ความเดิมตอนที่แล้ว
โชติปาลกุมารโพธิสัตว์ ได้ตกลงปลงใจที่จะแสดงความสามารถของตนให้เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวพระนครพาราณสี โดยมีพระเจ้าพรหมทัตมหาราชเป็นประธาน
ด้วยการท้าประลองธนูกับนายขมังธนูทั่วพระนครอันมีจำนวนถึง ๖๐,๐๐๐ นาย
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว องค์ราชาพรหมทัตจึงทรงตรัสว่า
ดูก่อนโชติปาล เจ้าจงแสดงศิลปวิทยา วิชาการที่เจ้าได้ร่ำเรียนมาด้วยเวลาแค่ ๗ วัน ให้เราและชาวพระนครได้ดูทีเถิด มหาชนเขาตั้งตารอดูเจ้าอยู่ พวกเขาอยากรู้ว่าเจ้ามีดีอะไร
โชติปาลกุมารจึงทูลว่า ขอเดชะพระอาญาไม่พ้นเกล้าเช่นนั้น ขอให้พระองค์ทรงคัดสรรนายขมังธนูที่แม่นยำ ฝีมือดีที่สุดที่สามารถยิงธนูได้ว่องไวดุจดังสายฟ้าแลบ
ยิงธนูได้แม่นยำ แม้แต่เส้นขนแห่งตัวเล็นตัวไรก็ต้องยิงไม่พลาด
ยิงธนูตามเสียงที่ได้ยินอย่างไม่ผิดเป้า
ยิงธนูสวนฝ่าซีกลูกธนูของฝ่ายตรงข้ามที่ยิงมาได้อย่างแม่นยำ
ขอองค์มหาราชทรงคัดสรรนายขมังธนูที่มีความสามารถดังกล่าวมา ๔ คน พร้อมทั้งให้ยิงธนูโจมตีข้าพระองค์พร้อมกัน แล้วมาดูกันว่าข้าพระองค์จะสามารถสกัดกั้น หยุดยั้งลูกธนูของนายขมังธนูทั้ง ๔ คนได้อย่างไร
องค์ราชาพรหมทัตครั้งได้ทรงสดับเช่นนั้น ทรงตกพระทัยและแปลกพระทัยอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงทรงหันไปมองหน้าพราหมณ์ปุโรหิตผู้เป็นบิดาของโชติปาลกุมาร ด้วยการส่งสัญญาณให้บิดาไปห้ามปรามบุตรชาย ว่ามันอันตรายถึงตายเชียวนาท่านอาจารย์ แล้วทรงตรัสว่า
จงหยุดกล่าววาจาเหิมเกริมเช่นนั้นเสียเถิด มันจะเป็นไปได้เช่นไร เด็กน้อยจะสามารถหยุดยั้งลูกศรที่พุ่งตรงมาทั้ง ๔ ดอกในเวลาเดียวกัน
พราหมณ์ปุโรหิตผู้เป็นบิดาของโชติปาลกุมารจึงส่งเสียงร้องห้ามปรามบุตรชายว่า
ลูกเอย เจ้าจงอย่าเอาชีวิตมาทิ้งลงเสียกับการกล่าววาจาอหังการเช่นนี้เลย กลับมาอยู่กับพ่อ แม่ที่แก่เฒ่าก็ได้ งานราชการอะไรนั้นก็ไม่ต้องทำแล้ว เงินหนึ่งพันกหาปนะที่เจ้าได้แต่ละวัน พ่อและแม่จะหามาให้เจ้าใช้เอง
พ่อแม่ก็แก่มากแล้ว หากเจ้าต้องมาถึงกาลวินาศ วันนี้พ่อแม่จะอยู่กับใคร หยุดพฤติกรรมอันตรายเช่นนี้เสียเถิด
โชติปาลกุมารโพธิสัตว์ครั้งได้ฟังคำวิงวอนของบิดาเช่นนั้น จึงหันไปยกมือไหว้แล้วกล่าวว่า
พ่อจ๊ะ แม่จ๋า ท่านทั้งสองไม่ต้องเป็นห่วงไป ลูกมั่นใจว่าสิ่งที่ลูกได้ร่ำเรียนมาจะสามารถรักษาชีวิตลูกให้รอดพ้นภยันตรายทั้งหลายนี้ไปได้ ขอบารมีของพ่อแม่จงคุ้มครองลูกด้วย
พราหมณ์ปุโรหิตและภรรยา เมื่อเห็นว่าบุตรชายมั่นใจเช่นนั้น จึงได้กล่าวว่า เมื่อเจ้ามีความมั่นใจเช่นนั้น พ่อและแม่ก็ตามใจเจ้าขอให้เจ้ามีความปลอดภัย มีชัยชนะเถิด
ความห่วงใยนี้หาได้มีแก่พ่อแม่ของโชติปาลกุมารไม่ แม้แต่มหาชนทั้งหลายก็ได้ส่งเสียงร้องวิงวอนห้ามห้ามปรามว่า อย่ารีบหาความวิบัติมาใส่ชีวิตเลยเด็กน้อย หยุดความอหังการของเจ้าเสียเถิด พวกเราไม่ต้องการเห็นเด็กน้อยไม่มีทางสู้ ต้องมาตายเพราะนายขมังธนู ๔ คนรุมทำร้าย
