8 เม ย 2555  18.00 น. งานฌาปนกิจศพ (เผาจริ) คุณจิโรจน์ ทีปกานนท์  ณ. สวนหน้าโบสถ์
วัดอ้อน้อย แสดงธรรม โดยองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ

• คนตายมีมากเท่าไหร่ ก็เหลือแค่นี้น่ะ ลูก ดูเอาไว้เป็นอนุสติ
• อย่าทำตนเป็นคนบ้า คนบ้า ก็คือ คนโง่ คนโง่ ก็คือ คนไม่รู้ คนไม่รู้ ก็คือ คนที่น่าสงสาร
• ถ้าไม่กลัวแล้วตาย มันก็ไปสู่สุขคติ ถ้าเผชิญกับมันอย่างคนที่มีสติตั้งมั่น  แม้ที่สุด ชาติภพเราก็สามารถจะเลือกได้ เราจะกำหนดได้ว่า เราจะไปอยู่ตรงไหน  ที่ไหน แต่ถ้าไม่มีสติตั้งมั่น กรรมมันจะจัดสรรเราไปเอง หลังจากหลวงปู่จุดไฟทั้ง 4 ทิศ ใต้โลง รอบเมรุลอย
ทุกคนภาวนา สัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข สัตว์ทั้งปวงจงพ้นทุกข์  หายใจเข้า สัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข   หายใจออก สัตว์ทั้งปวงจงพ้นทุกข์
คนตายมีมากเท่าไหร่ ก็เหลือแค่นี้น่ะ ลูก ดูเอาไว้เป็นอนุสติ สอนตัวเอง อย่าเมามาก    อย่าหลงมาก อย่ามัวเมา อย่าประมาทมาก อย่าหลงเกินไปมากนัก เอาแค่พอมี พอหาอยู่หากิน  หาเลี้ยงครอบครัว หาตัวเองรอด ที่เหลือ ก็สร้างบุญกุศล สั่งสมเอา ไว้ภพภูมิต่อไปบ้าง  วิธีทำบุญมีตั้ง 10 อย่าง เลือกเอา    อย่าทำตนเป็นคนบ้า คนบ้า ก็คือ คนโง่ คนโง่ ก็คือ คนไม่รู้ คนไม่รู้ ก็คือ คนที่น่าสงสาร
ชีวิตคนไม่พ้นเชิงตะกอน ลูกสัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข สัตว์ทั้งปวงจงพ้นทุกข์ทหารไปเตรียมฟืนมาเพิ่ม เข็นฟืนมารอไว้ ฟืนที่เหลือพระพุทธเจ้าท่านสอนให้เรารู้ว่า  เอถะ ปัสสถิมัง โลกัง จิตตัง ราชะ ระถู ปะมัง ยัตถา พาลา วิสี ทันติ นัตถิ สังโฆ วิชชา นะตัง สูทั้งหลาย จงมาดูโลกนี้อันตระการดุจราชรถ เห็นไม๊ แม้แต่ประดับประดาเมรุตระการสวย งามดุจราชรถ แต่พวกคนเขลาหมกอยู่ คนไม่รู้ก็จะนึกชื่นชม แต่คนผู้รู้หาข้องอยู่ไม่ เพราะข้างในไม่เหลืออะไร ไม่มีอะไร ไม่ได้อะไร ตายแน่ๆ มองให้เห็นธรรมสังเวช พิจารณาให้เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป            สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พระบรมศาสดาทรงสอนพวกเรา ก่อนที่พระองค์จะปรินิพพาน ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงยังความประมาท คือ ทำประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท ด้วยเหตุผลว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมสิ้นไปเป็นธรรมดาสังขารทั้งหลาย ก็มีรูป มีเวทนา มีสัญญา มีสังขาร มีวิญญาณ มีนามรูป ทั้งหมดนี่เป็นสังขาร ซึ่งมันเสื่อมสลายสูญหายตายจาก
อ้ายจิโรจน์มันเกิดมาเป็นลูกศิษย์ เป็นผัว เป็นพ่อ เป็นประชาชน เป็นคน วันข้างหน้า มันก็จะมาเกิดเป็นอย่างนี้อีกก็ไม่ได้ มันก็เปลี่ยนแปลงไปตามเหตุตามปัจจัย ตามบุญทำกรรมแต่งเอาไว้     
ทำบุญไว้ดี ก็ไปสู่สุขคติภพโลกสวรรค์   

