"ลูกรัก"
เจ้าจะรู้ไหมว่า ชีวิตของลูก ทุกๆ วินาทีมันเป็น โอกาสของ การเรียนรู้ประสบการณ์ ทุกขณะที่ลูกได้พบและได้สัมผัส จะนำความอิ่มเอิบ และรสชาติให้แก่ชีวิตของลูกทุกสิ่งในชีวิตของลูก ลูกสามารถจะเป็นผู้กำหนด แม้แต่สิ่งที่เรียกว่า อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตของ ชีวิตลูกก็ตามขอเพียงลูกพยายามให้ดีเยี่ยมที่จะเรียนรู้ชีวิตในปัจจุบัน ให้ชัดเจน มันจะเป็นเหตุให้ลูกกระทำกิจ กรรมในปัจจุบันได้อย่างสมบูรณ์ และเมื่อวินาทีนี้มันผ่านพ้นไป มันก็จะเท่ากับว่ามันจะทำ ให้เจ้าเป็นผู้กำหนดอดีตอันสดใสให้แก่ตัวลูกเอง สำหรับอนาคตนั้นเล่าที่จะปรากฏในกาลข้างหน้ามันก็ย่อมแน่นอนเหลือเกินกว่า เมื่อลูกเพียรพยายามปูพื้นฐาน ในปัจจุบันของตนให้แจ่มชัดและแจ่มใส สมบูรณ์อนาคตของลูกก็ย่อมมีแต่ความงอกงามรุ่งเรืองและสดใส แต่มันก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวของลูกเองอีกเหมือนกันว่าลูกจะตระหนักว่า ชีวิตทุกขณะจิตของลูกได้แสดงออกโดยคุณภาพอันสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจอัน บริสุทธิ์ให้แก่งานประจำวัน ประจำชีวิตของลูกได้มาก แค่ไหน มันจึงจะเป็นโอกาสให้ลูกได้พัฒนาความสมบูรณ์ให้เกิดขึ้นต่อชีวิตของลูกเอง
ลูกรัก....
หากลูกให้พลังงานทั้งหมดของลูก ให้หัวใจและแรงกายทั้งหมด แก่งาน งานก็จะเป็นรากฐานอันมั่นคงที่ลูกจะสามารถสร้างชีวิตของลูกให้มีความหมายอัน สมบูรณ์ให้แก่ชีวิตลูกได้ และมันจะเป็นช่องทาง ให้เจ้านำความคิดออกมาใช้ให้เป็นการกระทำ งานมักจะต้องการให้เราทำอะไรบางอย่างเสมอ ดังนั้น มันจึงทำให้ลูกเกิดความรู้สึกชอบที่จะทำอะไรให้สำเร็จ ซึ่งหาไม่ได้จากแหล่งอื่น ชีวิตของลูกจะเต็มไป ด้วยความหมายและความสุข เมื่อลูกรู้จักทะนุถนอม เอาใจใส่งาน และถ้าเจ้าเลือกที่จะทำงานที่ยากๆ และได้เพียรพยายามกระทำมันอย่างดีเยี่ยมแล้ว ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ อย่างน้อยๆ มันก็จะทำให้เจ้าได้เพิ่มพูนประสบการณ์และความภาคภูมิให้กับตัวเจ้าเอง แต่ ถ้างานไม่ได้มีสาระแห่งความเบิกบานดังกล่าวมานี้นั่น มันอาจเป็นเพราะเจ้าไม่ได้ทุ่มเทใส่ใจและพลังทั้งหมดให้แก่งานนั้น ๆ การให้คุณ ค่าแก่งานหมายถึง การให้พลังอันเต็มที่ทั้งหัวใจและความรู้สึกนึกคิด แก่งาน และโดยการให้คุณค่าแก่งานเช่นนี้ ลูกสามารถจะเปลี่ยนแปลง ความหงุดหงิด ความเบื่อหน่าย ซึ่งก็มักพบเสมอในขณะที่ทำงานทั้งยังจะเป็นแรงจูงใจอันใหญ่หลวงที่จะทำให้ ลูกกล้าเผชิญกับงานอันหนักหนาและสลับซับซ้อนด้วยจิตใจอันเบิกกว้าง ปลอดโปร่งลูกจะเต็มใจที่จะทำงานทุกอย่าง
ลูกรัก....
