เจ้าจงเพียรพยายามสลัดอารมณ์ ความหงุดหงิด ฟุ้งซ่าน วุ่นวาย ทั้งหลายที่เป็นขยะหยากเยื่อหยากไย่ของความคิด สติ และดวงจิต ให้หลุดและหยุดมันให้ได้ จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับสูดเอากลิ่นอายแห่งความเบิกบาน พลังแห่งชีวิต และเสรีภาพอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นเสรีภาพที่เราได้ปลดปล่อยออกมากับลมหายใจ ขยะหยากเยื่อหยากไย่ พร้อมกับฝุ่นละอองและความอึดอัด ว้าวุ่นแห่งดวงจิต รวมทั้งความคิดที่สับสนทั้งหลายให้หมดไป
       
       ไม่ว่าเราจะเล่นเกมและเล่นสนุกกับกิริยาท่าทาง และกระบวน การแห่งความคิดอันเยอะแยะมากมายที่เต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน เบิกบานสำราญใจ โดยการวางภาระทั้งหลายให้จบสิ้นและหมดลงไปในบัดดล กลายเป็นบุคคลผู้เปล่า และว่าง ปราศจากความคิดอ่านที่สับสนวุ่นวายทั้งปวง
       
       จากนั้นผนึกกายและใจให้แนบแน่นรวมกันเป็นหนึ่งเดียว โดยไม่ให้ความคิดอื่นใดมาแยกจิตออกจากกาย การผูกกายกับใจให้ รวมเป็นหนึ่ง ด้วยวิธีการใช้จิตพร้อมทั้งความรู้สึกนึกคิดและสามัญสำนึกทั้งปวงสำรวจตรวจ ดูภายในกายตั้งแต่กะโหลกศีรษะจนถึงกระดูกทุกข้อจรดปลายเท้า และตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงกะโหลกศีรษะ เมื่อเจ้าทำได้ดังนี้ โดยไม่มีอารมณ์ใดๆมาฉุดกระชากลากความรู้สึกนึกคิดของเจ้าให้โลดแล่นออกไปสู่ โลกภายนอกของกายเจ้าได้ พร้อมกับใช้ความรู้สึกนึกคิด สำรวจตรวจสอบโครงสร้างภายในกายของเจ้าและสามารถคงอารมณ์อยู่ได้นานตามที่ เจ้าปรารถนาเพียงแค่นี้พ่อก็ว่า เจ้าสามารถจักเป็นผู้ทรงพลังอำนาจ และเป็นผู้ชนะในโลก พ่อจักถือว่าเจ้าสามารถปิดกั้นหนทาง แห่งอบายภูมิได้อย่างง่ายดาย เหตุเพราะพระศาสดาทุกพระองค์ ทรงกล่าวว่า ผู้ไม่ดิ้นรนทะยานอยากไม่ทุกข์ร้อน ไม่กระเสือกกระสน ไม่แสวงหาด้วยความละโมบทะเยอทะยาน ปล่อยวางภาวะ กรรมทั้ง กาย วาจา ใจ และมีความสงบสันติ พระองค์ทรงเรียกผู้นั้นว่า สมณะ นักบวช พระผู้สงบ ผู้หยุด ผู้สันโดษ เป็นสภาวะของเนกขัมมะ คือ การออกบวชพร้อมจิตวิญญาณที่ไม่โดนหิ้วอยู่ หุ้มอยู่จมอยู่ในกองขยะแห่งความหลง ไม่ปล่อยให้ชีวิตจิตวิญญาณ ลื่นไหลไปกับการปรุงแต่งความรู้สึกนึกคิด ที่ผิดปกติไปจากความเป็นจริงของสภาวะธรรมจนทำให้เกิดอารมณ์มาผูกพันกักขัง ให้จิตวิญญาณตกเป็นทาส และเกิดอะไรตามมามากมาย
       
       ลูกรัก
       พ่อปรารถนาที่จะร้องขอให้เจ้าปลดปล่อยตนเองออกจาก "คุกแห่งอารมณ์" เหตุเพราะคุกชนิดนี้ไม่มีผู้ใดในโลกมาขังเจ้าได้ ถ้าเจ้าไม่กักขังตนเอง
       