ถ้าทำไม่ดี มีแต่อัปรีย์ ก็ไปตกนรกหมกไหม้ อยู่ในอเวจี หรือ โล

กันตนรก
งั้น คนฉลาด เค้าจะไม่พยายามทำไม่ดี แต่จะพยายามทำดี พระเตมีใบ้ พระมหาโพธิสัตว์เจ้า

ท่านจึงไม่พยายามที่จะมีสมบัติ ไม่สั่งสมอบรมสมบัติ ไม่ตกอยู่ใน

อำนาจโลกธรรมทั้ง 8                    เพราะเห็นว่า สัตว์นรกมัน

มีทุกข์เที่ยงแท้ ขืนไปยุ่งกับลาภ ยศ เกียรติ สุข ทุกข์ นินทา สรรเสริญ             มันเป็น

ธรรมเครื่องข้องโลก เมื่อครู่นี้ พระท่านเทศน์ผิด ธรรมคุ้มครองโลก                                 

โลกธรรม 8 ประการ คือ ธรรมที่ผูกสัตว์ให้ข้องอยู่

ในโลก ให้ตกบ่วงแห่งมาร ตกอยู่ในอำนาจ             ของซาตาน มันทำร้ายทำลายสัตว์ข้าม

ภพข้ามชาติได้ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสุข มีทุกข์       มีนินทา มีสรรเสริญ ไป

ยุ่งมันอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ทำให้เราต้องมัวเมาขาดสติ
ฮึ กูออกแบบเมรุนี่ ระดับมืออาชีพเลยนะ ไฟสวยมากเลยนะ อย่างนี้ โอ ยิ่งกว่าเมรุหลวง

อีกนะ                ดูสิ ไฟขึ้นแต่ข้างบน วันหลังใครสนใจ ติดต่อได้นะ                               

อาตมารับบริการนอกสถานที่                                 

เออ ฝีมือลูกชายทั้ง 4 มันช่วยกันเรียงไม้ ทำให้ลมเป่าจากล่างขึ้นบน ไฟขึ้นบน                

รู้ไม๊ ทำไมกูให้เรียงอย่างนี้ มึงก็เห็นแล้วเนี่ย ฝีมือเนี่ย เออ

ก็มึงเรียงตันจนหมด ลมมันไม่เป่า              ไฟมันก็ไม่ขึ้นบน แล้วทำปล่องสูงๆ เมรุสูงๆ

มันก็จะช่วย
สัตว์ทั้งปวงจงเป็นสุข สัตว์ทั้งปวงจงพ้นทุกข์ เป็นการส่งวิญญาณของผู้ตายให้ไปสู่สุขคติ

โลกสวรรค์ เป็นคำภาวนาของพวกเราที่รวมกันเป็นตบะ เป็นเดช เป็นอานุภาพจิต เรียกว่า

จิตตานุภาพ มันสามารถเปิดประตูสวรรค์ได้ทุกชั้นฟ้า ถ้ามีเดช มีศักดา มีตบะ แม้แต่ในนรก

ก็สามารถเปิด              ชำแรกเข้าไปได้
 ดูตัวอย่าง พระมหากษิติครรภโพธิสัตว์ ท่านรู้ว่า แม่ท่านตกนรก ท่านก็สู้อุตส่าห์บุกเมือง

นรก ไปช่วยแม่ให้พ้นจากนรก พอช่วยได้แล้ว พอเห็นสรรพสัตว์ตกทุกข์ได้ยาก

ก็เลยไม่ยอมขึ้นจากนรก เพื่อจะอยู่ไถ่โทษให้สัตว์เหล่านั้น โปรดสัตว์เหล่านั้น เป็นความ

กตัญญูอันล้นพ้น ด้วยอานุภาพแห่งจิตที่ยิ่งใหญ่ เลยทำให้แม่พ้นจากนรก และช่วยเหลือ

สรรพสัตว์ได้
ทหารเอาฟืนวางไว้ตามข้างๆ โลง ชั้นบน                                                                     

พอแล้ว เดี๋ยวเยอะแล้ว ฟืนแค่นี้ ก็น่าจะพอแล้วล่ะ เออ มันเก็บไว้เป็นปีแล้ว

มันเห็นไม่สด                                เอาฟืนวางไว้ข้างๆ โลง วางไว้ข้างบนน่ะ ข้างๆ โลง

