"ลูกรัก"
       การที่พ่ออัดเทปม้วนนี้ขึ้น ไม่ใช่เพราะพ่อต้องการแสดงความรู้ ความสามารถ หรืออยากดัง แต่เพราะพ่อมาพิจารณาดูว่า บรรดาลูกหลาน ทั้งหลายและคณะผู้จัดพิมพ์หนังสือบทโศลกของพ่อที่ชื่อว่า "พ่อให้เจ้าด้วยใจที่เอื้ออาทร" เมื่อหนังสือเล่มนี้พิมพ์มาแจก ออกไปแล้ว ผู้ที่ได้รับและคณะผู้จัดทำได้มาบ่นกับพ่อว่าข้อความใน หนังสือมันน้อยเกินไป จึงทำให้หนังสือเล่มนี้ดูบางไป ซึ่งพ่อก็ได้บอก กับคณะผู้จัดพิมพ์ไปว่า "ธรรมะที่บริสุทธิ์ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดหรือพูดมาก" อักษรภาษาหนังสือหรือสิ่งตีพิมพ์ต่างๆ รวมทั้งคำพูดมากเหล่านี้ มันไม่ได้ทำให้ลูกเข้าถึงธรรมะ มันเป็นแค่เพียงสื่อที่จะบอกถึงธรรมะเท่านั้น พ่อจึงเขียนบทโศลกบางข้อให้เป็นต้นฉบับแก่คณะ ผู้จัดพิมพ์หนังสือและต่อมาพ่อก็ได้มาวิเคราะห์ดูว่า หน้าที่ของพ่อที่มีต่อลูก ต่อสังคมจะสมบูรณ์ได้นั้นพ่อก็ควรจะทำอะไรสักอย่าง ที่สามารถจะสื่อความเข้าใจระหว่างพ่อกับลูกและพ่อกับสังคมได้ในทัน ทีทันใดที่ลูก และสังคมต้องการ โดยไม่ต้องมาเสียเวลาค้นหาในหนังสือ และอะไรสักอย่างนั้นก็คือ การถ่ายทอดประสบการณ์ทางวิญญาณและการดำเนินชีวิตที่พ่อมีตลอดมา ให้ไว้เป็น เครื่องพิจารณา ซึ่งมันอาจ มีบางอย่างที่ลูกสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับตัวของลูกเองและบาง อย่างที่ลูกเห็นว่ามันเป็นสิ่งไร้สาระมิได้มีประโยชน์ ลูกก็มีสิทธิ์ที่จะละเลย ฟังมันเฉยๆ โดยมิต้องทำมันแต่ไม่ว่าจะมีสาระหรือไร้สาระสำหรับคนฉลาดแล้วเขาจะต้อง พิจารณามันให้ถ่องแท้เสียก่อน แล้วจึงค่อยตัดสินว่าอะไรถูกอะไรผิด
      
       สำหรับพ่อแล้วที่ผ่านมาตลอดชีวิต สิ่งที่ไม่มีประโยชน์นั้นยังไม่ มีมันมีแต่ว่าเราจะใช้มันในเวลาไหน กับสถานที่เช่นไรและกับคนชนิดใดเท่านั้นเอง และพ่อก็คิดว่าประสบการณ์ในการเรียนรู้ชีวิตที่จะถ่ายทอดให้เจ้าได้ฟังนี้ มันจะทำให้คำพูดประโยคที่ว่า "พ่อให้เจ้าด้วยใจที่เอื้ออาทร" เป็นคำพูดที่ออกมาจากชีวิตวิญญาณของพ่อจริงๆ
      
