20 ม ค 2556 13.15 น. สโมสรโรงพยาบาลทหารเรือ แสดงธรรมโดยองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ
(กราบ)
ผู้เข้าฟังธรรมในห้องประชุม ถวาย บทสรรเสริญคุณครูอาจารย์ และ มาลาบูชาคุณ แด่องค์
หลวงปู่ เนื่องในโอกาสวันครู (16 ม.ค 56) ที่ผ่านมา
...............
(กราบ)
ขอบใจ ลูก
ผู้แทน 2 ท่าน ถวาย พาน แพธูปทียน และน้ำ แด่องค์หลวงปู่
..............
ดีกว่า อยู่เปล่าๆ
ขอบใจ ในความงดงามในจิตวิญญาณ ที่พวกท่าน ตระหนักสำนึกระลึกได้ รู้คิด รู้ทำในสิ่งที่
เป็นบุญ เป็นกุศล ถือเป็นการสั่งสมอบรมความงามในจิตวิญญาณ
พระพุทธเจ้าทรงสอนพวกเราให้รับรู้ว่า นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญู กตเวทิตา แปลเป็นใจ
ความว่า เครื่องหมายของคนดี ก็คือ กตัญญู รู้คุณ กตเวทิตา ตอบแทนคุณ
สำหรับหลวงปู่แล้ว มีมุมมองอยู่ 2 มุมมอง
มุมมองแรก ก็คือ มุมมองของตัวเอง หลวงปู่ไม่ได้มุ่งหวัง จะให้ใครมากราบไหว้ ยกย่อง
สรรเสริญ ชมชอบ นิยม ยินดี แค่ทำหน้าที่ของผู้เผยแพร่ธรรม ผู้สั่งสมอบรมบารมีในทศ
บารมี โดยไม่มุงหวังว่า ใครจะสำนึก ระลึกรู้ หรือว่ากราบไหว้ หรือ ด่าว่า เหยียดหยาม หรือ
ดูถูก หรือ ยกย่อง หรือ สรรเสริญ ไม่ได้คิด แล้วก็มีความรู้สึกว่า เราจะต้องทำตัวให้ห่าง
จากสิ่งเหล่านี้ โดยคำสอนมาตลอดชั่วชีวิตว่า ลูกรัก เวลาที่เจ้าทำการงาน จงทำงานนั้นเพื่อ
ประโยชน์ส่วนรวมและประโยชน์ส่วนตน ประโยชน์สังคม สิ่งสำคัญที่สุด จงลดงวง งา งวง
และงา แขนและขา ตา ตัว ตีน ตูด และ เกล็ดของตนให้ลดลง ให้เหลือแค่ลูกกลมๆ เพราะถ้า
เมื่อใดที่เรา มีงวง มีงา มีเกล็ด มีหางยาว เรามีอะไรต่ออะไรเยอะแยะ เราจะรู้สึกโตใหญ่มาก
แล้วเราก็จะคิดว่า ตัวเราสำคัญมาก และยิ่งใหญ่มาก
เมื่อสำคัญมาก ยิ่งใหญ่มาก ตัวกู ก็จะกลายเป็น ตัวกู ที่คับแคบ แล้วก็ไปเบียดบังประโยชน์
คนอื่น เหมือนดั่งคำกล่าวที่สอนอยู่เนืองๆ ว่า ในการทำอะไร จงมองข้ามตัวกูไป ยิ่งให้กับ
ใคร ก็ยิ่งต้องมองข้าม ตัวกู ไปให้มาก เพราะการที่สามารถมองข้าม ตัวกู ได้ มันจะมีของ
เหลือเยอะแยะที่จะให้
ถ้ามี ตัวกู ก็จะต้อง ขยัก เอาไว้สำหรับพวกกู ญาติกู ผัวกู ลูกกู ศิษย์กู แล้วสุดท้าย ก็สมบัติ
ของกู
แต่ถ้าเมื่อใดที่เรามองข้าม ตัวกู ออกไป มันก็ไม่มีอะไรเป็นของกู แล้วเราก็ กูก็จะมีอะไร
เยอะแยะที่จะให้กับใครๆ เพราะมันไม่ใช่ ของกู แต่ถ้ามองข้าม ตัวกู ไปไม่ได้ มันก็จะเป็น
ของกู ไปหมด
เมื่อมันเป็น ของกู ไปหมด กูก็จะแย่ละ กูก็จะลำบากละ มึงมาขอมากไป กูอยู่ไม่ได้ละ มา
เอาเยอะไป กูจะอดละ แล้ว ตัวกู ก็จะกลายเป็นเหมือนกับ ตัวบรรทุกถังขยะ แล้วเราก็จะ
กลายเป็นคนที่เอาเปรียบคนอื่นต่อไป
งั้น ถ้ามี ตัวกู มันเป็นตัวทำลายประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านอย่างจริงจัง
ถ้าเข้าใจคำว่า วาง ตัวกู ลงไปได้ มันก็จะทำประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้ได้สมบูรณ์
แบบ โดยไม่ได้หวัง ไม่ได้มุ่งหวังสิ่งใด
ความรู้สึกของหลวงปู่ เรื่อง การกราบไหว้ เทิดทูน เคารพ นบนอบ สรรเสริญ ยกย่อง บูชา
มันเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ แต่ละคนแต่ละตนที่ทำ เพราะทำแล้วมันได้ ก็อย่างน้อยได้
ความละเมียดละมัย ความละเอียดอ่อน ความสุขุม คัมภีรภาพ ความอ่อนโยนของจิต
วิญญาณที่เราได้สำนึก ตระหนัก ระลึกรู้ถึงคุณคน และคิดตอบแทนพระคุณ
แต่ส่วนตัวของหลวงปู่แล้ว ถามว่า หลวงปู่ได้อะไร
ไม่ได้หวังได้อะไร ไม่อยากได้อะไร
มีหน้าที่เพียงแค่จะทำ ทำแล้วก็ให้ ทำแล้วก็ให้ ไม่ได้ทำแล้ว ของกู
พอคิดได้อย่างนี้ มันก็เลย อยากทำ ก็ทำ
อยากทำ ก็ทำ เพราะมันเป็นความงดงามของแต่ละคนที่สามารถจะทำได้
เหมือนๆ กับที่ลูกหลาน ท่านที่รักทั้งหลายที่ทำเมื่อครู่นี้ ก็เป็นความงามของทุกท่าน ที่ทุก
คนทำ ก็ทุกคนได้ ต่างคนต่างได้
ถามว่า หลวงปู่ได้อะไร
เอ้า มึงว่า กูได้อะไร
กู ก็ได้ฟังมึงร้องไง ได้ฟังมึงร้อง ได้ฟัง แสดงออกซึ่งน้ำจิตน้ำใจ
ก็ในฐานะที่ได้รับคำยกย่องว่า เป็นครู ก็ต้องเห็นความงามเหล่านี้ แล้วก็ต้องชื่นชม ยกย่อง
ความงามอย่างนี้ให้ปรากฏ ให้เด่นชัด แต่ถามว่า โดยข้อเท็จจริงแล้ว หลวงปู่อยากได้ หรือ
ไม่อยากได้
ไม่ได้อยากได้ เพราะไม่อยากให้ใครลำบากเพราะตัวเอง ชั่วชีวิต ไม่อยากให้ใครมาเป็น
ภาระเพราะตัวเอง ไม่อยากเป็นภาระให้แก่คนอื่น ไม่อยากให้คนอื่นมามีความรู้สึกว่า
ต้องลำบากเพราะเรา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น แสดงว่า เราอยู่อย่างไม่ภาคภูมิละ
หลวงปู่ จะพูดกับลูกหลาน และคนอื่นเสมอ ที่ใกล้ชิดว่า ชั่วชีวิตกู หายใจแล้วไม่ภาคภูมิ กู
จะหยุดหายใจ ถ้าอยู่อย่างไม่ภาคภูมิ หรือไม่ยินดี ในฐานะที่ตัวเองเป็นผู้ที่มีแล้วให้ เราจะ
ไม่ยอมหายใจ เพราะมีความรู้สึกว่า เราน่าอดสู อยู่เพื่อจะเอาเปรียบคนอื่น เราเปรียบสังคม
เอาเปรียบสิ่งแวดล้อม
มีแต่เอาอย่างเดียว ไม่คิดจะให้ เป็นชีวิตที่น่าอดสู ชีวิตที่น่าอับอาย ลำบาก อดอยาก ยากจน
ข้นแค้นเสียเหลือเกิน แร้นแค้นมากๆ ถึงจะขอไม่เลิก อะไรอย่างนี้
งั้น หลวงปู่เป็นคนที่ไม่ชื่นชม ไม่นิยมยินดี ที่จะเป็นภาระให้แก่คนอื่น แต่ถ้าเราช่วยแบ่ง
เบาภาระให้แก่คนอื่น เราจะมีความรู้สึกเป็นสุข แล้วก็พึงพอใจว่า นี่คือ สิ่งที่เราสามารถทำ
ได้ เราแข็งแรง เรามีสติปัญญา
ก็บอกแล้วว่า พรที่สวรรค์ประทานให้ ไม่อยากได้อายุยืน ไม่อยากได้สุขภาพดี ไม่อยากได้
บริวารเยอะ ไม่อยากได้ยศฐาบรรดาศักดิ์ ไม่อยากได้ลาภสักการะ ไม่อยากได้ศักดิ์ศรี ชื่อ
เสียง
อยากได้อย่างเดียว คือ ขอ 2 ขา ข้ายืนได้, 2 มือ ข้าทำได้, 1 ตัว ข้าตั้งมั่น, 1
หัว ข้าคิดออก แล้วไม่มีเรื่องอะไรที่ข้าบอกแล้ว ทำไม่ได้ นี่คือ สิ่งที่อยากได้พรจากสวรรค์
ทีนี้ ถ้าเมื่อใดที่ 2 ขา มันยืนไม่ได้ ถ้ามันเดินไปไม่ได้, 1 ตัว มันไม่ตั้งมั่น, 1 หัว
คิดไม่ออก มันก็กลายเป็นภาระ แล้วสุดท้าย มันก็จะเป็นพาหะ, ภาระพัฒนาต่อไป เสื่อม
โทรมลง ก็เป็นพาหะของสังคม ของคนอื่น อยู่อย่างนี้ แล้วก็ไม่อยู่ดีกว่า สู้ตายเสียดีกว่า
แล้วหลวงปู่จะคิดอย่างนี้เสมอไง ก็เลยไม่พยายามจะเป็นภาระให้ใคร ไม่ให้ใครมารับภาระ
ให้กับตัวเอง เพราะมีความรู้สึกว่า เราจะไม่ภาคภูมิในการที่จะมีลมหายใจ มีชีวิต
งั้น การกราบไหว้ เทิดทูน บูชา ที่ลูกหลาน ท่านที่รักทั้งหลายทำ มันเป็นความงามของแต่ละ
คนที่ทำไป แล้วก็เป็นการสั่งสมความงามนี้ ให้มันยิ่งใหญ่ รุ่งเรือง เจริญ ก็คือ ไหว้ บูชา
