โรงเจหอคุณธรรมฟ้า (เทียนหงีตึ้ง)

อัลบั้มภาพโรงเจ

  • ชื่อโรงเจหอคุณธรรมฟ้า
  • มูลเหตุในการสร้างโรงเจ
  • การสร้างโรงเจ
  • สถาปัตยกรรมและศิลปกรรมสำคัญของโรงเจหอคุณธรรมฟ้า
    • วิหารเชียนฟ้า

 

"โรงเจไม่ใช่เรื่องนอกศาสนา พระพุทธะหรือพระโพธิสัตว์หวังให้มนุษยชาติได้อยู่ร่วมกัน ทำสิ่งที่ดีที่งดงาม พัฒนาตนไปตามลำดับขั้นเพื่อนำไปถึงซึ่งความหลุดพ้น พระศาสดาเจ้าจึงอบรมสั่งสอนให้มีการให้ทาน โรงเจเป็นสถานที่เจริญทาน เพื่อนำไปสู่การเจริญศีล และเจริญภาวนาเป็นลำดับและเป็นขั้นตอน ซึ่งมีพระ โพธิสัตว์เป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาชีวิต สอนให้รู้ชีวิตเรียนชีวิต ดำเนินชีวิตด้วยปัญญา เพื่อนำพาชีวิตไปให้ถึงซึ่งความดับทุกข์ทั้งปวง" หลวงปู่พุทธะอิสระ 5 ธันวาคม 2550

 

ชื่อโรงเจ "หอคุณธรรมฟ้า"


หมายถึง คุณธรรมของฟ้า ในเบื้องต้นคือ ความกตัญญู กตเวทิตาตอบแทนคุณ ซึ่งบนผนังกำแพงโรงเจจะมีรูปมังกร จารึกข้อความไว้ว่า "พ่อแม่มีคุณธรรมลูกหลานกตัญญู" มังกร หมายถึงความร่ำรวยรุ่งเรืองเจริญเกิดแก่ผู้มีกตัญญูรู้คุณ

 

มูลเหตุเบื้องต้นในการสร้างโรงเจ


หลวงปู่พุทธะอิสระได้เล่าให้ลูกหลานฟังหลายครั้งว่า ในครั้งอดีตท่านเคยอาพาธหนักจากโรคลำไส้ถ่ายเป็นเลือดซึ่งเป็นผลจากการไปธุดงค์ที่เขมร ขณะนอนอาพาธหนักอยู่รูปเดียวภายในโรงเจซอยแสนสุข ได้ฝันว่ามีสตรีแต่งกายด้วยอาภรณ์งดงามนำผลลูกท้อมาถวาย เมื่อท่านได้ฉันผลลูกท้อนั้นแล้วตื่นขึ้นในตอนเช้าอาการอาพาธต่าง ๆ หายไปหมด และพบว่าสตรีที่นำผลท้อมาถวายก็คือพระโพธิสัตว์กวนอิมที่ประดิษฐานอยู่ภายในโรงเจแสนสุขนั่นเอง เนื่องจากโรงเจแห่งนี้ไม่มีพระภิกษุประจำจึงถูกทิ้งร้างไม่มีคนดูแล หลวงปู่จึงได้ตั้งปณิธานไว้ว่าในอนาคตจะสร้างโรงเจถวายพระโพธิสัตว์เพื่อตอบแทนท่านผู้มีคุณ

 