การให้คุณค่าแก่งาน การมีความชอบหรือรักในงาน จะปราศจากความหมายเลย หากลูกมองว่า งานเป็นแต่เพียงเครื่องหากินเท่านั้น เพราะมันจะกลับทำให้ลูกเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย เพราะต้องมาทำอะไรซ้ำๆ ซากๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้น แต่ถ้าลูกมามองว่างานคือวิถีทางแห่งการเรียนรู้ และมันเป็นประสบการณ์อันดื่มด่ำและน่าภาคภูมิใจของชีวิตอย่างดียิ่ง ลูกก็จะรู้สึกรักมันไม่เบื่อหน่ายในการที่จะทำมัน ลูกจะทำงานได้ทุกอย่าง ทุกเวลาที่มันมีให้ลูกทำ ลูกจะเห็นคุณค่าของ การทำงาน ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้เกิดขึ้นภายในตัวของลูกเอง ทั้งยังจะกลายเป็นตัวอย่างอันดีงามให้คนอื่นได้ทำตามอีก ด้วย ลูกสามารถค้นพบความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง ซึ่งการงานได้ให้แก่ลูก มิใช่ค้นหาความสำเร็จจากการขอหรืออ้อนวอน เมื่อลูกเริ่มต้นทำงานในตอนเช้าอันสดใส ขอให้ลูกใช้เวลาก่อนที่จะลงมือทำมันสักเล็กน้อย เพื่อเตรียมการสำรวจใคร่ครวญหาเหตุและผล เพื่อให้ได้วิถีทางใหม่ๆ ที่จะนำมาทำงานให้มีประสิทธิภาพ และเป็นการช่วยให้ ลูกได้รับรู้ถึงทิศทางที่แน่นอนชัดเจนในการใช้พลังเพื่อการทำงานให้ตรงตาม เป้าหมายโดยมิได้อ้อมค้อมให้เสียเวลา ทั้งยังเป็นการประหยัด พลังงานให้อีกด้วย เมื่อลูกรู้จักทิศทางที่แน่นอนชัดเจนตรงตามเป้าหมายของงานแล้ว ลูกก็ลงมือทำมันด้วยความใส่ใจใส่พลัง ที่พร้อม ไปด้วยความรู้สึกเบิกบานร่าเริงและแจ่มใส ขณะที่ลูกกำลังกำหนดทิศ ทางของงานที่ทำอยู่นั้น ลูกต้องอย่าลืมว่าลูกต้องใคร่ครวญดูว่าลูกต้องการอะไร การที่ลูกสามารถใคร่ครวญ ดูว่าลูกต้องการอะไรได้นั้น ถ้าเผอิญจิตใจมันคิดกว้างไกลออกไปซึ่งผิดแนวทางแห่งความต้อง การในขณะที่ทำงานลูกต้องทำแต่เพียงเป็นผู้ดูแลและควบคุมมันให้ได้ แล้วค่อยๆ เลื่อนความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดให้เข้ามาหาตัวลูกเองอีกครั้ง
ลูกรัก....
ถ้าเจ้าจะตั้งปัญหาถามพ่อว่า จะทำงานมันมาเกี่ยวอะไรกับการ เลื่อนความรู้สึกนึกคิดให้เข้ามาหาตัวเอง พ่อก็จะต้องรีบตอบเจ้าว่าการ ให้ความสำคัญต่อการใส่ใจต่อตนเองมันก็เป็นงานชนิดหนึ่งที่จำเป็น และทุกครั้งที่เจ้าจะทำงานนอกตัว เจ้าควรจะทำงานภายในตัวของเจ้า เสียให้เสร็จก่อน เพราะมันเป็นบ่อเกิดแห่งพลังสมาธิที่เจ้าจะนำออกไปใช้กับงานแต่ละงาน พลังที่ได้จากการใส่ใจ เพื่อจะรวบรวมความรู้สึกนึกคิดให้คงอยู่ในตนเองนี้ มันจะคอยทำหน้าที่หนุนนำให้ลูกได้ทำการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสำเร็จก่อนที่ลูกจะหันไปหางานอื่นๆ
ลูกรัก....