บ่อยๆ สำนึก ระลึกรู้คุณคนบ่อยๆ สำเหนียกถึงบุญคุณของท่านผู้มีคุณบ่อยๆ
จิตใจเรามันจะละเมียดละมัย อ่อนโยน เหมาะสมแก่การงาน
ทีนี้ จะฝึกจิดก็ง่าย อบรมจิตก็ไม่ลำบาก สั่งสมอบรมจิตตานุภาพ ด้วยอานุภาพของจิต ก็ไม่
ยุ่งยากเกินไป มันทำอะไรมันก็ง่าย เหมือนกับ ถังขยะที่มันว่างๆ แล้วมันใส่อาหาร ใส่น้ำดื่ม
ก็ยังได้ แต่ถังขยะ ที่มันเต็มเปี่ยมไปด้วยขยะ ใส่อะไรมันก็ไม่ลง ไม่เข้า แล้วเราก็พยายาม
จะไปเรียกร้อง เอาดอกไม้มาเสียบ เอาน้ำหอมมาเท สุดท้าย มันก็คือ ถังขยะอยู่ดี มันไม่มี
อะไรจะดี
นั่นหมายถึง สำหรับคนที่ไม่รู้จักกราบ ไม่รู้จักไหว้ ไม่รู้จักสำนึกบุญคณคน ไม่รู้จัก
ตระหนักถึงคุณของคนและท่านผู้มีคุณ แล้วก็อีกทั้ง อกตัญญู
อกตัญญู ก็คือ ไม่ตอบแทนคุณ ยังไม่ว่า ยังทำร้ายทำลายอีกต่างหาก เค้าเรียก คนอกตัญญู
ไม่สำนึกบุญคุณคน ก็ไม่เป็นไร แต่หาวิธีจ้องทำลายกับบุคคลผู้มีพระคุณ เค้าเรียกว่า คน
อกตัญญู
คนพันธุ์นี้ ฟ้าดินจะลงโทษ ธรณีจะสูบ แผ่นดินจะสาป เหมือนกับ พระเทวทัต
ได้เป็นพระเทวทัต ก็เพราะพระธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า บรรลุอภิญญา
สมาบัติ 8 ก็เพราะพระธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ลาภสักการะ ก็เพราะ
พระธรรมคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า สุดท้าย ก็คิดจะล้างผลาญพระผู้มีพระภาคเจ้า
สุดท้าย ก็เลยแผ่นดินรับน้ำหนักของพระเทวทัตไม่ไหว มึงนี่หนักมาก กู ทนไม่ได้ เลยต้อง
สูบลงใต้แผ่นดินซะ เป็นคนอกตัญญู
งั้น คนอกตัญญู มีที่สุดของชีวิตที่ไม่สวยงาม
คนอกตัญญู ไม่สำนึกบุญคุณคน มีที่สุดของชีวิต หรือว่า ชีวิตสุดท้ายหลังความตาย ทุรน
ทุราย ไม่ได้สวยงาม ไม่สุขสงบ ไม่ผ่อนคลาย ไม่โปร่งเบาสบาย
ก็ขอขอบใจ และก็อนุโมทนา แล้วก็ให้รักษาความงามอย่างนี้เอาไว้ แล้วก็สอนลูกหลานสืบๆ
ไป
แต่ถ้าถามครูว่า ได้อะไร
ก็ได้ทำหน้าที่ ชีวิตหลวงปู่ ขอเพียงได้ทำหน้าที่ ทำภาระกรรมที่พึงมีต่อพระศาสนาอย่าง
ตรงไปตรงมา อย่างซื่อตรงและซื่อสัตย์ ก็ภูมิใจละ อย่างนี้ก็มีความสุขละ
อ้อ อย่าลืมไปซื้อวัดนะ กำลังจะประกาศขายวัด เดี๋ยวประกาศขายทางโทรทัศน์ให้ด้วย
คุณมนัส เรื่อง มลภาวะเป็นพิษใช่ไม๊ครับ
หลวงปู่ ก็มันก็มลภาวะเป็นพิษ เมื่อเช้า หนังสือพิมพ์มาสัมภาษณ์ แล้วคำสัมภาษณ์คำ
หนึ่ง เค้าถาม ท่านเป็นพระ ไม่รู้จักอดทนบ้างเลยเหรอ เราก็เลยบอกว่า ไม่ทน จะอยู่มาได้
ยังไงตั้ง 2 ปี ก็เพราะว่า มันมา 2 ปีแล้ว เราก็ทนมันมาตั้ง 2 ปีแล้ว แล้วก็บ่นมาตลอด
มันก็ไม่เห็นมีใครทำอะไร ก็เรียกมันมา พูดคุยแล้ว ก็ยังไม่ทำอะไร สุดท้าย มันรำคาญ ซื้อ
อ้ายเครื่องฟอกอากาศมาให้เราเครื่องหนึ่ง
งั้น เราก็เลยบอกว่า กูไม่ต้องการเครื่องฟอกอากาศของมึง กูต้องการอากาศของกู อากาศที่กู
เคยหายใจอยู่ตลอดเวลาอย่างสะดวกสบาย แต่เวลานี้ กูหายใจเข้าไปเนี่ย น้ำลายเค็มเลย
น้ำลายเค็ม ปากขมน่ะ เพราะฝุ่นละออง มันปลิวในอากาศ แล้วทั้งกลิ่น ทั้งอะไรไม่รู้ กลาง
คืนนี่หายใจ นอน ถ้าเปิดหน้าต่าง นี่ไม่ต้องนอนเลย ก็ต้องปิด อุดอู้อยู่อย่างนั้น เพราะมันก็
จะส่งกลิ่น
เพราะงั้น ไม่ทน จะอยู่มาได้ยังไงต้อง 2 ปี นี่ 2 ปีนี่ มันทนไม่ไหวแล้ว เพราะกินยา
จนตับจะทรุดอยู่แล้ว ตับจะเจ๊งอยู่แล้ว เพราะว่า ต้องกินยากดภูมิ เพราะแพ้อ้ายฝุ่นละออง
เนี่ย มันก็ไม่ไหวแล้ว
อย่างนั้น เอ้า งั้นก็ ขายวัดเถอะ ขออย่างเดียว คือ บาตรใบหนึ่ง กับ จีวรผืนหนึ่ง กูไปละ
เอาแค่นี้พอ ที่เหลือ สนใจซื้อไม๊ เราจะได้เป็นสมภารกับเค้ามั่ง
คุณมนัส โอ้โห ไม่ไหวล่ะครับ
หลวงปู่ ก็ประกาศขายนะจ๊ะ ช่วยบอกกันต่อๆ ใครสนใจจะซื้อ ขาย 2,000 ล้าน
อ้าว วัดมีตั้ง 200 ไร่ ลงทุนไปตั้งกี่พันล้านแล้ว ขายถูกมาก เขียนป้ายไว้ ขายถูก
คุณมนัส ขายพร้อมสมภารฮะ ต้องมีคนซื้อ เหมือนซื้อ 1 แถม 1 ขายวัดด้วย ขายที่
ด้วย แล้วก็แถมสมภาร
หลวงปู่ มันจะขายไม่ออกน่ะสิ เลยขายไม่ออก
คุณมนัส เดี๋ยวทุกอย่าง มันก็จะคลี่คลาย
หลวงปู่ อู๊ย ถ้ามันคลี่คลาย มันคลายไปนานแล้ว มัน 2 ปีแล้ว ทนมานานตั้ง 2
ปีกว่าแล้ว นี่ ยังดีนะ มันไม่ใช่มีแค่โรงเดียว เมื่อ 2 วันนี้ มีมาเจรจาอีกโรงหนึ่ง โรงทำ
เหล็กหล่อ อยู่ตรงข้ามหน้าวัดเลย กำลังถมที่ กำลังจะลงเสา อบต. คนเก่า มันเลว เล๊ว เลว
ก่อนมันจะออก มันเซ็นต์อนุมัติเอาไว้โดยไม่ผ่านประชาวิจารณ์ แล้วเค้าก็มาทำ แต่พอมาทำ
อ้ายคนถมที่มันถามว่า คุณ ไปขออนุญาตหลวงปู่หรือยัง
เราก็เลยบอก ทำไมต้องมาขออนุญาตกู กูไม่ใช่กรม กระทรวงอุตสาหกรรม เออ สุดท้าย
มันมาเจรจา บอก คุณก็ทำไปสิ แต่คุณต้องทะเลาะกับชั้นจนวันตาย เออ ถ้าคุณมีความสุข
กับการที่คุณรวยบนความทุกข์ของชาวบ้าน อ้ายโรงหล่อเหล็ก หล่อโลหะเนี่ย มันมีสารไซ
ยาไน สารตะกั่ว สารสารพัดสาร ที่ลอยระเหิดมาในอากาศ มันไม่มีกลิ่น แต่อ้ายนั่นน่ะ มัน
ตายเร็ว
สมัยก่อนนี้ เคยมีเพื่อน มันทำงานโรงหล่อ, 3 เดือนเท่านั้น ปอดเหลือเท่ากำมือ มันกัด
หมดน่ะ ข้างใน แล้วเค้าบอกว่า เป็นโรงที่ไม่ทำข้างฝาด้วย เพราะว่า ทำข้างฝาแล้วอยู่ไม่ได้
เค้าเรียกว่า โรงระบบเปิด ก็คือ เราก็ต้องรับมันเต็มๆ ถ้าลมมา ก็เลยบอก เอาเฮอะ ถ้า
อยากทำ
คุณมนัส มันต้องระบบปิด
หลวงปู่ ระบบหนีสิ หนีไปเลย บอก ขายวัด ไม่งั้น เดี๋ยวก็ต้องมาทนกับมัน เดี๋ยวมันจะ
มีอีกหลายโรงที่จะมาโผล่ขึ้น เพราะว่า อ้ายข้าราชการบ้านเรา มันเป็นคนไม่ใช่คนน่ะ มัน
เห็นแก่ปัจจัย เห็นแก่เงิน เห็นแก่ซอง โดยไม่สนใจว่า ชาวบ้านจะอยู่ทุกข์ยาก ลำบากแค่
ขนาดไหน มันได้เงินไป มันก็พอใจแล้ว มันอนุมัติ ปกติแล้ว พวกนี้มันต้องขอมติชุมชน
มันไม่ได้ขอ
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว มันสร้าง หลวงปู่ให้คนไปถาม มันก็ไม่ได้บอกว่า เป็นโรงงานนะ เค้า
บอกว่า เป็นโกดังเก็บ ทำไปทำมา มันกลายเป็นโรงงานไปได้ไงก็ไม่รู้ บอกเป็นโกดังเก็บ
สินค้า เก็บวัตถุดิบ
ทีนี้ มันก็พ่นควันออกมา ฟุ้งทั้งวันทั้งคืน วันที่แสดงธรรม เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แสบคอเลยล่ะ
เหมือนกับกลืนน้ำลาย กลืนอ้ายทรายเข้าไป คอ นี่เป็นเม็ดเลย น้ำลายเค็ม ปากขม น้ำลาย
เค็ม เลยล่ะ เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องกินข้าว ก็อิ่มแล้ว เพราะเล่นรำกลางอากาศ กินอาหารสัตว์กลาง
อากาศ
ไม่ไหว หรอก กูอยู่ไม่ได้ กูขายวัด ใครสนใจซื้อ บอกนะจ๊ะ เอาแค่ 2,000 พัน อีซิ้ม
จะซื้อ เหรอ
ญาติธรรม จะออกความเห็นน่ะ ให้ทนายเก่งๆ เขียน แล้วเราลงชื่อหลายๆคน..
