4 พ ย 2555    13.25 น. รายการปุจฉา วิสัชนา แสดงธรรม

โดยองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ
(กราบ)
หลวงปู่    รายการอะไร, ปุจฉา วิสัชนา เอาต่อเหร๊อ ปกติ นักมวยเค้าชก นี่ เค้ายังมี

ระฆังพัก
คุณมนัส    ท่านจะชกเลยไม๊ครับ หรือว่าจะ
หลวงปู่     นี่ระดับแชมเปี้ยนแล้วนะ ชกแล้วไม่พักเลย เอ้า ต่อ เอา สู้ตายค่ะ กี่โมงแล้วล่ะ
คุณมนัส      บ่ายโมง 25 -26 ครับ
หลวงปู่     ขออนุโมทนาในกุศลและเจตนาของทุกท่าน ที่ได้น้อมนำเอาผ้ากฐินทานและ

ปัจจัยลาภแล้วก็ บริวารทั้งหลายมาถวายแก่วัด รวมทั้งอาวาสวัดเขาน้ำตก ซึ่งจะไปทอดที่

อำเภอบันนังสตาร์ ในวันที่ 25 ที่จะถึงนี้
ปัจจัยทั้งหลายที่พวกท่านนำมาถวาย หลวงปู่จะนำมาบริหารจัดการให้เป็นประโยชน์สูงสุด

ประหยัดสุด ให้สมบูรณ์ที่สุด ในการที่จะทำกิจกรรมสาธารณะสงเคราะห์ สาธารณะกุศล

แล้วก็บำเพ็ญประโยชน์ ก่อสร้างถาวรวัตถุของพระพุทธศาสนาสืบไป
บุญทั้งหลายที่พวกท่านได้บำเพ็ญมาทั้งหมด แล้วหลวงปู่ได้สร้างสม อบรมมาตั้งแต่อดีต

ปัจจุบัน และจะมีต่อไปในอนาคต ขอพวกท่านจงมีส่วนในบุญนั้นๆ จงสำเร็จประโยชน์สม

ปรารถนา ทุกท่าน ทุกคน เทอญ
(สาธุ)
เค้าได้ตังค์เท่าไหร่ เมื่อกี้ประกาศแว่วๆ
คุณมนัส    เมื่อสักครู่ 11,091,000 กว่าบาท (สาธุ) ยังไม่สุทธินะครับ เติมได้

ครับ
หลวงปู่   พอแล้ว เศรษฐกิจอย่างนี้ ได้ขนาดนี้ ก็ดีล่ะ เมื่อตอนเช้า เค้าพูดถึงเรื่อง สัมมาทิฏฐิ
คนที่มีปัญญา มีสัมมาทิฏฐิ เค้ามีทรัพย์เอาไว้ให้บริหาร
คนไม่มีปัญญา เป็นมิจฉาทิฏฐิ มีทรัพย์ เอาไว้เพื่อให้เราเป็นภาระ เป็นกังวล ไม่ใช่มีเอาไว้

บริหาร มีเอาไว้ปกปักษ์รักษา เมื่อมีทรัพย์เอาไว้ สำหรับที่เราจะต้องมานั่งปกปักษ์ รักษา

มาเป็นภาระ เป็นกังวลนี่ ถือว่า เป็นความโง่เขลา เป็นมิจฉาทิฏฐิ
คนฉลาด มีปัญญา เค้าจะรู้จักบริหารทรัพย์ให้เป็นกำไร กำไรทั้ง 2 โลก กำไรโลกนี้ แล้ว

กำไรในโลกหน้า ไม่ใช่กำไรเฉพาะตัวเลข มันกำไรบุญ กำไรคุณงามความดี กำไรมิตร

กำไรประโยชน์ กำไรสิ่งที่ปราศจากโทษ
อ้ายคนโง่เขลา เค้ามีทรัพย์เอาไว้นั่งห่วง หวง เป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ห่วงอาลัยอาวรณ์ กลัว

ทรัพย์จะหมด กลัวทรัพย์จะหด กลัวทรัพย์จะหาย กลัวเราจะต้องตายโดยไม่มีทรัพย์ติดตัว
ที่จริงแล้วมันตาย มันไม่มีสิทธิ์มีทรัพย์ติดตัวได้ แล้วสุดท้าย เราก็ไม่ได้อะไรไป เค้าเรียกว่า

มีทรัพย์แล้วไม่รู้จักบริหาร เรียกว่า มีทรัพย์มานั่งห่วง ไม่ได้บริหาร
มีทรัพย์ เค้าไม่ได้มีเอาไว้ให้ห่วง เค้ามีเอาไว้ให้บริหาร แล้วทุกอย่างรอบตัวเรา เป็นทรัพย์

ได้ไม๊
ก็เป็นได้ ทุกเรื่องรอบๆ ตัวเราน่ะ เป็นทรัพย์ได้ ส่วนเราจะมองมันเห็นหรือไม่ แล้วใช้มัน

ถูกต้องสมบูรณ์ หรือไม่อย่างไร มันขึ้นอยู่กับสติปัญญา
งั้น ก็ฝากพวกท่านเอาไว้ว่า อย่า เป็นผู้ที่มีทรัพย์แล้วเอาไว้ทำเรื่องห่วง เค้ามีทรัพย์เอาไว้

สำหรับผู้ที่จะบริหาร
อ้ายคนที่บริหารทรัพย์เป็นน่ะ มันจะรวย บรมรวยเลย รวย ร๊วย รวย รวยมโหฬาร (สาธุ)
เออ รวยสุดจะรวย โคตรจะรวย (สาธุ)
อ้ายคนที่มีทรัพย์เอาไว้ห่วงเนี่ย มันจะจน จ๊น จน โคตรจะจน จนเลยล่ะ
คุณมนัส     ไม่สาธุนะ
หลวงปู่      วันนี้ ชั้นยังรีดไถตำรวจได้เลย
คุณมนัส   เหรอฮะ ได้เยอะไม๊ครับ
หลวงปู่    ได้ร้อยหนึ่ง เห็นตำรวจมันมานั่ง รอรับพระ ชั้นก็เลยไถเงินมัน
ก็ให้ทุกท่าน วันที่เท่าไหร่นะ วันที่ 9 เหรอ
คุณมนัส    ครับ หมายถึงไปไหนฮะ ศิริราชเหรอครับ
หลวงปู่    ไม่ ลานพระบรมรูป
คุณมนัส   อ๋อ รับมุขไม่ทัน ท่านจะเอาม๊อบไหนล่ะฮะ มันมีเยอะครับ ถ้าก่อนหน้าวันที่ 9

เป็นวันที่ 7 ครับ มีม๊อบกำนัน ผู้ใหญ่บ้านครับ หมื่นกว่าคน
หลวงปู่    เหรอ อ้าว งั้นไม่ไป
คุณมนัส    ไม่ทราบ มันมีหลายม๊อบครับ
หลวงปู่    แล้วม๊อบอะไรอีกล่ะ
คุณมนัส    ก็มีม๊อบของ เสธ. อะไร องค์การพิทักษ์ จุด จุด จุด ครับ
หลวงปู่     ก็ ไปก็ไปเฮอะ ไปไม่ได้หวังผลหร๊อก ไปแสดงให้ชาวบ้านเค้ารู้
ให้ฝ่ายตรงข้ามเค้ารู้ว่า กูยังอยู่นะโว้ย ประมาณนั้นน่ะ
คุณมนัส   หมายจับ ยกเลิกไปแล้วครับ เลื่อนออกไปก่อน
หลวงปู่    เหรอ
คุณมนัส    ครับ
หลวงปู่   เออ ก็แสดงให้รู้ว่า กูยังอยู่นะโว๊ย ประมาณนั้นน่ะ  บางทีบางครั้ง ถ้าเงียบๆ ซะเลย

มันก็อาจจะมองว่า เออ มันคงไม่มีตัว ไม่มีตน มันนึกจะ ทำอะไร จะคิดอะไร จะพูดอะไร

จะปล้นสดมภ์อย่างไร จะล้างผลาญ ทำร้ายทำลายอะไรตามใจชอบโดยไม่เห็นหัวใคร
แม้แต่หลวงปู่ยังโดนเค้าเล๊ย วันที่เค้าประชุมกัน ยังมีมา ตำรวจมาถามๆ จะไปม๊อบเหรอ

อะไรประมาณนี้ เราก็เลยอัดซะเลย มึงจะข่มขู่กูเหรอ อย่างนี้ เค้าเรียกว่า คุกคามนี่ มาคุก

คาม คนเค้ามาทำบุญ จะมาบอกว่า จะไปม๊อบ เดี๋ยว กูก็ไปซะหร๊อก
คุณมนัส     จัดซะหน่อย
หลวงปู่     ยัง ยัง
คุณมนัส     ยังเหรอฮะ
หลวงปู่       หา
คุณมนัส    อย่าเพิ่งน่ะ
หลวงปู่      ก็ มันยังไม่มีเหตุอะไรมาก
คุณมนัส     เอาให้สุกงอมก่อนครับ ท่านครับ
หลวงปู่     อืม ยังไม่มีเหตุอะไร เพียงแค่ไปแสดงพลังให้รู้ว่า กูยังมีตัวมีตนอยู่นะ ในบ้าน

เมืองนี้ ไม่ใช่มีพวกมึงพวกเดียว อะไรประมาณนั้นหรือเปล่า
แต่ไม่ว่า พวกไหนๆ มันก็พวกไทยทั้งนั้นน่ะ ต้องคิดให้ได้ด้วย คิดให้เป็น คิดให้ได้ว่า พวก

ไหนๆ มันก็พวกไทย มีไทยดี ไทยไม่ดี อะไร มันก็พวกไทย พูดได้ คุยได้ เจรจาได้ ส่ง

สัญญาณได้ โอภาปราศรัยได้ ก็พูดคุยเจรจาสังสัญญาณ
แต่ประวัติศาสตร์ไม่เคยที่จะเปลี่ยนแปลง คนไทยเรา เวลาสงบ มันมากัดกัน เวลารบ ก็รุม

ไปตีกับเค้า เนี่ย คนไทยมันนิสัยอย่างนี้แหละ มันไม่เคยเปลี่ยนแปลง เป็นมาแต่ไหนแต่ไร

ล่ะ เดี๋ยวพอมีอะไรนิดหน่อย เกิดมีสงคงสงครามรอบๆ บ้าน คนไทยจะรวมตัวกันได้
มันเป็นความโชคดีของคนไทยที่โกรธง่าย แล้วก็หายเร็ว
ก็หวังอย่างยิ่งว่า ทำอะไรก็แล้วแต่ อย่าให้บ้านเมืองมันล่มสลาย อย่าให้บ้านเมืองมันเสียหาย

ชิบหาย ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็แล้วแต่ ต้องเอาบ้านเมืองไว้เป็นหลัก อย่าเอาตัวคนเป็นหลัก อย่า

เอาบุคคลเป็นหลัก เพราะคนนี่มันมีวันตาย อยู่ได้ไม่นานก็ตาย แต่บ้านเมืองนี่ มันอยู่นาน