การที่ลูกทำงานด้วยวิถีทางดังกล่าวมานี้ มันสามารถจะขจัดความ คิดที่ว่าเราช่างมีงานมากเกินไป หรือไม่มีเวลาทำมันเลย โดยการวาง ทิศทาง และเป้าหมายของงานอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งมุ่งมั่นตั้งใจทำ ในงานนั้นๆ ลูกจะสามารถทำงานให้สำเร็จได้มากกว่าที่คิดเสียอีก เมื่อ การทำงานทุกอย่าง อยู่ในวิถีทางที่เยี่ยมยอดดังกล่าวมานี้ จิตใจของ ลูกก็จะรู้สึกแจ่มใสสดชื่น ร่างกายก็จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ถึงแม้ว่า ลูกอาจจะไม่บรรลุถึงเป้าหมายทั้งหมดที่ลูกได้ตั้งเอาไว้ก็ตาม แต่มัน ก็จะทำให้ลูกมีประสบการณ์และพลังงานมากขึ้น มันจะทำให้ลูกสามารถที่จะทำอะไรๆ ได้มากขึ้นในอนาคตอีกด้วย การทำงานอย่าง ดีเยี่ยมจะเป็นแบบฝึกหัดที่ดีแก่ร่างกายและจิตใจความสำนึกถึงการ ทำงานอย่างอ่อนโยน มันจะทำให้ลูกสามารถกำหนดทิศทางพลังงาน ของตนเอง ให้มุ่งตรงไปในแนวทางที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์ เมื่อ เป็นเช่นนี้ชีวิตในแต่ละวันของลูกจะดำเนินไปอย่างราบรื่น และเป็นสุข แทนที่จะรู้สึก เครียดและอ่อนล้า ลูกจะรู้สึกเป็นสุขสดชื่นเมื่อได้ทำการงาน ความเจริญ งอกงามที่แท้จริงเกิดขึ้นได้จากการผสมผสานความชำนาญที่ใช้พลังงานและจิตใจ อันเบิกบานให้เข้าด้วยกันแล้วนำมันมาใช้ในการทำงาน และถ้าลูกมีความสำนึกอยู่เสมอว่าการทำงาน คือการเรียนรู้และฝึกฝน ซึ่งจำเป็นต้องให้มีขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว ล่ะก็ ความขุ่นข้องหมองใจและความสับสนจะลดน้อยถอยไป มันจะทำให้ ลูกได้รู้จักตนเองมากขึ้น ลูกก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เป็นโทษขุ่นมัวให้เป็นประโยชน์และ โปร่งใสมากขึ้นลูกสามารถจะสร้าง โลกใหม่ที่มีแต่ความสดใสให้แก่ตัวลูกเอง ถึงแม้จะมีปัญหาเกิดขึ้น แต่ลูกจะมองปัญหานั้นๆ ว่านั่นคือวิถีทางแห่งการขยับขยายประสบการณ์ให้เบิกกว้าง และเป็นทางให้เกิดพลังอย่างวิเศษทีเดียว
บ่อยครั้งทีเดียวแหละที่ลูกเผชิญกับงานที่แสนยากและหนักใจ จิตใจของลูกจะสร้างกำแพงขวางกั้น โดยการปฏิเสธต่องานนั้นทันที ถ้าเป็นเช่นนี้ ความกังวลและความกลัว ความท้อแท้ท้อถอยก็จะเกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้มันจะเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการทำงาน ไม่ใช่เพราะแค่นี้ ลูกจะหันเหความสนใจไปเลือกทำแต่งานที่ง่าย ซึ่งในสายตาของผู้อื่นเขาจะมองดูลูกว่าเป็นคนอ่อนแอ เอาเปรียบ เห็นแก่ตัว ไม่น่าคบหา กลายเป็นผู้ที่มักถูกตำหนิว่าอยู่เป็นนิจ และถ้าลูกต้องการแก้ภาพพจน์ของตัวลูกเอง มันก็ไม่ยาก เรื่องมันก็เพียงแค่ ลูกต้องให้ความสำคัญและใส่ใจต่องานทุกชนิด ไม่ว่างานจะง่ายหรือยาก ลูกต้องถือเสมือนว่า งานที่เกิดขึ้นแก่ลูกคือ ความไว้วางใจที่โลกและสังคมได้ให้โอกาสแก่เราที่จะเรียนรู้
"งาน" คือ ตราชูที่คอยวัดกำลังใจ ความเสียสละ ความอดทน ความเข้มแข็ง งานคือวิถีทางที่แสดงถึงคุณค่าของการมีชีวิต งานคือแก้วสารพัดนึกที่วิเศษสุดที่จะทำให้ลูกได้อะไรๆ หลายๆ อย่างจากมัน เมื่อลูกทำความเข้าใจต่องานทั้งยากและง่ายได้ดังนี้ ลูกก็จงลงมือกระทำมันอย่างจริงจังและจริงใจ ผู้คนทั้งหลายเขาจะได้ไม่มองเจ้าไปในเชิงลบอีกต่อไป
การให้ความสำคัญต่องานดังกล่าวมาาแล้วนั้น ลูกจะสามารถทำงานทั้งยากและง่าย ได้อย่างมีความโปร่งใส ปราศจากอุปสรรคใดๆ แม้แต่ลูกจะเหน็ดเหนื่อยสักปานใด ลูกก็จะสามารถค้นพบแหล่งแห่งการเกิดพลังในการทำงาน แหล่งพลังนั้นก็คือ การจดจ่อ จับจ้อง จริงจัง ต่อการรวบรวมความรู้สึกนึกคิดให้เข้าสู่ตัวลูกเอง เพราะความรู้สึกนึกคิดนั้นคือพลังงาน ลูกจึงมีความจำเป็นต้องรวบรวมเพื่อไม่ให้พลังงาน หรือความรู้สึกนึกคิดนั้นๆ แตกกระสานซ่านเซ็นออกไป ครั้นเมื่อลูกสามารถรวบรวมพลังงานได้แล้ว ลูกก็ใช้พลังงานไปในการทำงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เราทุกคนมีพลังงานอันมากมายนี้ เพียงแต่ลูกต้องรู้จักใช้วิธี หรือรู้จักวิธีใช้มันอย่างเหมาะสมเท่านั้นเอง เมื่อลูกได้เข้าถึงความสำเร็จของงานแล้ว ลูกจะรู้สึกได้ว่าลูกยังมีเวลาเหลืออยู่อีกมาก เพราะการทำงานด้วยจิตใจที่จดจ่อ จริงจัง และใช้พลังอย่างต่อเนื่อง มันจะช่วยให้งานนั้นๆ สำเร็จได้เร็วโดยพลัน มันจะทำให้ลูกเป็นผู้ที่สามารถควบคุมการใช้เวลา และพลังงานอย่างประหยัด พร้อมทั้งมีประโยชน์งานจะมีคุณค่า ทำให้ลูกเกิดความเบิกบานและมีพลัง ลูกจะเริ่มรู้สึกถึงคุณค่าและความหมายของงานเพิ่มขึ้น โดยมิต้องลำบากต่อการที่จะฝึกปรือเพื่อให้รู้จักความหมายอีกต่อไป การให้คุณค่าและความหมายแก่งานนี้จะมีรางวัลในตัวมันเอง แล้วก็จะมีรางวัลให้แก่ตัวลูกเองด้วย การให้คุณค่าแก่งานเป็นเคล็ดลับนำให้เกิดความงอกงามแจ่มใส ชื่นบานในงานที่ลูกทำ
ลูกรัก...