คุณมนัส ล่าลายชื่อ
หลวงปู่ อืม โยม อาตมา เป็นพระ จะไปต่อล้อต่อเถียง ต่อยตีกับชาวบ้านเค้าได้ยังไง
โยม แล้วทำไมมึงไม่ทำเองล่ะ
คุณมนัส น่าสนใจนะครับ ผมเห็นใน social network ทางญาติธรรมเริ่ม
ขึ้นแล้วนะฮะ
หลวงปู่ เริ่มอะไร เริ่มขึ้น เพราะเห็นชั้นเขียน จะขายน่ะสิ ถ้าไม่เขียน ขาย มันก็ไม่ขึ้น
คุณมนัส ก็ร้องผ่านสื่อ ก็มีชาวบ้านบอกให้นักข่าวช่วยๆ กันไปดู
หลวงปู่ โอ๊ย อย่าไปพึ่งพาอาศัยเค้า
คุณมนัส ต้องตีแผ่
หลวงปู่ อัตตาหิ อัตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน เออ เค้าส่งไปตั้งแต่สมัยไหนแล้ว 2
ปีที่ผ่านมา ไม่รู้ ชั้นไม่ได้เขียน ใครเขียน ไม่รู้ เลยไม่รู้ มันก็ยังเฉยอยู่ มันก็บอก มันปรับ
ปรุงแล้ว อีตอนมันสร้างโรงงานน่ะ 6 เดือนเสร็จ แต่พอเวลาปรับปรุง มันใช้เวลา 2 ปี
ฟังมันดูสิ มันก็อ้างส่งไปอย่างนั้นแหละ มันไม่ได้ทำจริงหรอก แล้วเราก็ตายผ่อนส่ง เมื่อปี
ที่แล้ว เด็กมาบวชเณรนะ อยู่ได้ไม่ถึง 7 วัน มันเป็นเห่อขึ้นทั้งตัว เพราะเด็กมันเป็นโรค
ภูมิแพ้ฝุ่นละอองอย่างแรง จนแม่มันต้องเอาหนี สึก มันจะหายใจไม่ออก
หลวงตาที่วัด ก็เป็นโรคภูมิแพ้ หืดหอบ นอนหอบแฮ๊กๆ อยู่อย่างนั้น
แล้วจะไปอยู่ได้ยังไง, ขาย, ใครซื้อ เห็นว่า ธรรมกาย เงินดี ช่วยไปบอกขายที ขาย
2,000 ล้าน
ญาติธรรม ขายแล้ว พวกเราจะไปอยู่ที่ไหน
หลวงป ก็อยู่บ้านมึงสิ จะไปอยู่ที่ไหน เกี่ยวอะไรกับกู
ญาติธรรม คนตั้งเป็นพัน เป็นหลายๆ พัน
หลวงปู่ อะไร
ญาติธรรม ขาย แล้วคนตั้งหลายพัน จะไปฟังธรรมที่ไหน
หลวงปู่ ก็ฟังในวิทยุ
ญาติธรรม โอ้โห
หลวงปู่ ไม่รู้ล่ะ, ขาย, เขียนป้ายไว้แล้ว 3 ป้าย ตัวเบ่อเร่อ ขายถูก
ญาติธรรม ไม่เคยได้ยินที่ไหน เค้าขายวัด
หลวงปู่ ก็ให้ได้ยินซะสิ มึงไม่เคยได้ยิน กูเป็นคนทำอะไรไม่เหมือนใครอยู่แล้วล่ะ กู
มัน perfect man เว้ย เออ ถ้ากูเหมือนใคร กูคงไม่ใช่ perfect man
หรอก คนเค้ามาถาม
คุณมนัส ตกลง เดือดร้อนไม๊ครับเนี่ย
หลวงปู่ อ้าว เดือดร้อนสิ
คุณมนัส เห็นหลวงปู่มีความสุขจังเลย
หลวงปู่ ทำไม จะให้ชั้นนั่งร้องห่มร้องไห้ โอ๊ย โยมจ๋ะ ทำไมทำกับชั้น
อุ๊ย อย่างนี้ น่าเอาขี้ปา
คนเรา มันจะต้องไปทุกข์อะไรกับมันนักหนา ตอนนี้ มันไม่ได้อยู่ที่โรงงาน อยู่ที่วัดนี่จ๊ะ นี่
มันอยู่โรงพยาบาลสำเหร่จ้ะ จะมาให้นั่งร้องห่มร้องไห้ ชั้นเป็นคนไม่แบกทุกข์มาถึงนี่หรอก
อ้ายตอนอยู่ เข้าวัด เราก็กลั้นลมหายใจ จนกระทั่ง พอเราเข้าวัดปุ๊บ เดี๋ยวนี้นะ เข้าวัดปุ๊บ จะ
ปวดหัวปั๊บเลย มันเป็นเหมือนโรคจิตไปเลย เพราะเราต้องกลั้นลมหายใจไง
ปกติ เคยสอนลูกศิษย์ ใช่ไม๊ว่า เข้า กว้าง ลึก เต็ม รู้, อุ๊ย เต็มรูเลย
ออก เบา ยาว หมด รู้, กูก็เต็มเหมือนกัน เต็มปอด
มันหายใจไม่เต็มไง พอหายใจไม่เต็ม บ่อย เข้าๆๆ มันก็อั้นลม แล้วออกซิเจนก็ไปเลี้ยง
สมองไม่พอ อ้ายเส้นเลือดในสมอง ก็หดตัวรุนแรง ก็เลยกลายเป็นโรคจิตเลย เดี๋ยวนี้ พอ
เข้าวัดปุ๊บ เราจะปวดหัวปั๊บ เป็นอย่างนี้เลย เพราะมันหายใจไม่ได้อย่างที่เคยฝึก เออ กว้าง
ลึก เต็ม รู้ อู้หู กว้าง ลึก เต็มรู เต็มรูจมูกเลย เข้ามา
มันทนไม่ไหวละ ทนมาตั้ง 2 ปี ใครว่า ยังไม่มีขันติ แล้วเราต้องมาทนกับคนชั่วแบบนี้ ที่
มาเอาเปรียบเราไม่รู้จักจบสิ้น มันไม่ใช่เอาเปรียบเราคนเดียว ถามว่า คนอื่นเค้าเดือดร้อนไม๊
เดือดร้อน แต่ไม่มีใครกล้าโวย เค้าไม่กล้า เค้ากลัวอิทธิพล วัดอื่น วัดเจ้าคณะตำบล ก็มาบ่น
ให้ฟัง โดนเต็มๆ เค้าก็ไม่กล้า วัดลาดหญ้าไทร มันใกล้ๆ ไม่มีใครกล้าโวย เพราะไม่มีใคร
กล้าขายวัด หลวงปู่ขาย
กูสร้างเอง กูก็ขายเอง ไม่มีใคร เดี๋ยวประกาศขายทางโทรทัศน์ สื่อ ช่วยขาย
คุณมนัส ต้องใช้กำลังภายใน
หลวงปู่ ทำอะไร
คุณมนัส ก็จัดการกับบริษัท อาร์..
หลวงปู่ ฝังหุ่น น่ะเหรอ
คุณมนัส เอาจิ้มเลย หลวงปู่
หลวงปู่ ปั้นหุ่นมา
คุณมนัส หลายวิชานะ
หลวงปู่ ไม่เอา บาปกรรม ชั่งมัน เดี๋ยว เราก็ต้องใช้หนี้มันข้ามภพข้ามชาติ เราหนีมันไป
ดีกว่า
คุณมนัส ไปจริงๆ เหรอฮะ
หลวงปู่ เอ้า ไป๊ ถ้ามันไม่หยุด เราไป, ไป๊, เขียนป้าย ขายแล้ว คำไหนคำนั้น มี
คนมาซื้อ ขายปุ๊บเลย, ไป๊, ไม่อยู่หร๊อก จะอยู่ทำไม ทรมาน ต้องมานั่งทน โอ้โห สูดลม
อ้ายสมัยก่อน มาสร้างใหม่ๆ อ้ายกลิ่นขี้หมู ก็ยังเป็นอุตสาหกรรมชาวบ้าน มันก็ยังพอทนได้
เค้าเลี้ยง5 ตัว 10 ตัว 100 ตัวก็ยังพอทำเนา อ้ายนี่ มันไม่ใช่เลย มัน 24 ชั่วโมง
เลยล่ะ มันทำตลอด 24 ชั่วโมง แล้วมันยังขยายอีกนะ ไปขออนุญาต อบต. ขยาย
พื้นที่ซื้อไปอีกกี่ 10 ไร่ จะขยายโรงงานให้ใหญ่ขึ้น แล้วเราจะอยู่ได้เหรอ แล้วไม่รู้ว่า
เมื่อไหร่ อบต. มันจะอนุมัติ, อบต.มันไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเค้า
อ้าย อบต. คนที่อนุมัติ มันก็ออกไปแล้ว นี่คนใหม่มา ก็ไม่รู้จะทำยังไง
มันลำบาก คุณ อยู่กับอ้ายสังคมเห็นแก่ตัว เอาเปรียบ นี่มันทำให้สังคมเดือดร้อน
แล้วอ้ายนักหนังสือพิมพ์ มันถาม อ็โห ขนาดหลวงปู่ เป็นพระดังขนาดนี้ ยังขายวัดเลย
อ้าว ทำไม กูไม่เคยไปแสดงอำนาจบาตรใหญ่
อ้าว แล้วลูกศิษย์ลูกหา ทำไง
ลูกศิษย์ ก็ส่วนลูกศิษย์ ไม่เกี่ยวอะไรกับกู ลูกศิษย์มันไม่ได้มานอนที่นี่ เค้าก็ไม่รู้ว่า เราทุกข์
ร้อน เดือดร้อนอะไร อ้ายเค้านอนบ้าน มันเรื่องของเค้า เราจะไปโวยวายอะไรกับเค้า มาทำ
ให้เค้ามาเดือดร้อนกับเราได้ยังไง ไม่เอา ตัวใครตัวมัน เดี๋ยว กูไปเจอเอาแถวๆ สนามหลวง
หรือ ลานพระรูป
คุณมนัส งานวันเด็กที่ผ่านมา เด็กก็อิ่มรำเลยสิ ใช่ไม๊ฮะ
หลวงปู่ มีช่วงก่อนนะ แต่อ้ายวันเด็กวันนั้น ไม่รู้ได้กลิ่นหรือเปล่า หรือได้ก็ไม่รู้สึก เพราะ
ว่ามันชินแล้วไง แล้วมันอิ่มแล้วไง มันก็มาเป็นพักๆ แต่งานวันเด็กก็ ช่วงเย็นไม่รู้ได้กลิ่น
หรือเปล่า ลืมไปเพราะเห็นเด็กมันมีความสุข
คุณมนัส ใครไปงานวันเด็ก ได้กลิ่นไม๊ฮะ
(แล้วแต่ลม มา)
หลวงปู่ แต่ก่อนหน้านี้ โอ้โห เต็มๆ เลย งานวันเด็ก รุ่งขึ้น วันอาทิตย์ อยู่ในศาลา คน
แก่ยังไอโขลกๆๆ เลย 2-3 คนนั่งไอ เค้าแพ้อ้ายฝุ่น สูดลมหายใจเข้าไป
ไม่ไหว อยู่ไม่ได้ ขายดีกว่า ซื้อไม๊ล่ะจ๊ะ ขาย ราคาถูก จบ
ก็ฝากด้วยนะจ๊ะ ใครสนใจจะซื้อวัดอ้อน้อย อารามธรรมอิสระ ราคาถูกๆ ก็ติดต่อได้ ที่วัดได้
เลย ขาย ถ้าโรงงานมันไม่ไป เราก็ต้องไป
มันหาข้อยุติไม่ได้ มันอ้างว่าทำ คือ เค้าบอกว่า เค้าพยายามจะปรับปรุง เวลามันสร้างโรงงาน
ใช้เวลา 6 เดือนเสร็จ ตั้งแต่วันแรกที่เปิดเครื่อง มันก็มีกลิ่นแล้ว เราก็บอกมันมาตลอด มัน
ไม่ไหวนะ อย่างนี้ มันเดือดร้อน พยายามพูดภาษาดอกไม้
พูดอะไรมันก็อ้าง ปรับปรุงแล้วๆ แล้วสุดท้ายก็ เนี่ย เหมือนเดิม