อยู่ได้เป็นร้อยๆ พันๆ ปี ถ้าเรามาปล้นสดมภ์ให้มันสูญสลาย เสียหายไปหมด มันก็ถึงความ

ชิบหายในที่สุด
งั้น อยากฝากทุกท่าน ทุกสี ทุกพวก ทุกเผ่าพันธุ์ว่า ทำยังไงก็ได้ ให้มันสำเร็จประโยชน์ต่อ

บ้านเมือง ให้ประโยชน์ส่วนใหญ่มันตกอยู่ที่บ้านที่เมือง อย่าตกอยู่กับกลุ่มคน หรือ บุคคล

หรือ แค่ประชาชนกลุ่มย่อยๆ แล้วคนส่วนใหญ่อยู่ไม่ได้ อย่างนี้ก็ไม่สำเร็จประโยชน์ บ้าน

เมืองไม่ได้ประโยชน์ บ้านเมืองก็จะเสียหาย
มันมีมุมมองหลากหลายมุมมอง
ถ้ามองในวิถีของโลก ก็ต้องพูดแบบนี้ พูดให้สติ เตือนไว้ว่า อย่าทำร้ายประโยชน์ส่วนรวม

อย่าทำลายประโยชน์ส่วนใหญ่
แต่มองในวิถีธรรม ก็ว่า เอ๊อ ประโยชน์หรือไม่ใช่ประโยชน์ สุดท้ายมันก็มี เกิดขึ้น ตั้งอยู่

แล้วก็ดับไป มันไม่มีอะไรคงที่ ถาวรตลอดกาล ตลอดสมัย
สหรัฐ ยุโรป ที่ว่า แน่ๆ ว่าแข็งแรงทางเศรษฐกิจ ยังแย่ ยังผอมหมักโกรกหัวโต ยังอยู่ไม่

ค่อยจะได้
อ้ายที่น่าเป็นห่วงเวลานี้ มันจะรวมตัวกันอีก 2 ปีข้างหน้า ไม่รู้ว่า จะใช้เงินของใคร แล้ว

ก็สำคัญ ก็คือ คนไทย ถ้าต้องรู้จักคิดเป็น นักวิชาการทั้งหลาย ช่วยไปบอกรัฐบาลทีว่า อ้าย

สินค้าที่จีนเอาเข้ามาประเทศไทย พวกพืชผลการเกษตร รัฐบาลไทยคิดภาษีเป็น ศูนย์ แต่

สินค้าพืชผลไทย ส่งไปเมืองจีน เค้าคิด 15%-25% ไม่รู้ว่า จะเจ๊ง หรือ จน ดี ไทยเรา

จะอยู่ได้ยังไง เพราะว่า อ้ายบร๊อคคอรี่ อ้ายกะหล่ำปลี หัวไชเท้า อ้ายอะไรทั้งหลายที่มัน

ขายๆ อยู่กันตลาดไทย ของจีนทั้งนั้นน่ะ
ของไทยเราไม่ค่อยได้ออกไปไหน เพราะว่า มันขายแล้วสู้ราคาจีนไม่ได้ เหตุผลเพราะว่า

ต้นทุนมันแพง จีนมันมาขายถูกๆ แล้วแถมไม่ต้องเสียภาษีไง คิดภาษีเป็น ศูนย์ แต่ไทยเรา

จะเอาของไปขายจีน 15%, 16% ไปขายพม่านี่ 11%, 12%, ไปขายสิงคโปร์

นี่รู้สึก จะ 7%, ไปขายมาเลย์ 18 %, 19%
แต่ไทยมานี่ อะไรมา กูเอาหมด ศูนย์, มึงมาเฮอะ, กูซื้อ เป็น ศูนย์ หมด, แล้วอีก

หน่อย เกษตรกรไทยมันจะอยู่ยังไง พี่น้องเอ๋ย ฝากเอาไว้ด้วยคิดแล้วกัน
อันนี้เป็นข้อมูล ที่อยากให้พิธีกร ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้ประเทศชาติได้รับรู้ว่า อ้าย

ภาษีที่เป็น ศูนย์ ที่ไทยรับของชาวบ้านเค้ามา โดยไม่ต้องเสียภาษี แต่ไทยเราจะขนอะไร

เข้าไปบ้านเค้า ต้องเสียภาษี 25% บางรายการ สินค้าเกษตรบางรายการ 25% แต่เวลา

จีนเอาส่งมาให้เรา ทุกรายการเป็น ศูนย์หมด มันต้องคิดดูว่า จะเอายังไง
25% มีอะไรบ้าง ก็มีลำใย มีทุเรียน เอ้อ เป็นของชอบๆ ของเค้าน่ะ คือ ภาษีเราต้องเสีย

แพงมาก แต่ของไทยเรา เอามันหมดทุกอย่าง
อ้ายที่รู้เรื่องนี้ ก็เพราะว่ามีโอกาสได้คุยกับอ้ายพวกอะไรล่ะ วันนี้เค้าก็มาทอดกฐิน อ้ายด่าน

ศุลกากร เค้าก็มาเป็นประธานกฐิน หัวหน้าด่านศุลกากร ไม่ต้องเสียภาษี แม่ค้าจีนมาไม่ต้อง

เสีย ผลหมากรากไม้ ฟรีหมด จ่ายแค่ค่าป่วยการ ค่าดำเนินงาน ค่าตรวจสอบเฉยๆ
แต่ไทยเราไป นี่ อุ๊ย มันตรวจทุกเม็ด ลำใยแทบจะปลิ้นเม็ดออกเลยล่ะ ไม่รู้ล่ะ เพราะมี

โอกาสไปจีน แล้วไปนั่งคุยกับประธาน อ ต ก ในช่วงที่เค้ามีกีฬา แล้วก็ ไทยเอาอาหาร เอา

ผลไม้ไปเลี้ยงเค้าฟรี หวังว่าจะให้เค้าซื้อ เค้ากินแต่เค้าไม่ซื้อ ถ้าซื้อ ต้องจ่ายภาษีเค้า ถ้าเรา

จะไปขายเค้า ต้องจ่ายภาษีเค้า 25% นั่งคุยกัน นั่งโต๊ะเดียวกัน นั่งเครื่องบินมา
เราก็ถึงได้ อ๋อ รัฐบาลไทยเรามันโง่ โง่ตั้งแต่ยุคไหนไม่รู้ คนที่โง่ก็ตายไปแล้ว ไปเซ็น

ต์สัญญา อัฟต้า อัฟตอกกับเค้าไว้ แล้วสุดท้ายก็แย่
(ไปเซ็นต์กับรัฐบาลกลางค่ะ แต่รัฐบาลท้องถิ่น ไม่ได้ไปเซ็นต์กับเค้า)
เออ ก็ไม่รู้ล่ะ แต่รู้ๆ ก็คือว่า ทุกวันนี้ มึงกินผักจีนทั้งนั้นล่ะ ผักจีนมันถูก ผลไม้มันถูก อีก

หน่อยก็ซื้อไข่ถูก ไข่จีนถูก แต่ไข่ไทยไป แพง อะไรอย่างนี้
นี่คือ ความอยู่ จะอยู่ไม่รอดในทศวรรษหน้าของประเทศชาติ ให้รู้ไว้เฮอะ เรายังมีอีกเยอะ

แยะ ข้าวก็จากอันดับหนึ่งของโลก ก็ลดลงมา เหลืออันดับ 4 ต่อไปก็เหลือ อันดับสุดท้าย

พวกชาวนารวยๆ ทั้งหลาย ได้แน่ๆ ก็ประมาณซัก 7,000 – 8,000 อ้าย

15,000 น่ะ อย่าหวังเลย
เอาหัวแม่โป้งตีนกูเป็นประกันว่า อ้ายชาวนาคนไหนบ้าง ที่มันได้ครบ 15,000 ไหน

ลองชี้หน้าให้กูดูหน่อย รัฐบาลจ๋า ลองชี้หน้าให้กูดูหน่อยซิ มันได้ครบ 15,000 เนทๆ

เลย ไม่ขาดไม่เกินเลย
ไม่มีหรอก มีไม๊, มึงว่า มีไม๊
ไม่มีหร๊อก ชาวนาประเทศไทยไม่เคยได้ครบ 15,000 หร๊อก
อันนี้ ว่ากันไปแล้ว ก็คือ รายการกฐิน นะจ๊ะ
ก็อาตมาขอทอดกฐิน กับรัฐบาลเค้านิดหนึ่งนะจ๊ะ เออ จองกฐิน
ก็มันเป็นอะไรที่ มันก็ยังต้องทนต่อไป ต้องทน
ก็มันก็มีนักวิชาการบางคน ก็ยังหูหนวกตาบอด นักคอลัมนิสต์ทั้งหลาย ก็ยังหูหนวกตาบอด

คือ มองเห็นแต่ประโยชน์เฉพาะหน้า ที่เค้ามาหลอกล่อให้ แต่ไม่เห็นประโยชน์ระยะยั่งยืน

ยาวนาน มันก็เลยกลายเป็นเหมือนกับปิดหูปิดตา ปิดปาก ปิดจมูก ไม่ให้เข้าใจถึง

สถานภาพความเป็นจริงของโลก ของสังคมในยุคปัจจุบันว่า เราเสียเปรียบเค้าทุกเรื่อง เรา

เสียเปรียบเค้าทุกทาง
ทุกวันนี้ เราใช้ไฟพม่า ใช้ไฟลาว
ที่ผ่านมา เค้าบอกว่า ซ่อมท่อแก๊สพม่า ซ่อมท่อแก๊สอยู่ 3 เดือน 6 เดือน แก๊สขึ้นให้

พรวดพราด ช่วงที่รัฐบาลพม่าบอกว่า ซ่อมท่อแก๊ส ถ้ามันซ่อมกันทั้งปี ระวังเฮอะไม่มีอะไร

จะใช้ เพราะไม่เหลืออะไรจะให้ใช้ล่ะ มันหมดแล้วเนี่ย บ้านเมืองเราใช้จนหมดล่ะ

ทรัพยากรก็ถลุงจนเกลี้ยง ใช้แบบไม่บันยะบันยัง
ภูมิใจมาก ทุกคนมีรถ บ้านแต่ละบ้าน, ลูก 7 คน มีรถ 7 คัน ภูมิใจเหลือเกิน รถคัน

แรก วันหลังก็เอาเยี่ยวเติม ก็น้ำมัน มันไม่มีให้เติม
คุณมนัส    ทอดกฐินครับ หลวงปู่
หลวงปู่     หา
คุณมนัส     ทอดกฐินฮะ วันนี้
หลวงปู่     เออๆ
คุณมนัส   ไม่ได้จองกฐิน
หลวงปู่    ทอดแล้ว เค้าทอดชั้นแล้ว ชั้นก็เลยจองต่อไง.
คุณมนัส     นึกว่า จองกฐินรัฐบาล
หลวงปู่      เอ้าๆ พอ จบ เดี๋ยวเค้าจะว่า
ไม่ มันแก้ไข้ แก้ไข้ พอพูดเรื่องนี้แล้ว เลือดลมมันสูบฉีด มันทำให้ไข้เข้ยหายไปฉับพลัน