เจ้าจงจำไว้เถิดว่า เมื่อเจ้าให้คุณค่าแก่สิ่งใดก็ตาม ความรู้สึกตื่นตัวอย่างละเมียดละไม จะประคับประคองส่งเสริมเจ้าเอง งานที่ลูกทำจะกลายเป็นแหล่งแห่งความรู้อย่างลึกซึ้ง และเจ้าจะมีความรู้สึกลึกๆ ที่จะขอบคุณต่อผู้ให้งานและงานนั้นๆ อย่างอ่อนโยน พ่อจึงกล้าที่จะบอกเจ้าดังว่า งานคือความเบิกบานของชีวิต มันเป็นแหล่งกำเนิดพลัง เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างล้นเหลือ ที่ลูกจะต้องทะนุถนอมและจะยอมสูญเสียมันไปมิได้แม้แต่วินาทีเดียว ลูกควรจะรักษาคุณสมบัติของความเบิกบานในชีวิตอันนี้ไว้ จนถึงที่สุดของการมีชีวิตทีเดียวแหละ
เจ้าจะรู้ไหมว่า ชีวิตของลูก ทุกๆ วินาทีมันเป็น โอกาสของ การเรียนรู้ประสบการณ์ ทุกขณะที่ลูกได้พบและได้สัมผัส จะนำความอิ่มเอิบ และรสชาติให้แก่ชีวิตของลูกทุกสิ่งในชีวิตของลูก ลูกสามารถจะเป็นผู้กำหนด แม้แต่สิ่งที่เรียกว่า อดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตของ ชีวิตลูกก็ตามขอเพียงลูกพยายามให้ดีเยี่ยมที่จะเรียนรู้ชีวิตในปัจจุบัน ให้ชัดเจน มันจะเป็นเหตุให้ลูกกระทำกิจ กรรมในปัจจุบันได้อย่างสมบูรณ์ และเมื่อวินาทีนี้มันผ่านพ้นไป มันก็จะเท่ากับว่ามันจะทำ ให้เจ้าเป็นผู้กำหนดอดีตอันสดใสให้แก่ตัวลูกเอง สำหรับอนาคตนั้นเล่าที่จะปรากฏในกาลข้างหน้ามันก็ย่อมแน่นอนเหลือเกินกว่า เมื่อลูกเพียรพยายามปูพื้นฐาน ในปัจจุบันของตนให้แจ่มชัดและแจ่มใส สมบูรณ์อนาคตของลูกก็ย่อมมีแต่ความงอกงามรุ่งเรืองและสดใส แต่มันก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวของลูกเองอีกเหมือนกันว่าลูกจะตระหนักว่า ชีวิตทุกขณะจิตของลูกได้แสดงออกโดยคุณภาพอันสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจอัน บริสุทธิ์ให้แก่งานประจำวัน ประจำชีวิตของลูกได้มาก แค่ไหน มันจึงจะเป็นโอกาสให้ลูกได้พัฒนาความสมบูรณ์ให้เกิดขึ้นต่อชีวิตของลูกเอง
ลูกรัก....
หากลูกให้พลังงานทั้งหมดของลูก ให้หัวใจและแรงกายทั้งหมด แก่งาน งานก็จะเป็นรากฐานอันมั่นคงที่ลูกจะสามารถสร้างชีวิตของลูกให้มีความหมายอัน สมบูรณ์ให้แก่ชีวิตลูกได้ และมันจะเป็นช่องทาง ให้เจ้านำความคิดออกมาใช้ให้เป็นการกระทำ งานมักจะต้องการให้เราทำอะไรบางอย่างเสมอ ดังนั้น มันจึงทำให้ลูกเกิดความรู้สึกชอบที่จะทำอะไรให้สำเร็จ ซึ่งหาไม่ได้จากแหล่งอื่น ชีวิตของลูกจะเต็มไป ด้วยความหมายและความสุข เมื่อลูกรู้จักทะนุถนอม เอาใจใส่งาน และถ้าเจ้าเลือกที่จะทำงานที่ยากๆ และได้เพียรพยายามกระทำมันอย่างดีเยี่ยมแล้ว ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ อย่างน้อยๆ มันก็จะทำให้เจ้าได้เพิ่มพูนประสบการณ์และความภาคภูมิให้กับตัวเจ้าเอง แต่ ถ้างานไม่ได้มีสาระแห่งความเบิกบานดังกล่าวมานี้นั่น มันอาจเป็นเพราะเจ้าไม่ได้ทุ่มเทใส่ใจและพลังทั้งหมดให้แก่งานนั้น ๆ การให้คุณ ค่าแก่งานหมายถึง การให้พลังอันเต็มที่ทั้งหัวใจและความรู้สึกนึกคิด แก่งาน และโดยการให้คุณค่าแก่งานเช่นนี้ ลูกสามารถจะเปลี่ยนแปลง ความหงุดหงิด ความเบื่อหน่าย ซึ่งก็มักพบเสมอในขณะที่ทำงานทั้งยังจะเป็นแรงจูงใจอันใหญ่หลวงที่จะทำให้ ลูกกล้าเผชิญกับงานอันหนักหนาและสลับซับซ้อนด้วยจิตใจอันเบิกกว้าง ปลอดโปร่งลูกจะเต็มใจที่จะทำงานทุกอย่าง
ลูกรัก....