มันไม่ได้เบาลง แย่ยิ่งกว่าเก่าอีก เพราะมันขายดีไง อาหารสัตว์มันขายดี มันก็จะขยายโรง
งานเพิ่มขึ้นอีกด้วยซ้ำ โอ๊ย ทรมานทรกรรม เดี๋ยว ไปเจอกันที่นู่นนะ
คุณมนัส เมืองกาญจน์
หลวงปู่ ไม่
คุณมนัส ลานพระรูป
หลวงปู่ หา ที่ไหนก็ที่นั่นล่ะ
คุณมนัส ชุมนุมใหญ่
หลวงปู่ ขอบใจมาก อนุโมทนา เมื่อวานนี้ ใครไปเจริญมนต์บ้าง ยกมือ เออ เมื่อวานนี้
เห็นว่ามีตั้ง 2,000 พันกว่า ก็เดี๋ยว เดือนหน้า ก็วันที่เท่าไหร่นะ วันที่ 16 ไม่ได้ไป
นะจ๊ะ เออ เพราะ ต้องยกเศียรพระมหาพุทธพิมพ์ นาคปรก ก็ต้องขยับไปอีกเสาร์หนึ่ง ก็คือ
วันที่เท่าไหร่ 23 ก็ถือโอกาสไปสวดนพเคราะห์ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เพราะวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 วันที่ 13 เป็นวันที่เทวดาเค้าจะเปลี่ยนเวร เค้ามีเข้าเวรด้วย
พวกดาวนพเคราะห์ทั้งหลาย เค้าจะเปลี่ยนเวร เปลี่ยนตำแหน่ง นี่ ยังไม่เข้าปีงูนะ ต้องวันที่
13 เดือน 3 ขึ้น 3 ค่ำ
ปุจฉา เรื่องของการสวดสะเดาะเคราะห์ ให้หลวงปู่ช่วยแนะนำว่า จะทำวิธีใด เพราะ
ตอนนี้ลูกชายอยู่เมืองนอก
วิสัชนา ไม่เคยทำสะเดาะเคราะห์ ไม่เคยทำ เคยทำแต่นพเคราะห์
คุณมนัส มันต่างกันยังไงฮะ
หลวงปู่ ต่างกันสิ สวดนพเคราะห์ คือ สวดรับเทวดา
คุณมนัส แล้วสะเดาะห์เคราะห์ คือ เรื่องไม่ดี
หลวงปู่ ก็เห็น ไม่ดีทุกคนล่ะ สวดยังไง มันก็ยังไม่ดี ถ้ามันไม่ทำดี งั้น ถ้าอยากให้ได้ดี
ก็พยายามทำดี เดี๋ยวเคราะห์มันหมดเองน่ะ ลูก
พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนว่า ทำไม่ดี แล้วต้องมาเข้าพิธี แล้วจึงจะได้ดี ไม่ใช่
ทำไม่ดี ก็ต้องแก้สันดาน นิสัย เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง ให้เป็นคนทำดี พูดดี คิดดี
เดี๋ยวความดี มันก็ได้มาเอง จบ
คุณมนัส อันนี้ คงจะเป็นครอบครัว อยากจะทำให้ลูกชาย เพราะอยู่เมืองนอก
หลวงปู่ ทำอะไร ก็โทรฯไปบอกลูกชายให้ทำดีเยอะๆ ทำดีมากๆ ขยัน เป็นประโยชน์ต่อ
สังคมคนรอบข้าง เดี๋ยวเคราะห์ มันก็หมดเอง จบ
ปุจฉา ถ้าทำจิตรวมกายแล้ว มันเกิดความรู้สึกเศร้า หดหู่ แบบนี้เกิดจากอะไร และแก้ไข
ได้อย่างไร
วิสัชนา อืม มันมีคำว่า นิพพิทาญาณ คือ ความเบื่อหน่าย อ้ายนิพพิทาญาณนี่ มันเบื่อ
หน่าย มันจะไม่หดหู่นะ มันจะคลายกำหนัด
แต่อ้ายที่มันหดหู่ มันไม่น่าจะเป็นนิพพิทาญาณ มันน่าจะเป็นอารมณ์สิ้นหวัง สิ้นหวัง เค้า
เรียกอะไร ขาดทุนอารมณ์ ไม่ได้ดั่งใจหวัง ไม่สมปรารถนา มันไม่น่าจะเป็นการที่กายรวม
ใจได้ คงจะต้องดูว่า เป็นอารมณ์อะไรที่แทรกอยู่ระหว่างกายรวมใจ เพราะถ้า กายรวมใจ
จริงๆ มันมีแค่ ตัวรู้ เฉยๆ
แต่ถ้ามันมีอารมณ์เข้ามาร่วมนี่ แสดงว่า ไม่ใช่ กายรวมใจ ละ
กายรวมใจ นี่มันมีแค่ ตัวรู้ ความเป็นไปภายในกายตน
แต่ถ้ามีอารมณ์ปรากฏ นี่ก็ต้องเป็น เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน ต้องค้นหาให้ได้ว่า อะไร
ปรากฏขึ้นในจิต สุข ทุกข์ หรือ ไม่สุข ไม่ทุกข์ เป็นอะไรบ้างที่ปรากฏขึ้น เป็นกุศล เป็น
อกุศล หรือ อัพยากฤตจิต อย่างนี้เป็นต้น ต้องวิเคราะห์ให้ได้
ส่วนที่เป็นกุศล คือ กุศลชนิดใด ส่วนที่เป็นอกุศล คือ อกุศลชนิดใด ต้องค้นหา ต้องสืบเสาะ
แต่ถ้า กายรวมใจ เฉยๆ มันก็เป็นกระบวนการที่มี ตัวรู้ เฉยๆ โดยไม่ปรุงแต่งเป็นอารมณ์
ใดๆ คือ เรียกว่า ไม่มีเจตสิก เครื่องปรุงจิตใดให้ปรากฏขึ้น อย่างนี้เค้าเรียกว่า กายรวมใจ จบ
ปุจฉา อยากทราบว่า ผู้ที่เป็นพระโพธิสัตว์ จะทราบได้ด้วยตนเองหรือไม่ แม้ในชาติที่
ยังบำเพ็ญบารมีมาน้อยว่า ตนเองเป็นปัญญาธิกโพธิสัตว์ ศรัทธาธิกโพธิสัตว์ หรือว่า วิริยะ
ธิกโพธิสัตว์
วิสัชนา ยังไม่ได้ ถึงขนาดนั้น จนกว่าจะได้รับขนานนามจากพระผู้มีพระภาคเจ้า คือ ได้
รับคำทำนาย พุทธทำนายจากพระผู้มีพระภาคเจ้า
ในขณะที่บำเพ็ญบารมี ก็พยายามที่จะสั่งสม ทศบารมี ทั้ง 10 ประกรให้สมบูรณ์ มันยัง
ไม่สามารถให้ออกลูกออกหลานมาให้รู้ว่า ท่านผู้นี้ เป็นผู้ที่เป็น ศรัทธาธิกะ ปัญญาธิกะ หรือ
เป็นผู้ที่มีอำนาจ มีเดช มีศักดา เหนือไปกว่านั้น
คล้ายๆ กับผู้ปลูกผลไม้ มันยังไม่รู้หรอกว่า มันจะหวานหรือไม่หวาน ถ้ามันยังไม่ออกลูก
แล้วต้นไม้มันยังไม่โตพอ
เพราะงั้น ต้องพยายามที่ทำให้ต้นไม้มันโต บำรุงต้นไม้ให้สมบูรณ์ แล้วเมื่อใดที่ต้นไม้มัน
โตอย่างสมบูรณ์ ลูกที่ออกมามันก็ย่อมสมบูรณ์
ก็ยังไม่รู้อีกเหมือนกันว่า มันเป็นประเภทไหน เปรี้ยว หวาน ขม หรือว่า จืด ก็ต้องรอให้มัน
ออกลูกแล้วสุกเสียก่อน ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้บำเพ็ญบารมี เป็นพระโพธิสัตว์ ต้องอาศัยพุทธ
ทำนายก่อน
กว่าจะถึงขั้นพุทธทำนาย ก็ต้องสั่งสมอบรม เหมือนกับต้นไม้ที่ต้องดูดอาหารเลี้ยงลำต้นตัว
เอง จนเติบใหญ่ จบ
ปุจฉา มีรุ่นน้องรู้จักอยู่คนหนึ่ง เค้าเป็นพระโพธิสัตว์ เค้ามักจะหาโอกาสไปพบพระ
อริยสงฆ์อยู่เป็นประจำ ไม่ทราบว่า ควรจะชวนมาพบพระโพธิสัตว์ อย่างเช่นหลวงปู่หรือไม่
วิสัชนา อย่าเลย อย่ามาเลย
คุณมนัส เนื่องจากวิถีพระโพธิสัตว์ ย่อมแตกต่างจากวิถีพระอริยะ
หลวงปู่ อืม อย่ามาเลย ไปเฮอะ ไปไหนก็ไป ตัวใครตัวมัน
คุณมนัส ทำไมล่ะครับ
หลวงปู่ จบ
คุณมนัส ให้เค้ามาหน่อยเถิด
หลวงปู่ ไม่เอา
คุณมนัส เพราะ ตอนนี้จะขายวัดแล้ว
หลวงปู่ เออ ใช่
ปุจฉา เมื่อครู่ รับศีลกันไป ศีลข้อไหน สำคัญที่สุด
วิสัชนา อืม ข้อที่มันทำให้ขาดสติ สำคัญที่สุด
คุณมนัส สุรา มาเป็นระยะๆ
หลวงปู่ ใช่ เพราะถ้าเมื่อใดที่มันขาดสติ มันทำชั่วได้ตั้งแต่เล็ก จนชั่วใหญ่ๆ เลย งั้น ข้อ
ที่ทำให้สติเสียหายนั่นแหละ เป็นเรื่องที่ทำให้เราได้รับทุกขเวทนา ข้ามภพข้ามชาติได้ง่าย
มาก จบ
ปุจฉา มีปัญหาที่เกิดจากเด็กมากมายขึ้นทุกวันในปัจจุบัน เช่น ตีกัน ฆ่ากัน ลักขโมย
แล้วก็มีของการติดยาเสพติด ปัญหาเหล่านี้ ใครจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ พ่อ แม่ ครู หรือ
สิ่งแวดล้อม หรือว่า รัฐบาลควรจะต้องปลูกฝังสิ่งใดลูกอันเป็นที่รักของเรา
วิสัชนา สังคม สังคมต้องเป็นส่วนรับผิดและชอบ เพราะสังคมเป็นกระบวนการหล่อ
หลอมเด็กพวกนี้ให้เติบใหญ่อย่างบิดเบี้ยว และขาดหลักเกณฑ์ ไม่ยอมรับในกติกา แล้วก็
ปฏิเสธศีลธรรม
แล้วทำไม สังคมต้องรับผิดชอบ
เพราะสังคมยุคปัจจุบัน เป็นสังคมของการส้องเสพ ไม่ใช่เป็นสังคมของการสร้างเสริม หรือ
ว่า ซ่อมแซม มันเป็นสังคมของการเสพ สังคมของการบริโภค
งั้น สังคมแบบนี้ มันหล่อหลอมให้เด็กที่เกิดมาในยุคที่สังคมเหล่านี้ เจริญเติบโต เด็กมันก็