       พ่ออยากจะเตือนเจ้า ให้ได้รู้จักคิดถึงสภาพแห่งความเป็นจริงว่า พวกเราทุกคนกำลังตกเป็นทาสเป็นนักโทษที่โดนจองจำอยู่ในคุกแห่งอารมณ์และคุก แห่งกฎของกรรมเป็นผู้ทำหน้าที่กักขัง จองจำ กดขี่บังคับ และเอาเปรียบเจ้าจักรู้หรือไม่ว่า ในโลกแห่งความเป็นทาสนั้น มันมิได้มีอยู่แต่ในที่ใดที่หนึ่ง ทิศใด ทิศหนึ่งของจักรวาลนี้เท่านั้น แต่มันซึมสิงอยู่ในทุกสิ่งของอารมณ์ในทุกสรรพสัตว์
       
       เจ้าจักรู้สึกหรือไม่ว่า ความทุกข์เดือดร้อนทรมานเจ็บปวดทั่วสรรพางค์กายที่ได้จากการถูกจองจำทางกาย ยังมีโอกาสได้รับการ อภัยโทษลดโทษ และได้รับการปลดปล่อยในที่สุด แต่ความทุกข์เดือดร้อนทรมานเจ็บปวด ที่ได้รับจากผลแห่งกรรมและการตกเป็นทาสของอารมณ์มันทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ยิ่งกว่าทัณฑกรรมทางกายเป็นทวีคูณ ถ้าตราบใดที่เจ้าปล่อยให้จิตและวิญญาณออกไปรับเอาอารมณ์ใดๆ มากมายเข้ามาปรุงแต่ง พร้อมทั้งยึดถือมัน ด้วยความยินยอมก็ดี ไม่ยินยอมก็ดี อารมณ์เหล่านั้นก็จะส่งผลกระทบ ทำให้จิตวิญญาณของเจ้าอยู่ไม่เป็นสุขสงบเป็นแน่ เมื่อจิตวิญญาณของเจ้าไม่เป็นสุข กายเจ้าจักเป็นสุขได้กระนั้นหรือ ทีนี้เจ้าคงจะเข้าใจแล้วซิว่า ทำไมพ่อถึงได้ร้องขอให้เจ้าปลดปล่อยตนเองออกจากการตกเป็นทาสของกรรมและคุก แห่งอารมณ์เสียที
       
       ลูกรัก
       จากประสบการณ์ที่พ่อได้อยู่ในสังคมแห่งอำนาจทั้งหลายมันทำให้พ่อได้ กระจ่างชัดว่า อำนาจทั้งหลายที่มีอยู่ในสังคมเวลานี้นั้น มันหาใช่อำนาจที่แท้จริงไม่ เพราะถ้าเมื่อใดที่บุคคลที่มีอำนาจเหล่านั้นหมดวาสนาวิถีชีวิตตกต่ำ อำนาจที่มีอยู่ก็จะหมดไป
       
       จนมีอยู่ครั้งหนึ่งที่พ่อได้แสดงความเห็นแก่นักบวชด้วยกันว่า อำนาจที่ท่านมีอยู่ในเวลานี้นั้นมิใช่เป็นของท่าน เพราะทุกคนเขายอมรับท่าน ท่านจึงใช้พวกเขาได้ เช่นนี้จึงถือว่า ท่านมีอำนาจ แต่ถ้าเมื่อใดที่ทุกคนเขามิได้ยอมรับท่าน และถ้าท่านใช้อำนาจในการบังคับบัญชาข่มขู่ เช่นนี้ท่านจักกลายเป็นคนพาลทันที เหตุเพราะทุกคนเขาหาได้ยอมรับท่านไม่
       
       พ่อได้ค้นพบอำนาจที่บริสุทธิ์ ที่พ่อได้สร้างมันขึ้นมาได้ด้วยตนเอง โดยไม่มีผู้ใดให้อำนาจแก่พ่อเลยและอำนาจที่ว่านั้น นั่นก็คือ อำนาจแห่งพระบริสุทธิธรรม สรรพสัตว์ทุกตนก็หวังพึ่งอำนาจนี้ ไม่ว่าพ่อจักมั่งมี ยากดีมีจน คับแค้นเช่นใดก็ตาม หรือจะอยู่จะตายก็ตาม อำนาจนี้จะไม่สูญสิ้นไปจากตัวพ่ออย่างแน่นอน
       
