ลูกรัก
       พ่อได้ค้นพบ "ขุมทรัพย์" ของพระพุทธผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งถ้าผู้ใดได้เป็นเจ้าของก็จะกลับกลายเป็นผู้ดี ผู้มี ผู้เลิศ ผู้รู้ ผู้ประเสริฐ ขุมทรัพย์นี้จักช่วยให้ผู้เป็นเจ้าของ
      
       เป็นผู้มั่งคั่ง ในขณะที่ผู้อื่นยากจน
       เป็นผู้โชคดี ในขณะที่ผู้อื่นอับโชค
       เป็นผู้มีสุข ในขณะที่ผู้อื่นระทมทุกข์
       เป็นผู้อิ่มเต็ม ในขณะที่ผู้อื่นไม่พอ ไม่เหลือ
       เป็นผู้หัวเราะ ในขณะที่ผู้อื่นร้องไห้
       เป็นผู้ชุ่มชื่น ในขณะที่ผู้อื่นแห้งแล้ง
       เป็นผู้มีกำลัง ในขณะที่ผู้อื่นอ่อนล้า
       เป็นผู้เจริญ ในขณะที่ผู้อื่นเสื่อมโทรม
       เป็นผู้รุ่งเรือง ในขณะที่ผู้อื่นรุ่งริ่ง
       เป็นผู้ใช้เป็น ในขณะที่ผู้อื่นใช้ไม่เป็น
       เป็นผู้อ่อนโยน ในขณะที่ผู้อื่นแข็งกระด้าง
       เป็นผู้มั่นคง ในขณะที่ผู้อื่นหวาดผวา
       เป็นผู้มีปัญญาดี ในขณะที่ผู้อื่นโง่เขลา
       เป็นผู้รู้ ในขณะที่ผู้อื่นเป็นผู้หลง
       เป็นผู้แกร่งกล้า ในขณะที่ผู้อื่นอ่อนแอและเกรงกลัว
      
       การจะเป็นเช่นนี้ได้ ลูกจักต้องศึกษาให้ถ่องแท้ ถึงดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ที่มีต่อบุตรของพระองค์ไว้ว่า
      
       "ดูก่อน อานนท์"
       เพราะอาศัยความไม่รู้ จึงเกิดความคิดปรุงแต่ง
       เพราะอาศัยความคิดปรุงแต่ง จึงเกิดความรับรู้
       เพราะอาศัยความรับรู้ จึงเกิดกระบวนการนามรูป
       เพราะอาศัยกระบวนการนามรูป จึงเกิดสื่อสำหรับติดต่อโลกภายนอก 6 อย่าง (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ)
       เพราะอาศัยสื่อของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จึงเกิดสัมผัส
       เพราะอาศัยสัมผัส จึงเกิดความรู้สึก
       เพราะอาศัยความรู้สึก จึงเกิดความทะยานอยาก
       เพราะอาศัยความทะยานอยาก จึงเกิดการแสวงหา
       เพราะอาศัยการแสวงหา จึงมีการได้มา
       เพราะอาศัยการได้มา จึงเกิดการตกลงใจ
       เพราะอาศัยการตกลงใจ จึงเกิดความรักใคร่
       เพราะอาศัยความรักใคร่ จึงเกิดความฝังใจ
       เพราะอาศัยความฝังใจ จึงเกิดความหวงแหน
       เพราะอาศัยความหวงแหน จึงเกิดความตระหนี่
       เพราะอาศัยความตระหนี่ จึงเกิดการป้องกัน
       เพราะอาศัยการป้องการ จึงต้องถืออาวุธ
       เพราะอาศัยการมีอาวุธ จึงเกิดการทะเลาะ แก่งแย่ง พูดคำหยาบ ส่อเสียด มุสา
       เหล่านี้ เป็นเหตุแห่งความไม่ดี ไม่มี ไม่เลิศ ไม่ รู้ ไม่ประเสิรฐ เป็นเหตุแห่งความเสื่อมและความชั่วทั้งปวง
      
       ลูกรัก
       พ่อคิดว่า เรื่องที่พ่อกล่าวมานี้ สำหรับเจ้าแล้ว มันเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าจักต้องเรียนรู้ เหตุเพราะพ่อไม่ได้พูดถึงเรื่องอื่น วัตถุอื่นกับคนอื่น แต่พ่อพูดถึงเรื่องของเจ้า อันเกี่ยวกับวิญญาณของเจ้าและตัวเจ้า ซึ่งคงเรียกได้ว่าขุมทรัพย์นี้ มันเป็นทั้งหมดของตัวเจ้าทีเดียวแหละ ฉะนั้นพ่อจึงเห็นว่า เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะละเลย เพิกเฉย ไม่สนใจศึกษา เพราะนั่นเท่ากับว่า เจ้าจักกลายเป็นผู้น่าสมเพช ยิ่งกว่าสัตว์โลกทั้งปวง เหตุเพราะผู้ที่ไม่รู้เรื่องขุมทรัพย์นี้ย่อมไม่มีวิถีชีวิตที่ประเสริฐและ ค่อนข้างจะเป็นผ้เสียมากกว่าได้ วันแรกของการมีชีวิต จนถึงวันสุดท้าย จะเป็นไปอย่างทุกข์ระทมและมืดบอด ซึ่งถ้าเจ้ายังไม่เห็นความสำคัญของมัน เจ้าต้องลองนึกถึงอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายของเจ้ามากเพียงใดขุมทรัพย์ นี้ยังมีประโยชน์ต่อชีวิตวิญญาณของเจ้ายิ่งกว่า เหตุเพราะอาหารเลี้ยงเจ้าได้แต่ปัจจุบันเวลา
      
       แต่ขุมทรัพย์ของพระศาสดาเลี้ยงเจ้าได้ทั้งปัจจุบันและอนาคต เพราะมันจะทำให้เจ้าได้มีโอกาสเป็นผู้รู้อย่างแจ้ง เมื่อเจ้ารู้แจ้ง สิ่งที่แสดงพูดและคิดก็ไม่ผิด มีชีวิตที่สงบ เมื่อชีวิตวิญญาณของเจ้าสงบ ความสุขและความสว่างแห่งปัญญาก็จักมีแก่เจ้า เมื่อนั้นพ่อถึงว่า เจ้าคงจะเข้าใจจริงๆ ต่อการมีชีวิตของเจ้า และเพื่อนร่วมเกิดแก่ เจ็บ ตาย ได้มากกว่าที่เป็นอยู่นี้เป็นแน่ ถ้าเจ้าทำได้ขนาดนี้ พ่อก็คิดว่าหน้าที่ของพ่อที่มีความเอื้อเฟื้อต่อบุตรสุดหัวใจ ก็คงจะสมบูรณ์ สมค่า สมราคาของหน้าที่และชีวิตที่มีต่อลูกรักและพ่อขอเตือนเจ้าว่า "จงอย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่พ่อพูด จนกว่าเจ้าลงมือพิสูจน์ด้วยตัวเอง"