จะทำตามสังคม ซึ่งสมัยก่อนนี้ ชั้นเด็กๆ สังคมไม่ใช่สังคมนักเสพ เป็นสังคมนักสร้างเสริม
เพราะบ้านเมืองมันไม่ได้ฮะรูฮะราหรูหราเหมือนสมัยนี้ มันไม่มีสิ่งเร้าเครื่องล่อที่หลอกเด็ก
ออกจากบ้านตลอดเวลา เด็กไปอยู่กับครอบครัว สังคมในบ้าน มันก็จะทำให้เห็นถึงความงด
งาม พฤติกรรม การกระทำกิจกรรมของคนในครอบครัวในสังคมของตนๆ ในชุมชนแห่งตน
ก็จะได้รับการสืบทอด ถ่ายทอด
แล้วคนในสังคม ในชุมชนยุคนั้น ก็เป็นคนในสังคมที่ชุมชนยอมรับ อยู่ร่วมกันได้เพราะ มี
กติกาเป็นตัวกำหนด เด็กก็เลยได้รับการสืบทอดกติกานั้นมาโดยลำดับ แล้วก็ถือว่า เป็นผู้ได้
รับมรดกตกทอดจากบรรบุรุษ และปู่ย่าตายายและสังคม
แต่เด็กๆ สมัยนี้ ไม่ได้อยู่กับครอบครัว มันอยู่กับใคร อะไร ที่ไหน อย่างไร ก็ไม่รู้ มันก็เลย
ไปรับเอามรดกทางอะไรของใครมา ก็ไม่รู้ เหมือนๆ กับที่ชั้นเล่าให้คุณฟังอาทิตย์ที่แล้วว่า
ชั้นไปแจกของเด็กเล่นชนเผ่า ปกากะญอ เด็กบนภูเขา มันไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ชั้นเข้าไป ชั้นยัง
นึกว่า มันหลอกชั้นไปฆ่า เพราะว่า มันขึ้นหลายเขามาก แล้วมันลงไปในหุบลึกมาก กว่าจะ
เจอหมู่บ้าน ปกากะญอ แล้วอ้าย อบต. อ้ายครูปัญญาอ่อน ชวนมันทำอะไรรู้ไม๊ วันเด็ก
เต้นโชว์ กังนัมสไต ปกากะญอ เต้นกังนัม เด็กมันจะรู้ไม๊น่ะ ถ้าผู้ใหญ่ไม่เอาไปให้มันเต้น
นี่แหละ แล้วต้องโทษใคร ต้องโทษสังคม โทษผู้ใหญ่มักง่าย ผู้ใหญ่ปัญญาอ่อน ผู้ใหญ่ไม่
เข้าใจ
ที่จริง อ้ายความงามของชนเผ่า มันมีวัฒนธรรม มีศิลปะ รากเหง้าของเค้ามีอยู่ ทำไมเค้าไม่
เอามาอวดกัน ไม่เอามานำเสนอ ไปเอา อ้ายกังนัมสไต อะไร มันโคตรเหง้าบรรพบุรุษมันที่
ไหน มันมาจากไหน
เนี่ย แล้วจะมาโทษอะไร เมื่อเวลาเด็กพวกนี้ มันโตมาอย่างหื่นกระหาย ตะกายทะยานอยาก
แล้วใครจะไปว่ามันได้ แล้วเราเป็นคนสอนมันเอง มันไม่มีปัญญาหรอก อยู่ ปกากะญอ มัน
จะไปซื้ออ้ายซีดีเล่นกังนัมสไต ไม่มี๊ มีแต่ครูปัญญาอ่อน ผู้ใหญ่ใจร้าย ทำร้ายมัน
แล้วอ้ายวัฒนธรรม ศิลปะ ของชนเผ่า มันหายไปไหน
เราก็เลยต้องหยิบไมค์มา บอกว่า น้องหนู รู้ไม๊ว่า อ้ายที่คนเค้าเห็นน้องหนู แล้วก็อยากให้
เพราะว่า น้องหนู เป็นตัวน้องหนูเอง ไม่อยากเห็นน้องหนู เป็นตัวน้องหนู แล้วหัวใจกังนัม
สไต หรือว่า กากเดนของอ้ายเกาหลี ซึ่งมันไม่ใช่ มันไม่ใช่ตัวตนแท้ๆ ของน้องหนู
งั้น ปีหน้า ถ้าหลวงปู่มาแจกใหม่ ถ้าเห็นกังนัมสไตล่ะ กูเอาของกลับ อ้าว จริ๊ง จริง ชั้นบอก
มันจริงๆ ชั้นไม่กลัว บอก กูหิ้วของกลับ เพราะถือว่า ลืมรากเหง้าของตัวเอง ไม่สำนึกบุญ
คุณของแผ่นดินเกิด ไม่สำนึกบุญคุณรากเหง้าตัวเอง
เพราะงั้น ผู้ใหญ่นี่แหละ เป็นตัวหล่อหลอมเด็กให้เป็น จบ
คุณมนัส สรุป ทุกฝ่ายที่อยู่ในสังคมต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย
หลวงปู่ ไม่เชื่อ ลองถามคนที่นั่งอยู่ที่นี่สิ เวลาวันหยุด พาลูกไปไหน
คุณมนัส ไปห้าง
หลวงปู่ เออ ไปห้าง ไป shopping คือ ไปเสพ
คุณมนัส แต่ที่นี่ ไปวัดนะ วันอาทิตย์ไปวัดอ้อน้อย
หลวงปู่ น้อยมาก
คุณมนัส แต่ต่อไป ก็ไม่ได้ไปละ เพราะจะขาย
หลวงปู่ บังคับให้มันไป
ปุจฉา มีผู้หญิงปัจจุบัน ขายรูปร่างหน้าตา แล้วก็ชื่อเสียงมากขึ้น ทำไมจึงคิดว่า สวย
แล้วหาเงินได้ โดยไม่มีสติปัญญาความสามารถด้านอื่นเลย
วิสัชนา ก็เค้าคิดได้แค่นี้ไง ไม่ใช่แต่ผู้หญิงอย่างเดียว
คุณมนัส ผู้ชายด้วย
หลวงปู่ ผู้ชายก็ด้วย เค้าคิดได้แค่นี้ไง เค้ามีความรู้สึกได้แค่นี้ คือ วิธีคิด หากินของเค้า
มันอยู่ในกรอบแคบๆ มันอยู่ในอ่าง พายเรือวนไปในอ่าง ก็คือ กิน กาม เกลียด โกรธ
แสวงหาของที่โปรด วนกันอยู่อย่างนี้ ไม่ได้ออกจากนอกอ่างไปเท่าไหร่ ถ้าเค้าคิดไปได้
มากกว่านี้ ก็คงไม่เป็นอย่างนี้
ถ้าเรามองในมุมของสมเพชเวทนา แบบพระโพธิสัตว์ ก็ เอ๊อ มันจน เค้าถึงได้ทำอย่างนี้ ถ้า
มันรวยมันคงไม่ทำ คิดแบบนี้ เราก็ เออ สงสาร
แต่ถ้าคิดแบบจะหาเหตุ หาจำเลยของสังคม ก็ต้องคิดหมั่นไส้ คิดดูถูก ดูแคลนว่า แหม
ทำไมมึงทำร้ายตัวเอง ทำลายศักดิ์ศรี ไม่ยอมรักศักด์ศรี ความศักดิ์สิทธิ์ของสถานภาพของ
ลูกผู้หญิง ของลูกผู้ชาย เอาศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์มาขายโดยชนิดที่ไม่คิดละอาย ก็
ต้องคิดไปได้ต่างๆ นาๆ
แต่มุมกลับกันต่อมา ก็คิดต่อไปว่า เออ มันจน เพราะความจน มันทำให้คนทำได้ทุกอย่าง
ตะกายทะยานอยาก ทุรนทุราย ว่าไปเรื่อยเปื่อย
ก็เนี่ย ธรรมชาติของมนุษย์ ไม่งั้น มันจะมีคำว่า กิน กามเกียรติ์ โกรธได้ยังไงล่ะ จบ
คุณมนัส มันจะต้องมีวิธีกำจัด
หลวงปู่ ไปบวชซะเลย ไป๊ ถ้าอยากให้มันดีไปหมด ก็ไปบวชซะ เพราะทุกอย่างมันก็
เป็นมนุษย์ไง นี่แหละ นี่คือ กิเลส นี่คือ โลกแห่งความเป็นจริง นี่คือ สิ่งที่มันมีอยู่ในโลก
แล้วเราจะอยู่กับอย่างไร นั่นคือ สิ่งที่เราต้องมาคิด ไม่ใช่อยู่แบบชนิดที่จะทะเลาะกับมัน ตี
กับมัน หรือ ปฏิเสธมัน เราจะอยู่กับมันอย่างไรโดยที่เราไม่ต้องโดน กิน กาม เกียรติ โกรธ
และของที่โปรดครอบงำเรา หลวงปู่จึงเขียนบทโศลกสอนลูกหลานเอาไว้ไง ลูกรัก คนฉลาด
ใช้กิเลส คนโง่โดนกิเลสใช้
คุณ สมัยก่อนนี้ ตอนที่ชั้นบวชใหม่ๆ ล่ะนะ อ้ายห้องข้างขวา ก็มีโต๊ะสนุ๊ก, อ้ายห้องข้าง
ซ้าย ก็มีโต๊ะแชร์, อ้ายห้องข้างล่าง ก็มีอ้ายกระดานหมากรุก รวมแล้ว เราอยู่ตรงกลาง
เราจะทำตัวอย่างไร ก็ต้องบอกว่า มัน คนฉลาดใช้กิเลส มันเป็นกิเลสที่เราต้องเรียนรู้ศึกษา
แต่ไม่ใช่เอาตัวไปเกลือกกลั้ว เดินผ่านไป ก็เจอสภากาแฟ อ้าว ท่าน ฉันกาแฟ, ไม่ล่ะครับ
เดี๋ยว หัวใจหยุดเต้น, เอ้า ไม่เล่นหมากรุก, เล่นไม่เป็นครับ, มาแทงสนุ๊ก คลาย
เครียด ไม่เอาหรอกครับ
ก็ต้องรู้จักที่จะปฏิเสธ มันถามว่า แต่ละคนมีรากฐานการดำรงค์ชีวิตมาอย่างไรด้วย
ก็ต้องอาศัยความงดงามของบรรพบุรุษ เราเป็นคนที่อยู่ในรากฐานและโคตรเหง้าที่เราเรียน
รู้ศึกษาสั่งสมอบรมจริยธรรม ศีลธรรม ก็จะสอนลูกหลานอย่างเราให้ได้รับรู้ เค้าเรียกว่า มี
ภูมิคุ้มกันในชีวิต เราก็จะปฏิเสธในสิ่งที่มันไร้สาระ
แต่คนในยุคปัจจุบัน มีโอกาสจะทำอย่างนี้เหรอ มีโอกาสได้ถ่ายทอดโคตรเหง้าของ
บรรพบุรุษเราให้ลูกหลานเหรอ มันไม่มี แม้มีก็ไม่ทำ จะด้วยอ้างว่าอะไร ก็แล้วแต่เถอะ
แล้วสุดท้าย เด็กมันไม่มีภูมิคุ้มกันของบรรพบุรุษติดตัวไป มันก็จะซึมทุกเรื่องไง เหมือนสำลี
อยู่ใกล้อะไร ก็จะดูด จะซับไป สุดท้าย ก็กลายเป็น อย่างที่เห็นกัน จบ
คุณมนัส ....มีเพื่อนมีอาม่าอยุ 97 ปี ลูกหลานคุยกันว่า ถ้าสิ้นอาม่า ก็คงจะไม่
มีการรวมตัวไหว้ตรุษจีน...อย่างนี้หรือเปล่าครับ ที่ทำให้คนไม่ถ่ายทอดประเพณี
กลัว...