       ลูกรัก
       ห้องขังหรือคุกแห่งอารมณ์ มีแต่เจ้าเท่านั้นที่จะเปิดหรือปิดมันได้จิตใจที่เต็มไปด้วยอารมณ์ อันเกิดจากความปรุงแต่งของเจ้านั่นเอง นั่นแหละคือการสร้างคุกขังตัวเจ้าเอง แต่ถ้าเจ้าปรารถนาที่จะปลดปล่อยตนเอง เรื่องมันก็ไม่ยากเพียงแค่ หยุดการปรุงแต่งต่ออารมณ์ทั้งปวง แค่นี้ก็จบแล้ว
       
       ลูกรัก
       คัมภีร์ อักษร ภาษา เหมือนขยะกองโต คนฉลาดเท่านั้นจึงจะพึงเอาสิ่งดีมีประโยชน์มาใช้ได้ดังหวังส่วนคนโง่ก็จะยึดเอาไว้ทั้งกอง
       
       ลูกรัก
       กรงขังหนู ใช่ว่าจะขังเสือได้
       เล้าหมู ใช่ว่าจะขังนกได้
       กรงไก่ ใช่ว่าจะเลี้ยงปลาได้ ฉันใด
       
       กฎเกณฑ์ใดใด ใช่ว่าจักใช้ได้ตลอดไป กับทุกคน ทุกถิ่นทุกทิศ ทุกทาง ผู้มีปัญญา ย่อมรู้จักเลือกปฏิบัติ พลิกแพลงไปตามสถานการณ์
       
       ลูกรัก
       สิ่งที่ถูกใจเรา ไม่ถูกใจเขา นั่นยังไม่ถูก สิ่งที่ถูกใจเขา ไม่ถูกใจเรา นั่นยิ่งไม่ถูกใหญ่ ถ้าถูกใจทั้งสองฝ่ายนั่นอาจจะถูก แต่ความถูกของปุถุชนนั้นยังไม่ถือว่าถูกที่สุด ซึ่งอาจจะเป็นการตัดสินของกิเลสที่แฝงอยู่ในใจก็ได้ ดังนั้นจะผิดจะถูกต้องรับฟังแล้วนำไปพิจารณา
       
       ขอได้โปรดอย่าใช้สมอง ความนึกคิด การคาดเดา ความเคยชิน เป็นเครื่องบ่งบอกถึงความถูกผิดของสามัญสัตว์
       
       หากเจ้าจักคบกับปุถุชน ต้องเผื่อไว้ห้าสิบๆ เจ้าเองก็ยังเป็นปุถุชนเช่นนี้ ก็อย่าได้ไปล่วงเกินผู้อื่น โดยการไปตัดสินว่าใครถูกกว่าเรา หรือใครผิดกว่าเรา ใครเลวกว่าเรา ใครแย่กว่าเรา เหตุเพราะคนที่ถูกที่สุดนั้น ไม่มีในคำว่าปุถุชน
       
       เจ้าจักรู้หรือไม่ว่า อริยชนนั้น เขาจะไม่ตัดสินอะไรถูกอะไรผิด แต่เขารู้จักว่า ควรจะทำอย่างไรกับทั้งสองสิ่งนั้น
       
       ลูกรัก
       ผู้ไร้ธรรมะมักจะสร้างข้อแม้หยุมหยิมเยอะแยะจนกลายเป็นความชอบ ความชัง ยอมรับ หรือปฏิเสธจนกลายเป็นตัวสร้างมลภาวะในสังคมที่ตนเข้าไปเสวนาด้วย ผู้รู้ธรรมะจะไม่มีข้อแม้ระหว่างความดี ชั่ว เลว หยาบ หรือน่ารัก น่ารังเกียจ แต่จะอยู่ได้กับทุกสิ่งทุกอย่างอย่างมีประโยชน์ และมีเสรีภาพ
       
