ตอนที่แล้วจบลงตรงที่ องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสถึงนามของหมู่เทพทั้ง ๑๐ ที่มีรัศมีดอกผักตบ มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก มียศเจริญรุ่งเรือง จิตใจดีงาม ได้มาถึงซึ่งป่ามหาวันด้วย
วันนี้เรามาทำความรู้จักเทพยดาที่องค์พระบรมศาสดาทรงตรัสเรียกนามกันต่อ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้หมู่เทพยดาผู้มีนามว่า สมานะ มหาสมานะ มานุสะ มานุสุตตมะ ขิฑฑาปทูสิกะ มโนปทูสิกะ และเทพยดาชื่อหริ ก็มาสู่ป่ามหาวันนี้แล้ว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทพยดานามว่าโลหิตวาสี นามว่าชื่อ ปารคะ ผู้มียศใหญ่ก็มาด้วย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หมู่เทพยดาทั้ง ๑๐ หมู่เหล่านี้ ล้วนมีรัศมีแตกต่างกัน ล้วนมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก มีอำนาจมาก มียศใหญ่ได้มาสู่ป่ามหาวันนี้แล้ว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทพยดานามว่าสุกกะ กรุมหะ อรุณะ เวฆนสะ นำโดยอธิบดีแห่งหมู่เทพกลุ่มนี้มีนามว่า โอทาตคัยหะ นามว่า วิจักขณะ นามว่า สทามัตตะ นามว่า หารคชะ นามว่า มิสสกะ ผู้มียศ มีฤทธิ์มากก็มา แม้เทพยดานามว่า ปชุนนเทวบุตรที่สามารถคำรามให้ฝนตกทั่วทุกทิศก็มา
หมู่เทพยดาดังกล่าวนี้ล้วนมียศ มีหน้าที่ มีอานุภาพ มีรัศมีอันรุ่งเรือง ต่างล้วนมาชุมนุม ณ ป่ามหาวันนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทพยดานามว่า เขมิยะ กัฏฐกะ ลัมพิตกะ ลามเสฏฐะ โชตินามะ อาสา ก็มา
เทพยดาทั้ง ๑๐ หมู่เหล่านี้ล้วนมีอานุภาพมาก มีฤทธิ์มาก มียศใหญ่ เป็นที่ยำเกรงของเทพยดาทั้งหลาย ได้มาสู่ป่ามหาวันนี้แล้ว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทพยดาทั้ง ๖๐ ตระกูลล้วนมีรัศมีต่างกัน มีอานุภาพต่างกัน มีหน้าที่ต่างกัน แต่มีความคิดตรงกันที่จักมาเห็นพระนาคผู้ปราศจากชาติ คือ เราตถาคต ผู้ไม่มีกิเลส ผู้ข้ามพ้นแล้วซึ่งโอฆะสงสาร ผู้หลุดพ้นแล้วซึ่งอาสวะ ล้วนพ้นแล้วจากอกุศลกรรม ดุจพระจันทร์ที่ลอยพ้นจากกลุ่มเมฆพลาหกฉะนั้น
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หมู่เทพยดาทั้ง ๖๐ ตระกูลได้ทัศนาอันประเสริฐแล้ว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้เหล่ามหาพรหมอันมีนามว่า สุพรหมกับปรมัตตพรหม ผู้เป็นบุตรของผู้มีเดชศักดามากก็มา
สนังกุมารพรหม ติสสพรหม ก็พากันมาสู่ป่ามหาวันแห่งนี้ด้วย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท้าวมหาพรหมดังกล่าว ผู้บังเกิดในพรหมโลก มีกายใหญ่โต มียศ มีอานุภาพมาก ทำหน้าที่ปกครองพรหมโลกพันหนึ่ง ต่างมีเดชต่างกัน แม้มหาพรหมนามว่า หาริตะ อันแวดล้อมไปด้วยเหล่าบริวาร ก็มา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย พญามารและเหล่าเสนามารจำนวนมาก ก็มา แต่พอได้เห็นหมู่เทวดา อินทร์ และพรหม ที่มาร่วมประชุมกันจำนวนมากมายมหาศาล มาชุมนุมร่วมกันอยู่ ณ ป่ามหาวัน
เสนามารเหล่านั้น จึงพากันกล่าวว่า
 
