ต่อจากคำถามที่แล้ว เรื่องพายุแห่งอารมณ์นะครับ
อยากทราบว่า ในพระพุทธศาสนา มีวิธีเอาชนะอารมณ์ทั้ง ๖ ที่ท่านยกมาหรือไม่ครับ ?
ตอบ:
พระบรมศาสดา ทรงวางวิธีการระงับอารมณ์ เรียกอีกอย่างว่า จริตทั้ง ๖ เอาไว้ด้วยการปฏิบัติภาวนา หรือเรียกอีกนัยหนึ่ง คือ การปฏิบัติกรรมฐานเพื่อแก้อารมณ์นั่นเอง ตัวอย่างเช่น
ผู้ที่มีอารมณ์หนักไปทางราคะจริต พวกชอบรักสวยรักงาม แม้ที่สุดพวกที่ชื่นชอบเสพติดในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสนุ่ม จนมัวเมาหลงใหล บางคนถึงขนาดตกเป็นทาสเลยก็มี
วิธีแก้ราคะจริต ต้องแก้ด้วยการเจริญภาวนา น้อมระลึกถึงสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความสวยงาม ด้วยอสุภกรรมฐาน คือ ซากศพของสัตว์ที่ตายแล้ว หรือไม่ก็เจริญกายคตานุสติกรรมฐาน พิจารณาความจริงที่มีอยู่ในกายอันประกอบไปด้วย หนัง เนื้อ พังผืด เส้นเอ็น กระดูก น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง น้ำเสมหะ น้ำลาย น้ำอุจจาระ น้ำปัสสาวะ และอาหารใหม่ที่กินเข้าไป อาหารเก่าที่ขับถ่ายออกมา พิจารณาประมาณนี้
พิจารณาจนจิตสงบ ระงับ และละเสียได้ซึ่งอารมณ์ที่ชื่นชอบ รักใคร่ ที่เรียกว่า นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่าย จนจิตคลายจากความกำหนัด
โทสะจริต หรือ อารมณ์โกรธ พยาบาท อาฆาต จองเวร ท่านสอนให้ระงับอารมณ์โกรธ ด้วยการเจริญเมตตา พรหมวิหาร
คือการภาวนา ทั้งทางกายด้วยการเป็นอาสาสมัคร ช่วยเหลือเกื้อกูล ต่อมนุษย์และสัตว์ผู้ประสบภัยตกทุกข์ได้ยาก
ภาวนา ทางวาจา ด้วยการท่องบ่น ท่องจำถึงบทแผ่เมตตา ปรารถนาให้สัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข สัตว์ทั้งปวงจงพ้นทุกข์
ภาวนา ทางใจ ด้วยการน้อมรำลึกถึงกรรม จำแนกสัตว์ให้ดี ชั่ว เลว หยาบ สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม การกระทำใดๆ ไม่ว่าจะด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ล้วนต้องได้รับผลในที่สุด ไม่ช้าก็เร็ว
เช่นนี้เราท่านทั้งหลาย จึงไม่ควรผูกโกรธ ผูกพยาบาท อาฆาต จองเวรต่อกัน
การให้อภัยแก่กันและกัน ดังกล่าวถึงการให้เป็นการให้ที่ประเสริฐ
โปรดติดตามตอนต่อไป
พุทธะอิสระ