ทันที
เอ้า ว่าไป
คุณมนัส   กราบนมัสการ ท่านหลวงปู่พุทธะอิสระนะครับ แล้วก็กราบสวัสดี ท่านญาติ

ธรรมนะครับ วันนี้เยอะมาก คับคั่งมากๆ เห็นแล้วก็ปลื้มใจแทน
หลวงปู่     ฮืม นี่น้อย เมื่อเช้าไปเยอะแล้ว
คุณมนัส    เมื่อเช้า เยอะกว่านี้ครับ ผมขับรถสวนเข้ามา ก็ไม่มีที่จอดรถ ต้องไปที่โรงเจ

แล้วก็ริมถนน แล้วก็มีบริการตุ๊กๆ เข้ามาด้วย ก็ขออนุโมทนทุกท่านด้วย, 11 ล้านบาท

นี่ กว่าๆ เท่านั้นเองนะครับ นับเบื้องต้น ยังไม่ได้สุทธิ ก็ขออนุโมทนาอีกครั้งหนึ่ง
วันนี้ ปุจฉา วิสัชนา เข้ามาเยอะมาก ก็ตามดู เดี๋ยววันนี้ ขออนุญาตบันทึกเทปรายการด้วย

ออกเผยแพร่ทาง True Vision ช่อง TNN 2 วันเสาร์ 8.30-9.30

น.
หลวงปู่     อ้าว ยังไม่สวัสดี ท่านรับผู้ชมรายการปุจฉา วิสัชนา ทุกท่านที่มีโอกาสได้รับชม

รายการปุจฉา วิสัชนา ที่จริงแล้ว ถามมา ตอบไป มันเป็นเรื่องที่ตรงใจกับผู้ฟัง อยากให้

ท่านผู้ฟังทุกท่านได้ตั้งใจสดับตรับฟัง เพราะปัญหาบางปัญหา คือ ชีวิตจริงของเรา มันเป็น

ความเป็นจริงที่เราปฏิเสธไม่ได้ ทีนี้ เราจะมีชีวิตอยู่อย่างไรกับสิ่งที่เป็นปัญหา โดยที่เราไม่

ต้องโดนตัณหาครอบงำ แล้วก็ไม่ทำตัวเป็นปัญหาสืบไป เจริญธรรม
คุณมนัส     ทุกท่านครับ วันนี้ ปุจฉา วิสัชนา ผมลองแยกดูแล้ว มีประมาณ 3 หมวดด้วย

กัน หมวดที่ 1 เรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ, หมวดที่ 2 เรื่องของธรรมะ, หมวดที่ 3

เรื่องของการประยุกต์ใช้ชีวิตในชีวิตประจำวัน จะอยู่ได้อย่างไร ลั้นก็มีหลายคำถาม
แต่ผมตั้งข้อสังเกตุอย่างหนึ่งว่า หนังสือที่ระลึก ที่ท่านหลวงปู่ได้แจกให้กับท่านญาติธรรม

ทุกท่านวันนี้ มีปุจฉาหนึ่งถามไว้ว่า จะสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ท่านได้วิสนาไว้ว่า คำว่า สามัคคี ท่านไม่อยากเปรียบเทียบ ให้รักกันฉันพี่น้อง เพราะว่า

วันนี้ พี่น้องมันไม่ได้สามัคคี มันไว้ใจกันไม่ได้แล้ว แต่เปรียบเทียบว่า เป็นแขน เป็นขา

เป็นอวัยวะของร่างกาย อยากให้ท่านหลวงปู่วิสัชนา ขยายความเพิ่มเติม
วิสัชนา      ก็ปกติ เราชอบพูดเป็นวลีติดปาก ว่า จงรักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง เวลาไปพูด

กับประเทศลาว เค้าไม่ยอมนะ บ้านพี่เมืองน้อง เค้าไม่ยอมหรอกนะ เค้าถือว่า ใครเป็นพี่,

เค้าถามเลย แล้วใครเป็นพี่, แล้วถ้าเค้าเป็นน้องนี่ เค้าไม่ยอมนะ คือ เค้ามีความรู้สึกว่า

เค้าเป็นประเทศเล็ก ประเทศน้อย นี่ อย่ามาข่มเค้า อะไรประมาณนี้
งั้น รักกันเหมือนดั่งพี่ดั่งน้อง ไม่จริงหร๊อก เดี๋ยวมันก็ฆ่ากันตาย พี่น้องบางที มีทรัพย์สมบัติ

เป็นตัวตั้ง มันก็ฆ่ากัน วิวาทกัน ทะเลาะกัน  เมาหน่อยก็เตะกัน ตีกัน
แต่ถ้าเรากันจริงๆ เหมือนกับ ตาของเรา หูของเรา ปากของเรา แขนขา อวัยวะ ตา ตัว ตีน

ตูด ของตัวเองน่ะ ไม่มีใครกล้าตัดมันทิ้ง
งั้น ก่อนที่จะไปสามัคคีกับใคร รัก ตา ตัว ตีน ตูด ของตัวเองให้ได้ก่อน
คุณมนัส   อีกที ครับ รัก ตัว ตา ตีน ตูด
หลวงปู่    เออ ตา ตัว ตีน ตูด
คุณมนัส    โอ้โห  4 ต.เลย ครับ
หลวงปู่    อืม คือ คนทุกวันนี้ มันไม่รักตา ไม่รักตัว ไม่รักตีน ไม่รักตูดของตัวเอง
ตา ไม่รักตา ทำไง ก็มันแส่หาเรื่อง มองไปเรื่อยล่ะ บางที มองไปมองมา ก็ได้แว่นฟรีๆ

กลับมา เพราะมันมองในสิ่งที่ไม่ควรมองไง แล้ววิธีมอง ก็ไม่ได้ประเทืองปัญญา ไม่ทำให้

เกิดความรู้สึกว่า เออ ประทับใจ มันก็เลยประทับตีนเข้าตามา
คุณมนัส    อ๊อ
หลวงปู่     ก็เลยเนี่ย ได้แว่นมา เพราะว่า ตาหาเรื่องไง, ตา
ตัว เราอยู่ดีๆ นอนอยู่บ้าน ดันทะลึ่งไปหาเรื่องตาย เหมือนกับแม่ครัวที่วัด มันนอนอยู่บ้าน

ดีๆ อยู่วัดดีๆ มันไม่ชอบ มันต้องไปหาเรื่องตาย ไปเล่นไพ่กับเค้ากลางคืน ตอนเช้ามืด กลับ

มา ตาย เนี่ย เค้าเรียกว่า ตัว หาเรื่อง
มันนึกว่า เราไม่รู้ ขี้เกียจ เออ พอมันตาย ก็เลยด่าซะ อีตอนมันยังไม่ตาย ไม่อยากด่ามัน

เดี๋ยวมันจะ
งั้น ก็เลยอยากบอกว่า อ้าย ตัว หาเรื่อง มันก็สร้างเรื่องให้ตัวเองนั่นแหละ, ตา ตัว ตีน
ตีน ตีนนี่ ถ้ามันไม่พาไปทางอบาย มันก็ไม่ได้ล่ะ ไม่ได้รู้หรอกว่า อบายมันเป็นยังไง ทีนี้ ตีน

มันไม่มีสติปัญญา มันเลยพาไปสู่อบายซะส่วนใหญ่
คุกเนี่ยนะ หลวงปู่เคยไปแสดงธรรมในคุก เราก็นึกว่า โอ้โห คุกนี่ มันเข้ายากมาก กว่าจะ

ผ่านแต่ละประตู มันมี 5 ประตูนะ อุ๊ย ถ้ามันถกสบงเราตรวจได้ มันถกแล๊ว อุ๊ย มันสแกน

มันแหย่ มันจับน่ะ ให้เราถก อุ๊ย เรานั่ง ใต้รถใต้ลา มันแหย่หมด บอก มึงถอดสบงกูซะเลย

ไม๊
เออ มันเข้ายากมากนะ อู้หู เราก็นึกในใจว่า จะมีคนฟังกูซักกี่คนว้า พอเข้าไป ที่ไหนได้ อู้หู

แน่นไปหมดเลย เต็มไปหมด แทบจะไม่มีที่นั่ง 3,000 กว่าคน
โอ้โห เราก็นึกในใจ ถ้าเป็นวัดกูนะ เทศน์ครั้งหนึ่ง 3,000 กว่าๆ นี่ รวยเละเลยเว้ย
เออ แต่พอมาดูที่วัดนี่ เวลาแสดงธรรม ประตูวัด เข้าง๊าย ง่าย ไม่เคยปิด
คุณมนัส    ไม่เคยสแกนเลย
หลวงปู่     ไม่ต้องมาถ่างขา สแกน ไม่ต้องอะไรเลย มันยังไม่ค่อยอยากเข้ากันเล๊ย
คุณมนัส     ครับ
หลวงปู่    เออ หายากมาก อ้ายที่เข้าๆ เนี่ย แสดงว่า หมดแล้ว หมดอาลัยตายอยาก ไม่ก็

แก่แล้ว หรือไม่ก็ สังขารเสื่อม หลักลอย คอยงาน เข้า เพราะความศรัทธา เดี๋ยวนี้หาได้น้อย
แต่อย่างวัดอ้อน้อย เค้าศรัทธาทุกคนแหละ เพราะ ทุกคนเค้ามีปัญญา (สาธุ)
ชมมันหน่อย เดี๋ยวอด 
คุณมนัส     เมื่อกี้ เพิ่งว่าอยู่หยกๆ
หลวงปู่    เพราะฉะนั้น ก็เลยอยากบอกว่า ประตูวิก ประตูเวจ ประตูคุก นี่ มันเข้าไม่ง่าย

เข้ายากมากเออ ประตูคุกนี่ เข้ายาก อ้ายประตูเวจ ประตูวิก นี่เข้าง่าย แต่เราก็ชอบที่จะไป

เข้าประตูคุก
ประตูวัดนี่ ไม่ค่อยอยากเข้า ประตูวัดนี่ ไม่ต้องเสียสตางค์ผ่านด่าน ไม่ต้องเสียค่าบัตร
อ้ายประตูวิก นี่ ยังต้องจ่ายบัตร เราก็ไปแย่งเข้าวิกเสียเยอะกว่าเข้าวัด อาจจะเป็นเพราะ

วัดมันไม่มีเครื่องจูงใจ เครื่องชักชวนจิตใจ เครื่องทำให้จรรโลงใจ เครื่องรุมเล้าจิตใจ เรา

ชอบสะใจ มัน เหมือนๆ กับอ้ายที่เค้ามีข่าว ชาวบ้านเค้ามา ทำวัตร สวดมนต์ข้ามปี อ้ายคน

