ได้เดินทางไปตรวจงานที่ผู้รับเหมากำลังถมดิน พอดีกลางที่ดินของคุณ กมลชนก มีต้นสนทะเลใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งหากปลูกบ้าน อาจจะเกะกะขวางการปลูกบ้าน และอาจเป็นอันตรายเมื่อลมใหญ่พัดมา
ช่างรับเหมาถมดิน จึงไปจ้างคนตัดไม้มาตัด
ฉันไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ มาเห็นอีกทีว่าไม้มันล้มทับเครื่องตัดหญ้า ที่ยืม (เช่า) มาจนเครื่องแตกละเอียด ไม่สามารถใช้ได้
คนตัดไม้พูดว่า ผมยังไม่รู้เลยว่าจะเอาเครื่องตัดหญ้าที่ไหนไปคืนเขา ฉันได้ฟังแล้ว จึงเดินไปถามคนเหมาถมดิน ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ผู้รับเหมาก็เล่าว่า ขณะกำลังเลื่อยไม้อยู่ ต้องใช้รถไถดันต้นไม้ เพราะกลัวว่าจะล้มฟาดกำแพง
แต่พอไม้ใกล้ขาด ต้นไม้ดันหนีบเลื่อยเอาไว้ ดึงออกมาไม่ได้รวมทั้งรถไถก็ดับ ไม้จึงล้มทับเครื่องเลื่อยจนแตกละเอียด เป็นเหตุให้คนเลื่อยไม้ต้องนั่งกุมหน้าผากร้องไห้
ไหนเมียจะทิ้ง ปล่อยให้เขาอยู่กับลูกสาว ๑ คน พอออกมารับจ้างตัดไม้ ก็ทำเลื่อยราคา ๓ หมื่นกว่าบาท ที่เขาเช่ามาพัง แถมทั้งตัวไม่มีเงินซักบาท
ฉันได้ฟังแล้ว จึงเดินกลับมาหา คนเลื่อยไม้พร้อมพูดว่า อย่าเสียใจเลย ขอนอกกายหายไปก็หาใหม่ได้
เดี๋ยวหลวงปู่เอาเงินค่าอาหารจ่ายให้ ไปหาซื้อเครื่องรุ่นเดียวกัน สภาพเดียวกัน ลองไปสืบถามดูว่า มีใครขาย ขายราคาเท่าไหร่ เดี๋ยวมาแจ้งหลวงปู่จะจ่ายเงินให้
หลังจากฉันพูดไปเช่นนั้น ดูเขามีความหวังมากขึ้น
วันต่อมาเขาพาเจ้าของเลื่อยยนต์พร้อมตัวเลื่อย รุ่นและสภาพเดียวกันมาให้ฉันดู พร้อมกับแจ้งว่า เจ้าของเขาร้อนเงิน เขายอมขายให้ราคา ๑๕,๐๐๐ บาท
ฉันจึงถามคนเลื่อยไม้ว่า คุณลองทดสอบดูแล้วหรือยัง ว่าเครื่องเลื่อยมีปัญหาใช้ได้หรือเปล่า
เขาแจ้งว่า ผมทดสอบดูแล้วใช้ได้ดีกว่าเลื่อยที่แตกไป
ฉันจึงบอกเจ้านัดให้นำเงินมาจ่ายให้เจ้าของเลื่อย ๑๕,๐๐๐ บาท พร้อมกับสั่งว่า ให้ไปถ่ายรูปเลื่อย ที่แตกหรือนำมาให้ฉันดูหน่อย
เขาแจ้งว่า ผมนำเลื่อยไปคืนให้เจ้าของแล้ว และเขาลงเรือไปจับหมึกที่เกาะกลางทะเลอีก ๗ วัน เขาถึงจะกลับมา เขากลับมาแล้วผมจะนำมาถวายหลวงปู่
รุ่งขึ้นหลังกลับจากเดินทางไปแจกของบ้านเด็กกำพร้า ขากลับจึงแวะเข้าไปเยี่ยมดูบ้านของคนตัดไม้
พอไปถึงบ้าน เห็นเด็กผู้หญิงนั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้าน พอดีคนเลื่อยไม้เดินมา ฉันจึงถามคนเลื่อยไม้ไปว่า เด็กทำไมมานั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้าน
คนเลื่อยไม้ตอบด้วยน้ำเสียงแหบเครือในลำคอ น้ำตาเอ่อในลูกตาว่า ลูกสาวเขาคิดถึงแม่ที่หนีไป
ฉันจึงหันไปปลอบเด็กว่า ไม่ต้องเสียใจไป ยังไงก็ยังมีพ่ออยู่ วันนี้หลวงปู่นำเอาขนมและเงินมาให้ พูดแล้วก็ให้เจ้านัดไปหยิบคุกกี้ ยาสีฟัน สบู่ แปรงสีฟัน ยาสระผม และเงิน ๕๐ บาท ส่งให้เด็ก
ส่วนคนเลื่อยไม้ได้นำเอาข้าวสาร น้ำมันพืช ไข่หนึ่งแผง ปลากระป๋อง ปัจจัยอีก ๕๐๐ บาท พร้อมกับกำชับว่า เลี้ยงลูกให้ดี หากไม่มีงานทำ ก็ให้มาทำงานที่หลวงปู่ได้
อย่างน้อยจะได้มีเงินส่งให้ลูกได้เรียนและมีข้าวกิน
นอกจากเขาจะรับจ้างเลื่อยไม้ยางพารา ไม้มะพร้าวแล้ว เขายังรับจ้างตอกหมื่นเรือ และช่วยเขาออกเรือ วางกรงดักปู
แต่ช่วงนี้ทะเลมีมรสุม ออกทะเลไม่ได้ รายได้ก็เหลือแต่รับจ้างเลื่อยไม้เท่านั้น
นี่แหละชีวิต หากยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันต่อไป
ขณะดิ้นรนก็ทุกข์
ก่อนที่จะดิ้นรนก็ทุกข์
หลังจากดิ้นรนผ่านไปแล้วก็ยิ่งทุกข์
มนุษย์และสัตว์ ของไม่มีต้นทุน บุญกุศล ไม่พยายามสั่งสมบารมี ทาน ศีล สมาธิ สติปัญญา ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งมีความทุกข์เป็นสมบัติ ที่มีติดตัวมาแต่เกิด และมาสร้างทุกข์ใหม่เพิ่มพูนเพราะความโง่ง ความไม่รู้
ไม่ว่าจะยังไง ขณะมีชีวิต ขณะดิ้นรนก็ขอให้พยายามขวนขวายสร้างบุญกุศล สมาธิ สติปัญญา บารมีเอาไว้ให้มากเท่ามาก เท่าที่กำลังวังชาสติปัญญาจักพึงมี
และต้องขออภัยที่นำเงินของลูกหลานที่ให้มาเป็นค่าอาหาร ไปช่วยคนที่เขาตกยากลำบาก บุญที่ลูกหลานถวายเงินมาจักได้เพิ่มพูนทวีคูณขึ้นเป็นสิบเท่าพันทวี
 
แบ่งบุญให้ทุกคนด้วยนะจ๊ะ
 
พุทธะอิสระ