ทะสะอิเม  ภิกขะเว  ธัมมา                                              
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย    ธรรมทั้งหลายสิบประการนั้นมีอยู่
ปัพพะชิเตนะ  อะภิณหัง  ปัจจะเวกขิตัพพา                        
    เป็นธรรมที่บรรพชิตพึงพิจารณา   โดยแจ่มชัดอยู่เนืองนิจ
กะตะเม  ทะสะ                                    
    ธรรมทั้งหลายสิบประการนั้น  มีอะไรบ้าง
ปัพพะชิเตนะอะภิณหัง  ปัจจะเวกขิตัพพัง                        
    คือบรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัด  อยู่เนืองนิจว่า
เววัณณิยัมหิ  อัชฌูปะคะโตติ      ปัพพะชิเตนะ  อะภิณหัง   ปัจจะเวกขิตัพพัง                                            
    บรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัด  อยู่เนืองนิจว่า    เราเป็นผู้เข้า
    ถึงซึ่งวรรณะอันดีแล้ว
ปะระปะฏิพัทธา  เม  ชีวิกาติ      ปัพพะชิเตนะ  อะภิณหัง  ปัจจะเวกขิตัพพัง                    
    บรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัด  อยู่เนืองนิจว่า   การเลี้ยงชีวิต
    ของเรา  เนื่องเฉพาะแล้วด้วยผู้อื่นดังนี้
อัญโญ เม อากัปโป  กะระณีโยติ  ปัพพะชิเตนะ  อะภิณหัง  ปัจจะเวกขิตัพพัง    
    บรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัด  อยู่เนืองนิจว่า    ระเบียบการ
    ปฏิบัติอย่างอื่นที่เราจะต้องทำมีอยู่ดังนี้
กัจจิ  นุโข  เม  อัตตา  สีละโต  นะ  อุปะวะทะตีติ      ปัพพะชิเตนะ  
อะภิณหัง  ปัจจะเวกขิตัพพัง                                
    บรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัด  อยู่เนืองนิจว่า   เมื่อกล่าวโดย
    ศีล   เราย่อมตำหนิติเตียนตนเองไม่ได้       มิใช่หรือดังนี้
กัจจิ  นุโข  มัง  อะนุวิจจะ  วิญญู   สะพรหมะจารี  สีละโต  นะ  
อุปะวะทันตีติ    ปัพพะชิเตนะ  อะภิณหัง  ปัจจะเวกขิตัพพัง
                 
    บรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัด  อยู่เนืองนิจว่า   เมื่อกล่าวโดย
    ศีล  เพื่อนพรหมจารีที่เป็นวิญญูชนใคร่ครวญแล้ว   ย่อมตำหนิ
    ติเตียนเราไม่ได้  มิใช่หรือ  ดังนี้
สัพเพหิ  เม  ปิเยหิ  มะนาเปหิ   นานาภาโว  วินาภาโว  
ปัพพะชิเตนะ  อะภิณหัง  ปัจจะเวกขิตัพพัง 
                               
    บรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัด  อยู่เนืองนิจว่า     ความพลัด
    พรากจากของรัก  ของชอบใจทั้งสิ้น   จักบังเกิดมีแก่เรา  ดังนี้
กัมมัสสะโกมหิ          กัมมะทายาโท   กัมมะโยนิ    กัมมะพันธุ    กัมมะ
ปะฏิสะระโณ   ยัง  กัมมังกะริสสามิ   กัลยาณัง  วา  ปาปะกัง  วา  
ตัสสะทายาโท  ภะวิสสามิ  ปัพพะชิเตนะ  อะภิณหัง  ปัจจะเวกขิตัพพัง 
       
    บรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัด  อยู่เนืองนิจว่า    เราเป็นผู้มี
    กรรมเป็นของของตน        มีกรรมที่ต้องรับผล     เป็นมรดกตกทอด            
    มีกรรมเป็นกำเนิด   มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์   มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย          
    เราทำกรรมอันใดไว้    ดีก็ตาม  ชั่วก็ตาม    เราจักเป็นผู้รับผล          
    ตกทอดแห่งกรรมนั้น ดังนี้
กะถัมภูตัสสะ  เม  รัตตินทิวา  วีติปะตันตีติ      
ปัพพะชิเตนะ  อะภิณหัง  ปัจจะเวกขิตัพพัง

    บรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัด  อยู่เนืองนิจว่า   วันคืนล่วงไป
    ล่วงไป   ในขณะนี้เรากำลังเป็นอยู่ในสภาพเช่นไร  ดังนี้
กัจจิ  นุโข  หัง  สุญญาคาเร  อะภิระมามีติ    
ปัพพะชิเตนะ  อะภิณหัง  ปัจจะเวกขิตัพพัง  
                                 
    บรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัด  อยู่เนืองนิจว่า   เราย่อมยินดี
    ในโรงเรือนอันสงัด  อยู่หรือหนอดังนี้
อัตถิ  นุโข  เม  อุตตะริมะนุสสะธัมมา   อะละมะริยะญาณะทัสสะนะ
วิเสโส   อะธิคะโต    โส  หัง  ปัจฉิเมกาเล  สะพรหมะจารีหิ  ปุฏโฐ  นะมังกุ  ภะวิสสามีติ    
ปัพพะชิเตนะ  อะภิณหัง  ปัจจะเวกขิตัพพัง  
     
    บรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัด  อยู่เนืองนิจว่า    ญาณทัศนะ
    อันวิเศษควรแก่พระอริยเจ้า    อันยิ่งกว่าวิสัยธรรมดาของมนุษย์             
    ที่เราได้บรรลุแล้ว   เพื่อเราจะไม่เป็นผู้เก้อเขิน    เมื่อถูกเพื่อน
    พรหมจารีด้วยกัน  ถามในภายหลังว่า  มีอยู่แก่เราหรือไม่ ดังนี้
อิเม  โข  ภิกขะเว  ทะสะ  ธัมมา                            
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   ธรรมทั้งหลายสิบประการเหล่านี้แล
ปัพพะชิเตนะ  อะภิณหัง  ปัจจะเวกขิตัพพาติ                    
    บรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัด  อยู่เนืองนิจ ด้วยอาการอย่างนี้แล