บางคน ก็ไปอยู่ในผับ อยู่ในบาร์ แล้วก็ตายหมู่อยู่ในนั้นน่ะ
คุณมนัส      ซานติก้า หลายปีแล้วครับ
หลวงปู่     เอ่อ มันเป็นเครื่องแสดงออกให้เห็นว่า อ้ายความแสวงหาสิ่งอัปมงคลเนี่ย มันมี

อยู่ในทั่วทุกหย่อมหญ้า แล้วเราก็ชอบใจมัน เราก็พอใจมัน มันเป็นสันดานของคนที่

ปรารถนาทุกขภูมิ เค้าเรียกว่า มีนิสัยทุกขภูมิ เป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉานมา

เกิด เลยไม่แสวงหาหนทางที่งดงาม ดีงาม ให้แก่ชีวิต
งั้น จึงอยากจะบอกว่า ถ้ามีโอกาส ชวนลูกชวนหลานมาบ้าง อย่าเอาแต่ตัวเองมา ลูก
บอกให้ลูกให้หลานให้รู้ว่า เนี่ย ประตูวัดเนี่ย มันไปสวรรค์ ลูก ประตูวิกน่ะ มันไปตกนรก ดี

ไม่ดี มันอาจจะไปคิดคุก ติดตะรางก็ได้ จบ (สาธุ)
ปุจฉา    พูดถึงคนที่ตายไปแล้ว แต่ได้ฝากทรัพย์เอาไว้ให้เพื่อนที่ไว้ใจได้ ทำบุญให้หลัง

จากตัวเองตาย ไม่ทราบว่า คนที่ตายแล้ว จะได้บุญมากน้อยแค่ไหน
วิสัชนา    คนโง่นะเนี่ย ทำไมต้องไปฝากเพื่อนให้ทำบุญให้, ไม่ต้อง, รู้ว่าจะตาย มี

อะไร ก็ให้ๆ เค้าไปให้หมด นั่น ก็เป็นบุญของเราแล้ว ให้ในส่วนที่ควรจะให้ กับบุคคลที่ควร

จะให้
ไม่ใช่ให้โจร ให้คนชั่ว ให้คนไม่ดี อย่างนี้ ก็คงจะหาบุญไม่ได้
ทำไมต้องไปฝากให้เพื่อนช่วยทำบุญให้ แล้วเราจะรู้ไม๊ว่า มันทำให้หรือไม่ทำให้ มานั่ง

กังวลอีก ดีไม่ดี ตอนตาย ยังมานั่งสงสัยอีก เอ๊ มันจะทำให้กูหรือเปล่าว้า ทำไม๊ว้า
เลยมาเป็นจิ้งจก คอยเฝ้าอยู่ ว่า มึงจะชักเงินกูมาใช้หรือยัง อะไรอย่างนี้
อย่าเล๊ย มีตังค์ เรามีปัญญา มีสติ มีกำลัง ก็ทำไปเท่าที่เราสามารถทำได้ แต่อย่าให้ตัวเอง

เดือดร้อนแล้วกัน อย่าถึงขั้นไปกู้หนี้ยืมสินใครเค้ามาทำ เหมือนกับที่บางสำนัก ที่เค้าสนับ

สนุนให้ทำล่ะนะ ถึงขนาดผ่อนส่งบุญกันล่ะนะ
คุณมนัส    อ๋อ เมื่อเช้า ผมผ่านมาฮะไป
หลวงปู่     เออ บุญผ่อนส่ง ไม่ควรเลยล่ะ เพราะจิตที่มันเป็นบุญ มันมีแค่ดวงเดียว แต่อ้าย

จิตที่ไปเป็นหนี้น่ะ มันมีตั้งกี่ดวงล่ะ ไม่รู้ล่ะ แล้วเวลาจิตเราเสวย ทุคติ สุคติ แล้วมรณสติ คือ

จิตที่มันเป็นมรณกรรม มันเกิดขึ้นเนี่ย เรียกว่า มรณจิตเกิดขึ้น
ไม่รู้ว่า มันเกิดกับดวงที่เป็นบุญ หรือ เกิดกับดวงที่เป็นหนี้
ถ้ามรณกรรม มันเกิดกับดวงที่เป็นบุญ มันก็ถือว่า วาสนาล่ะ เพราะมันมีดวงเดียวในล้านดวง
แต่อ้ายดวงที่เป็นหนี้ กว่าจะใช้หนี้ทั้งหมด มันต้องคิดทุกวัน ถูกไม๊ พอเห็นหน้ากูก็เป็นหนี้

มึง, เห็นหน้ากูก็เป็นหนี้มึง แล้มันต้องคิดทุกวันๆๆ มันจิตกี่ดวง
แล้วจิตของเรา มันมีหน้าที่ 4 อย่าง รับอารมณ์ จำอารมณ์ รู้อารมณ์ คิดอารมณ์, รับ จำ

คิด รู้
เมื่อเช้ามืด หลวงปู่ตื่นมา ตอนตี 3 ยังมาตรึกในธรรมเลย ยังไม่ลุกจากที่นอนว่า เอ๊ ถ้า

ชาติภพนี้ มันไม่มีสัญญา คือ ความทรงจำ คือ หลวงปู่นึกถึง ย่า นึกถึงคนแก่ๆ แล้วก็นึกถึง

ย่าว่า แกชอบพูดเรื่องเก่าๆ พอแกชอบพูดเรื่องเก่าๆ คนแก่ พอพูดเรื่องเก่า ตายแล้วก็จะ

ไปสู่ที่เก่า
แล้วทำยังไง จะให้สัญญาจิตในเรื่องเก่า คือ จำแต่เรื่องเก่า ให้กลายเป็นเรื่องใหม่ๆ จะได้ไป

แสวงหาภพภูมิใหม่ๆ เกิด ไม่ต้องไปวน เวียนว่าย ตายเกิดในสังคมเก่า บ้านเก่า คนเก่า สิ่ง

แวดล้อมเก่าๆ ชาติภพเก่าๆ อย่างนี้
เลยวิเคราะห์ต่อไปว่า อ๋อ มันมาจากสัญญาจิต ด้วยบุญ ไปด้วยบุญ มนุษย์เราเนี่ย เป็นไป

ด้วยบุญ ด้วยกรรม ด้วยอำนาจกรรม ด้วยอำนาจสัญญา และก็ ด้วยอำนาจอุปาทาน
3 อำนาจนี่ เป็นตัวผลักดัน ทำให้มนุษย์สุคติภพ ทุคติภพ ไปเกิด สัตว์ทั้งหลาย จะได้สุคติ

หรือ ทุคติ ก็ด้วย 3 อำนาจ คือ อำนาจกรรม อำนาจสัญญา ความทรงจำ และอำนาจ

อุปาทานในขันธ์ทั้ง 5
สัญญา กับ อุปาทาน ก็ไม่ได้ต่างกันหรอก แต่ถ้าแยกออกมาเป็นภาษาชาวบ้าน เราก็

ต้องบอกว่า ความทรงจำเก่าๆ แต่ภาษาพระท่านอาจจะเรียกได้ว่า อุปาทาน ก็ได้ ความยึดถือ
แต่อุปาทานกับสัญญา คนละอย่างกันนะ
สัญญา คือ ความทรงจำ
แต่อุปาทาน คือ ยึด มันผูก มันพันธนาการเลย มันไม่ใช่จำอย่างเดียว
สัญญา มันก็เหมือนกับ คล้ายๆ จำได้
แต่ อุปาทาน มันเหมือนกับ คล้ายๆ กับเราโดนทัณฑ์แล้ว ติดคุกแล้ว โดนขังแล้ว โดนจอง

จำแล้ว โดนลั่นตรวนแล้ว อย่างนี้เป็นต้น มีโซ่ตรวนผูกพันธนการเราแล้ว นั่นคือ ลักษณะ

อุปาทาน
งั้น ถ้ามนุษย์ตัดสัญญาเสียเบื้องต้น คือ ไม่ต้องจำเรื่องเก่า แล้วก็ตัดอุปาทาน ความยึดถือใน

ภพชาติ โอ๊ย มนุษย์ไปไหนไกล ไม่ต้องอยู่ที่เก่า ไม่ต้องวนอยู่ในวัฏฏะ เวียนว่ายตายเกิด
ทีนี้ มนุษย์ตัดเรื่องพวกนี้ไม่ได้ เพราะมนุษย์โง่ มนุษย์ไม่เข้าใจความเป็นจริง
งั้น ถึงเวลาก็ อย่าไปจำ ของเก่าๆ อย่าไปจำ ยิ่งแก่ยิ่งอย่าจำ อย่าไปมองว่า คนแก่จำอะไร

ไม่ได้ นี่เป็นเรื่องไม่ดีนะ คนแก่จำอะไรไม่ได้นี่ จำได้อย่างเดียว ตังค์ นี่ จำได้แม่นล่ะ
ตังค์นี่ จำได้ไม๊ อาม่า, ได๊, ลูกหลานจำได้ไม๊, มีงเป็นใครอ่ะ คุณเป็นใครอ่ะ, อ้าว

แล้วนั่น ตังค์ใคร, ตังค์กู, อาม่าวางไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่, กูวางไว้เมื่อวานนี้ กูจำได๊,

อ้าว แล้วทำไมลูกหลานจำไม่ได้ มัวถามว่า มึงเป็นใคร
เออ เพราะฉะนั้น จึงอยากบอกว่า หาวิธีให้คนแก่ อย่าจำเรื่องเก่า แต่คิดแต่เรื่องใหม่ๆ ว่า

ชีวิตจะต้องแสวงหาอะไร ต้องการอะไร ปรารถนาสิ่งใด ตายแล้วไปสู่ภพภูมิอะไร ต้องขยับ
แล้วการจะอยู่กับเรื่องใหม่ๆ นี่ มันก็ต้องฝึกจิต ฝึกจิตเป็นเบื้องต้น อย่าให้จิตมันคร่ำหวอด

กับเรื่องเก่า จบ (สาธุ)
ปุจฉา     คนที่เค้ารับปากว่า จะทำอย่างนั้นอย่างนี้อยู่หลายๆ คราว เค้าเป็นบุคคลที่เกี่ยว

ข้องกับธุรกิจร่วมกัน แต่พอถึงเวลา ก็ทำไม่ได้ แต่ตัวเค้าเองก็ดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ไม่

ทุกข์ร้อน อย่างนี้ จัดอยู่ในกรรมข้อไหน จะมีผลอย่างไร เราอยากให้เค้าหยุดไม่ไปทำกับ

คนอื่น เราจะบอกผลของกรรมกับเค้ากับบุคคลอื่นหรือไม่
วิสัชนา      เข้าใจว่า เค้าก็คงอยากทำล่ะนะ เพราะคนที่พูดนี่ มันก็ต้องคิดก่อนล่ะ มีความฝัน