การสร้างโรงเจ


เริ่มต้นก่อสร้างในปี 254…….. โดยหลวงปู่พุทธะอิสระเป็นผู้ออกแบบ และกำหนดแนวทางการสร้างทั้งหมด ท่านกล่าวว่าการสร้างโรงเจนั้นสร้างยากกว่าสร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้างวิหารเพราะตำแหน่งของอาคาร วิหารต่างๆ ในโรงเจ รวมทั้งการประดิษฐานเทพเจ้า รูปเคารพ และสัญญลักษณ์มงคลต่าง ๆ ต้องถูกต้องตรงกับตำแหน่งและตัวเลขมงคลตามศาสตร์ฮวงจุ้ย เพื่อให้ผู้ที่มาทำบุญกราบไหว้ได้รับศิริมงคล โชคลาภ ความผาสุกอย่างแท้จริง ในช่วงแรกของการก่อสร้างโรงเจทางวัดได้จ้างช่างชาวจีนมาทำการก่อสร้าง แต่เมื่อหลวงปู่มาตรวจงานพบว่างานก่อสร้างไม่ได้คุณภาพ โครงสร้างอาคารผิดเพี้ยนไม่ตรงตามหลักมงคลฮวงจุ้ย แม้ข้อบกพร่องผิดพลาดเพียงเล็กน้อย แต่หลวงปู่ท่านจะสั่งให้ทุบทิ้งทันทีทำให้การก่อสร้างโรงเจเป็นไปด้วยความล่าช้า และสิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็น ในที่สุดท่านได้ยกเลิกการจ้างคณะช่าง และเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างโรงเจทั้งหมดเอง ทำให้โรงเจหอคุณธรรมฟ้า เป็นโรงเจที่มีรายละเอียดที่ประณีตงดงาม และถูกต้องสมบูรณ์ตามหลักมงคลของศาสตร์ฮวงจุ้ยโบราณ เพื่อให้สาธุชนที่มาไหว้พระทำบุญ ณ สถานที่แห่งนี้ได้รับแต่สิ่งที่เป็นมงคลอย่างแท้จริง
        ปัจจุบันนี้อาคารสำคัญของโรงเจหอคุณธรรมฟ้าได้ก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมดแล้ว คงเหลือการก่อสร้างปลีกย่อย และการเก็บรายละเอียดต่าง ๆ และได้เปิดให้สาธุชนได้เข้ามาไหว้พระ สักการะเทพเจ้า ณ บริเวณด้านหน้าโรงเจ และสามารถชมความงามของพุทธศิลป์ จีน ธิเบต ไทย ภายในโรงเจได้ทุกวัน ประมาณการว่าโรงเจทั้งหมดจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ ภายในปี.................นี้ ซึ่งจะได้มีพิธีศักดิ์สิทธิ์คือการอัญเชิญพระโพธิสัตว์ และเทพเจ้าต่าง ๆ เข้าประดิษฐาน ภายในโรงเจ และพิธีเฉลิมฉลองเปิดเป็นทางการให้ประชาชนได้เข้ามาทำบุญไหว้พระต่อไป

 

สถาปัตยกรรมและศิลปกรรมสำคัญของโรงเจหอคุณธรรมฟ้า

 

ประตูสวรรค์


ซุ้มประตูด้านหน้าสุดของโรงเจ เปรียบได้ดั่งประตูสวรรค์ ที่นำสาธุชนเข้าสู่หนทางการเรียนรู้พัฒนาชีวิตของตนให้มีคุณธรรมสูงยิ่ง ๆ ขึ้น เหนือซุ้มประตูจารึกชื่อโรงเจด้วยตัวอักษรจีน 3 ตัว คือ เทียน – หงี – ตึ้ง หรือ หอคุณธรรมฟ้า หมายถึง คุณธรรมของฟ้าเบื้องต้น คือความกตัญญู กตเวทิตาตอบแทนคุณ บนผนังกำแพงมีรูปมังกร จารึกข้อความว่า "พ่อแม่มีคุณธรรมลูกหลานกตัญญู" มังกร หมายถึงความร่ำรวยรุ่งเรืองเจริญเกิดแก่ผู้กตัญญูรู้คุณ
เมื่อผ่านประตูสวรรค์เข้าไปภายใน ด้านหน้าโรงเจจะเห็นเสาต้นใหญ่ ซึ่งอยู่ในทิศทั้ง 4 แต่ละต้นจะมีรูปเคารพและมีมงคลอยู่ในเสาทั้ง 8 ต้น
เสาซ้ายมือด้านหน้า 2 ต้นเขียนเป็นภาษาจีน และ 2 ต้นด้านหลังเขียนเป็นภาษาไทยว่า "ดวงดาราคือทรัพย์สินบริวารของเจ้า" และ "สุริยันจันทราคือปัญญาของเจ้า"
ส่วนเสาขวามือด้านหน้า 2 ต้น เขียนเป็นภาษาจีน และ 2 ต้นด้านหลังเขียนเป็นภาษาไทยว่า "ขุนเขาคือวาสนาของเจ้า" และ "ฟ้าคือชีวิตของเจ้า"

