กราบนอบน้อมนมัสการหลวงปู่ครับ

(รบกวนท่านผู้คัดลอก ปุจฉา นี้ โปรดคัดลอกให้ครบทุกตัวอักษรในการที่จะนำถวายหลวงปู่ วิสัชชนา นะครับ เพราะเมื่อเดือนที่แล้วที่ผ่านมา ผมไปเขียน ปุจฉา ตอนแสดงธรรมต้นเดือน แล้วท่านพิธีกร ได้ตัดเนื้อความของผมออกไปเยอะมาก ทำให้ หลวงปู่ ไม่สามารถ ตอบคำถามได้ครอบคลุมในคำถามที่ผมถามได้ทั้งหมด จึงเป็นเหตุให้ผมต้องมาเขียน ปุจฉา ใหม่ในเว้ปนี่หล่ะครับ ขอบคุณครับ )

ปุจฉา 1 : เมื่อประมาณหลายเดือนก่อน ผมเคยเขียน ปุจฉา หลวงปู่ตอนแสดงธรรมต้นเดือนว่า ผมได้เห็นความทุกข์อย่างประจักษ์แจ้งแก่ใจจิงๆ จึงทำให้จิตนี้ปล่อยวางทุกสิ่งในโลก เห็นสรรพสิ่งเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วจิตนี้มันสงบเอง ว่างเอง เบาเอง โปร่ง โล่ง สบายเอง (ในระดับต้นๆ) อยู่ตลอดเวลา โดยไม่ต้องนั่งสมาธิ เดินจงกลมใดๆ

และหลวงปู่ได้ วิสัชชนาว่า ทำได้ถึงขั้นนี้ ก็ถือว่า ได้ยืนอยู่หน้าประตูแห่งโคตรภูญาณแล้ว และถ้าจะทำให้สภาวะธรรมนี้มันพัฒนา ก็ต้อง รู้ให้ถึง สาเหตุ ต้นเหตุ แห่ง ปัญหาและตัณหาทั้งปวง ว่ามีต้นเหตุมาจากอะไร

ดังนั้น ผมจึงกลับมาพิจารณา ตรึก ตรอง ว่าต้นเหตุแห่งปัญหา และตัณหาทั้งปวง มาจากอะไร จึงได้นึกถึงพระพุทธะเจ้า ว่าพระองค์ตรัสรู้อะไร และ สอนอะไร จึงได้เกิดปัญญาโพล่งขึ้นมาในใจ เข้าใจถึงกระบวนการแห่ง อริยะสัจ 4 ในแต่ล่ะข้อ และเชื่อมโยงไปถึง พระไตรลักษณ์ และ อริยะมรรค 8 ดังนี้

อริยะสัจ 4

1.ทุกข์ คือสิ่งที่ทนได้ยาก

2.สมุทัย คือเหตุให้เกิดทุกข์ ซึ่งเกิดมาจาก สรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่ได้รู้ถึงความเป็นจริงของสรรพสิ่งทั้งปวง ว่า ล้วนแล้วแต่ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่มีตัวตน หากถ้าสรรพสัตว์ ได้ลุถึงหัวใจแห่งธรรมชาติข้อนี้ ใจก็จะไม่ยึดมั่นถือมั่นในอะไรๆ แม้แต่ตัวตนของตัวเอง เมื่อนั้นแล้ว นิโรธ คือความดับทุกข์ ก็ปรากฏขึ้นในใจ แต่กว่า จะแจ้งในพระไตรลักษณ์ ก็ต้องอาศัย ข้อปฏิบัติ ให้ถึงความดับทุกข์ ก็คือ มรรค ซึ่ง มรรค ในอริยะสัจ ก็คือ อริยะมรรค 8 นั่นเอง ซึ่งแปลว่า ข้อปฏิบัติให้ลุสู่ความเป็นพระอริยะเจ้า ทั้ง 8 ประการ ฉะนี้

เมื่อเข้าใจได้ดั่งนี้ ลูกจึงเกิดความรู้สึก รักพระพุทธะเจ้าจากบึ้งบาดาลใจ รู้สึกว่าได้อยู่ใกล้พระพุทธะเจ้าตลอดเวลา และจึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้ว พระพุทธเจ้าไม่ได้ไปไหน พระพุทธเจ้ามีอยู่ในทุกๆที่ เราสามารถถึงพระพุทธเจ้าได้ทุกๆที่ จึงได้เข้าใจประโยคที่ว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นพระตถาคต"

....... ดังนั้นแล้ว สิ่งที่ลูกได้เข้าถึงนี้ เรียกว่า อะไร คืออะไร เป็นสภาวะแห่งอะไรครับ และ ลูกได้ก้าวข้ามประตูแห่งโคตรภูญาณแล้วหรือยังครับ ลูกกำลังเดินอยู่บนทางใด บนวิถีแห่งอะไร และควรจะเลือก หรือ พัฒนาต่ออย่างไรครับ ......