หลวงปู่ มันสำคัญอยู่ที่ว่า ขณะที่เค้าอยู่ในครอบครัว เค้าได้ให้ความสำคัญกับมัน แล้ว
เค้าได้เห็นความสำคัญของมันไม๊ แล้วผู้ที่ทำหน้าที่เป็นครู เป็นครอบครัวในสังคมนั้น ได้
ผ่องถ่ายอย่างปราณีต นุ่มนวล ละเมียดละมัย จนกลายเป็นการสร้างอุปนิสัย สันดาน
พฤติกรรม แล้วก็กิจกรรม ความประพฤติที่มันชอบ จากสิ่งเหล่านี้ แล้วปฏิเสธมันไม่ได้ที่
จะต้องทำต่อไปเรื่อยๆ
สมัยก่อนนี้ ชั้นจำได้ สมัยอยู่กับตากับยาย กับพ่อแม่ ตายายพอสงกรานต์ที แกก็จะ อ้าว
ตำแป้งหมักข้าว ทำแป้งขนมจีน ถามว่า ตำ ทำอะไร ทำขนมจีนแจกคนในหมู่บ้าน แล้วก็
ทำกันอย่างนี้ แม่ก็กวนข้าวเหนียวแดง ก็ทำอย่างนี้ พอถึงตรุษสงกรานต์ ก็ทำแจกอย่างนี้
ถ้าปีไหนไม่ทำ รู้สึกมันจะขาดอะไร เราเป็นคนรุ่นใหม่ เราก็รู้สึกรำคาญ สมัยนั้น เด็กๆ ก็
โดนใช้ให้ตำขนมจีน เออ เราก็ เอ๊ ทำไมต้องมานั่งเหนื่อยกันขนาดนี้ กวนข้าวเหนียวแดงทั้ง
วันทั้งคืน แต่เราก็มีความรู้สึกเป็นสุข ภูมิใจ เมื่อคิดว่า เออ เราได้ทำ
คุณมนัส มีความสุขที่ออกไปให้
หลวงปู่ ใช่ เราก็จะเลือกให้เฉพาะบ้านที่มันให้หมูเรากลับมา อ้ายบ้านไหนที่ให้กล้วย
ให้มะนาว เราก็ไม่ให้มัน เพราะว่า เวลาตรุษจีน เค้ามาให้อะไรเรา เราจะจำเอาไว้ไง แล้ว
บ้านนั้น เราก็จะไปก่อนเลย ถ้าบ้านไหนมันให้แต่ขนมเข่ง ให้กล้วย เราก็จะไปที่หลังสุด
คุณมนัส คือ ไปเหมือนกัน แต่ของน้อยหน่อย
หลวงปู่ หรือ หักสักครึ่งหนึ่ง จบ
ปุจฉา อาหารที่ใส่บาตรพระ ถ้าเกิดพระรูปนั้น ไม่ได้ฉันอาหารที่เราไปถวาย เราจะได้
บุญหรือไม่
วิสัชนา แหม ชั้นล่ะเจอมากับตัวเองเลยนะ อ้ายหมอกัญญา ทุกวันนี้มันก็ยังมานะ ลูก
ศิษย์รุ่นหนึ่ง หลวงปู่คะ อาม่า อากง ชอบกินทุเรียนมาก แล้วมันก็เอามาให้เรา แล้วมันก็
บังคับ กินสิ กินสิ อาม่าชอบ กินสิ กินสิ อากงชอบ เราก็บอก อีห่า มึงก็เอาไปให้อาม่า อากง
มึงกินสิ กูแค่ได้กลิ่นก็จะลมใส่อยู่แล้ว
คุณมนัส แล้วอาม่า อากง ยังมีชีวิตอยู่ไม๊ฮะ
หลวงปู่ ตายแล้ว มันอาศัยให้เรากินเพื่อจะส่งให้อาม่า เราไม่กินของมันหรอก มันทรมาน
แค่ถวายก็จบแล้ว ไม่จำเป็นต้องกิน พระต้องฉัน แหม อาม่าชอบ ต้องกิน โอ๊ย ถ้ากูกินของ
ชอบของอาม่ามึง กูคงชีวิตสั้น อยู่ไม่ได้แน่ เอย แค่ได้กลิ่นก็หมดเรี่ยวหมดแรงแล้ว ไม่
ต้องทำอะไรแล้ว
คุณมนัส ฉันทุกอย่างคงไม่ไหวเหมือนกันนะฮะ
หลวงปู่ ใช่
คุณมนัส มันเยอะ
หลวงปู่ คือ ชั้นเป็นคนที่ไม่ยอมให้ใครมาให้ชั้นกินในสิ่งที่เค้าอยากให้กิน แต่ชั้นจะกิน
ในสิ่งที่ชั้นต้องการกิน ฟังเข้าใจไม๊
คุณมนัส เข้าใจครับ
หลวงปู่ เออ ชั้นจะไม่ชอบให้ใครมาบอกให้ชั้นกินในสิ่งที่เค้าอยากให้กิน แต่ชั้นจะกิน
ในสิ่งที่ชั้นต้องการกิน แล้วกินเพื่ออะไร นั่นแหละ คือ ชีวิตชั้น
คุณมนัส ผมยังจำได้ หลวงปู่เล่าว่า .....เพราะหลวงปู่ฉันเร็วมาก เสร็จเร็วด้วย
พระรูปอื่นยังไม่อิ่มเลย
หลวงปู่ อ้าว ก็เป็นธรรมดา มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ชั้นไม่ไป แล้วเค้าบอก โอ้โห วันนี้เค้ากิน
อิ่มมากเลย
คุณมนัส เรื่องนี้แหละครับ ผมจำได้
หลวงปู่ ก็เราเอาเฉพาะที่เราต้องถามตัวเราเองว่า ร่างกายเราต้องการแค่ไหน
คุณมนัส ขาดอะไร
หลวงปู่ เออ แล้วเราจะเติมให้เหมาะสม แค่นั้น ไม่ใช่ตะกรุมตะกราม โอ้โห ของเต็มโต๊ะ
ทะยานอยาก ตะกละกิน
อย่างวันนี้เหมือนกัน อุ๊ย โต๊ะยาวกว่านี่อีก 2 ตัวต่อ อาหารเต็มหมด เราก็เลือกกินเฉพาะ
เออ วันนี้ร่างกายเราขาดอะไร ขาดแป้ง ขาดน้ำตาล ขาดไฟเบอร์ เอ้า ร่างกายเราขาดไฟ
เบอร์ เมื่อเช้าออกมาแต่เช้า การขับถ่ายอาจจะไม่สะดวก ก็ฉันผักเยอะหน่อย อย่างนี้ ทั้งๆ
ที่ข้างหน้าเรา มีหูฉลาม มีอะไรต่ออะไร เราก็กินนิดๆ เอาพอเป็นพิธี หันไปหยิบเผือก ไม่รู้
ใครมันทำเผือก อีห่าเอ๊ย เผือกตกลงไปในไหเกลือ มันเผือกหิมะ เราก็นึกในใจ มึงหยิบเกลือ
เป็นน้ำตาลหรือเปล่าวะ เค็มปิ๊ด แหม จะคายก็เสียดาย เอ้า กลืนไปละทนๆ เลยทำให้อยาก
น้ำเลย จบ
คุณมนัส มีผลสำรวจ พระสงฆ์ไทยอ้วนลงพุงหมดเลย นี่เป็นสาเหตุหนึ่ง ฉันมาก แล้ว
ไม่ทำกิจสงฆ์
หลวงปู่ ใช่ ตะกละไง
คุณมนัส ไม่กวาดลานวัด เดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยมีแล้วนะฮะ
หลวงปู่ ที่จริงน่ะ เค้ามีคำกล่าวโบราณ ชั้นท่องมาตั้งแต่พรรษาแรก หมูพี ฤษีผอม หมู
นี่มันต้องพี มันต้องอ้วน ฤษีเนี่ย อ้วนน่ะ ไม่ดี ต้องผอม ก็เลือกเอา จะเป็นหมู หรือเป็นฤษี
เราก็เลือกเป็นฤษี แล้วหมูตายเร็วไม๊ล่ะ เอ่อ พออ้วนปุ๊บ ก็โดนเชือดทันที ฤษีผอมๆ ไม่มี
ใครอยากจับไปเชือด อยู่ได้นาน จบ
ปุจฉา คุณแม่อายุ 80 ปี สาวๆ เคยเป็นวัณโรค ปัจจุบันปอดยังดีอยู่ 1 ข้าง อีกข้าง
เหลือไม่ถึงครึ่งและมีโรคถุงลมโป่งพอง ทำให้มีเสมหะตลอดเวลา ช่วงนี้อากาศเย็น เป็นหวัด
ง่ายมาก จะปวดศีรษะ เสมหะมาก มีน้ำมูก แผ่นหลังร้อน ทานยาแก้หวัดของหลวงปู่ 3-4
ครั้งๆละ4-5 เม็ด จะมีเหงื่อออกมาก อาการแบบนี้ ผิดปกติหรือไม่ ควรจะต้องไปหา
หมอหรือไม่
วิสัชนา ไม่ผิด ปกติยาแก้ไข้หลวงปู่ ประกอบไปด้วย ถ้าเทียบเป็นธาตุ ก็มีทั้งธาตุไฟ
ธาตุน้ำ แล้วก็ธาตุลม ทำให้สมดุลย์มันเหมาะสม มันก็ไม่ได้เสียหาย กินได้ มันเป็นผัก แต่
อย่ากินเยอะ เยอะเกินไป มันจะทำให้ตับและไต ไม่ดี
อะไรที่เยอะเกินไป น้ำตาล น้ำปลา เยอะไป ไม่ดีทั้งนั้นแหละ ให้มันเหมาะสม ทานเยอะ
เกินไป บางทีบางครั้ง ท้องมันอึด ลมมันก็ตีขึ้นเหมือนกัน
แต่ถ้าเป็นชั้น ชั้นจะให้ทำอาหาร ทำอาหารกินให้เป็นยา ดีกว่ากินยาให้เป็นอาหาร
ทำอาหารให้เป็นยา ก็คือ อะไร
ถ้าหากแม่เป็นคนขี้หนาว ก็หาอาหารที่มีรสฉุน เผ็ด ร้อน แต่อย่ามาก เพราะคนแก่
กระเพาะจะบาง ก็อย่างประมาณว่า หมูผัดขิง น้ำต้มขิง อะไรอย่างนี้ อ่อนๆ อย่าเผ็ดมากนัก
ปรุงรสให้เหมาะสม กับน้ำตาล เพราะว่า น้ำตาลมันจะช่วยทำให้ร่างกายมีความร้อนเผา
ผลาญ ทำให้เกิดพลังงาน แต่ก็อย่าเยอะเกินไป แต่อยู่มานานแล้วนี่ กำไรแล้ว ตั้ง 80
คุณมนัส อ่านหนังสือเล่มนี้ก็ได้ อาหาร 9 รส
หลวงปู่ เอ๊อ อะไร ก็ให้แกกินๆ ไปเถอะ อยู่นานแล้ว กำไรแล้ว จบ
คุณมนัส ทานยาแก้หวัดของหลวงปู่ อย่างเดียว ได้หรือไม่
หลวงปู่ ได้ ยาชุบชีวะ ยาโสมฟ้า
คุณมนัส ต้องทานอย่างไร
หลวงปู่ ชั้นไปเชียงใหม่ 11 องศา วันสุดท้าย 11 องศา ฉันโสมฟ้าเข้าไป 2 เม็ด
รู้สึกไม่หนาวเลยละ มันร้อน อย่างในกรณีของแม่คุณ น่าจะกินยาโสมฟ้า กับยาชุบชีวะ กืน
ได้ มันจะทำให้เกิดพลังงาน เกิดความร้อนขึ้นภายใน คนเป็นโรคขี้หนาวเนี่ย ที่จริง เค้าให้ใส่
เสื้อหนาๆ แล้วก็ทำให้ร่างกายอบอุ่น เราคนแก่ไม่ได้ออกกำลังกายมาก ตัวเนื้อไม่ได้
สกปรกอะไรแยะ ก็ใช้วิธีเช็ดตัว
คุณมนัส ถ้าแกะยาเม็ดในแคปซูลออก แล้วเทผสมในน้ำ
หลวงปู่ ไม่ได้เสียหายอะไร
ปุจฉา คุณพ่ออายุ 75 ปี ปอดอักเสบ ทานอาหารทางสายยาง มีเสมหะมาก ควรทาน
อาหารประเทใด