อาคารสำคัญภายในโรงเจหอคุณธรรมฟ้า

ภายในโรงเจประกอบด้วย อาคารใหญ่ 2 อาคาร คือ อาคารวิหารเซียนฟ้า และอาคารวิหารพระโพธิสัตว์ มีอาคารหลังเล็ก 4 อาคารตั้งอยู่ด้านข้างซ้ายและขวาทั้งสี่ทิศรอบโรงเจ คือวิหารท้าวจตุโลกบาล เทพราชารักษาสวรรค์ทั้ง 4 ทิศ

 

วิหารท้าวจตุโลกบาล


อาคารซ้ายมือติดกับวิหารเซียนฟ้า คือที่ประทับของ ท้าวธตรฐ (ถี่กกเทียงอ้วง) เทพราชารักษาสวรรค์ทิศตะวันออก ธาตุดิน เขียนด้วยศิลปะจีน โทนสีเขียว น้ำตาล ส่วนอาคารขวามือของวิหาร คือที่ประทับของ ท้าวเวสสุวัณณ หรือท้าวกุเวร (ตอบุ๋งเทียงอ้วง) เทพราชารักษาสวรรค์ทิศเหนือ ธาตุน้ำ โทนเขียนด้วยศิลปะจีนโทนสี......... ส่วนอาคารเล็กอีก 2 หลังที่อยู่ขนาบข้างวิหารพระโพธิสัตว์ชั้นใน อาคารซ้ายมือคือที่ประทับของ ท้าววิรุฬปักข์ (ก่วงมักเทียงอ้วง) เทพราชารักษาประตูสวรรค์ทิศตะวันตก ธาตุโลหะ เขียนด้วยศิลปะจีนโทนสี..................... อาคารขวามือคือที่ประทับของ ท้าววิรุฬหก (เจงเชียงเทียงอ้วง) เทพราชาสวรรค์ด้านทิศใต้ มือถือกระบี่ ธาตุไฟ เขียนด้วยศิลปะจีนโทนสีแดง

 

อาคารวิหารเซียนฟ้า


เป็นอาคารใหญ่ด้านหน้าสุดภายในโรงเจ แสดงภาพของสรวงสวรรค์ซึ่งเป็นที่ประทับของเทพเจ้าต่าง ๆ ซึ่งแต่ละองค์ล้วนมีเรื่องราวการได้ประกอบกรรมดี คุณธรรมอันใหญ่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จึงได้ส่งผลให้ได้มาเกิดเป็นเทพบนสวรรค์ ภายนอกด้านหน้าวิหารประดิษฐานประติมากรรมโลหะเทพผู้พิทักษ์สรวงสวรรค์ 2 องค์ ทางซ้ายมือคือ เทพเอ้อหลาง (เทพสามตา) เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ท่านเพียรทำความดีนับแสนครั้งและยังช่วยบิดาหาญสู้พญามังกรเพื่อช่วยราษฎร ทางขวามือคือ เทพนาจา เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ท่านแล่เนื้อขูดกระดูกตนเองให้พญามังกรเพื่อแทนคุณบิดา ด้วยคุณธรรมความกตัญญู กตเวทิตาต่อบิดาที่เลี้ยงดูมาด้วยชีวิตของตนเอง เมื่อสิ้นชีพลง ทั้ง 2 ท่านจึงอุบัติเป็นเทพบนสรวงสวรรค์

ภายในวิหารเซียนฟ้าเป็นที่ประดิษฐานเทพเจ้าสำคัญ 3 องค์

เง็กเซียนฮ่องเต้
เทพราชาแห่งสรวงสวรรค์ เป็นตัวแทนของความสมบูรณ์ด้วยยศ ศักดิ์ เกียรติ อำนาจ ประทับเป็นองค์ประธานตรงกลาง สร้างโดยศิลปะจากจีนผสมผสานกับธิเบต


เทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ย
เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งร่ำรวย เงินทองโชคลาภ ประทับบนหลังเสือ  ท่านเป็นผู้ดูแลคลังสมบัติของ ๓ โลก มือซ้ายถือดาบ มือขวาถือก้อนเงินก้อนทอง  คล้องแขนด้วยหอยมุก 