การให้คุณค่าแก่งาน การมีความชอบหรือรักในงาน จะปราศจากความหมายเลย หากลูกมองว่า งานเป็นแต่เพียงเครื่องหากินเท่านั้น เพราะมันจะกลับทำให้ลูกเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย เพราะต้องมาทำอะไรซ้ำๆ ซากๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้น แต่ถ้าลูกมามองว่างานคือวิถีทางแห่งการเรียนรู้ และมันเป็นประสบการณ์อันดื่มด่ำและน่าภาคภูมิใจของชีวิตอย่างดียิ่ง ลูกก็จะรู้สึกรักมันไม่เบื่อหน่ายในการที่จะทำมัน ลูกจะทำงานได้ทุกอย่าง ทุกเวลาที่มันมีให้ลูกทำ ลูกจะเห็นคุณค่าของ การทำงาน ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้เกิดขึ้นภายในตัวของลูกเอง ทั้งยังจะกลายเป็นตัวอย่างอันดีงามให้คนอื่นได้ทำตามอีก ด้วย ลูกสามารถค้นพบความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง ซึ่งการงานได้ให้แก่ลูก มิใช่ค้นหาความสำเร็จจากการขอหรืออ้อนวอน เมื่อลูกเริ่มต้นทำงานในตอนเช้าอันสดใส ขอให้ลูกใช้เวลาก่อนที่จะลงมือทำมันสักเล็กน้อย เพื่อเตรียมการสำรวจใคร่ครวญหาเหตุและผล เพื่อให้ได้วิถีทางใหม่ๆ ที่จะนำมาทำงานให้มีประสิทธิภาพ และเป็นการช่วยให้ ลูกได้รับรู้ถึงทิศทางที่แน่นอนชัดเจนในการใช้พลังเพื่อการทำงานให้ตรงตาม เป้าหมายโดยมิได้อ้อมค้อมให้เสียเวลา ทั้งยังเป็นการประหยัด พลังงานให้อีกด้วย เมื่อลูกรู้จักทิศทางที่แน่นอนชัดเจนตรงตามเป้าหมายของงานแล้ว ลูกก็ลงมือทำมันด้วยความใส่ใจใส่พลัง ที่พร้อม ไปด้วยความรู้สึกเบิกบานร่าเริงและแจ่มใส ขณะที่ลูกกำลังกำหนดทิศ ทางของงานที่ทำอยู่นั้น ลูกต้องอย่าลืมว่าลูกต้องใคร่ครวญดูว่าลูกต้องการอะไร การที่ลูกสามารถใคร่ครวญ ดูว่าลูกต้องการอะไรได้นั้น ถ้าเผอิญจิตใจมันคิดกว้างไกลออกไปซึ่งผิดแนวทางแห่งความต้อง การในขณะที่ทำงานลูกต้องทำแต่เพียงเป็นผู้ดูแลและควบคุมมันให้ได้ แล้วค่อยๆ เลื่อนความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดให้เข้ามาหาตัวลูกเองอีกครั้ง
ลูกรัก....
ถ้าเจ้าจะตั้งปัญหาถามพ่อว่า จะทำงานมันมาเกี่ยวอะไรกับการ เลื่อนความรู้สึกนึกคิดให้เข้ามาหาตัวเอง พ่อก็จะต้องรีบตอบเจ้าว่าการ ให้ความสำคัญต่อการใส่ใจต่อตนเองมันก็เป็นงานชนิดหนึ่งที่จำเป็น และทุกครั้งที่เจ้าจะทำงานนอกตัว เจ้าควรจะทำงานภายในตัวของเจ้า เสียให้เสร็จก่อน เพราะมันเป็นบ่อเกิดแห่งพลังสมาธิที่เจ้าจะนำออกไปใช้กับงานแต่ละงาน พลังที่ได้จากการใส่ใจ เพื่อจะรวบรวมความรู้สึกนึกคิดให้คงอยู่ในตนเองนี้ มันจะคอยทำหน้าที่หนุนนำให้ลูกได้ทำการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสำเร็จก่อนที่ลูกจะหันไปหางานอื่นๆ
ลูกรัก....