หลวงปู่ จำไว้ว่า ปอดนี่มันต้องร้อน ตับนี่มันต้องเย็น ถ้าเป็นโรคตับ ต้องกินอาหารที่มี
รสเย็นๆ ถ้าเป็นโรคปอด ต้องกินอาหารที่มีรสเผ็ดร้อน แล้วก็ฉุน พวกขิง พริก อะไรพวกนี้
พวกหัวหอม พวกกระเทียม กินได้ โรคปอด อาหารที่มีรสฉุนๆ เผ็ดร้อน แล้วก็คนแก่ อายุ
มากๆ หรือไม่ต้องมาก 60 ขึ้น นอนนานๆ แล้วไม่เคลื่อนไหวร่างกาย น้ำ มันจะตกตะกอน
ส่วนใหญ่จะเป็นโรคปอดชื้น น้ำท่วมปอด อะไรอย่างนี้ พยายามให้เคลื่อนไหวร่างกาย ให้
พลิกตัว ให้ลุกขึ้น ยืน เดิน นั่งบ้าง อะไรอย่างนี้ ตามความเหมาะสมของร่างกาย
อิริยาบถทั้ง 4 บริหารให้ครบ มันจะมีโรคน้อย ไม่ใช่ไม่มีโรค แต่มันน้อยลง แต่ถ้าไม่
บริหารให้ครบในอิริยาบภทั้ง 4 ต่อ 1 วันเนี่ยนะ เราจะมีสารพัดโรครุ้มเร้าตามมา ถ้า
นานๆ เข้าๆ ทีนี้ก็เป็นรังของโรคละ งั้น ทำให้ ยืน เดิน นั่ง นอน ให้มันครบสมบูรณ์ใน
อิริยาบถทั้ง 4 ครบ 1 วัน ให้มันเหมาะสม จบ
ปุจฉา คุณพ่อทานยาบำรุงปอดของหลวงปู่ ให้ทานร่วมกับน้ำส้ม หรือน้ำมะขาม แต่
ทานน้ำส้มแล้วเสมหะมากขึ้น เลยให้ทานกับน้ำเปล่าบางครั้ง มันจะให้ผลแตกต่างกันหรือไม่
วิสัชนา น้ำมะขามก็ได้ ที่จริงน้ำมะขามมันละลายเสมหะ น้ำส้มกินไม่ได้ ก็กินน้ำมะขาม
ใช้มะขามเปียก ต้มกับน้ำ ใส่เกลือลงไปหน่อย ใส่น้ำตาลลงไปนิด ปรุงรสให้เหมาะสม
มูลนิธิฯ เค้าก็มีจำหน่าย เป็นขวดก็มี น้ำมะขาม
คุณมนัส มะขามหวานได้ไม๊
หลวงปู่ มันจะอิ่มนะ
คุณมนัส เค้าเขียนมาถามแบบนี้
หลวงปู่ มันจะอิ่ม มันจะมีน้ำตาลเยอะไป จบ
ปุจฉา เสมหะมาก ควรทานอาหารชนิดใด ไม่ควรทานอาหารชนิดใด
วิสัชนา อาการเสมหะมาก ต้องดู บางทีมันไม่ใช่เกิดจากยาอย่างเดียว เกิดจากตัวเอง
ชอบกินน้ำเย็น ชอบอยู่ในที่เย็นๆ ร่างกายขาดความอบอุ่น ก็ทำให้มีเสมหะมาก งั้นต้องดู
พฤติกรรมเหล่านี้มันก็เป็นเหตุทำให้เกิดเสมหะเยอะเหมือนกัน จบ
ปุจฉา มีอาการมึนในศีรษะ
หลวงปู่ เปิดคลีนิคไปเลย ดีไม๊
คุณมนัส คลีนิคอโรคยา
หบวงปู่ เอ่อ ใช่
คุณมนัส เปิดซะ ปวดศีรษะมา 3 เดือน
หลวงปู่ อ๊อ ชั้นปวดมา 2 ปีแล้ว งั้น ก็ไม่ต้องถามแล้วล่ะ
คุณมนัส อาการอ่อนเพลีย ไร้พลังชีวิตในบางครั้ง ปัจจุบัน ทานยาแผนปัจจุบัน ควร
ปฏิบัติธรรมอย่างไรเพื่อรักษา ขับรถนานๆ ไม่ได้ ตาพร่า
หลวงปู่ กินยาบำรุงสมองน่ะ ลูก แล้วก็ ยาละลายลิ่มเลือด จะช่วยบรรเทาได้ ทุกวันนี้
หลวงปู่ก็ฉันยาบำรุงสมองกับยาละลายลิ่มเลือด มันก็จะได้ลดบรรเทาอาการปวด มันลด
อาการหดตัวของเส้นเลือดในสมอง จบ
ปุจฉา มีเหงื่อออกที่เท้าตลอดทั้งวัน ชอบมีกลิ่นเท้า มันเป็นเพราะอะไร
วิสัชนา บางทีมันอยู่ที่ บางคนเป็นโรคเลือดลม ประดงก็เป็น โรคกษัยก็เป็น เหงื่อออก
มือออกเท้า ตัวเหลือง เป็นดีซ่านก็เป็น หลายสาเหตุมาก อ้ายโรคเหงื่อออกเนี่ย
งั้น ต้องวิเคราะห์สาเหตุมูลฐานของโรค ต้องไปตรวจ จบ
ถ้าจะแก้อาการกลิ่นเท้านี่ไม่ยาก เค้ามีสบู่เปลือกมังคุด คุณเอาสบู่นี่ ล้างเท้า ล้างหน้าก่อน
นะแล้วค่อยไปล้างเท้า เดี๋ยวจะเอาไปล้างเท้าก่อนแล้วมาล้างหน้า เอ้า เสียดายไง มันแพง
คุณมนัส ผมมีเรื่องหนึ่ง ผมจะบอกว่า ผมใช้สบู่ส้มของหลวงปู่ฮะ ผู้หญิง ใครที่แต่ง
หน้าบ่อยๆนะครับ ผมลองแล้ว ใช้ดีมากเลยฮะ คุณไม่ต้องไปใช้ Toner เช็ดหน้าออก
เวลาใครแต่งหน้า ใช้เครื่องสำอาง บอกเลย ใช้ดีมาก จริงๆ หลวงปู่ ผมทดสอบมาแล้ว ล้าง
เครื่องสำอางออก แล้วมันเกลี้ยงเลยนะครับ มันไม่เป็นแบบมันๆ เหลืออยู่
หลวงปู่ ขอบคุณที่ช่วยทำมาหากิน
คุณมนัส อันนี้ จริงๆ อันนี้จริงๆ นะฮะ
หลวงปู่ ของชั้นน่ะ ดีทั้งนั้นแหละ แต่คนไม่ค่อยชอบใช้ เพราะเห็นมันถูกและไร้ค่า อ้าว
จริ๊งจริง
คุณมนัส จะขายวัดอยู่แล้ว
หลวงปู่ ก็มันถูกไง มันดูไร้ค่า ก็เลยปล่อยเลย
ปุจฉา อายุ 50 ปี เป็นไทรอยด์เป็นพิษ มียารักษาไม๊ครับ
วิสัชนา มี จิ๊บๆ โรคไทรอยเป็นพิษ
คุณมนัส แสดงว่า วัดนี้เก่ง
หลวงปู่ เด็กๆ
คุณมนัส ทำยังไงฮะ
หลวงปู่ กระจอกมาก อ้าว จริ๊ง จริง ชั้นรักษาหายมา คือ หายไปเลย
อ้าว จริงๆ รักษาหาย กิน ยาฟอกเลือด กับยาไทรอยด์เป็นพิษ 2 ตัว แล้วก็กินสลับกับ
ยาบำรุงเลือด หาย ไปเลย บางคนเค้าถึงกับฝังแร่เลยนะ หาย ทำให้เลือดมันแข็งแรงและ
บริสุทธิ์ โรคไทรอยด์ก็จะบรรเทาลงได้ จบ
ปุจฉา ขอให้หลวงปู่อธิบายเรื่อง จิตอุปาทาน แล้วก็วิธีปฏิบัติด้วย
วิสัชนา อุปาทาน คือ สิ่งที่มันคิดขึ้นเอง ระลึกขึ้นเอง ตรึกขึ้นเอง เค้าเรียกว่า วิตก หรือ
ตรึก มันเป็นอาการโรคประจำของมนุษย์ ซึ่งมีอยู่ 6 โรค
6 โรค มีอะไรบ้าง ก็วิตกจริต ศรัทธาจริต พุทธิจริต ราคะจริต โทสะจริต และโมหะจริต
เพราะงั้น อ้ายวิตกจริต มันเป็นต้นเหตุทำให้เกิดโรคอุปาทาน ความยึดถือ แล้วก็ความใคร่
ครวญ พินิจพิจารณา อะไรที่มันไม่ใช่เรื่อง ไม่ใช่ราว ก็เอามาคิด เอามาวิเคราะห์
งั้น การวิตก วิจารณ์ ถ้ามันวิตก วิจารณ์ในเรื่องที่เป็นกุศล รู้จักฝึกสอนและบอกตัวเองบ่อยๆ
พยายามบอกกับตัวเองว่า คิดอะไร ถ้ามันมีกำไร คิดเถอะ
ตรึกอะไร ถ้ามันได้ผล ได้มรรคได้ผล ก็ตรึกเถอะ
ถ้าคิดแล้ว ตรึก แล้ว มันขาดทุน อย่าไปเสียเวลา นอนดิ้นหนังกลับ คิดนู่นคิดนี่ นอนไม่หลับ
เนี่ย แสดงว่า ขาดทุนทั้งปี ขาดทุนไปทำอะไร มีชีวิตอยู่เพื่อขาดทุน มีทำไม
งั้น จงคิดอะไรที่มันได้กำไร ถ้าคิดแล้วมันขาดทุน อย่าไปคิดมัน
แล้วอะไรคือ กำไรมั่ง
กำไรมี 2 อย่าง ก็คือ กำไรชีวิต กับ กำไรอารมณ์
สำคัญที่สุด คือ กำไรอารมณ์ เพราะว่า เมื่อใดที่อารมณ์เราขาดทุน ชีวิตเราอยู่ไม่ได้ เราไม่
เป็นสุข จบ
ปุจฉา ช่วงนี้ อากาศเย็น มีอาการภูมิแพ้ มีแผลในปากขึ้นเต็มไปหมด เจ็บมาก จะถาม
หลวงปู่ว่า ต้องทานยาอะไร
วิสัชนา ที่จริง โรคนี้ไม่ยากเลย ยาแก้ไข้ น่ะคุณ ก่อนนอน คุณแกะเอาออกจากแคปซูล
แล้วก็อมเอาไว้ อมไม่ต้องกลืน อมทิ้งไว้ทั้งคืน เช้าขึ้นมา ก็จะดีขึ้นแล้ว เพราะว่า ในเม็ดยา
แก้ไข้ มันมียาที่เป็นสมุนไพรที่มีปฏิชีวนะฆ่าเชื้อ แล้วถ้าจะให้มันหายเร็วขึ้น ก็ใช้ขี้ผึ้งเทพ
โอสถ คุณเอาสำลีชำระแผลให้แห้ง แล้วใช้สำลีชุบขี้ผึ้งเทพโอสถ อมเอาไว้ ไปอุดเอาไว้ก็ได้
อย่างนั้นก็หาย ลองทำซักอย่างหนึ่ง สองอย่าง, อย่างใดอย่างหนึ่ง จบ
ปุจฉา คุณพ่อ เป็นตับอักเสบ แต่หมอไม่ให้ทานยาสมุนไพร ถ้านำยาของหลวงปู่ไปให้
ทาน ได้หรือไม่
วิสัชนา ไม่รู้ พ่ออยู่ที่ไหน ถ้าอยู่โรงพยาบาล มันยาก คุณ ส่วนใหญ่คนไข้หลายราย
ที่มาหาชั้น คนไข้อยู่โรงพยาบาล ชั้นไม่ค่อยชอบให้ยา เพราะว่า ไม่อยากไปก้าวล่วง
กระบวนการรักษาของหมอปัจจุบันเค้า คือ หมอต่อหมอ เค้าต้องเคารพกัน ยกเว้นเสียแต่ว่า
คนไข้ทนไม่ไหวแล้ว ต้องเอา อย่างนั้น ก็ต้องไปขออนุญาตหมอ แล้วถึงจ่ายยาให้
งั้น ต้องไปคุยกับหมอ ถามว่า ทำไมเค้าถึงไม่ชอบให้กินยาสมุนไพร ที่จริง ถ้าเป็นโรคตับ
ไม่ต้องไปกินยาสมุนไพรก็ได้ ดื่มน้ำยาปรับธาตุนี่ก็ได้ โรคตับโรคไต กินแล้วก็จะทำให้ตับ
เย็นขึ้น ลดอาการอักเสบของตับได้ในระดับหนึ่ง จบ
...............