       ลูกรัก.....
       ชีวิตและการงานซึ่งมีอยู่ในปุถุชน มันได้ถูกอารมณ์ความเครียด ความไม่ยอมรับความหลงลืม ความวุ่นวาย ความไม่รู้ชัดแจ้ง อุปสรรค ที่เกิดขึ้นจากปัญหาและกาลเวลา เป็นเครื่องบ่อนทำลายให้เกิดความ ผิดพลาดขึ้นสาเหตุแห่งความผิดพลาดเหล่านี้ มันเกิดมาจากความ ไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทั้งสิ้นพ่อจึงมีความเป็นห่วงเจ้าอย่างยิ่ง หวั่นว่า เจ้าจะ มีชีวิตและการงานที่ผิดๆพลาดๆ ไม่รู้จักจบสิ้น และถ้าเจ้าปรารถนา ที่จะไม่ให้เกิดความผิดพลาด หรือเกิดก็น้อยที่สุด ลูกก็ต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่า "งาน" เป็นวิถีทางอันมีค่าสำหรับการแสวงหาความสุขใจอย่างลึกซึ้งในการมีชีวิต งาน เป็นแหล่งให้เกิดความเจริญ งอกงาม งานเป็นโอกาสให้คนได้เรียนรู้เรื่องชีวิต และวิญญาณของตนมากขึ้น ทั้งยังทำให้เกิดความผูกสมัครสมานสามัคคีในการอยู่ร่วม กัน หากลูกทำความเข้าใจในความหมายของงานได้อย่างนี้ ลูกก็จะรู้ว่า ชีวิตคือการงาน การงานคือการมีชีวิต มันเป็นหนึ่งเดียวของกัน และกันได้เช่นนี้
      
       ลูกรัก.....
       สำหรับพ่อแล้ว พ่อเข้าใจว่า การแสดงออกของพลังธรรมชาติที่แท้จริงที่ใกล้ตัวที่สุดนั้นก็คือ "พลังที่ทำการงาน" งานจะเอื้ออำนวย ให้เจ้าได้ใช้พลังของเจ้าอย่างเต็มที่ งานที่จะสามารถเปิดตัว เปิดสมอง เปิดใจ ให้ลูกได้พานพบกับประสบการณ์กว้างขวาง ซึ่งซุกซ่อนอยู่แม้ ในงานอันเล็กๆ น้อยๆ ที่ละเอียดอ่อนที่สุด การงานจะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้การใช้พลังที่เป็นธรรมชาติในตัวลูกอย่างช่ำ ชอง เชี่ยวชาญ กล้า หาญ และชาญฉลาด ความสุขเกือบทั้งหมดของชีวิตลูกจะได้มาจาก การงานที่สำเร็จ มันเป็นความอิ่มเอิบซึ่งจะทำให้ลูกมีชีวิตอันราบรื่น สดใส ในขณะเดียวกันการทำงานก็ยังจะสามารถสร้างสรรค์ความกลม กลืน ความสมดุล ให้มีขึ้นระหว่างลูกและธรรมชาติ การทำงานคือการรู้จักใช้สิ่งที่มีอยู่ในตัวลูกเอง เช่น พลัง ความคิดการกระทำที่เกิดจากกาย วาจา ให้ไปสู่วิถีทางแห่งการสร้างสรรค์ชีวิต ให้เต็มอิ่มบริบูรณ์ ทั้งยังจะเป็นตัวอย่างและแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อื่นได้มีส่วนรับความเต็มอิ่ม บริบูรณ์นั้นได้อีกด้วยเพราะฉะนั้น ลูกควรตระหนักถึง ความสำคัญของงานที่มีต่อชีวิตของลูกเองและลูกก็ต้องรู้ด้วยว่างานนั้นมัน สามารถที่จะทำให้เจ้านำเอาทุกสิ่งของชีวิตมาใช้ให้เกิดประโยชน์ อย่างเต็มบริบูรณ์
      