การที่ลูกทำงานด้วยวิถีทางดังกล่าวมานี้ มันสามารถจะขจัดความ คิดที่ว่าเราช่างมีงานมากเกินไป หรือไม่มีเวลาทำมันเลย โดยการวาง ทิศทาง และเป้าหมายของงานอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งมุ่งมั่นตั้งใจทำ ในงานนั้นๆ ลูกจะสามารถทำงานให้สำเร็จได้มากกว่าที่คิดเสียอีก เมื่อ การทำงานทุกอย่าง อยู่ในวิถีทางที่เยี่ยมยอดดังกล่าวมานี้ จิตใจของ ลูกก็จะรู้สึกแจ่มใสสดชื่น ร่างกายก็จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ถึงแม้ว่า ลูกอาจจะไม่บรรลุถึงเป้าหมายทั้งหมดที่ลูกได้ตั้งเอาไว้ก็ตาม แต่มัน ก็จะทำให้ลูกมีประสบการณ์และพลังงานมากขึ้น มันจะทำให้ลูกสามารถที่จะทำอะไรๆ ได้มากขึ้นในอนาคตอีกด้วย การทำงานอย่าง ดีเยี่ยมจะเป็นแบบฝึกหัดที่ดีแก่ร่างกายและจิตใจความสำนึกถึงการ ทำงานอย่างอ่อนโยน มันจะทำให้ลูกสามารถกำหนดทิศทางพลังงาน ของตนเอง ให้มุ่งตรงไปในแนวทางที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์ เมื่อ เป็นเช่นนี้ชีวิตในแต่ละวันของลูกจะดำเนินไปอย่างราบรื่น และเป็นสุข แทนที่จะรู้สึก เครียดและอ่อนล้า ลูกจะรู้สึกเป็นสุขสดชื่นเมื่อได้ทำการงาน ความเจริญ งอกงามที่แท้จริงเกิดขึ้นได้จากการผสมผสานความชำนาญที่ใช้พลังงานและจิตใจ อันเบิกบานให้เข้าด้วยกันแล้วนำมันมาใช้ในการทำงาน และถ้าลูกมีความสำนึกอยู่เสมอว่าการทำงาน คือการเรียนรู้และฝึกฝน ซึ่งจำเป็นต้องให้มีขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว ล่ะก็ ความขุ่นข้องหมองใจและความสับสนจะลดน้อยถอยไป มันจะทำให้ ลูกได้รู้จักตนเองมากขึ้น ลูกก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เป็นโทษขุ่นมัวให้เป็นประโยชน์และ โปร่งใสมากขึ้นลูกสามารถจะสร้าง โลกใหม่ที่มีแต่ความสดใสให้แก่ตัวลูกเอง ถึงแม้จะมีปัญหาเกิดขึ้น แต่ลูกจะมองปัญหานั้นๆ ว่านั่นคือวิถีทางแห่งการขยับขยายประสบการณ์ให้เบิกกว้าง และเป็นทางให้เกิดพลังอย่างวิเศษทีเดียว
บ่อยครั้งทีเดียวแหละที่ลูกเผชิญกับงานที่แสนยากและหนักใจ จิตใจของลูกจะสร้างกำแพงขวางกั้น โดยการปฏิเสธต่องานนั้นทันที ถ้าเป็นเช่นนี้ ความกังวลและความกลัว ความท้อแท้ท้อถอยก็จะเกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้มันจะเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการทำงาน ไม่ใช่เพราะแค่นี้ ลูกจะหันเหความสนใจไปเลือกทำแต่งานที่ง่าย ซึ่งในสายตาของผู้อื่นเขาจะมองดูลูกว่าเป็นคนอ่อนแอ เอาเปรียบ เห็นแก่ตัว ไม่น่าคบหา กลายเป็นผู้ที่มักถูกตำหนิว่าอยู่เป็นนิจ และถ้าลูกต้องการแก้ภาพพจน์ของตัวลูกเอง มันก็ไม่ยาก เรื่องมันก็เพียงแค่ ลูกต้องให้ความสำคัญและใส่ใจต่องานทุกชนิด ไม่ว่างานจะง่ายหรือยาก ลูกต้องถือเสมือนว่า งานที่เกิดขึ้นแก่ลูกคือ ความไว้วางใจที่โลกและสังคมได้ให้โอกาสแก่เราที่จะเรียนรู้