ฟืนใส่ไปข้างๆ โลง เออ วางตรงซอกๆ น่ะ เออ ระวังไฟที่มันจะหล่นใส่ตัวมึงด้วยนะ อยู่

ข้างบนน่ะ ใส่ 2 ข้าง อย่าใส่เยอะเกินไป เดี๋ยวอากาศมันไม่ขึ้น แล้วมันจะตีลง ทหารเอา

น้ำมันสาดตรงด้านนี้ ด้านที่ไม่มีไฟลุก ฝั่งข้างนี้ที่ควันมันดำๆ ให้มันลุกเท่าๆ กันทั้ง 2 ข้าง

สาดระวัง ทางนี้ เออ ข้างบนน่ะ ดูข้างกะโน้นสิ ควันดำหรือเปล่า ด้านบนน่ะ
เดี๋ยวนี้ เราหาดูไม่ค่อยได้แล้วนะ ภาพอย่างนี้ เหตุผลก็เพราะว่า มันมีเมรุสมัยใหม่ มันก็

เลยทำให้คนหลงมาก ไม่ได้เห็นความจริงของโลก สมัยก่อนเวลาเค้ามีการตาย เค้าก็จะไป

เผากันกลางทุ่งกลางนา ผู้คนอยู่บ้านนอกก็พากันไปทำเมรุลอยขึ้น เผาแล้ว ลูกหลานญาติมิตร

คนใกล้ชิด ก็มาเฝ้าดู สัปเหร่อก็ลูกหลานนั่นแหละ ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ดอกไม้จงไม้

จันไม่มีหรอก มีแต่ฟืนตามหัวไร่ปลายนา ตัดมาคนละกิ่งคนละก้าน
พอล่ะ
งั้น คนสมัยก่อนก็จะหลงน้อย เมาน้อย                                                                       

คนสมัยนี้ มันหลงมาก เมามาก เพราะไม่ได้เห็นความจริง

ของชีวิต  เห็นแต่ตาย แต่ตอนเผาไม่เห็น

บางทีตาย ก็ไม่อยากเห็น เห็นแต่ตอนเสพกับสุข พอถึงความตาย งานตาย คนตาย ไม่อยาก

ได้ยิน แสลงหู ได้ยินแล้ว มันจะไม่สุข เสพไม่ได้ กินข้าวไม่ลง ว่าไปเรื่อยเปื่อย พอชีวิต

อยากให้มันเมาไปเรื่อยๆ มันไปเรื่อยๆ ประมาทไปเรื่อยๆ จนแม้แก่ใกล้ตาย ก็ยังไปแสวง

หาเครื่องเสพที่ทำให้เกิดสุขจนลืมความตาย ทั้งที่เราก็หนีมันไม่พ้น แต่เราก็ทำลืมมันซะ

ไม่สมใจ
สุดท้าย พอความตายมาถึงเรา ก็กลัว หวาดผวาสะดุ้ง คนที่ตายแล้วไปเป็นทุกข์น่ะ คนที่

ตายแล้วตกนรก คือ คนกลัวตาย เจอความตายเข้า ก็สะดุ้งผวา บางทีทุรนทุรายก่อนตาย ไม่

กล้าตาย ไม่อยากตาย ไม่พร้อมที่จะตาย เห็นความตายเป็นเรื่องน่าหวาดกลัว
มันเลยทำให้สติไม่อยู่กับตัว มีแต่ความกลัวเป็นที่ตั้ง ทีนี้ จะทำยังไงล่ะ ก็ไปทุกข์คติภพ        

มันจำต้องตายแน่ๆ กลัวก็ตาย มีสติก็ตาย ไม่กลัวก็ตาย                       

ถ้าไม่กลัวแล้วตาย มันก็ไปสู่สุขคติ
อ้ายกลัว แล้วตายเนี่ย ไปสู่ทุกขคติภพ                                                                        

อ้ายความไม่กลัวกับความกลัว นี่ ไม่ใช่หมายถึง โจรไม่กลัว

แล้วก็ไปสู่สุขคติ ไม่ได้นะ  อ้ายความไม่กลัวตาย ในที่นี้

คือ เห็นความตายแล้ว มันไม่ครั่นคร้าม ไม่สะดุ้งผวา ไม่รู้สึกวิตกกังวล เออ จะตายแล้ว ใช่