ท่านทั้งหลายจงดูความเขลาของพวกเทพ พรหม เหล่านี้เถิด ช่างไม่รู้ตัวเลยว่า ศัตรูกำลังเฝ้ามองอยู่
ขณะนั้นพญามารจึงกล่าวว่า ชาวเราทั้งหลาย มาช่วยกันจับพวกเทพเหล่านี้ผูกไว้ด้วย ราคะ โทสะ โมหะ อย่าปล่อยให้ใครหลุดรอดไปได้แม้แต่ผู้เดียว สั่งดังนี้แล้ว
พญามารผู้มีกายใหญ่โตดังขุนเขา ใช้มือตบลงไปที่พื้นปฐพี กระทำให้แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น หวั่นไหว ทำให้บังเกิดมหาเมฆกระจายไปทั่วท้องฟ้าเหนือป่ามหาวัน บังเกิดฟ้าร้อง ฟ้าแลบ เม็ดฝนใหญ่เท่าลูกพุทรา พรั่งพูลลงมา
 
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตรู้เห็นเหตุการณ์ที่พญามารและหมู่เสนามารกระทำทั้งสิ้น เธอทั้งหลายจงรู้จักพวกเขาทั้งหมด
ภิกษุอรหันต์ขีนาสกทั้ง ๕๐๐ ต่างเร่งกระทำความเพียร ดำรงสติ มั่นเจริญทิพยจักษุญาณอย่างเข้มข้น จนรับรู้เท่าทันเล่ห์มายาการของมาร
 
เมื่อพญามารและเสนามารใช้ความพยายามที่จะครอบงำหมู่เทพยดาทั้ง ๑๐ โลกธาตุ และหมู่ภิกษุสาวกทั้ง ๕๐๐ รูป
แต่ก็หาได้กระทำการครอบงำใดๆ ได้ต่อหน้าพระพักตร์ขององค์พระบรมศาสดาไม่
พญามารจึงได้กล่าวภาษิตนี้ขึ้นว่า
 
ข้าแต่องค์พระพิชิตมาร บัดนี้สาวกของพระองค์ปราศจากราคะ โทสะ โมหะ จึงไม่มีความสะดุ้งกลัวต่ออำนาจของข้าพระองค์ และบริวารมารทั้งปวง
สาวกของพระองค์ได้มีชัยชนะต่อสงครามมารครั้งนี้แล้ว เป็นผู้มีเกียรติคุณปรากฏในทิศทั้ง ๔ และหมู่เทพยดาทั้ง ๑๐ โลกธาตุ ตั้งมั่นสุขเสวยอยู่ในอริยผลอันประเสริฐ
พวกข้าพระองค์ขอทูลลา
 
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พญามารและเสนามารทั้งปวงเมื่อพ่ายแพ้ต่อสงครามครั้งนี้ ไม่สามารถครอบงำใครได้ จึงรู้สึกเสียใจ พากันกลับไปยังที่อยู่ของตน
จบมหาสมัยสูตร
มหาสมัยสูตร เป็นสูตรที่มีการชุมนุมใหญ่ของเทพยดา ทั้ง ๑๐ โลกธาตุ และเกิดขึ้นแก่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ เมื่อมีการแสดงพระสูตรนี้หมู่เทวดาทั้งหลาย จักชื่นชมยินดีที่มีผู้กล่าวนามสรรเสริฐคุณแห่งตน
พระสูตรนี้จึงเป็นที่ชื่นชอบของหมู่เทพยดาทั่วทั้ง ๑๐ โลกธาตุ ไม่เว้นแม้แต่เทพยดาชั้นกามาวจรทั้ง ๖ ชั้นและพรหมโลก
 
นับแต่อดีตมีความคิด ความเชื่อกันว่า หากสาธยายพระสูตรนี้จนจบ จักทำให้ลางร้าย เคราะห์ร้าย และฝันร้ายอันตรธานหายไป อีกทั้งยังเป็นการป้องกันอุบัติภัย พยันอันตรายทั้งปวงไม่ให้เข้ามากล้ำกราย
โบราณถึงได้นิยมนำมาสาธยายเพื่อให้บ้านเมือง อยู่เย็นเป็นสุข
 
พุทธะอิสระ