"งาน" คือ ตราชูที่คอยวัดกำลังใจ ความเสียสละ ความอดทน ความเข้มแข็ง งานคือวิถีทางที่แสดงถึงคุณค่าของการมีชีวิต งานคือแก้วสารพัดนึกที่วิเศษสุดที่จะทำให้ลูกได้อะไรๆ หลายๆ อย่างจากมัน เมื่อลูกทำความเข้าใจต่องานทั้งยากและง่ายได้ดังนี้ ลูกก็จงลงมือกระทำมันอย่างจริงจังและจริงใจ ผู้คนทั้งหลายเขาจะได้ไม่มองเจ้าไปในเชิงลบอีกต่อไป
การให้ความสำคัญต่องานดังกล่าวมาาแล้วนั้น ลูกจะสามารถทำงานทั้งยากและง่าย ได้อย่างมีความโปร่งใส ปราศจากอุปสรรคใดๆ แม้แต่ลูกจะเหน็ดเหนื่อยสักปานใด ลูกก็จะสามารถค้นพบแหล่งแห่งการเกิดพลังในการทำงาน แหล่งพลังนั้นก็คือ การจดจ่อ จับจ้อง จริงจัง ต่อการรวบรวมความรู้สึกนึกคิดให้เข้าสู่ตัวลูกเอง เพราะความรู้สึกนึกคิดนั้นคือพลังงาน ลูกจึงมีความจำเป็นต้องรวบรวมเพื่อไม่ให้พลังงาน หรือความรู้สึกนึกคิดนั้นๆ แตกกระสานซ่านเซ็นออกไป ครั้นเมื่อลูกสามารถรวบรวมพลังงานได้แล้ว ลูกก็ใช้พลังงานไปในการทำงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เราทุกคนมีพลังงานอันมากมายนี้ เพียงแต่ลูกต้องรู้จักใช้วิธี หรือรู้จักวิธีใช้มันอย่างเหมาะสมเท่านั้นเอง เมื่อลูกได้เข้าถึงความสำเร็จของงานแล้ว ลูกจะรู้สึกได้ว่าลูกยังมีเวลาเหลืออยู่อีกมาก เพราะการทำงานด้วยจิตใจที่จดจ่อ จริงจัง และใช้พลังอย่างต่อเนื่อง มันจะช่วยให้งานนั้นๆ สำเร็จได้เร็วโดยพลัน มันจะทำให้ลูกเป็นผู้ที่สามารถควบคุมการใช้เวลา และพลังงานอย่างประหยัด พร้อมทั้งมีประโยชน์งานจะมีคุณค่า ทำให้ลูกเกิดความเบิกบานและมีพลัง ลูกจะเริ่มรู้สึกถึงคุณค่าและความหมายของงานเพิ่มขึ้น โดยมิต้องลำบากต่อการที่จะฝึกปรือเพื่อให้รู้จักความหมายอีกต่อไป การให้คุณค่าและความหมายแก่งานนี้จะมีรางวัลในตัวมันเอง แล้วก็จะมีรางวัลให้แก่ตัวลูกเองด้วย การให้คุณค่าแก่งานเป็นเคล็ดลับนำให้เกิดความงอกงามแจ่มใส ชื่นบานในงานที่ลูกทำ
ลูกรัก...
เจ้าจงจำไว้เถิดว่า เมื่อเจ้าให้คุณค่าแก่สิ่งใดก็ตาม ความรู้สึกตื่นตัวอย่างละเมียดละไม จะประคับประคองส่งเสริมเจ้าเอง งานที่ลูกทำจะกลายเป็นแหล่งแห่งความรู้อย่างลึกซึ้ง และเจ้าจะมีความรู้สึกลึกๆ ที่จะขอบคุณต่อผู้ให้งานและงานนั้นๆ อย่างอ่อนโยน พ่อจึงกล้าที่จะบอกเจ้าดังว่า งานคือความเบิกบานของชีวิต มันเป็นแหล่งกำเนิดพลัง เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างล้นเหลือ ที่ลูกจะต้องทะนุถนอมและจะยอมสูญเสียมันไปมิได้แม้แต่วินาทีเดียว ลูกควรจะรักษาคุณสมบัติของความเบิกบานในชีวิตอันนี้ไว้ จนถึงที่สุดของการมีชีวิตทีเดียวแหละ