ถาม:
วิธีแก้อารมณ์โมหะจิต ความหลง ในพระพุทธศาสนา พระบรมศาสดาทรงบัญญัติไว้อย่างไร ?
ตอบ:
ก่อนที่เราจักมารับรู้วิธีแก้อารมณ์ เราควรต้องมาทำความรู้จักอารมณ์โมหะ ความหลง ซึ่งมีลักษณะที่ตัดสินใจอะไรไม่ได้เด็ดขาด มีนิสัยมักลังเล ทำ พูด คิด อะไรมักจับจดไม่ชัดเจนในทุกเรื่อง และมีปกติวิสัยที่ทำ พูด คิด อะไรไม่คิด ไม่ใคร่ครวญ ชีวิตจึงเกิดความผิดพลาดอยู่ตลอดชีวิต
และผู้ที่มีอารมณ์จมปลักอยู่ในความลุ่มหลง มักจะแยกดี แยกชั่วไม่ได้ อีกทั้งชอบทำอะไรตามใจตนเป็นหลัก ไม่คำนึงถึงเหตุและผล ดีชั่ว ถูกผิด
ผู้ที่มีอารมณ์ลุ่มหลงเป็นใหญ่ มักจะทำสิ่งที่ผิดพลาด เลวร้ายได้มากกว่าจริตอื่นๆ
วิธีระงับอารมณ์ความลุ่มหลงให้หดหาย ด้วยการทำกาย ทำวาจา ทำจิตใจ ให้ปลอดโปร่ง อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่กว้างขวาง ปลอดโปร่ง โล่งแจ้ง แล้วผูกจิตเอาไว้ในอารมณ์ใด อารมณ์หนึ่งที่เป็นกุศลจนจิตแนบแน่น
พระบรมศาสดาทรงแนะนำให้ทำจิตภาวนาด้วยการเพ่งจิต เพ่งอารมณ์ให้ตั้งมั่นอยู่ในเครื่องหมาย เครื่องผูกจิตให้นิ่งสงบ เช่น การเพ่งกสิณน้ำ กสิณดิน กสิณลม กสิณไฟ และกสิณสีต่างๆ เพื่อคุมจิตให้นิ่งสงบ จมดิ่งอยู่ในอารมณ์เดียว
เมื่อสามารถคุมจิตให้นิ่งสงบอย่างแนบแน่นอยู่บ่อยๆ ครั้งเมื่อออกจากสมาธิ สัมมาสติ ความใคร่ครวญ ตรวจสอบ สาวหาเหตุ รู้ผล ก็จะค่อยๆ เกิดขึ้นเป็นลำดับ โมหะความลุ่มหลงก็จะอ่อนกำลังลง
วิธีกำจังความลุ่มหลงอีกแบบหนึ่ง คือ การเดินจงกรม หรือ เดินภาวนาเช่น ก้าวซ้ายหายใจเข้า ก้าวขวาหายใจออก ก้าวช้าๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป ให้การก้าวย่างสอดคล้องกับลมหายใจ พร้อมกัน เสมอกัน
หรือจะใช้จิตควบคุมถ่ายเทน้ำหนักไปที่เท้าซ้าย เมื่อต้องการก้าวเท้าขวาไปข้างหน้า และเมื่อจะยกเท้าซายก้าวไปข้าวหน้า ก็ถ่ายน้ำหนักลงไปไว้ที่เท้าขวา
เรียกว่า ทุกครั้งที่ยกเท้า ก้าวพ้นพื้นน้ำหนักเท้าต้องเบา เท้าที่เหยียบยืนอยู่ต้องหนัก
พร้อมทั้งส่งจิตคุมเท้า คุมน้ำหนัก สลับไปมาเช่นนี้ จนจิตรวมตัวสงบระงับ จากความฟุ้งซ่านทั้งปวงได้
สัมมาสติก็จะบังเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เมื่อนั้นความลุ่มหลงมัวเมา โง่เขลาก็จะค่อยๆ บรรเทาลง
พุทธะอิสระ