โชติปาลกุมาร จึงได้หันไปยกมือไหว้มหาชนรอบตัวแล้วส่งยิ้มให้ด้วยไมตรี แล้วจึงกล่าวทูลแด่พระราชาว่า
ขอเดชะข้าพระองค์ขอให้มอบลูกธนูให้แก่นายขมังธนูทั้ง ๔ ไปคนละ ๑ หมื่นดอก แล้วมายืนล้อมข้าพระองค์ทั้ง ๔ ทิศ ห่างกันแค่ ๕๐๐ ลูกธนู (เอาลูกธนูทั้ง ๕๐๐ ดอกมาต่อกัน) แล้วระดมยิงมาที่ข้าพระองค์ผู้ยืนอยู่กลางวงล้อมนั้น
ฝ่ายพวกนายขมังธนูจึงกราบทูลพระราชาว่า ขอเดชะมหาราชเจ้า พวกข้าพระองค์มิอาจระดมยิงลูกศรทำร้ายเด็กหนุ่มไร้เดียงสาผู้นี้ได้
องค์ราชาพรหมทัตจึงทรงรับสั่งบังคับว่า พวกท่านก็ยิงๆ ไปเถิด อย่าโอ้เอ้ล่าช้าให้เสียเวลาไปเลย
โชติปาลเมื่อได้ฟังดังนั้นจึงกล่าว ยั่วยวนก่อกวนโทสะให้เกิดขึ้นแก่นายขมังธนูทั้ง ๔ ว่า
ท่านผู้เจริญ หากท่านมีความสามารถอย่างที่กล่าวอ้าง อวดโอ้ว่า ยิงธนูได้รวดเร็วดุงดัจสายฟ้าแลบ ยิงได้แม้แต่ขนเล็บขนไรก็ยิงถูก ทั้งยังสามารถยิงธนูได้ตามเสียงอย่างไม่ผิดเป้า แม้แต่ลูกศรที่ยิงมา พวกท่านก็สามารถยิงผ่าซีกลูกศรนั้นๆ ได้
หากท่านเก่งจริงอย่างที่อวดอ้าง ก็จงเร่งมารุมยิงข้าพเจ้าให้ถูกเถิด
ข้างนายขมังธนูทั้ง ๔ พอได้ฟังถ้อยคำยั่วยุเช่นนั้นก็บังเกิดความขุ่นเคือง จึงกล่าวว่า เช่นนั้นหากเจ้าต้องถึงกาลวิบัติ ฉิบหาย ก็อย่าได้มาโทษพวกเราก็แล้วกัน
นายขมังธนูทั้ง ๔ กล่าวเช่นนี้แล้วจึงตรงไปยังตำแหน่งที่ตนยืนทั้ง ๔ มุม
เจ้าหน้าที่ที่จัดเอาไว้ให้ และยืนคอยหยิบลูกศรส่งให้นายขมังธนูเพื่อใช้ยิงใส่โชติปาลกุมารโพธิสัตว์
ฝ่ายโชติปาลกุมาร เมื่อเห็นนายขมังธนูยิงลูกศรใส่ตนมาทั้ง ๔ ทิศ จึงได้หยิบลูกศรมาขึ้นสายแล้วยิงไปในทิศทั้ง ๔ ที่มีลูกศรยิงมา
ศรของโชติปาลกุมารโพธิสัตว์ที่ยิงออกไปรวดเร็วดุจดังลมกรด จนสายตาของมนุษย์ทั่วไปมองไม่เห็นได้เลยว่า โชติปาลกุมารโพธิสัตว์ ได้ยิงลูกศรไปในเวลาใด เห็นแต่ลูกศรของนายขมังธนูทั้ง ๔ ฝ่าออกเป็นซีกกองอยู่ในทิศทั้ง ๔ สุมทับกันเป็นกองสูงเป็นดังยอดเจดีย์ ไม่มีชิ้นส่วนลูกศรของนายขมังธนูทั้ง ๔ กระจายออกไปนอกกองเศษลูกศรนั้นเลย
จนลูกศรทั้ง ๔ หมื่นดอกของนายขมังธนูหมด ก็ไม่มีลูกศรดอกใดเข้ามากล้ำกรายในบริเวณที่โชติปาลกุมารโพธิสัตว์ยืนอยู่ได้แม้แต่ดอกเดียว
สิ่งมหัศจรรย์อันน่าเหลือเชื่อนี้ทำให้มหาชนและองค์ราชาต้องตกตะลึง ตาค้าง สายตาทุกคู่มองรวมกันอยู่ที่กุมารโชติปาลดุจต้องมนต์
ในขณะที่มหาชนกำลังตกตะลึงตาค้างอยู่ขณะนั้น กุมารโชติปาลโพธิสัตว์จึงได้หยิบลูกธนูมา ๔ ดอก แล้วนำขึ้นพาดสายยิงไปยังรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบจนผู้คนมองไม่เห็น แต่ที่เห็นในเวลาต่อมา คือ สายธนูของนายขมังธนูทั้ง ๔ ได้ขาดสะบั้นลงเสียแล้ว
มหาชนและองค์ราชาได้สติเห็นเช่นนั้นจึงพากันส่งเสียงร้อง ชัยโยโห่ร้องปรบมือ แล้วพากันโยนภูษา ทรัพย์สิน เครื่องประดับ แก้วแหวนเงินทอง ให้แก่กุมารโชติปาลโพธิสัตว์อย่างท่วมท้นจนกองสูงขึ้นท้วมศีรษะของกุมาร
จบแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ วันหน้าเรามาตามดูความรู้ความสามารถขององค์พระมหาโพธิสัตว์กันต่อไปนะจ๊ะ
พุทธะอิสระ