ภายในวิหารเซียนฟ้า ยังมีประตูสวรรค์ 3 ประตู เป็นทางออกของเทวดาที่กำลังจะจุติไปสู่ภพภูมิใหม่ เทวดาที่มีบุญต่างกันจะออกประตูสวรรค์แต่ละช่องไม่เหมือนกัน ประตูทางทิศตะวันออก เทวดาเมื่อหมดบุญออกประตูทางทิศตะวันออกก็จะไปเกิดเป็นเทวดาชั้นสูงขึ้นไป



ประตูช่องบันไดมังกร
ถ้าออกช่องนี้จะได้ไปเกิดเป็นเจ้าเมืองเจ้าครองนคร หรือเป็นฮ่องเต้เป็นพระราชา ถ้าลงบันไดแก้วบันไดทองจะได้เกิดเป็นเสนาบดี เป็นอาจารย์ เป็นผู้มีสติปัญญา ช่องสุดท้ายคือ ประตูทางทิศตะวันตก หรือช่องทิ้งขยะ ช่องนี้ถ้าเทวดาหมดบุญตกสวรรค์จะถูกผลักให้ลงประตูสวรรค์ทางทิศตะวันตกไปเกิดในนรก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอำนาจแห่งกฏของกรรม ซึ่งเป็นสัจธรรมที่สัตว์ทั้งปวงหรือแม้แต่เทพเทวดาก็ไม่อาจหลีกหนีกฏของกรรมได้พ้น


ภาจิตรกรรมฝาผนังภายในวิหารเซียนฟ้า
มีภาพเขียนศิลปะจีน และธิเบตที่งดงามเขียนโดยช่างชาวจีนและธิเบต เป็นภาพของ 8 เซียน และเทพบนสวรรค์ ตามคติความเชื่อของชาวจีน ภาพบนผนังด้านตะวันออก เป็นภาพเง็กเซียนฮ่องเต้ประธานแห่งสรวงสวรรค์ ถัดลงมาเป็นพระโพธิสัตว์โปรดเทวดาบนสวรรค์ ทิศตะวันตกเป็นท้าวเวสสุวรรณ กลางวิหารเซียนฟ้ามีเสาขนาดใหญ่.....ต้น ประกอบไปด้วยเสามังกร กับ เสาหงส์ เสาริมซ้ายขวาสี่ต้นจะเป็นหงส์แบบลวดลายไทยละเอียด มังกรไทยมีลวดลายกนก เสากลางสี่ต้นจะเป็นมังกรจีน หงส์จีนหรือนกสวรรค์ ดอกไม้ของจีนคือดอกโบตั๋น และดอกพุดตาลดอกไม้ของไทย และแสดงภาพเขียนและประติมากรรมนูนต่ำฝีมือช่างธิเบต ประกอบไปด้วยสัญลักษณ์มงคลทั้ง 8 ของทิเบต คือ ฉัตรสีขาว ปลาคู่สีทอง แจกันแห่งโภคทรัพย์สีทอง ดอกบัว หอยสังข์ลายวนขวา เงื่อนมงคล ธงแห่งชัยชนะ และกงล้อหรือธรรมจักร ที่หัวเสาแกะเป็นบัว หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ มีรูปนกมงคล และค้างคาว ซึ่งหมายถึงอายุยืน เพื่อให้ผู้ที่มากราบไหว้ได้รับพรและความเป็นมงคลต่าง ๆ อย่างครบถ้วน


ระเบียงทางเดิน
ระเบียงทางเดินจากวิหารเซียนฟ้าไปยังอาคารตำหนักพระมหาโพธิสัตว์ ที่เสาระเบียงแต่ละต้นแสดงปริศนาธรรมของบัวสี่เหล่าซึ่งมีความหมายว่า...........................


พระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร

พระกวนอิมปางสหัสสหัตถ์ สหัสสเนตร (พันมือ) เป็นองค์ประธานอยู่บนแท่นประทับใหญ่กลางวิหาร มีพุทธลักษณะงดงามอิ่มเอิบ สงบเย็น มีความสูง.........ฟุต หล่อด้วย............เมื่อปี พ.ศ...............โดยหลวงปู่ได้มอบโจทย์ให้ช่างไทยผู้ปั้นพระประธานวัดอ้อน้อย ขึ้นแบบ และแก้ไขหลายครั้งจนได้เทวลักษณะที่งดงาม สมบูรณ์ พระอวโลกิเตศวร(กวนอิม) เป็นพระโพธิสัตว์ที่มีผู้เคารพนับถือมากที่สุด เพราะเชื่อกันว่าพระองค์เป็นผู้ทรงไว้ด้วยพระมหากรุณาอันกว้างใหญ่ไพศาลในอันที่จะโปรดสัตว์โลกที่ได้รับความทุกข์ให้พ้นจากทุกข์ พระนามของพระองค์ อวโลกิเตศวร นั้นหมายถึง "พระโพธิสัตว์ที่คอยสดับตรับฟังเสียงความทุกข์ของโลก" ส่วนปางพันมือนั้นมีที่มาในพระสูตรว่า เมื่อครั้งที่พระธิดาเมี่ยวซันสำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์ ได้สละมือของท่านเพื่อช่วยพระบิดาซึ่งป่วยเป็นโรคร้ายไม่มีทางรักษาอันเนื่องมาจากกรรม ด้วยความกตัญญูทำให้เกิดเป็นมือ 1,000 มือ และมีดวงตากลางพระหัตถ์ ทรงซึ่งอาวุธและของวิเศษต่าง ๆ ล้วนเป็นสิ่งมงคลเพื่อช่วยเหลือปลดเปลื้องความทุกข์ของสรรพสัตว์ ทรงมีพระปณิธานว่า ตราบใดยังมีสรรพสัตว์ตกทุกข์ได้ยากอยู่ จะไม่ขอบรรลุพุทธภูมิ


พระศรีอาริยเมตไตรย์มหาโพธิสัตว์



พุทธลักษณะสำคัญของพระศรีอริยเมตไตรย์คือ เป็นรูปพระอ้วนท้องพลุ้ยนั่งหัวเราะ  คนไทยเราเรียกกันว่า พระสังกัจจายน์   หรือหลวงพ่อผาสุก  ท่านจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต  มหาปณิธานของพระองค์ท่านคือ  เมื่อรู้แล้วจักช่วยผู้อื่นรู้ด้วย  เมื่อพ้นทุกข์แล้วจะช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์ด้วย  เมื่อข้ามโอฆะแล้ว  จะช่วยผู้อื่นข้ามโอฆะด้วย  เมื่อได้พุทธภูมิแล้วจะช่วยให้ผู้อื่นได้พุทธภูมิด้วย
ในชั้นแรกหลวงปู่พุทธะอิสระได้มอบหมายให้ช่างไทยเป็นผู้ปั้นองค์หลวงพ่อผาสุก  โดยกำหนดให้แสดงถึงพุทธลักษณะสำคัญคือ พุงป่อง สะดือหงาย  นั่งยิ้มบนดอกบัว แต่ก็พบว่าแบบต่าง ๆ ที่ช่างทำมานั้นใช้ไม่ได้ แม้แก้ไขไปหลายครั้งแต่ดูอย่างไรก็ไม่สามารถสัมผัสถึงความสุขสมบูรณ์อย่างแท้จริงได้   ท่านจึงลงมือปั้นเอง  ท่านเล่าว่าท่านจะรู้สึกเป็นสุขทุกครั้งในการปั้น เมื่อปั้นส่วนท้องที่พุงป่องกลมก็จะนึกถึงความสุขที่ได้เอาหน้าไปแนบท้องของหลวงพ่อชุ้น(พระธรรมเสนานี)วัดวังตะกู แล้วถามว่าจะคลอดหรือยัง  หลวงพ่อจะหัวเราะชอบใจ  ส่วนที่ต้อง สะดือหงาย นั้นเป็นเคล็ดสำคัญที่มีความหมายว่าเงินจะขังอยู่ในสะดือที่หงายไม่หลุดล่วงหล่นหายลาภสักการะจะได้ขังไว้ได้  ที่มือข้างซ้ายมีกำไลหัวมังกรกินหางมังกรคล้องไว้ซึ่งมีความหมายว่ากินไม่หมด มีแต่กำไรมีเงินทองไหลออกมาจากถุง  มือข้างขวาจะถือลูกประคำชึ่งมีความหมายแห่งสติปัญญา การศึกษา 
ท่านมีวิมานไม้โสนมีกลิ่นที่หอมเหมือนดอกโสนในสวรรค์ชั้นกามาวจร  ซึ่งเป็นผลบุญที่ท่านได้ทำไว้ในครั้งอดีตกาล ในสมัยที่ท่านเกิดเป็นเด็กเลี้ยงควาย  เดินไปเลี้ยงควายผ่านไปพบพระปัจเจกพุทธเจ้านั่งฉันอาหารอยู่ริมสระน้ำที่มีแดดส่องเกิดความรู้สึกสงสาร  จึงไปหักต้นโสนมาทำเป็นเสา  4  ต้น แล้วเอาผ้าที่ใช้ผูกชายพกของตัวเองไปขึงกันแดดให้แล้วเฝ้าปฏิบัติพระปัจเจกพุทธเจ้าทุกวัน  ด้วยผลบุญจึงได้เกิดเป็นเทวดาและมีวิมานดังกล่าว