มีความคิด แต่เผอิญ พวกไม่มีสัจจะบารมีไง พวกไม่มีอธิษฐานบารมีอยู่ในใจ คนที่ไม่มี

อธิษฐานธรรม ไม่มีสัจจะธรรมอยู่ในใจ ให้พยายามให้ตาย ก็ไม่ได้
ก็เหมือนที่หลวงปู่ชวนวันกินเจ ชวนสมาทานทศบารมีทั้ง 10 ประการ
เราฝึกใจเรา ว่า เรากินเจแล้ว เราต้องมีคุณธรรมปฏิบัติข้อแรก ทำทาน วันนี้ทั้งวัน เราจะ

ทำทาน ไม่มีตังค์ให้ เราก็ให้น้ำใจ พยายามฝึกตัวเอง สร้างสัจจะ สร้างอธิษฐานไว้ในตัวเอง
ทำได้ แล้วมันกลายเป็นนิสัย และสันดานตน ทีนี้ พอเกิดในภพภูมิใด ชาติไหนๆ เนี่ยนะ

เราทำอะไร ไม่มีคำว่า ไม่สำเร็จ อ้ายคนที่เค้าทำอ้ายนั่น ก็สำเร็จ, ทำอ้ายนี่ ก็สำเร็จ เค้ามี

ธรรม 2 อย่าง มีอธิษฐานธรรม กับมี สัจจะธรรม
สัจจะ คือ ความซื่อตรง
อธิษฐาน คือ สิ่งที่ตั้งไว้ในใจ
แต่ทุกวันนี้ คนนู้นเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ, คนนี้ทำอะไรไม่สำเร็จ, คนนั้นทำอะไร ไม่เอา

อ่าว ก็เพราะว่า คนเหล่านั้น ไม่ใช่ไม่อยากได้ อยากได้ แต่เค้าไม่มีเครื่องสนับสนุนจิตใจ

ไม่มีแรงจูงใจ ไม่มีพลังใจ ไม่มีเครื่องที่ทำให้จิตใจ แล้วก็กำลังกายมันไปด้วยกันด้วยความ

รู้สึกต่อสู้ ฝ่าฟันอุปสรรคได้
งั้น ต้องฝึกอีกนาน
ถ้ามองในวิถีธรรม แล้วก็อย่าไปโทษเค้า มันเป็นกรรมของเค้าอย่างหนึ่ง
แต่ถ้ามองเพื่อจะหา เค้าเรียก หาโจทก์ หาจำเลย ก็ต้องบอกว่า มึงมันไร้สาระ มึงมันเลอะ

เทอะ มึงไม่เอาอ่าว มึงมันไม่รักษาสัจจะ ไม่รักษาคำพูด ขาดเครดิต ไร้คุณธรรม เป็นคน

เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ เออ พวกลิงหลอกเจ้า เหลาะแหละ พวกหลอกลวง ก็ว่ามันไปเรื่อย แต่สุด

ท้ายก็คือ ไม่ได้อะไรกลับมา ได้แต่ด่ามันให้สะใจไปเฉยๆ
แล้วไปด่าให้เสียปากทำไม เปลืองน้ำลาย เอาปากไว้เคี้ยวข้าวดีกว่า ดีไม่ดี อาจจะไปเคี้ยว

เลือดตัวเองก็ได้ ด่ามากๆ เข้า ฟันอาจจะหลุดเสียก็ได้ จบ (สาธุ)
ปุจฉา     เพชร ทอง ที่เก็บได้ แต่หาเจ้าของไม่ได้ แล้วเอามาทำบุญที่วัดอ้อน้อย ผมเติม

เองนะครับ วัดอ้อน้อย บุญกุศลจะไปตกกับใคร และรูปถ่ายของพระพุทธเจ้าและของพระ

สงฆ์ที่ชำรุดแล้ว จะไปเก็บไว้ที่ไหน
วิสัชนา      ส่วนใหญ่ กูจะเจอเพชรลิเกนะ อ้ายเพชรลิเก ที่เค้าทำตกๆ หล่นๆ เยอะมาก เพชร

ทองที่ชาวบ้านเค้าทำตก แล้วเราเก็บได้ ประกาศหาเจ้าของไม่ได้ ก็ทำบุญ ก็ไม่ได้เสียหาย

อะไร วัดไหน ก็ไปเฮอะ อย่าไปขโมยเค้ามาแล้วก็บอกว่า เก็บได้ อย่างนี้ วัดอ้อน้อยเป็น

จำเลยที่ 2 น่ะ หาว่า รับของโจร อย่างนี้ ไม่ได้นะ
ส่วนเรื่องที่ถามว่า อะไรนะ
(รูปถ่าย)
รูปถ่าย เอาไว้วัด สมัยก่อนเค้ายังมี ตามโคนเจดีย์ ตามโคนต้นโพธิ์ อะไรอย่างนี้ เค้าก็จะ

เอาพวกนี้มาวางๆ เอาไว้
คุณมนัส    ไม่ควรเก็บไว้ที่บ้านเหรอฮะ
หลวงปู่     ก็ ถ้าเราจะเก็บ ก็เก็บได้ ถ้าอยากเก็บ ถ้ามีที่เก็บ
คุณมนัส    ซ่อมแล้ว เก็บ
หลวงปู่    เออ ก็ได้ ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ไม่ควรจะไปทิ้งถังขยะ เหมือนกับคนเอารูปพ่อ

แม่เราน่ะ มาโยนทิ้ง เรารู้สึกยังไง ความคิดน่ะ อกเขาอกเรา จบ (สาธุ)
ปุจฉา      วิธีบริหารทรัพย์ให้ร่ำรวยที่สุด มีวิธีการอย่างไร
วิสัชนา     อืม กูว่า กูเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกแล้วล่ะน๊า เอ้า จริ๊ง หลวงปู่มีวิธีคิด เรา ไม่

อยากคุย ไม่อยากคุย คุยซะหน่อยก็ได้ จำอ้ายทองที่ชาวบ้านเค้าถวายๆ มาไม๊ เออ ที่พวก

มึงถวายมา คนละนิดคนละหน่อย คนนู้นหน่อย คนนี้หน่อย
คุณรู้ไม๊ ว่า วิธีบริหาร, เอามา ก็เอาไปขาย, เออ เวลาราคามันแพง ก็เอาไปขาย ขาย

จากทอง 100 กว่า 200 บาท ขายไปขายมานี่ ได้เงิน 10 ล้านแล้ว (สาธุ)
เอ่อ แล้วอ้ายเงินนั้น ไม่ใช่เงินไปไหนนะ ก็คือ เงินลูกหลานที่เอาทองมาถวายหลวงปู่ กูไม่

ได้เอาทองพวกมึงไปทำอะไรเลยนะ, เวลาแพง กูก็ขาย, เวลาถูก กูก็เก็บ, เวลาแพง

กูก็ขาย, เวลาถูก กูก็เก็บ
กูตั้งให้พระองค์หนึ่ง ไม่ต้องทำอะไรในวัด วันทั้งวัน มึงมีหน้าที่ดูราคาน้ำมัน ตลาดโลก
คุณมนัส    ตลาดหุ้น
หลวงปู่    หุ้น ไม่ดู ทองไม่จำเป็นต้องดูหุ้น  อู้หู นี่ คนโลกไหน นี่ไม่รู้จักอะไรเลย ดูราคา

น้ำมัน ดูราคาดอลล่าห์ ดูเศรษฐกิจ , ดู 3 ดู นี่แหละ แล้วก็ดูค่าเงินบาท
แล้วกูก็มานั่งคำนวณ วันนี้ ขาย, พรุ่งนี้ ซื้อ, วันนี้ ซื้อ , พรุ่งนี้ ขาย
คุณมนัส    โอ้โห ครับ
หลวงปู่    เราก็จะสั่ง บางทีไปแสดงธรรมนะ นั่งๆ รถไป อ้ายแสบ โทรฯ ถามซิ ทองราคา

เท่าไหร่ เดี๋ยว รายงานมา, เอ้า กำไรหรือขาดทุน, กำไร ร้อย, ร้อย ขาย, ขาด

ทุน, ขาดทุน 50 เก็บไว้ก่อน ประมาณนี้ นั่นคือ วิธีบริหาร
ถามว่า มาเล่า นี่ อายไม๊
กูจะไปอายอะไร กูไม่ได้เอาเอง
ทำ ไม่ได้ทำให้ตัวเอง ก็ทำจากเล็ก จนไปก้อนใหญ่ เพื่อจะไปหุ้มพระ แล้วมันเสียหายอะไร

เสียหายหรือเปล่า (ไม่)
เออ กูก็ไม่ได้เอาไปเสพสุข ไปกิน ไปเที่ยวเล่น ไปซื้อเครื่องบินเจท ไปซื้ออะไรนะ อ้ายรถ
คุณมนัส    มายบัค (Maybach)
หลวงปู่    อ้ายมายบัค มาขับ อะไรอย่างนั้น กูไม่ได้ไปทำอย่างนั้นนี่ กูไปทำประโยชน์

พระศาสนา เห็นพระรายงาน มีเป็น 10 ล้าน เงินทองคำเนี่ย ถวายมาบ้าง บางที ไปขายได้

ร้านหนึ่ง ปาโยนกลับมา นะ
อ้ายคนถวายของเก๊ ก็มีนะ แหม กูอยากจะเรียกมันมาตบ แล้วขยี้
ดี เค้าไม่จับกูติดคุกติดตะราง หาว่า เอาของเก๊ไปขาย
คุณมนัส   เอาของเก๊ไปถวาย ถวายของปลอม
หลวงปู่   ใช่ จริ๊ง ถึงได้บอกไง เออ ถวายได้ ของเก๊ แล้วเราก็ไม่รู้ เราก็เอา รวมๆ ไปขาย

เค้าบอก นี่เก๊ เก๊  อู้หู มาเป็นห่อเลย แหม
คุณมนัส    บาปกรรมจริงๆ
หลวงปู่     เออ แล้วอ้ายพวกนี้ มันเกิดชาติหน้า มึงมีผัว ก็ผัวเก๊
คุณมนัส    มีผัว เป็นเก
หลวงปู่    เก๊ เออ มีผัวเก๊, มีลูก ก็ลูกเก๊ๆ ไม่ได้ของจริงหร๊อก มันถวายของเก๊, ทีแรก

เราไม่รู้หร๊อก ถ้าไม่เอาไปขาย ก็ไม่รู้, ไปขาย ถึงได้รู้ว่า ทองยัดไส้ มันเอาไฟเผา ดำเมี่

ยมมาเชียว ทั้งกำไล ทั้งสายสร้อย เยอะมากนะ ไม่ใช่น้อยๆ
แต่ก็ไม่เป็นไรหร็อก มันมีศรัทธา มันก็ได้บุญไปเท่าของเก๊น่ะ
เออ อ้ายใครถวายของจริง ก็ได้ของจริง
แต่หลวงปู่ไม่ได้เอาไปใช้ส่งเดช รู้จักวิธีคิด รู้จักบริหาร ไม่ใช่ให้มันตาย จมปลักอยู่กับที่

