนาไปเป็นอุเบกขารมณ์
แต่ถ้ายังมีหลายอารมณ์ พัฒนายาก หรืออาจจะพัฒนาไม่ได้
เหมือนลิงหลายตัว ฝึกไม่ได้ แต่ลิงตัวเดียว ฝึกได้
อารมณ์ มีอารมณ์เดียว คือเดินตามจังหวะ
อย่างนี้ เรียกว่า มีเอกัคคตาจนแนบแน่นสนิท จนวางเฉยต่อสิ่งเร้า เครื่องล่อทั้งปวง
ผู้ที่มีเอกัคคตา หรืออารมณ์เดียว อากาศที่ร้อนรอบตัว เราจะไม่ร้อน
รอบกายทุรนทุราย เราก็จะสงบเย็น
เราจะรู้สึกมีความร้อนพลุ่งพล่านออกมา แต่ข้างในเย็น
เอกัคคตา ทำให้เราสงบเย็นระดับหนึ่ง อารมณ์วุ่นวายจะไม่มี
ความเร่าร้อนทางกายจะเกิดขึ้น
แต่ถ้าอารมณ์เป็นหนึ่ง การเผาผลาญจะน้อยลง ความเร่าร้อนจะหยุดหรือน้อยลง
ฝึกที่จะอยู่กับเอกัคคตาให้นานๆ
แล้วก็พัฒนาไปสู่กระบวนการอุเบกขา คือการวางเฉยต่ออารมณ์ชอบ อารมณ์ไม่ชอบ
วางเฉยต่อเวทนาทั้งปวง วางเฉยต่อการปรุงแต่งทั้งสิ้น
วางเฉยเองโดยไม่ต้องแสร้งวาง
....................
ขยับขึ้นขั้นที่ 2
ใครไม่เคย ยกมือขึ้น รุ่นพี่เข้าไปแนะนำ
อย่าเอาแต่ตัวรอด ครอบครัวธรรมอิสระ อย่าเอาแต่ตัวรอด ทุกคนต้องรอด
.........................
เตรียมขยับขึ้นขั้นที่ 3
ใครไม่เคย ยกมือขึ้น รุ่นพี่เข้าไปแนะนำ
เอกัคคตา... ที่ไม่ต้องระมัดระวัง มีรัศมีคลุมภายนอกและภายใน
อารมณ์ไม่เปลี่ยนแปลงจากกรรมฐานที่กำลังทำ
เอกัคคตาที่ต้องระมัดระวัง ยังไม่ถือว่า ทรงฌาน
แต่ถ้าไม่ต้องระมัดระวัง ถือว่า ฌาน
เหมือนน้ำแข็งกลางแดด จะเย็นอยู่ข้างใน จิตจะไม่ทุรนทุราย จะเกิดขึ้นชัดเจน
คำว่า เอกัคคตา คือ อารมณ์เดียว อารมณ์หนึ่ง ไม่มีอารมณ์อื่นเข้ามาร่วม
ไม่ว่าอากาศจะร้อนขนาดไหน ผู้มีอารมณ์เดียว จะไม่รู้สึกร้อน
ยิ่งเดิน ยิ่งเย็น
ไม่ต้องกลั้นลมหายใจ
เดินให้ถูกจังหวะ จิต กาย เดินให้ถูกจังหวะ
...................
ขยับขึ้นขั้นที่ 4
ใครไม่เคย ยกมือขึ้น รุ่นพี่เข้าไปแนะนำ
.....................
หยุดอยู่กับที่ หลับตา
สูดลมหายใจเข้า กว้าง ลึก เต็ม
หายใจออก เบา ยาว หมด ผ่อนคลาย
หายใจเข้าไปใหม่ กว้าง ลึก เต็ม ให้หน้าอกขยาย ปอดเต็ม ลมเต็มปอด
แล้วค่อยๆ ผ่อนออกมายาวๆ ผ่อนคลาย
ทิ้งลมหายใจ ปล่อยลมหายใจเป็นธรรชาติ
สมองว่าง ใจว่าง ไม่มีอารมณ์ปรากฏ
นิ้วไม่กำ แขนไม่เกร็ง ไหล่ไม่ต้องลู่ ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ อย่างผ่อนคลาย
ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ไม่มีอะไรให้แบก ถือ
วางหมดทุกเรื่อง
มีแต่ตัวรู้ แล้ว ว่าง
สมองว่าง ใจว่าง มือว่าง
ว่าง ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
ว่างทุกอย่าง แม้ใจว่าง ทุกอย่าง ทุกส่วนในร่างกายไม่มีอะไรเครียด
......เราจะเมตตาตัวเอง ให้ว่าง อยู่กับความว่างแล้วจะปลอดภัย
มัจจุราชก็ไม่ถึงเรา ความทุกข์จะเบาบาง
ปัญหาทั้งหลายไม่เกิดกับคนที่ว่าง ผู้ที่ว่าง
ว่างจนถึงขั้นไม่มีตัวกู
อ้ายหนู ว่างโว้ย ไม่ใช่หลับ
หูฟังเสียง ก็ไม่ปรุงเป็นอารมณ์