ภาพจิตรกรรมฝาผนังในอาคาร



แสดงเรื่องราวจากพระสูตรมหากรุณาสูตร ซึ่งเล่าเรื่องมหากรุณาของพระโพธิสัตว์กวนอิมปางต่าง ๆ ที่เสด็จไปช่วยเหลือสรรพสัตว์ เขียนโดย คุณกาพย์แก้ว สุวรรณกูฏ ช่างไทยผู้เขียนจิตรกรรมในอุโบสถวัดอ้อน้อย เป็นงานศิลปะแบบจีนที่มีความงดงาม และได้ศึกษาค้นคว้ารายละเอียดต่าง ๆ อย่างดี

บริเวณผนังอาคารโดยรอบแสดงภาพสวรรค์ทั้ง 6 ชั้น
ทางทิศตะวันออก เขียนภาพสวรรค์ชั้นดุสิต ซึ่งเป็นที่ประทับของพระโพธิสัตว์   
ผนังอาคารด้านทิศเหนือเป็นภาพพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ผนังอาคารด้านทิศใต้ แสดงภาพสวรรค์ชั้น ยามา นิมานรดี และปรนิมานรดี ซึ่งเป็นที่ประทับของพญามาร
ผนังอาคารทิศตะวันตกด้านหลังพระประธาน แสดงภาพ........



บนเพดานหอพระโพธิสัตว์



เป็นภาพเขียนรูปมือพระโพธิสัตว์กวนอิมทรงศาสตราวุธและของมงคลวิเศษต่าง ๆ  ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ที่แสดงถึงปณิธานและบารมีอันสูงส่งยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์ที่สามารถโอบอุ้ม ช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ โดยการประพฤติคุณธรรมอันยากยิ่งนานานับประการอย่างไม่ย่อท้อ 
พระโพธิสัตว์ จึงเป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนาชีวิต  คือมนุษย์หรือสัตว์โลกที่มีชีวิตอย่างมีพัฒนาการ มีความมุ่งมั่นศรัทธาฝึกหัดปฏิบัติในวิถีโพธิธรรมทั้ง 10 ประการ จนสามารถพัฒนาตนเองจากสามัญสัตว์เป็นโพธิสัตว์ผู้สามารถพึ่งตนเองและช่วยเหลือขนสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์  นับเป็นวิถีการปฏิบัติบำเพ็ญบารมีอันยาวไกลและยากยิ่งเหนือกว่าเทพเทวดาใด ๆ   

สิ่งนี้คือแก่นธรรมซึ่งเป็นหัวใจของการสร้างโรงเจหอคุณธรรมฟ้าแห่งนี้  รวมถึงศาสนสถานอื่น ๆ ภายในวัดอ้อน้อย  เพื่อให้ศิษย์และอนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้ เป็นผู้มีศรัทธาที่จะฝึกหัดอบรมพัฒนานำพาชีวิตของตนเองให้มีคุณธรรมสูงยิ่งขึ้น จากสามัญสัตว์ไปสู่อริยชน หรือโพธิชน จนเป็นผู้ที่มีชีวิตอย่างมีพัฒนาการสูงสุด คือถึงการดับแห่งทุกข์ได้