       ลูกรัก.....
       พ่ออยากจะบอกกับเจ้าว่า ตลอดชีวิตของพ่อนั้นที่มีมา คราใดที่พ่อได้กระทำงาน พ่อจะสามารถสัมผัสได้กับความสุขอันลึกซึ้ง ที่เกิดจากการทำงานอันแนบเนียนชัดเจน ด้วยชีวิตจิตใจของพ่อทีเดียว หละตรงกันข้าม ถ้าลูกไม่ให้ความใส่ใจต่องาน ไม่ให้ความคิดและหัวใจทั้งหมดแก่งาน ลูกเพียงแต่จะทำมันแค่ผ่านๆ ไป โดยไม่ได้คิดใส่ใจและชอบมัน ทำเพียงแต่จะทำมันแค่ผ่านๆ ไป โดยไม่ได้คิด ใส่ใจและชอบมัน ทำเพียงสักแต่ว่า ให้มันฆ่าเวลาไปวันๆ และถ้าจำเป็นจะต้องทำ ลูกก็จะมุ่งความสนใจไปสู่ผลของงานมากกว่าการทำงาน เช่น เจ้าอาจจะทำงานก็เพียงเพื่อหวังแค่ตำแหน่งอำนาจหรือชื่อเสียง โดยไม่คำนึงว่าลูกได้ให้ความใส่ใจต่องานที่กำลังจะทำนี้ดีเยี่ยมแค่ไหน สำหรับพ่อแล้วถือว่าการทำงานในลักษณะเช่นนี้มันเป็น การฝึกจิตใจของตนให้คับแคบเกินไปที่ว่าคับแคบก็เพราะว่ามันจะทำให้เจ้าเห็น แก่ประโยชน์ตนเป็นใหญ่ไม่คำนึงถึงประโยชน์ตอบแทน โดยตรง เมื่อผู้กระทำไม่ได้รับประโยชน์จากงานที่ตนกระทำ ผู้นั้นก็อาจจะปฏิเสธการกระทำนั้น ๆ อย่างสิ้นเชิงแล้วลูกรู้ไหมว่า เมื่อการให้ประโยชน์ส่วนรวมได้ถูกปฏิเสธเสียแล้ว สังคมของลูกก็จะถูกจำกัด วงให้แคบลง เมื่อสังคมถูกจำกัดไม่ว่า โดยตัวของลูกเองหรือโดยสังคม ที่ไม่ยอมรับลูก พ่อก็ถือว่าความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของ ลูกจะถูกกักขังให้คับแคบลงไปด้วย ลูกรู้ไหม สำหรับพ่อแล้ว การมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการทำงาน มันทำให้เราถอยห่างออกจากแก่น สารของชีวิต การปฏิเสธที่จะใช้พลังที่มีอยู่ในตนไป ทำงาน เท่ากับว่าเจ้าได้ลดคุณค่าของตัวเจ้าเอง เมื่อชีวิตขาดคุณค่า ลูกก็มีชีวิตอยู่อย่างหวั่นไหว ไม่มั่นคง เมื่อลูกมองไม่เห็นประโยชน์สุขในการทำงาน เสียแล้วลูกก็จะไม่พบหนทางใดอีกเลยที่จะทำให้ชีวิตของตนมีประโยชน์สุขและคุณ ค่าอันลึกซึ้งใดๆ ได้เลย
      
       ลูกรัก.....
       การงานและการเรียนรู้ชีวิตนี้เท่านั้นที่มันจะทำให้ลูกประจักษ์แจ้ง ในคุณค่าของความเป็นมนุษย์ มันจะเป็นเหตุทำให้เกิดความยอม รับ ความเคารพความสัมพันธ์ที่กลมกลืนกับสรรพสิ่งและสรรพสัตว์ความชำนาญต่างๆ ที่ลูกเรียนรู้ในขณะทำงาน จะกระตุ้นให้เกิดความเจริญงอกงาม ทำให้เกิดความพอใจ และความหมายของชีวิตในทุกๆ ขณะจิตของลูกเอง และผู้อื่นทีเดียวหละ ชีวิตและจิตใจของ ลูกจะมีแต่ความแจ่มใสอย่างธรรมชาติทีเดียว