       เจ้าจงทำหน้าที่ของตนให้ถูกต้อง และให้รู้แจ้งในหน้าที่ที่เจ้าทำ สุดท้ายเจ้าอย่ายึดติดในหน้าที่ นี่คือ พุทธะ
       
       ลูกรัก
       เจ้าจักรู้หรือไม่ว่า...
       ผู้ประพฤติปฏิบัติศีล ด้วยความระแวดระวังนั้น ควรจะเรียกว่าผู้กำลังเรียนศีล
       ผู้ประพฤติปฏิบัติศีล ด้วยการขอ และรอให้ผู้อื่นบอก นั่นแสดงว่า เขากำลังจะเริ่มท่องจำศีล
       ผู้ที่ละอายชั่ว กลัวผลของบาปที่จักเกิดจากการกระทำคำที่ พูด สูตรที่คิด และรู้จักผิดชอบชั่วดี นั่นแหละคือผู้เจริญในศีล
       ถ้าเจ้ามีใจอันสะอาด ใจดี ใจสุจริต ใจปกติใจที่รับรู้เรื่อง จริงของโลก ศีลกี่ข้อก็รักษาได้หมด
       
       ลูกรัก
       สำหรับพ่อแล้ว สมาธิ คือการจัดระเบียบของสภาวะจิตให้เป็นระบบของความคิด จนสามารถกระทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างไม่สับสน เปรียบเหมือนดอกไม้ที่กระจัดกระจายอยู่แล้วนำมาร้อยเรียงกัน ให้เป็นระเบียบและยังให้สำเร็จประโยชน์ดังหวัง
       
       ลูกรัก
       ท่านปู่ของเจ้าสอนพ่อว่า ผู้ขาดศรัทธาในการทำความดีไม่มีความละอายชั่ว ไม่เกรงกลัวผลของบาป ขาดความเพียร ไม่มีปัญญาไม่รู้วิธีในการทำความดี เหล่านี้แหละคือ คนจน
       
       เมื่อไม่เชื่อผลของความดี แถมยังไม่ละอายชั่วกลัวผลของบาป และยังไม่เพียรพยายามทำความดี หรือถ้าทำก็ทำอย่างชนิดที่ไม่ใช้ปัญญาใคร่ครวญพิจารณา ย่อมเป็นเหตุให้พูดผิด ทำผิด คิดผิด ประพฤติทุจริต ย่อมมีผลตอบแทนในทางที่ผิด เช่นนี้จึงถือว่า เป็นหนี้และกู้หนี้
       
       ครั้นทำผิด ประพฤติทุจริต ก็เกรงกลัวผู้อื่นเขาจะรู้ จึงจำเป็นต้องปกปิดและโกหก หลอกลวงเขาไปต่างๆ นานา จนเสียความยอมรับเชื่อถือ เสียความเชื่อมั่นภาคภูมิ เป็นต้นเช่นนี้ จึงควรถือได้ว่า กำลังเสียดอกเบี้ย
       
       และเมื่อประพฤติทุจริต ทำ พูด คิดผิด และหลอกลวงเขา ผู้คนทั้งหลายก็พากันโจษขานนินทา เมื่อตนได้ยินเข้าหรือรู้ข่าวก็ย่อมไม่สบายใจ อยู่ไม่เป็นสุข ดังนี้จึงเรียกได้ว่า ถูกทวงหนี้ครั้นอยู่ไม่เป็นสุข เกิดความเดือดร้อน รำคาญใจ ความคิดอันเป็นอกุศล ชั่วช้า ก็จักติดตามตัวไป ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใด เช่นนี้จึงถือได้ว่าถูกจองจำ ซึ่งไม่มีการจองจำอันใดที่ทารุณเป็นทุกข์มาก เดือดร้อนมาก เท่ากับการจองจำในนรกและสัตวเดรัจฉานเลย
       
       ลูกรัก
       เจ้าจงจำไว้ว่า ความเสื่อมจากทรัพย์สิน เสื่อมจากยศ เสื่อมจากญาติ และเสื่อมจากบริวาร เหล่านี้พ่อถือว่าเป็นความเสื่อมเพียงเล็กน้อย
       