ไม๊ งั้น พร้อมที่จะตาย อย่างนี้ เค้าเรียกว่า มีสติเวลาตาย                                                

     ตายแบบมีสติตั้งมั่น                                                                                           

ไม่ใช่ทำชั่วมาตลอด แล้วบอกไม่กลัวตาย ไม่ได้หรอก ไม่

กลัวตาย แม้โจรห้าร้อยที่มันปล้นสดมภ์ มันก็ไม่อยากตาย พอถึงความตาย มันก็ไม่อยาก

ตาย แต่ว่าหนีความตายไปไม่พ้นอยู่ดี
งั้น ความตายเป็นเรื่องที่ใครหนีไม่ได้ เหมือนๆ กับสมัยก่อน หลวงปู่ไปอยู่ทองผาภูมิ

น้ำมันพาพัด ดูดลงก้นแม่น้ำแควน้อย รู้ว่าตัวเองขวนขวาย เพื่อจะเอาชีวิตรอดไม่ได้ ก็มอง

ซ้ายมองขวา  เอ้า เราทำงานมาเยอะแล้ว ไหนๆ จะตาย
ก็ เอ้า ช่างมัน อยากตาย เตรียมใจที่พร้อมจะเผชิญกับความตายอย่างไม่หวาดกลัว              

มันดันมีคนสันดาน มันดันมาดันตูดขึ้น ฮึ ทำให้กูมาลำบากถึงทุกวันนี้    

แหม ไม่งั้น ก็ไปสบาย
โลงอะไรมันจะทรหดอดทนไฟอย่างนี้วะ เออ อ้ายนี่ ตายแล้วเหนียวเว้ย                           

เอ้ย ใช่เหรอ มึงไม่ได้ถอดเหรอ                                                 

เออ มันลุกแต่ข้างบน ข้างๆ ไม่ลุกเว้ย

มันลุก ข้างในน่ะหม้แล้วนะ
พรุ่งนี้ มหาอานนท์ พรุ่งนี้แปลธาตุ เก็บกระดูก                                                            

8 องค์ เตรียมนิมนต์เอาไว้ด้วย ซัก

8 โมงเช้า มาฉันเช้าที่นี่ แล้วก็แปลธาตุ เก็บกระดูก                                  ข้างในไหม้

อยู่แล้ว ไปเอาขันน้ำมนต์มา ขันน้ำมนต์ที่พรมน้ำมนต์
ความตายนี่ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรอก ถ้าเผชิญกับมันอย่างคนที่มีสติตั้งมั่น                          

แม้ที่สุด ชาติภพเราก็สามารถจะเลือกได้ เราจะกำหนดได้ว่า เราจะไป

อยู่ตรงไหน ที่ไหน แต่ถ้าไม่มีสติตั้งมั่น กรรมมันจะจัดสรรเราไปเอง กรรมมันจะพาเราไป

เราก็จะกลายเป็นคนประเภทมี กัมมะพันธุ กัมมะทายาโท กัมมะปะฏิสะระโน  มีกรรมเป็น

กรรมกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นที่ไป
นึก มองแล้ว ก็น้อมมาหาตัวเองว่า ถ้าเราตายแล้ว จะเป็นยังไง สภาพ เราจะมีอะไรติดไป

บ้าง                     เราขวนขวาย ยื้อแย่ง ทะเลาะวิวาท อาฆาต พยาบาท บาดหมาง สุด

ท้ายได้อะไรกลับไป                                                   ที่เราโวยวาย ตีโพยตีพาย ยื้อ

แย่งชิงดีชิงเด่นกัน สุดท้ายเหลืออะไร                                                          ที่เราหวง

แหน สะสม เฝ้าระวังรักษา ทะนุบำรุง ถนอมมันนักหนา สุดท้ายมีอะไร
เอ ไปถ่ายดูในโลงซิ ไม่ใช้หมองเลย                                                                           

ใครเอาแว่นตาในรถมาให้หน่อย                                

พรุ่งนี้ เตรียมผ้าขาวมาห่อ

ศพ กว้างยาว อย่างละ 2 ศอก เอามา 2 ผืน ห่อกระดูก                                              

         8 โมงเช้า นิมนต์พระสวดแปลธาตุ บังสุกุล เก็บกระดูก 8 องค์
ไฟลุกได้เหมาะสม พอดี สวย ใครเป็นคนออกแบบเมรุวะ ไม่...ออกข้างนอก               