 

ปุจฉา 2 : เมื่อประมาณ หนึ่งเดือนที่แล้ว ลูกได้อ่านบทโศลกแห่งพระพุทะะ จบจบทั้งเล่มในคราวเดียว ทำให้ลูกได้เข้าใจถึงกระบวนการ ความสัมพันธ์ และวิธีการ ในการรักษาสมดุลแห่งจิต ด้วยปัญญา เพียงแค่ได้เข้าใจถึงกระบวนการต่างๆดั่งนั้น ลูกรู้สึกว่า จิตของลูก มีความมั่นคงมากขึ้น สมดุลมากขึ้น สงบ นิ่ง มากขึ้น และ กว้างใหญ่ มากขึ้น ความทุกข์ในใจ ยิ่งเบาบางลงไปมากกว่าเดิมอีก

อีกทั้งยังได้เข้าใจถึง 3 ศักดิ์สิทธิ์ ที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน อย่างอัตโนมัติ และรู้ถึงวิถีแห่งการฝึกหัด ปฏิบัติตนให้กายนี้ศักดิ์สิทธิ์ได้ อย่างแตกฉานในระดับหนึ่ง

...... ดังนั้นแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกนี้ คือสภาวะแห่งอะไร และ ควรจะพัฒนาต่ออย่างไรครับ......

(ปัจจุบันลูกใช้วิธี มองเข้ามาในตน ค้นหาให้ได้ว่า ความทุกข์ เศร้าหมองที่เหลืออยุ่ มาจากอะไร และ จะกำจัดมันออกไปได้อย่างไร จนให้ไม่เหลือ ความทุกข์ใดๆในใจเลย)

ปุจฉา 3 : เมื่อ 1 อาทิตย์ก่อน ลูกนอนเคลิ้มๆจะหลับในตอนเช้า แต่อยู่ๆก็รู้สึกว่า ตัวเองถูกแรงดึงดูดย่างรุนแรงมาก เหมือนกับร่างกายนี้จะจมลงไปไปในแผ่นดินอย่างแรงและรวดเร็ว พอพักนึง ลูกเห็นตนเอง ออกไปอยู่นอกจักรวาล มองเห็นโลก และดาวเคราะห์ต่างๆ อย่างชัดเจน แต่ในใจลูกรู้สึกตกใจและกลัวๆ ครับ และก็เกิดแรงดึงดูดขึ้นอีก ทีนี้ มันพาลูกไปเห็นในถ้ำแห่งหนึ่ง แต่ด้วยเป็นตอนเช้า ลูกต้องรีบไปทำงาน จึงดึงความรู้สึกกลับมาที่กายตนและรีบตื่นไปทำงานครับ

......ดังนั้นแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับลุกนี้คืออะไรครับ แรงดึงดูดนั้นคืออะไร หรือลุกเพ้อฟันไปเองครับ ขอบคุณครับ.....

กราบนอบน้อมนมัสการ

ศิษย์พุทธะ

ขอเพิ่มเติมอีกนิดหนึ่งนะครับ

หลังจากที่ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ผมรู้สึกสดชื่น ร่าเริง มีพละกำลัง มีชีวิตชีวา มากขึ้นหน่ะครับ โดยไม่รู้สึกเหนื่อยใดๆเลย และรู้สึกดีใจครับ

ขอบคุณครับ

วิสัชนา:  เป็นประสบการณ์ทางวิญญาณที่เรียกว่า “ฌานทัศนะวิสุทธิ” ให้พิจารณาถึงหลัก อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา จนเห็นว่าทุกอย่างทั้งนอกกาย ในกาย แล้วแต่หนีไม่พ้นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วก็ดับไป ให้เห็นอยู่เช่นนี้แม้ทุกลมหายใจ และทุกขณะจิต ดีแล้ว ดีแล้ว สาธุ สาธุ พระพุทธกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว

พุทธะอิสระ

วิสัชนา: บทโศลกที่ฉันเขียนขึ้น มิใช่เกิดจากสมองคิด แต่เกิดขึ้นจากสภาวะธรรมที่ลุถึงขณะนั้น ๆ ในเวลาปฏิบัติธรรมถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ทางวิญญาณของผู้ปฏิบัติธรรมหนึ่งเท่านั้น หากคนนั้นศึกษาแล้วปฏิบัติตามบรรลุผล ก็ถือได้ว่าเป็นวาสนาของผู้นั้น และหากยิ่งค้นคว้าลงไปลึก ๆ ผู้นั้นอาจจะได้ค้นพบหน้าตา ตัวตน ที่ไม่มีตนของตนก็ได้ สาธุ สาธุ อนุโมทนา

พุทธะอิสระ

วิสัชนา: แหม ๆ เสีย...ดาย...จัง กำลังเป็นเรื่องทีเดียว ดันมาปวดท้องเยี่ยวเสียได้ เลยได้เข้าถ้ำเลย วันหน้าเข้าไปใหม่นะจ๊ะ จะได้รู้ว่าในถ้ำมีอะไร อ้อ... แล้วไม่ต้องมาบอกฉันหรอกนะ ขี้เกียจฟังความฝันของคนอื่น ไม่มีเวลาว่างมากเหมือนคุณ

 

พุทธะอิสระ