สืบเนื่องเรื่องเกิดที่คลับเฮ้าส์
ได้ฟังท่านพูดถึงศรัทธาว่าเป็นต้นเหตุของความมหัศจรรย์ ผมอยากทราบว่า แล้วตัณหาหละมันมิได้เป็นต้นเหตุสิ่งทั้งหลายหรือไม่
ตอบ
ศรัทธาในทางพระพุทธศาสนามีดังต่อไปนี้ คือ
1. กัมมสัทธา เชื่อกรรม เชื่อกฎแห่งกรรม เชื่อว่ากรรมมีอยู่จริง เชื่อว่า เมื่อทำอะไรโดยมีเจตนา จงใจทำทั้งที่รู้ ย่อมเป็นกรรมทั้งนั้น ไม่ว่าจะดีหรือเลว
2. วิปากสัทธา เชื่อในผลของการกระทำที่เรียกว่า กรรม และเชื่อว่าผลของกรรมมีจริง ไม่ว่าจะทำดีหรือทำเลว
3. กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน เชื่อว่าแต่ละคนเป็นเจ้าของผลแห่งการกระทำนั้นๆ และจะต้องรับผลของการกระทำนั้นๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้
4. ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มั่นใจในองค์พระตถาคต ว่าเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ พระผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐยิ่ง ทรงพรั่งพร้อมไปด้วยพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระเมตตาคุณ ทรงเป็นผู้ตรัสแสดงพระธรรมวินัยไว้เป็นหลักชัยแห่งการประพฤติปฏิบัติของเวไนยสัตว์ผู้ตกทุกข์
สัทธาจริต หนักไปทางเชื่อถือจนปลักใจ น้อมไปในความเชื่อเป็นอารมณ์ประจำใจ เกิดปีติเลื่อมใสได้ง่ายเมื่อเจอบุคคลน่านับถือ เชื่อตามที่บอกต่อๆ กันมา ขาดการพิจารณา
กรรมฐานที่เหมาะสม
สัทธาจริต เหมาะกับ อนุสสติ 6 คือพุทธานุสสติ ธรรมานุสสติ สังฆานุสสติ จาคานุสสติ ศีลานุสสติ เทวตานุสสติ
สัทธานุสารี ผู้แล่นไปตามศรัทธา หรือผู้แล่นตามไปด้วยศรัทธา มีศรัทธาเป็นตัวนำ ในเรื่องที่ทำ คำที่พูด สูตรที่คิด ล้วนถูกขับเคลื่อนด้วยพลังศรัทธาทั้งสิ้น
สัทธาวิมุต ผู้หลุดพ้นด้วยศรัทธา มีศรัทธาเป็นตัวนำหน้า จนน้อมไปเพื่อการเป็นผู้ปฏิบัติให้หลุดพ้น
สัทธาสัมปทา
หมายความว่า มีศรัทธาตั้งมั่น ไม่ง่อนแง่นคลอนแคลน มีความเชื่อประกอบด้วยปัญญาอันถูกต้อง ประกอบด้วยองค์ ๔ คือ
- เชื่อกรรม (กัมมสัทธา)
- เชื่อผลของกรรม(วิปากสัทธา)
- เชื่อความที่สัตว์ มีกรรมเป็นของตน(กัมมัสสกตาสัทธา)
- เชื่อความตรัสรู้ของพระตถาคต คือ พระพุทธเจ้า คือ เชื่อพระปัญญาตรัสรู้ (ตถาคตโพธิสัทธา)แล้วก็เป็นอันเชื่อถือในโอวาทของพระองค์ ซึ่งทรงสั่งสอนไว้อันประกอบด้วยเหตุผล ไม่ได้เชื่อด้วยงมงาย หรือน้อมใจเชื่อ
วันนี้อธิบายเรื่องศรัทธาไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อน วันต่อไปจะอธิบายเรื่องตัณหาให้รับทราบ
พุทธะอิสระ