ทุกอย่าง ว่างหมด
ทำความว่างให้เป็นเอกัคคตา คือ อารมณ์เดียวของเรา
ไม่มีอารมณ์อื่นเข้ามาแทรก
เพ่งความว่าง ตรึกในความว่าง
ยืน เดิน นอนในอารมณ์เป็นเอกัคคตา เป็นเครื่องอยู่ เครื่องอาศัยของจิต
กล้ามเนื้อทุกส่วนผ่อนคลาย ไม่มีอะไรเครียด ไม่คิด ไม่วิตก ไม่ตรึก
ไม่คิดถึงอดีต อนาคต ปัจจุบัน ว่างหมด
ค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งด้วยความว่างอย่างทนุถนอม
ยืนตรงไหน นั่งตรงนั้นอย่างผู้ว่าง มีอารมณ์เดียว คือ ความว่าง
เสพความว่างเป็นเครื่องอาศัยของจิต
จิตสุดท้ายของคนใกล้ตาย ถ้าว่างอย่างนี้ ก็เป็นพรหม อรูปพรหม
สูงกว่านั้น ก็คือ ดับและเย็นที่เรียกว่า นิพพาน
เอกัคคตารมณ์ คือ อารมณ์เป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งที่กำลังทำ ไม่ใช่ทำอย่าง คิดอย่าง
คนที่เข้าถึงเอกัคคตารมณ์ เราจะเย็นสบาย
ทุกส่วนในร่างกาย ไม่มีปัญหา ผ่อนคลาย เลือดลมเดินสะดวก และเบาสบาย
พระพุทธเจ้าจึงทรงตรัสว่า ผู้มีสติในกาย กายนี้ไม่ลำบาก
ผู้มีสติในวาจา วาจาไม่ลำบาก
ผู้มีสติในใจ ใจนี้ก็ไม่ลำบากเลย
อยู่กับความว่าง เสพความว่าง
มีอารมณ์เป็นความว่าง
ว่าง คือเรา เรา คือว่าง
ไม่มีอะไรมาอยู่กับเรา
ไม่ต้องเพ่ง ไม่มีตรึก ไม่มีคิด ไม่มีวิเคราะห์
มีแต่ความว่าง ว่างแล้วเบา
สูดลมหายใจเข้า ภาวนาว่า สัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข
หายใจออก ภาวนาว่า สัตว์ทั้งปวงจงพ้นทุกข์
............................
ชักเริ่มไม่ค่อยจะว่างกันแล้ว
...........
ว่าในใจตาม
ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ เพื่อถวายแด่ดวงวิญญาณของสมเด็จพระมหาธีราจารย์
อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง อดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม
ขอจงไปสู่สุขคติ จงรุ่งเรืองในทิพยสมบัติ ขอจงได้ในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ
สิ้นกาลนานเทอญ
ยกมือไหว้พระกรรมฐาน
15.45 น.
ไปเผาไม่ได้ ก็ใช้วิธีนี้ ดีกว่าไปเผา
ไปเร็วกว่าไปเผาอีก ติดจรวดไปเลย
หลวงปู่ไปเผา ก็ได้แค่จุดไฟ แต่สอนกรรมฐานพวกมึง ก็ได้มากหลาย
มีคุณต่อผู้วายชนม์อีก
กูไม่อยากได้หน้า ไป ก็ได้หน้า กูคิดแผลง คิดแปลก
มีคนโทรฯ มา พระราชินีเสด็จไม่ใช่เหรอ ไปเหอะ
กูคิดแล้ว
ยิ่งทำดีเพื่อท่านมากขึ้น
เมื่อเช้าเห็นอ้ายหมู
ว่างไม๊เนี่ย
สาธยายคุณวิเศษ วิชาจับปรอท
ที่จริง กูสารภาพกับพวกมึง กูไม่ได้เรียนมา กูไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ตำหรับตำราไม่เคยเปิดอ่าน ศึกษา
มันปิ๊งมาเอง ฟลุ๊ก ของเก่าตามมา สั่งสมแต่อดีต
ความรู้แต่อดีต ที่ถูกทาง เป็นกุศล มันติดตามเราได้
เหมือนกัน ความรู้ที่ไม่ถูกต้อง เป็นอกุศล มันก็ติดตามเราได้
เหมือนโจร เป็นโจรหลายร้อยหลายชาติ สอนให้ตาย ก็เป็นโจร
พระพุทธเจ้าจึงจัดเป็นบัวชั้นต่ำ สอนยังไง ก็เป็นโจร