       แต่ความเสื่อมที่ยิ่งใหญ่และนับว่าเลวร้ายนั้น ก็คือความเสื่อมจากปัญญา
       
       ในทางกลับกัน ความเจริญอันใดที่จะยิ่งใหญ่และเป็นยอดเท่ากับเจริญปัญญาเป็นไม่มี
       
       ลูกรัก
       เจ้าจงอย่าคิดว่า การไม่ทำชั่วทางกาย ไม่ทำชั่วทางวาจาและใจ รวมทั้งไม่ประกอบอาชีพชั่ว นั้นถือว่าดีแล้ว ปู่ของเจ้าสอนพ่อว่า แค่นี้ยังไม่จัดว่าเป็นผู้เลิศ ยังไม่ถือว่าเป็นผู้ชนะในโลก เหตุเพราะเด็กที่นอนแบเบาะยังเป็นอยู่เช่นนี้ได้
       
       ลูกรัก
       เจ้าจักเข้าใจหรือไม่ว่า ความสว่างแห่งดวงประทีป เขามิได้มีเอาไว้ให้แก่ผู้มีจักษุมืดบอด และเช่นเดียวกัน แสงสว่างแห่งปัญญาก็จะไม่มีแก่คนหลง
       
       ลูกรัก
       ท่านปู่ของเจ้าสอนพ่อว่า คนทั่วไป แสวงหาและบูชาสิ่งที่ตนแสวงหาเป็นพระเจ้าสูงสุด แต่มนุษย์อย่างเราๆ หยุดแสวงหาแล้วบูชาสิ่งที่ได้มาจากการหยุดเป็นพระเจ้าสูงสุด
       
       การเรียนรู้ทางวิญญาณ
       
       ลูกรัก
       ถ้าเจ้าจะขอร้องให้พ่อสอนเจ้า ในเรื่องที่เกี่ยวกับระบบจิต และขอให้พ่อสอนอย่างมีระบบ พ่อคิดตามภาษาคนโง่ว่าจากการที่พ่อมีประสบการณ์ทางจิตที่ผ่านมา พ่อมิได้เรียนรู้เรื่องจิตจากกฎเกณฑ์กติกาอะไร
       
       เพียงแต่พ่อพยายาม จัดระเบียบของกายตนเองให้เป็นระบบของใจ แล้วคอยสังเกตถึงสภาวะความเป็นไปในขณะเดียวกัน พ่อก็พยายามชำระความสกปรกโสโครกที่เกิดขึ้นกับตัวพ่อและใจของพ่อ โดยการเฝ้าสังเกตและคอยแยกแยะ ทดสอบพิสูจน์ทราบ สิ่งนั้นๆ ว่ามันเป็นอะไร เป็นความรู้สึกของการปรุงแต่งอารมณ์หรือความต้องการของสภาวะแท้จริงล้วนๆ หรือไม่ ถ้าไม่ใช่พ่อก็จะกำจัดออกทันที หรือไม่ยอมทำตามที่มันต้องการ
       
       วิธีชำระล้างอีกวิธีหนึ่ง คือ พ่อพยายามคอยหยั่งความรู้สึกลงไปภายในกายลึกๆ อยู่ตลอดเวลา จนมันสนิทแนบแน่นโดยการพิจารณาสภาพร่างกายอย่างละเอียดถี่ถ้วน ต้องให้เจ้าได้เรียนรู้ด้วยตนเอง
       
       การฝึกตน
       
       ลูกรัก
       เจ้าจะต้องให้ครูผู้ยิ่งใหญ่ได้รู้ว่า เจ้าพร้อมต่อทุกวิถีทางที่จะให้ครูผู้มีใจอารีอบรม ขุดขัด ปัดเงา ให้เจ้าสดใสขึ้นมาให้ได้ โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ
       