อ้ายจิโรจน์นี่ มันเคารพกูยันตาย ตายแล้วก็ยังเคารพ อุตส่าห์ควันก็

ไม่ให้โชยเข้ามาใกล้ พ่อมันรับรู้ได้ ลูกมันเรียงฟืนด้วยความกตัญญู

เอียงไปหน่อยก็ไม่เป็นไร    ดอกไม้จัน เก็บไว้

หรือเปล่า ไม่มีเก็บนะ เหลือเปล่า มีใครเก็บไว้ไม๊ ไม่มีนะ เออ
ดูให้เกิดนิพพิทาญาณ ให้ใจมันเบา สมองมันโล่ง จิตใจมีอิสระจากเครื่องร้อยรัด จากเบญจ

พิษ            กามคุณ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ใจเบา สมองโล่ง มันจะเป็นบุญที่ส่งผลให้กับ

ผู้วายชนม์                       
เอาน้ำรดข้างๆ แล้วก็เอาฟืนเติมเข้าไปอีกข้างใต้
เมื่อกี้ กูบอกพ่อมึงไว้ กูจะขอกระโหลกศีรษะเอาไว้                                                       

งั้น กระโหลกจะเป็นส่วนที่ไม่ไหม้ไฟ
มาทางนี้ ใส่ทางนี้ ใส่ข้างล่าง ใส่เข้าไปตรงที่เค้ารดน้ำแล้ว ข้างบนสิ เฮ้ย ข้างในสิ เออ
เอ้า พวกชาวบ้าน เณร ว่าตาม
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้พยาบาทเบียดเบีนซึ่งกัน

และกันเลย
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลาย ทั้งปวง จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย

จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยด้วยกัน ทั้งหมดทั้งสิ้นเทอญ
ข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่คุณบิดา มารดา คุณครูบาอาจารย์ ปู่ย่า ตายาย ญาติสนิท

มิตรสหาย และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย รวมทั้งท่านผู้มีพระคุณ ที่ได้ให้อาหารและปัจจัย

4 แก่ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักษ์รักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้ง

หลายทั่วสากลพิภพ และพญายมราช ท่านท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 พระธรณี พระคงคา พระ

เพลิง พระพาย สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร และณ. สถานที่

แห่งนี้
ขอจงอนุโมทนาในกุศลผลบุญนี้ อันพวกข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้กระทำแล้วด้วยดี ในครั้งนี้ด้วย

เทอญ
ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย อากาศเทวดาทั้งหลาย ภุมเทวดาทั้งหลาย

เจ้าที่ เจ้าทางทั้งหลาย เจ้าทุ่ง เจ้าท่าทั้งหลาย เจ้าป่าเจ้าเขาทั้งหลาย เปรตอสุรกายทั้งหลาย ผี

สางนางไม้ทั้งหลาย และดวงวิญญาณของคุณจิโรจน์ ทีปกานนท์ จงอนุโมทนา ในกุศลผล

บุญอันพวกข้าพเจ้าทั้งหลายได้กระทำแล้วด้วยดีในครั้งนี้ด้วยเทอญ
ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ส่งผลให้ดวงวิญญาณของคุณจิโรจน์ ทีปกานนท์ จงไปสู่สุขคติโลก

สวรรค์ รุ่งเรือง มีโชค และได้เข้าถึงซึ่งพระธรรม เจริญในธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่

ได้ทรงแสดงไว้ดีแล้ว ณ. โอกาสต่อไปด้วยเทอญ
เอ้า มหาอานนท์ หายไปไหน เอาน้ำมนต์ไปพรมให้เณรหน่อย พระพี่เลี้ยงพาไปสรงน่ำ

วันนี้อาบน้ำแล้วก็มาฉันน้ำปานะ แล้วก็กลับไป ต่างคนต่างไหว้พระในกุฏิของตน เดี๋ยวถ้า

วันนี้ ใครไม่ไปไหว้พระในกุฏิของตน เดี๋ยวกูจะให้อ้ายจิโรจน์ไปกระเทือบ เออ
พระใหม่ช่วยกันเก็บของ ลูก ชาวบ้านว่างๆ ก็ช่วยกันเคลียร์ของได้แล้ว                             

เจ้าภาพก็กลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า ค่อยมาเก็บกระดูก