ถ้าความรู้ดี ไม่เป็นภัย ยังไง ก็กลับมาหาเรา
สัญญาจิต รับแล้วมันจะจดบันทึกข้อมูลไว้
เหมือนวันนี้ หลวงปู่จะเน้นเอกัคคตา ชี้ให้ชัดๆ พวกเราชอบสงสัย เอกัคคตา อุเบกขา
เอกัคคตารมณ์ คือ อารมณ์เดียว อารมณ์หนึ่ง และไม่ใช่อารมณ์ฝ่ายอกุศลนะ
เอกัคคตา คืออารมณ์ที่เป็นส่วนกุศล เป็นอารมณ์เดียว เป็นหนึ่ง ไม่มีสอง
พัฒนาไปเป็นอุเบกขา คือการวางเฉย
เหมือนเรากำของไว้นาน แล้ววาง แล้วไม่อยากหยิบอีก
เรียกว่า อุเบกขา เป็นสภาวะธรรม
อุเบกขา เป็นคุณลักษณะของผู้ที่ผ่านเอกัคคตามาแล้ว
ถ้ายังไม่ผ่านเอกัคคตา ทำอุเบกขารมณ์ไม่ได้
กรรมฐานกองใด อยู่กับมันนานๆ ต่างคนต่างเสพ แล้วไม่มีอารมณ์อื่น เรียกว่า เสพฌาน
เอกัคคตาเบื้องต้น ต้องระมัดระวัง และยังไม่ทรงฌาน
เอกัคคตาที่ทรงฌาน เป็นอารมณ์เดียว เป็นหนึ่งโดยสภาวะจิตที่ไม่ฟุ้งออกไปเลย
ถ้าขณะนี้ ข้างนอกร้อน เราจะเย็นสบาย ผ่อนคลาย
เหมือนน้ำแข็งท่ามกลางแดด จะเห็นไอเย็นปรากฏเห็นชัด แล้วไม่ต้องประคอง
ไม่ว่าจะฟ้าผ่า แผ่นดินไหว เราจะไม่สะดุ้งผวา
เราจะมีอารมณ์นั้นเป็นผู้เสพอย่างเดียว ถ้าตายไปในขณะนั้น ก็เป็นรูปพรหม
แต่อย่าไปตายแบบอรหันต์หลุยส์ เกิดเป็นคนชาติเดียว ชาติต่อไป เป็นหมาชัดๆ
คลิปอยู่ไหน เค้ากำลังส่งคลิปมาจากสหรัฐ
กูก็มีคลิปนะ คลิปถอนมัน ลงไปขุด นึกถึงสภาพกู พอดึง ลงนั่งกองมัน
มึงช่วยกูที ถ้ามันถ่าย หมดสภาพเลย
เค้าชวนกูไปพม่า ไม่ไปหรอก
กูเลยบอกคุณสุนันทา ไม่ไป
เอาทองร้อยบาท กูจะไป
ค่าตัวกูแพง
ว่าแล้ว ก็ส่งทองแผ่นมา ยายนี่แสบนัก แล้วคุยโต
เลยไปถอนมัน เดี๋ยวหน้าร้อน มันหายาก ไปหาสมุนไพร
เห็นอ้ายหมูคุยวิธีจับปรอท
ที่จริง หลวงปู่สารภาพว่า ไม่เคยเรียน ของเก่าตามมา
เอาเป็นว่า ถ้ากูจะทำอะไร ต้องทำให้ได้ แล้วมันก็รู้ได้
ความรู้ที่หลวงปู่มี เป็นความรู้จากประสบการณ์ตรง
หมอยาต้องทำอะไรบ้าง คุณสมบัติ :
มีมีดหมอ
มีกริชกันคุณไสย
มีวิชาผสมยา
มีวิชาหมอ
มีวิชาพระเวทย์
มีวิชามนต์ ต้องประกอบด้วย หม้อน้ำมนต์
กูทำครบหรือยัง เหลือ หม้อน้ำมนต์
ถ้าครบสูตร ก็ชื่อว่าเป็นหมอยา ....ที่เป็นตำนานของวัด
วันข้างหน้า ใครจะเป็นหมอยา ต้องทำให้ครบสูตร
วิชาปะสาทพระเวทย์
ยังขาดหอกสัตตโลหะ ต้องไปหาเหล็กที่ได้จากแทงศพ กับ ตะปู 7 ป่าช้า
ตะปูตอกศพ 7 ป่าช้า
ไม่เอาแล้ว กูแก่แล้ว ไปสู้กับผี เสียตระกูล เดี๋ยวหาว่าพระรังแกผี
ใครที่ได้วิชาไป ได้ความรู้ไป ได้พระไป ได้ปัญญาไป ก็รักษาแล้วใช้ให้เป็นประโยชน์
ไม่รู้วันข้างหน้า จะมีใครสอนมึงได้
กูไม่รู้จะสอนมึงได้ขนาดไหน
มึงจะตายก่อนกู หรือ กูจะตายก่อนมึง ยังไม่รู้ ที่นั่งๆ อยู่เนี่ย
เอ้า ถวายทาน ลูก
15.55 น.
ว่านะโม 3 จบ.......
16.10 น. ให้ร่ำรวย รุ่งเรือง ลูก
ห้องสมุดธรรมอิสระ
แสดงธรรมอาทิตย์ที่ ๒ วัดอ้อน้อย วันที่ ๑๒ ก.พ.๕๕
- Details
- Written by พระธนุส กิตฺติญาโณ (พระจูเนียร์)
- Hits: 3164