แล้วก็ปล่อยให้ปลวกมันกินไปเฉยๆ แล้วไม่ได้ประโยชน์อะไร
เวลา นี่เป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุด ในชีวิตมนุษย์ ไม่มีอะไรเกินเวลา
งั้น ถ้าเข้าใจ ฉลาด รู้จักบริหารเวลา ให้มันเกิดกำไรได้ทุกนาที เป็นดีที่สุด
อย่าไปคิดว่า ตัวเลข เป็นสิ่งที่มีกำไร
ถามว่า วันนี้ ซื้อไว้ ขาดทุนไม๊, ขาดทุน ตอนนี้ขาดทุน ขาดทุนเยอะ เดี๋ยวมันก็ได้กำไร

เค้าบอกว่า ตอนนี้มันยังติดดอยอยู่ เราก็ไม่รู้ มันดอยอะไร อ้ายภาษาของเค้าล่ะนะ เออ

ดอยไม่ดอยไม่รู้ เดี๋ยวกูก็กำไร, ทอง ยังไงมันก็เป็นทอง มันไม่บูด
นี่เล่าให้ฟัง ให้ลูกหลานรู้ว่า วิธีคิดที่จะทำให้บาทหนึ่ง มันกลายเป็นร้อยบาท ล้านบาทอย่างไร

มันต้องมีวิธีคิด  เรื่องไม่ใช่แค่ทองอย่างเดียว เรื่องอื่นๆ ก็ได้ ลูก
เรื่องอื่นๆ ที่มันเข้ามาในชีวิต เราก็มองว่า มันมีคุณค่าแค่ไหน มันได้ประโยชน์อย่างไร มัน

เห็นว่า เราจะสามารถจะบริหารจัดการให้มันมีคุณค่ามากน้อยอย่างไร
อย่างขยะเนี่ย เดี๋ยวนี้ ไม่มีใครกล้าเผาขยะ ถ้าคุณเข้ามา จะเห็นอ้ายถุงพลาสติก ตากกันเป็น

ราวเลยเวลาไม่มีงาน เต็มไปหมด เออ ขายครั้งหนึ่ง ก็หมื่นกว่าบาท, 5 - 6,000

บาท
คุณมนัส    หลวงปู่เคยขอพวกเราด้วย ให้เอามาทิ้งที่นี่
หลวงปู่    เปลี่ยนเป็นเงิน ก็ดีเหมือนกันนะ งั้น รู้จักคิด ลูก, รู้จักหาวิธีคิด, ผักหญ้า ก็

ปลูกเอง ปลูกผักเอง ไม่จำเป็นต้องมีที่เยอะมากมายอักโข มี กระถาง กะละมัง กระป๋อง ปี๊บ

ไปหาดินมาใส่ ไม่มีดิน ก็ไปซื้อดินถุงๆ มา เอาเมล็ดผักโรยๆ ได้กิน
มนุษย์เราเนี่ยนะ วันนั้นดู กรมอนามัยโลก เค้ามาสำรวจพืชผัก ผลไม้แต่ละประเทศ เค้า

บอกว่า ประเทศไทยใช้วัสดุหรือ ยาเคมี ทั่วโลกเนี่ยนะ เป็นอันดับ 4 ของโลก, อันดับ 4

ของโลก นั่นหมายถึงว่า ทั่วโลกเลยเนี่ย อันดับ 4 แล้วอันดับ 1 อยู่ที่ไหน, จีน
แล้วพวกสูเจ้า ไปเอาผักจีนมากิน เฮอะ แล้วมันก็ไม่ตายเร็ว แล้วจะไปตายตอนไหน เออ

แล้ววัสดุที่เราใช้กันอยู่ในประเทศเรา ประเทศจีนเนี่ยนะ กรมอนามัยโลกเค้าห้ามขายใน

ประเทศอื่นๆ บ้านเรายังมีใบอนุญาตให้ขายได้ อ้ายยาฆ่าแมลง อ้ายยาฆ่าหญ้า อะไรทั้ง

หลายเนี่ย ประเทศอื่นๆเค้าไม่มีขายแล้วนะ มีพวกเรายังขายกันหน้าตาเฉย แล้วมันจะ

เหลืออะไร ที่กินๆ เข้าไป ก็ตายเร็ว เดี๋ยวนี้ ตายง่ายมาก เป็นมะเร็ง เป็นแมลง อะไรสารพัด

เป็น อ้ายคนกินผักน่ะ กลับตายง่ายกว่า
เมื่อวานนี้ ไปเผาศพ ได้ไปคุยกับพลคำรวจเอกอะไรที่ดังๆ มีวันนี้เพราะพี่ให้ (คำรณวิทย์)
คุณมนัส    อ๊อ ครับ ไม่เอ่ยนามครับ
หลวงปู่     เออๆ เค้ามาว่านั่งคุยด้วย เค้าบอกว่า หลวงปู่รู้ไม๊ บ้านผมไม่กินหมู ไม่กินไก่

เลย, ถาม อ้าว แล้วกินอะไร กินปลา กินเนื้อ เพราะ เนื้อ นี่ยังไงๆ ก็ไม่ฉีดน้ำยา สารเร่ง

อ้ายหมู อ้ายไก่ โดยเฉพาะ อ้ายปลาทับทิมนะ เค้าบอกว่า พวกนี้มันต้องใช้ยาเร่ง ให้เนื้อ

มันมากๆ แล้วกินเข้าไปเนี่ย อวัยวะภายใน กล้ามเนื้อภายใน มันจะปูด มันจะปาด มันจะ

แข็งแรง มันจะขึ้นเป็นตุ่มเป็นไต อะไรก็แล้วแต่เถอะ อ้ายคนแก่ที่มันขึ้นไม่ได้ มันก็จะไป

ขึ้นผิดที่ผิดทาง กลายเป็นซีส เป็นมะเร็ง เป็นเนื้องอก
เค้าพูด เราก็นั่งฟัง เออ มันก็มีวิธีคิดที่ดีเหมือนกันนะ เค้าบอก เค้าเป็นหมอ เค้าจะมาช่วย

รักษาที่วัด
บอก เออๆ เดี๋ยวๆ จะดูอีกทีแล้วกัน ว่างๆ เค้าว่า เค้าเป็นหมอฝังเข็ม
แต่เล่าให้ฟังว่า อ้ายอาหารการกินที่เรามีอยู่ในโลกปัจจุบัน ในชาติของเรา ในประเทศเรา

มันไม่ได้ปลอดภัย กินผักสดๆ กินอ้ายผักที่มันปลอดสารพิษได้ ไว้วางใจดี ก็ต่อเมื่อเราต้อง

ลงไม้ลงมือปลูกเอง พอปลูกเอง เราก็ไว้ใจที่จะกิน มั่นใจที่จะเก็บ
งั้น มีเวลาว่าง ก็รู้จักบริหารสิ่งเหล่านี้ เอาเรื่องเล็กๆ รอบตัวให้มันเป็นประโยชน์สูงสุด อย่า

ไปมองกลุ่มใหญ่ ก้อนใหญ่ เรื่องใหญ่ๆ เรื่องบางเรื่อง เช่น ผ้าซักทีชะตัว ก็เอารวมกลุ่มกัน

เอามาซักทั้งบ้านพร้อมกัน อย่างนี้ มันก็ประหยัดทั้งแฟ๊บ ประหยัดเวลา ประหยัดไฟ,

ชามเคยล้างทีละใบๆ ก็วางไว้รวมๆ กัน แล้วก็ทีเดียว ล้าง มันก็ประหยัดเวลา ประหยัดแฟ๊บ

ประหยัดไฟ
ใครจะมองว่า ใช้ใบ กินไป ล้างไป, ใช้ใบ กินไป ล้างไป, มันล้างใบ นี่มันเท่ากับใช้น้ำ

ล้าง 10 ใบ
วิธีคิด ต้องคิดให้เป็นน่ะ ลูก รู้จักคิด
หลวงปู่ทำกับข้าวให้ย่าทุกวัน บางทีในตู้มีอะไร กูก็ผสมนู่น ผสมนี่, ย่า นี่ อะไร, เอ้า

ข้าวคลุกกะปิอะไร เสวยโลก กูตั้งของกูเรื่อยเปื่อยไปล่ะ ก็มันมีอะไรในครัว กูก็ทำไปอย่าง

นั้นแหละ ทำให้แกกิน ก็มันไม่เสีย ให้กินอร่อย ก็ใช้ได้ แต่เราไม่ใส่ผงชูรส
งั้นก็ ปัญญาเนี่ย มันเป็นวิธีบริหารชีวิตให้ได้กำไร แล้วจะรวย ร๊วย รวย
คนโง่เนี่ย ให้อยู่ในความร่ำรวย ก็กลายเป็นความขาดทุน
งั้น ที่นี่ เค้าจะสอนปัญญามาก เค้าจะเน้นหนักเรื่อง สติปัญญามากๆ
เพราะ ถ้าคนมีสติปัญญาแล้ว มันจะมองโลกออก มองสังคม มองสิ่งแวดล้อม มองอะไรที่

ควรจะเป็นได้ ควรจะเป็นดี แล้วมันก็จะมีสุขได้
แต่ถ้าไม่มีสติปัญญา อยู่ในกองทอง ก็กลายเป็นมัวหมอง ลูก จบ (สาธุ)
ปุจฉา     เคยตั้งสัจจะเอาไว้ว่า จะไม่ทานเนื้อสัตว์ 3 เดือน แต่ยังไม่ทันครบ ก็ผิดสัจจะแล้ว

ทำไม่ได้ จะตั้งสัจจะใหม่ได้หรือไม่ เทวดาจะโกรธไม๊ ที่ไม่ได้ทำตามที่ตั้งสัจจะเอาไว้
วิสัชนา      ฮืม อย่างนี้ เค้าเรียก เจตอแหล เจตอแหล ทำไมต้อง 3 เดือน, 3 วัน ก็

พ๊อ, 3 วันก็ทำให้ได้เถอะ อย่าถึงกับ 3 เดือน, พอ 3 วันได้แล้ว ก็ขยับมาเป็น 7

วัน, 7 วันได้แล้ว ก็ขยับมาเป็น 10 วัน, 10 วันได้แล้ว ก็ขยับมาเป็น 15 วัน

ทำทีละน้อยๆ ลูก
คนมันไม่ใช่ชั่ว อยู่ดีๆ ออกจากท้องแม่ ชั่ว อ้ายคนจะได้ดี ไม่ใช่อยู่ดีๆ ออกจากท้องแม่

แล้วเป็นดึ เป็นอรหันต์นะ มันต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป
คุณมนัส   เทวดาจะโกรธไม๊ฮะ
หลวงปู่     เทวดาไม่โกรธหรอก เทวดาแค่ค้อนเฉยๆ หมั่นไส้ มึงรับปากแล้วทำไม่ได้