คุณมนัส ............ปีชง เค้าให้มาปีขาล ปีกุน แล้วก็ปีมะเส็ง
หลวงปู่ ปีหนู ปีกระต่าย ปีหมู ไม่ใช่เหรอ
คุณมนัส อันนี้ ปีชงนะฮะ
หลวงปู่ ชงสิ ปกติ ปีชง นี่ เค้าต้องเอาปีสัตว์ที่มันเป็นอาหาร เป็นปฏิปักษ์ต่อกันนี่
คุณมนัส ไม่ใช่กินกันเอง
หลวงปู่ กินกันเองสิ ก็งูมันกินหนูไม๊ล่ะ
คุณมนัส กิน
หลวงปู่ หนูมันกลัวงูไม๊ล่ะ เออ แล้วเสือมันกลัวงูเหรอ เสือไม่กลัวงู ไม่รู้
คุณมนัส อ้าว แล้วยังไงล่ะ หลวงปู่ ว่า ใครชงล่ะฮะ
หลวงปู่ หนู ไก่, ไก่นี่ งูกินไก่ไม๊ล่ะ หรือ ไก่กินงู, เสือกับงู นี่มันไม่ทะเลาะกัน
มันไม่ได้กินกัน แต่งูกับหนู นี่มันอาหารของกันและกัน ไก่อย่างนี้ หมูอย่างนี้ หมูเราเลี้ยง
ลองเอางูไปปล่อยสิ
คุณมนัส .......
หลวงปู่ เค้ามีวันไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ย แต่ละวัน เค้ามีกิจกรรม ลองไปสัมผัส ไปหาดูเอา
แล้วกัน
คุณมนัส จากตรุษจีน ก็มีวันมาฆะฯ ปีนี้ตรงกับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่วัดอ้อน้อย ก็
มีการบวชเนกขัมมะฯ
หลวงปู่ เออ วันมาฆะฯ ปีนี้ สงสัยต้องอบรมกรรมฐานเข้ม อ้อ แต่เราก็ขายวัดไปแล้ว
คุณมนัส ขายไม่ได้หรอก
หลวงปู่ ขายได้ ประกาศขาย
คุณมนัส กลางปีก็ยังขายไม่ได้ หลวงปู่ ขายไม่ได้หรอก แล้วมีโครงการ บวชบรรพชา
สามเณรภาคฤดูร้อน อันนี้ บอกล่วงหน้า
หลวงปู่ จะไปบวชที่ไหน
คุณมนัส บวชที่เมืองกาญจน์
หลวงปู่ สงสารมัน มันมาบวชแล้วมานั่งดมกลิ่นอะไรต่ออะไร เดี๋ยว ลูกเค้าป่วยตายขึ้นมา
ยุ่งอีก เดือดร้อนเราอีก ปีที่แล้ว ก็พาหนีสึก เพราะหายใจไม่ออก มันภูมิแพ้รุนแรง ดมได้
กลิ่นเข้าไป 3 วัน 7 วัน มันเป็นเรื่องเลยล่ะ เอ้า ตัวใครตัวมันแล้วกัน
ช่วยบอกต่อๆ ไปว่า วัดอ้อน้อยจะขาย ราคาถูกมาก ช่วยกันซื้อด้วย ไม่เอาแพง
อยากบอกทุกท่านว่า กิจกรรมทั้งหลายที่มีอยู่ในอาวาสวัดอ้อน้อย ไม่ใช่เป็นกิจกรรมที่ทำ
ให้คนงมงาย คือ มนุษย์เรานี่ มันมี เค้าเรียกว่า มีสติปัญญาที่สั่งสมมาแต่เก่าก่อนแตกต่างกัน
คือ
คนที่มีปัญญาสูงสุด ก็จะเอาแต่ความหลุดพ้น ความว่าง วางแล้วว่าง ดับแล้วเย็น ก็ไม่ได้
เสียหาย ก็มีคำสอนให้
อ้ายคนที่มันต่ำกว่านั้น ที่ต้องการหลักการ เหตุผล ยกเอานามธรรม รูปธรรม ให้ปรากฏให้
ชัดเจน เห็นและพิสูจน์สัมผัสได้ ก็สามารถจะสอนได้ในระดับหนึ่ง
อ้ายคนที่มันไม่ต้องการเหตุผลอะไร ขอเพียงกูเชื่ออย่างเดียว แล้วทำตามความเชื่อ ก็ไม่
ได้ทำให้ความเชื่อนั้น มันเข้ารกเข้าป่าเข้าพง ไปลงที่ต่ำ แต่พยายามจะประคับประคอง
ความเชื่อให้มันมีที่มาที่ไป และอธิบายได้อย่างชัดเจน
เหมือนอย่างที่คำกล่าวว่า วันที่ 13 เดือน 3 ขึ้น 3 ค่ำ ทำไมต้องมาทำกิจกรรม
ก็บอกง่ายๆ ว่า เป็นวันส่งเทวดาเก่า แล้วก็รับเทวดาใหม่ ก็คือ รับปีนักษัตรใหม่ ก็เท่านั้นเอง
ไม่มีอะไรมาก คือใครจะไปคิดว่า เป็นวันของการอะไรนะ สะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา เสริม
มงคล ผูกดวง มันก็ไม่ได้เสียหาย คิดได้ เพราะเหตุผลว่า มันเป็นเรื่องดีๆ มันเป็นบุญ เป็น
คุณงามความดี เป็นกุศล
คนไปสวดมนต์นี่ มันไม่ดีเหรอ ดีไม๊ เออ มันก็ดีทั้งนั้น ก็ถือว่า เป็นเรื่องดี ทำอะไรก็ได้
แล้วแต่
ขอให้มันทำดี แล้วคิดเอาเฮอะ เดี๋ยวมันก็ได้ดี
แต่ทำไม่ดี แล้วไปคิดให้มันดี 10 ปีก็ไม่ได้
คุณมนัส หลวงปู่ มีคำถามส่งท้ายจากผม
หลวงปู่ ว่า
คุณมนัส เขาพระวิหาร จะเป็นยังไงฮะ
หลวงปู่ เขาพระวิหาร ก็เป็น เขาพระวิหาร
คุณมนัส วัดอ้อน้อย จะเป็นยังไงฮะ
หลวงปู่ วัดอ้อน้อย ก็เป็น วัดอ้อน้อย
คุณมนัส ก็จะขายวัด
หลวงปู่ ก็จะขาย
คุณมนัส แล้วไปชุมนุมที่ไหน
หลวงปู่ อาจจะไปอยู่เขาพระวิหาร อะไร ซิ้ม ว่าอะไร
ญาติธรรม หลวงปู่ย้ายไปอยู่ท้ายๆ ไร่
หลวงปู่ ท้ายไร่น่ะ กูไปอยู่ทุกวัน ก็ยังมีกลิ่นหึงเลย
ญาติธรรม ไม่ใช่ อยู่ทางนู้นน่ะ
หลวงปู่ ทางไหนล่ะ
ญาติธรรม ที่หลวงปู่ไปปลูกบ้านศีล 5 อยู่ตรงนั้นก็ได้ ไม่อยากให้ขาย
หลวงปู่ ชีวิตกู นี่ อับเฉาขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่มีโอกาสมาเสนอหน้า หน้าวัดเลยเหรอ กู
ต้องไปจมปลัก อยู่ท้ายไร่อย่างเดียว กูไม่ใช่เงาะป่านะโว้ย จะได้พารจนาไปอยู่ท้ายไร่ แหม
ญาติธรรม แล้วหลวงปู่จะทำยังไง
หลวงปู่ ทำยังไง ก็ทำอย่างนั้นน่ะ แหม อะไรมันจะอับเฉาขนาดนั้น
คุณมนัส ไม่ขายหรอก ทุกท่าน สบายใจได้ หลวงปู่ไม่ทำอย่างนั้นหรอก
ญาติธรรม ช่วยคิดวิธีหน่อย ล่ารายชื่อก็ดี หลายๆ หมื่น
หลวงปู่ อาตมา เป็นพระนะ โยม
เอ้า ขอบใจทุกท่านที่รับชมรายการวิถีธรรม วิถีไทย และคุณมนัส ตั้งสุข ผู้ดำเนินรายการ
ขอให้ทุกท่าน จงรุ่งเรือง เจริญ สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว แล้วก็ มีจิตใจแจ่มใสสะอาด
สมองปลอดโปร่ง คิดและหวังสิ่งใด ขอสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น จงสำเร็จสมความปรารถนา
และมีปัญญาตั้งมั่นดุจพระอาทิตย์ยามเที่ยงวันด้วยเทอญ (สาธุ)
เฮอ มันก็เป็นตามเหตุตามปัจจัย ลูก
อ้าว ทำไมล่ะ ยังไม่ได้ถวายเลย มาชักอะไรกัน ผ้าป่า เอ้า เค้าจะถวายทาน ลูก
ว่า นะโม 3 จบ
...............
ตั้งใจรับพร ลูก อ้อ เมื่อวานนี้ ไปเจริญพระพุทธมนต์ได้ปัจจัยที่ลูกหลานถวาย จำนวนเท่า
ไหร่นะ (293,400 บาท) เออ หลวงปู่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว เพื่อทรงพระราชทานให้กับกองทุนศิริราชพยาบาล สงเคราะห์ผู้ป่วยอนาถา
บุญทั้งหลายเหล่านั้น จงสำเร็จแก่ลูกหลาน ทุกท่านทุกคนเทอญ (สาธุ)
ตั้งใจรับพร ลูก
..................
จำเริญ ลูก อายุยืน สุขภาพแข็งแรง ให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ ปลอดภัย รวยๆ ทุกคน
ลูก (สาธุ)
ลุกขึ้นยืน กราบลาพระ อะระหัง สัมมา
เอ้า อระหัง สัมมา พร้อมๆ กัน
....................
ให้เดินทางโดยปลอดภัย ทุกท่าน (สาธุ)
(กราบ)