คนโง่มักจะมองเห็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ว่าเป็นของผิด คือ อะไรๆ ที่พอไม่ถูกใจก็สรุปว่าเป็นของผิด
      
       คนฉลาดมีปัญญา แม้น้ำครำ ก็อาจนำมากลั่นให้เป็นน้ำดีมีประโยชน์
      
       ทั้งสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ,ควรและไม่ควร, มันไม่มีอะไรคงที่เที่ยงแท้แน่นอน แต่เราใช้ประโยชน์จากมันได้วันนี้เราไม่ชอบ พรุ่งนี้อาจจะชอบก็ได้
      
       คนฉลาดใช้กิเลส คนโง่โดนกิเลสใช้ สองประโยคนี้ไม่เหมือนกัน ลองคิดดู
      
       เราใช้เขากับเขาใช้เราต่างกันอย่างไร....
       สิ่งที่ถูกใจเรา ไม่ถูกใจเขา นั้นยังไม่ถูก
       สิ่งที่ถูกใจเขา ไม่ถูกใจเรา นั่นยิ่งไม่ถูกใหญ่
      
       ถ้าถูกใจทั้งสองฝ่าย นั่นอาจจะถูก เพราะความถูกของปุถุชนนั้น ยังไม่ถือว่าถูกที่สุด ซึ่งอาจจะเป็นการตัดสินของกิเลสที่แฝงอยู่ในใจก็ได้ ดังนั้น จะผิดถูกต้องรับฟัง แล้วนำไปคิดพิจารณา
      
       จะคบกับปุถุชนต้องเผื่อไว้ 50/50 เราเองก็ยังเป็นปุถุชน อย่าได้ตัดสินว่าใครถูกกว่าเรา ใครเลวกว่าเราใครแย่กว่าเรา คนที่ถูกที่สุดไม่มีคำว่าปุถุชน
      
       สำหรับอริชนนั้นเขาจะไม่ตัดสินว่าอะไรถูก อะไรผิด แต่เขาจะรู้ว่า ควรจะทำอย่างไรกับสองสิ่งนั้น
      
       บวชมาไม่กี่วัน รู้จักตัดสินอะไรผิดอะไรถูกซะแล้ว.....
      
       ในระบบนิเวศน์วิทยาทุกสิ่งเกื้อกูลพึ่งพิงอิงแอบอาศัย ไม่มีอะไรที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันโง่หลง งมงาย จนเป็นทาสของมัน พระพุทธเจ้าจึงอุบัติขึ้นมาเพื่อ สอนให้เรารู้จักใช้ธรรมชาติให้เป็น โดยไม่มีการทำลาย เมื่อถึงเวลาที่เราไม่ต้องการหรือไม่ชอบใจ
      
       คนฉลาดถึงจะเกิดชั่ว แสดงดี จึงเป็นคนดี
       คนโง่ถึงจะเกิดดี แสดงชั่ว จึงเป็นคนชั่ว
      
       ขอได้โปรดอย่าใช้สมอง ความรู้สึกนึกคิด ความคาดเดา ความเคยชิน เป็นเครื่องบ่งบอกถึงความถูกผิดของสามัญสัตว์
      
       ถ้าเจอคนบ้าให้บ้ายิ่งกว่า อย่าแกล้งโง่ อย่าทำเป็นโก้ แกล้งบ้า คนที่ผิดเพราะไม่รู้ เพราะถ้ารู้คงไม่ผิดเป็นแน่
      
       กรงขังหนู ใช่ว่าจะขังเสือได้
       กรงหนูใช่ว่าจะขังช้างได้
       เล้าไก่ ใช่ว่าจะเลี้ยงปลาได้ฉันใด
      
       "กฎเกณฑ์อันใด ใช่ว่าจะใช้ได้ตลอดไปกับทุกคน ทุกทาง ทุกสถานที่ ผู้ฉลาดย่อมรู้จักเปลี่ยนแปลง พลิกแพลงไปตามสถานการณ์"
      
       คัมภีร์อักษรภาษาเหมือนขยะกองใหญ่ คนฉลาดเท่านั้น จึงจะดึงบางสิ่งออกมาใช้ได้อย่างมีประโยชน์ ส่วนคนโง่ก็จะยึดเอาไว้ทั้งกอง