อะไรประมาณนี้ เอาทีละน้อย ลูก ไม่ใช่ไปเอาที เยอะแยะอย่างนี้ มันก็ทำไม่ได้
คุณมนัส     3 วัน, 5 วัน, แล้วหยุดไป 10 วัน แล้วมาเริ่มใหม่ อย่างนี้ได้ไม๊ฮะ
หลวงปู่    ก็ไม่เป็นไร ก็ถือว่า ส่วนที่เราทำได้ เราก็ได้ จบ (สาธุ)
ปุจฉา      มีคนอยากจะร่วมทำบุญร่วมกับเราคนละครึ่ง แต่เค้าลืม ไม่ให้สตางค์เรา เราก็ไม่

กล้าทวง เราจะบาปไม๊
หลวงปู่     อ้าว หมายถึงว่า
คุณมนัส    เราจะเป็นคนผิดไม๊
หลวงปู่      อ๊อ ก็บุญก็ เป็นของเรา
คุณมนัส    เออ จบเลย
หลวงปู่    ไม่เห็นจะมากเรื่องอะไร  (สาธุ)
ปุจฉา       จิตที่ฟุ้งซ่าน คิดแต่เรื่องที่ชวนให้เป็นทุกข์ จะแก้อย่างไร
วัสชนา      ก็อย่าคิด
คุณมนัส   เหตุใดจึงกล่าวว่า แม้ในที่สุด บุญก็ต้องละ
หลวงปู่     ก้เพราะว่า บุญกุศล บุญเนี่ย มันเป็นเหมือนกะได, บุญกับศีล, ศีลกับบุญเนี่ย

มีนเป็นเหมือนกะไดที่จะขึ้นบ้าน เวลาขึ้นบ้าน แล้วต้องแบกกะไดขึ้นไปด้วยไม๊ ต้องแบกไม๊

(ไม่ต้อง) เออ นั่นแหละ เค้าเรียกว่า บุญก็ต้องวาง เมื่อถึงนิพพานแล้ว บุญก็ไม่จำเป็น

ต้องมีแล้ว กะไดก็ไม่จำเป็นต้องใช้ล่ะ จบ (สาธุ)
ปุจฉา    พี่ชายเจอเศียรพระนาคปรก บอกว่า ศักดิ์สิทธิ์มาก จะนำมาถวายหลวงปู่
หลวงปู่     เก็บไว้สิ ลูก
คุณมนัส     จะบาปหรือไม่ เพราะเจอในป่าโดยบังเอิญ แล้วก็ไม่รู้ เป็นของใครด้วย
หลฃวงปู่    มึงเก็บไว้เองเฮอะ กู ของศักดิ์สิทธิ์เต็มวัดไปหมดแล้ว
ปุจฉา    เปลี่ยนชื่อใหม่ แล้วเวลาเอ่ยชื่อทำบุญ ต้องเอ่ยชื่อใหม่หรือชื่อเก่า แล้วพรหม

เทวดาจะจำชื่อไหน ผมก็กล้าถามนะ
วิสัชนา      แต่ชั้นไม่กล้าตอบ เพราะมันปัญญาอ่อนน่ะ
ปุจฉา    เวลานั่งสมาธิ กำหนดจิต ยุบหนอ พองหนอ แล้วมันจะไปหน่วงที่หน้าผาก เป็น

เพราะอะไร
วิสัชนา     อ๊อ แสดงว่า เราไปเพ่งจิต ใช้สมอง คนเรามักจะคุ้นเคยกับสิ่งที่เราคิดเสมอว่า

สมองมันเป็นตัวควบคุมพฤติกรรม ควบคุมกาย แล้วก็ควบคุมจิต ควบคุมความคิดอ่าน เรา

ก็ไปใช้สมองในการกำหนดยุบหนอ พองหนอ ไม่ใช้จิตในการกำหนด ยุบหนอ พองหนอ
งั้น ถ้าจะกำหนด ต้องกำหนดที่ จิต ไม่ใช่ที่สมอง จบ
คุณมนัส    เครียดเกินไป ใช่ไม๊ฮะ
หลวงปู่    ใช่ พวกนี้จะเดินแก้ผ้าในวันข้างหน้า เผื่อ เป็นอรหันต์ไง
ปุจฉา      อย่างไร คือ “การรู้” เมื่อถึงสภาวะรู้ มีการเกิด ดับหรือไม่
วิสัชนา     ทุกคนน่ะ มีธรรมชาติแห่งพุทธะ เค้าเรียกว่า มีท่านผู้รู้ นอน หลับนิ่งอยู่
หน้าที่ของเรา คือ ต้องปลุกให้ท่านผู้รู้ ตื่น แล้วท่านผู้รู้ท่านนั้น เมื่อตื่นแล้ว นั่นคือ

ธรรมชาติรู้ที่แสดงตนออกมา เมื่อธรรมชาติรู้ แสดงตน มันทุกเรื่อง มันก็จะรับรู้
แต่ธรรมชาติรู้ ท่านผู้รู้เราไม่ยอมตื่น แล้วไม่ยอมกระดิกกระเดี้ยว ไม่ขยับไหวติง ก็เพราะ

เรามีเครื่องทับถมท่านผู้รู้ไว้ตลอดเวลา มา ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทาง

จิตใจ แล้วก็เหมือนกับผ้าห่มคลุมไปชั้นหนึ่งๆๆๆ ท่านผู้รู้ก็นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ขยับ

เขยื้อน เราก็ต้องเลิกผ้าห่มขึ้นให้หมด ให้ท่านผู้รู้มีอิสระ
นั่นหมายถึงว่า ต้องอย่ามีพันธนาการทาง ตาเห็น หูฟัง จมูกได้ ลิ้นรับ กายสัมผัส และใจรับ

รู้อารมณ์ ก็ให้รู้เฉพาะเรื่องที่ควรรู้ อะไรที่ไม่ รู้แล้วมันไม่กำไร ก็อย่าไปรู้ รู้แล้วมันเป็นลบ

รู้แล้วมันไม่เป็นประโยชน์ รู้แล้วมันมีแต่โทษ ก็อย่าไปรู้ 
แม้ รู้แล้ว ก็ต้องละ และ วางมัน
งั้น ปัญหาของเราทุกวันนี้ ก็คือ เราคิดว่า ตัวรู้นั้น มันต้องฝึกจากตำรา ฝึกจากครู ฝึกจากคน

อื่น
จริงๆ แล้ว มันอยู่ในตัวเรา แค่เพียงแค่เรากลับมารู้จักตัวเอง มาอยู่กับตัวเอง นั่นแหละ คือ

ท่านผู้รู้ล่ะ
แล้วก็รู้ลมหายใจ ก็ยังหยาบอยู่ ถ้ารู้ให้ลึก ละเอียดกว่าลมหายใจ คือ รู้โครงสร้าง รู้ไขกระดูก

รู้ความเป็นอยู่ของร่างกาย รู้ว่า เรากำลังนั่งอยู่, รู้ว่า กำลังยืนอยู่ อย่างนี้
ฝึก ท่านผู้รู้ ให้คงที่อย่างนี้ จาก 2 นาที, 10 นาที, 100 นาที, หมื่นนาที,

พันนาที อะไรก็แล้วแต่ จนอยู่เป็นปีๆ ก็ถือว่า เราเป็นผู้รู้ ล่ะ จบ (สาธุ)
ปุจฉา      ทำไมจึงมีแต่มนุษย์เท่านั้น ที่ฝึกจิตได้ เราปรารถนาจะเป็นผู้ฝึกจิต แต่เราก็ยังใช้

ชีวิตอยู่ในสังคม จะทำให้จิตที่เราฝึกนั้น ไม่พัฒนา หรือ พัฒนาได้ลำบากหรือไม่
วิสัชนา    เพราะมนุษย์มันมีสิ่งเร้าและเครื่องล่อ ในสิ่งเร้าและเครื่องล่อ มันแบ่งออกเป็น 2

ประเภท คือ สุข กับ ทุกข์
พวกเทวดา ฝึกไม่ได้ หรือ ฝึกยาก เพราะมีแต่สุข ทุกข์ไม่มี
สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรก ก็มีแต่ทุกข์ สุขไม่มี
งั้น มนุษย์ฝึกจิตได้ ก็เพราะมี 2 สิ่ง คือ สุข กับ ทุกข์ เป็นสิ่งเร้าและเครื่องล่อ
สิ่งเร้าและเครื่องล่อ 2 สิ่งนี้ ถ้ามีปัญญา ก็จะเปรียบกันได้ว่า อ้ายที่กูทำอยู่เนี่ย สาเหตุที่

เป็นมา และส่งผลให้เกิดเนี่ย มันมาจากอะไร เรารู้จักวิเคราะห์ได้
แต่เทวดา พอสุขแล้ว ไม่รู้จะไปวิเคราะห์หาอะไร อ้ายคนกำลังสุข จะถามไม๊ว่า เอ๊ะ ทำไม

กูสุขจัง มีไม๊, ไม่มี๊
แม้ที่สุด สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรก มันมีทุกข์เป็นอาหาร ทุกข์อยู่ตลอดเวลา

มันจะรู้ไม๊ว่า ความสุขมีอยู่ในโลก ก็ไม่มีอีกแหละ ไม่รู้ เหมือนกับไปเทศน์ให้คนเมาฟัง

มันก็ไม่รู้จักธรรม
ฉันใดก็ฉันนั้น อ้ายสัตว์นรก มันก็ไม่รู้ว่า ความสุขมีอยู่จริงๆ มันก็ไม่แสวงหาความสุข ไม่

ขวนขวายที่จะพ้นทุกข์
เพราะงั้น มนุษย์นี่ รู้ทั้งสุขก็ได้ รู้ทั้งทุกข์ก็ได้, เมื่อสุขก็รู้ ทุกข์ก็รู้ แล้วก็ต้องรู้จัก ละ ด้วย

เมื่อถึงคราว ทุกข์ก็ต้องละ สุขพอเสพแล้ว ก็ต้องเข้าใจว่า มันไม่ยั่งยืน ไม่จีรัง
สิ่งเหล่านี้แหละ มันเป็นเครื่องที่ทำให้มนุษย์เกิด ตัวรู้ ขึ้น
เป็น ตัวรู้ ที่เกิดจากธรรมชาติ กับ ตัวรู้ ที่เกิดจากการศึกษาสั่งสม
เค้าเรียกว่า สหชาติกปัญญา ปัญญาที่มาจากอดีตชาติ เรียกว่า ตัวรู้ ที่เกิดโดยธรรมชาติ
แล้วก็ ปัญญา ที่เกิดจากการเรียนรู้ ศึกษาสั่งสม นั่นคือ ปัญญาที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน แล้วใช้

มันในการมาจากการอ่าน การฟัง การเขียน การเรียน การลงมือปฏิบัติ
อ้ายตัวปัญญา 2 ตัวนี้แหละ ชาติกปัญญา กับ สหชาติกปัญญา มันเป็นปัญญาที่ทำให้เรา

มีพัฒนาการทางจิตได้ ซึ่งสัตว์นรกไม่มี สัตว์เดรัจฉานไม่มี อสุรกาย เปรต สัมภเวสีไม่มี
ส่วนเทวดา แม้มี ก็ไม่ใช้ ด้วยเหตุผลว่า ไม่รู้จะใช้ไปหาสวรรค์วิมานอะไร เพราะสวรรค์ก็ดี