       ครั้งแรกต่อบททดสอบ มันอาจจะดูยากเย็น และลำบากต่อเจ้า
       
       และถ้าเจ้าทนไม่ไหวต่อบททดสอบนั้นๆ มันมิใช่เรื่องแปลก แต่สำหรับพ่อนั้น กลับคิดว่า มันกลับเป็นบททดสอบอันสุดวิเศษ อยู่ที่ว่าเจ้าจะเป็นคนจริง และกล้าหาญเพียงใด มันขึ้นอยู่กับว่า เจ้าจะล้มเลิกมัน หรือเริ่มต้นมันขึ้นมาใหม่ หรือไม่
       
       ลูกรัก
       ศิษย์ที่ดี ควรจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ครูได้ทราบว่า เขาพร้อม ทุกอย่างและทุกวิถีทาง โดยไม่จำกัดวิธีการ ขอเพียงวิธีนั้นๆ มันจะทำให้เขากลับสู่ความเป็น "เอกบุรุษ" คือ การทำความรู้จักตัวตน ถึงแม้จะต้องป่นอวัยวะทุกชิ้นของตนเพื่อค้นหาก็ต้องยอม
       
       อริยกันตศีล
       
       ลูกรัก
       การค้นหาตัวเจ้าเอง เป็นกิจเบื้องต้นของศาสนธรรมนี้
       เจ้าจะต้องประพฤติให้อยู่ในอริยกันตศีลให้จงได้
       
       เจ้ารู้หรือไม่ว่า อริยกันตศีล คือศีลที่พระอริยเจ้าพอใจนั้น มันจะต้องเกิดมาจากใจที่ไร้ความปรุงแต่ง และคราใดที่ลูกทำได้ครานั้นเจ้าก็จะได้ชื่อว่า เป็นผู้เข้าถึงธรรมชาติแห่งจักรวาลและนิพพาน
       
       ลูกรัก
       เจ้ารู้ไหมว่าวิธีรักษาศีลอริยกันตศีลนั้น เขาทำกันอย่างไรโดยที่ไม่ทำให้เกิดความรู้สึกยากลำบาก วิธีก็คือ เจ้าจะต้องเรียนรู้ศึกษาสรรพสิ่ง รวมทั้งตัวเจ้าเองให้ลึกซึ้งแจ่มแจ้งว่า เกิดขึ้นเพราะเหตุใด ดำรงอยู่เพราะปัจจัยอะไร สุดท้ายมีสภาพเช่นไร
       
       เมื่อเจ้าเรียนรู้แจ่มแจ้งได้ดังนี้ มันก็จะทำให้เจ้ามิกล้ากระทำล่วงเกิน ละเมิดต่อศีลทุกๆ ข้อ ถ้าทำความเข้าใจต่อสรรพสิ่งสรรพชีวิตอย่างแจ้งชัดนั่นแหละ มันจะทำให้เจ้ารักษาอริยกันตศีลไปโดยปริยาย
       
       ลูกรัก
       ถ้าเจ้าต้องการที่จะเป็นผู้มีอริยกันตศีลแล้ว ข้อแรกจะต้องเข้าใจเรื่องการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปของทุกสรรพสิ่ง ให้ถ่องแท้เสียก่อน ถ้าสามารถเข้าใจได้ก็สามารถที่จะมีศีลอันพระอริยเจ้า ชอบใจได้
       
       พระบริสุทธิธรรม
       
       ลูกรัก
       อริยธรรม สัจธรรม พระบริสุทธิธรรม
       เจ้าจักเข้าถึงมันได้ต่อเมื่อเจ้าค้นหาตัวเองแท้ให้พบเท่านั้น
       
       ลูกรัก
       เจ้าจักสำคัญความนี้เป็นไฉน
       ความไม่รู้สึกตัวทั่วพร้อม เป็นเหตุให้เกิดความปรุงแต่ง
       ความปรุงแต่งเป็นเหตุให้เกิดกิเลส ตัณหา อุปาทาน
       กิเลส ตัณหา อุปาทาน ก็คือ ความรัก ความโลภ
       ความหลง และการยึดถือ
       และถ้าเจ้าจักถามพ่อว่า
       ความรัก ความโลภ ความโกรธ และความหลงนั้น
       มันมีตัวตนหรือไม่
       พ่อก็ต้องตอบว่า มันมิได้มีตัวตน
       เช่นนี้แล้วเจ้าจะเอาอะไรกับมัน