อยู่แล้ว คือ ความเมาประมาท
งั้น มนุษย์ จึงเป็นเพศที่ฝึกจิตได้ ดีกว่าสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย และเทวดา พรหม จบ

(สาธุ)
ปุจฉา      พ่อเสียไปกว่า 3 ปี แต่ตัวเองยังเป็นห่วงว่า ท่านไปเกิดในสุคติภพ หรือ ทุคติภพ

อยากทราบว่า จะทำอย่างไรจึงจะทราบ เพื่อให้คลายความเป็นห่วงนี้
วิสัชนา      ทำบุญ ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ที่เรียกว่า เปรตพลี ดีที่สุดก็ทำได้แค่นั้น ทำบุญ มี

หลายวิธีมาก มีตั้ง 10 วิธี แล้วหนึ่งใน 10 วิธี ก็อาจจะบวชเนกขัมมะปฏิบัติก็ได้ นั่นก็

เป็นบุญที่เยี่ยมยอด, ฝึกสติ เจริญสมาธิ ทำให้เกิดปัญญา รักษาศีล ฟังธรรม แผ่เมตตา

ทำหน้าที่ถูกต้อง บริจาคทาน
ทั้งหมดนี่ เป็นบุญกิริยาวัตถุ 10 อย่าง ทำให้มันเกิดบุญ แล้วก็อุทิศส่วนกุศล ทำทุกครั้งที่

นึกถึง ก็จะได้สำเร็จประโยชน์ จบ (สาธุ)
คุณมนัส   ผมถามต่อ นะครับ โอกาสที่คุณพ่อท่านผู้นี้ จะกลับมาตอบโจทย์ว่า ไปอยู่ใน

สุคติภพ จะกลับมาเป็นนิมิตบอกได้ไม๊ฮะ
หลวงปู่    เออ เดี๋ยวเจอ จะเรียกให้ ชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน เดี๋ยวบอกไว้ เดี๋ยวเจอ จะเรียกให้
คุณมนัส    อ๋อ เอานะ ผมก็เป็นห่วง
หลวงปู่     ถามยังกับชั้น เป็นมัจจุราช
ปุจฉา      ถ้าเราฟังพระสวด แต่ไม่ได้ยกมือไหว้ จะได้บุญหรือไม่ จะบาปหรือเปล่า
วิสัชนา      เค้าเรียกว่า ไม่มีสัมมาคารวะ
คุณมนัส    จะบาปไม๊
หลวงปู่       บาปไม๊ ไม่ ไม่บาป แต่มันเป็นกรรม อย่างหนึ่ง เรียกว่า ไม่มีสัมมาคารวะ
คารวะ นี่พระพุทธเจ้าทรงกำหนดไว้ พุทธคารวตา ธัมมคารวตา สังฆคารวตา สิกขาคารวตา

อัปปมาทคารวตา ปฏิสันถาคารวตา
เวลาที่พระท่านแสดงธรรม หรือสวด นีก็คือ การแสดงธรรม การประกาศธรรม การส่ง

เสริมพุทธธรรม การยกมือ การพนมมือไหว้ หรือ เวลาท่านมา ลุกรับกราบไหว้ เป็นคา

รวธรรมที่อยู่ในใจ
ก็อย่างที่ เมื่อครู่ ยกตัวอย่างให้ฟังว่า คนที่มันไม่เคยกราบอะไรใคร ใจมันจะกระด้าง จิต

มันจะหยาบ แล้วมันยากต่อการฝึก เหมือนกับวัวที่มันคึก เหมือนกับช้างที่มันเถื่อน เค้าเรียก

ช้างเถื่อน คือ ช้างมันตกมัน เหมือนกับม้าที่มันพยศ มันยากที่จะฝึก จะข่ม จะขี่
แต่มนุษย์ที่ ฝึกกราบ ฝึกไหว้ ศึกษา อบรมจิต ภาวนา อยู่เนืองๆ รักษาศีล แผ่เมตตา สวด

มนต์ภาวนาทุกวัน ใจมันปราณีต จิตมันไม่กระด้าง หยาบ มันละเอียดอ่อน เหมือนกับดินที่

มันนวดจนนิ่ม แล้วพร้อมเอามาปั้น เป็นแจกัน เป็นกระถาง เป็นถ้วยชามรามไหได้อย่างดี

แล้วเผาก็ไม่แตก
ฉันใดก็ฉันนั้นแหละ จิตมนุษย์ มันก็ไม่ต่างกัน
งั้น ถ้าเราคิดว่า การไหว้ การกราบไม่จำเป็น ไม่สำคัญ ชั้นรักษาใจอย่างเดียว
เอาใจอะไรมารักษา ใจหมาๆ หรือ ใจมนุษย์
อ้าว ใจมนุษย์นี่ มันละเมียดละมัย ละเอียดอ่อน
แต่ใจหมาๆ มันก็เป็นใจกระด้าง ใจหยาบไง ใจไม่รู้กาละเทศะ ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีน ไม่

รู้จักคน สัตว์เดรัจฉาน อสุรกาย ไม่รู้อะไร คือ ใจแยกแยะไม่ได้ จบ (สาธุ)
คุณมนัส    ท่านหลวงปู่มีเมตตานะครับ ผมมาถึงหมวดสุดท้าย เป็นเรื่องของสุขภาพ เยอะ

มากครับ ท่านหลวงปู่ ไหว ไม๊ครับ
หลวงปู่     ไหว
คุณมนัส    ไหวนะครับ รวมปุจฉามา เป็นเรื่องของการปวดหลังแทบทั้งสิ้น เรื่อง

ของกระดูกนะครับ
ปุจฉา    ผู้ชาย มีอาการปวดและเสียวที่สันหลัง จะรักษาอย่างไร อีกคนบอกว่า เป็นโรค

กระดูกสันหลัง คลั่นใช่ไม๊ฮะ  เคลื่อน หลวงปู่จะรักษาได้หรือไม่
วิสัชนา    กระดูกสันหลังคลั่ง รักษาไม่ได้
คุณมนัส     แล้วถ้าเคลื่อนล่ะได้
หลวงปู่     เอ้า ถ้าเคลื่อน พอแนะนำได้
คุณมนัส     เอาเคลื่อนก่อนครับ
หลวงปู่     เอาๆ เคลื่อนได้ เคลื่อน เค้าก็ให้ไปดึง
คุณมนัส    ไปดึงนะฮะ
หลวงปู่    ไปดึงข้อ ทิ้งตัว ทิ้งดิ่งเอาไว้  1,2,3,4,5 นับไปเรื่อยๆ จนกระทั่งทนไม่

ได้ แล้วค่อยๆ ปล่อยตัวลงช้าๆ วันหนึ่งซัก 2-3 เที่ยว เช้า กลางวัน เย็น, 3 เวลา
หลวงปู่บางทีบางครั้ง ก็ต้องไปดึง ไปดึงข้อทิ้ง หย่อน ทิ้งดิ่งเอาไว้ มือก็โหนราวไว้ นับ

หายใจเข้าลึกๆ ให้ลมมันผ่านกระดูกสันหลัง หายใจออก ผ่อนคลาย เบาๆ ยาวๆ จิตใจมันสงบ

แล้วก็ทำให้เกิดปราณไปซ่อมแซมกระดูกในส่วนที่สึกหรอ ซัก 5 นาที 3 นาที หรือ นับ

1,2,3,4,5 จนกว่าทนไม่ได้ กล้ามเนื้อทนไม่ได้ ก็ค่อยๆ ปล่อยตัวลง อย่างนี้ก็ได้

ทำทุกวัน แล้วตัวมันจะยืดขึ้น จบ
ส่วนอีกโรคหนึ่ง โรคอะไรนะ
คุณมนัส    ปวดแล้วก็เสียวที่สันหลัง
หลวงปู่      ปวดเสียวสันหลัง ต้องไปดูว่า เราทำอาชีพอะไร บางทีบางครั้ง เรานั่งอาจจะผิดท่า

คนทุกวันนี้ ชอบอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ชอบนั่งเต๊ะท่า หล่อ เอียงไปข้างหนึ่งข้างใด แล้วมัน

ถูกกดอยู่นานๆ ไง
คุณมนัส    นั่งดู ทีวี นานๆ ก็เป็น
หลวงปู่    เออ ใช่ นั่งผิดท่าทุกอย่างน่ะ มันเป็น คือ ต้องฝึก ถ้ามีสติในกาย  เอาเสื้อ เนี่ย

เสื้อที่พิมพ์ให้เนี่ย อ่านไม่ออก ก็ไปต้ม
คุณมนัส    แล้วดื่ม
หลวงปู่    เออ ใช่ มันจะได้สำนึก จบ (สาธุ)
ปุจฉา     คุณแม่ปวดหลังมาก หมอบอกว่า กระดูกพรุน จะมียาหรืออาหารอะไร ที่จะ

บรรเทาอาการได้บ้าง
วิสัชนา    เค้ามียาโรคกระดูกนะ ยาแก้ปวดข้อกระดูก กับยาบำรุงกระดูก แต่กินใหม่ๆ แล้ว

มันจะปวด เลือดลมมันจะวิ่งปรู๊ดปร๊าดๆ มันเหมือนกับจะปวดเพิ่มขึ้น แต่พ้นไปซัก 3 วัน

ก็จะเบาแล้วก็จะหาย จบ (สาธุ)
ปุจฉา     มีอาการเจ็บที่กลางฝ่าเท้า เกิดจากการเหยียบของแข็ง ต้องทายาหลายวันกว่าจะ

หาย แต่ครั้งนี้ มีความรู้สึกวิ่งไปจากทรวงอก ไปที่อาการเจ็บที่ฝ่าเท้า พอจิตรับรู้อาการปวด

ที่ฝ่าเท้า จะมีความรู้สึกวิ่งกลับมาที่ทรวงอก อาการที่เจ็บนั้นหายไป 99.99% อยาก

ทราบว่า มันเป็นอาการอะไร
วิสัชนา     โดนของมั๊ง
คุณมนัส    โดนของเหรอ
หลวงปู่      อืม ของชอบ เอ๊อ บางทีปลายประสาท มันอักเสบก็ได้ อาจจะเป็นเพราะ ปลาย

ประสาทอักเสบ หรือไม่บางครั้ง เรายืน เดิน บางคนนอน นี่นอนไม่รู้ตัวนะ
มีคนไข้บางคน มาหาหลวงปู่ เป็นรองช้ำที่ขาอยู่ข้างหนึ่ง ถามว่า ไปเดินเหยียบอะไร,ไม่ได้

เดินเหยียบอะไร ตื่นเช้าขึ้น มันมาก็เป็น, เคยรู้สึกตัวไม๊ เวลานอนแล้วชันเข่า, อืม ผม

ก็รู้สึกเหมือนกัน, เออ แล้วมันก็เหยียบอยู่ทั้งคืน นอนยกเข่าอยู่ข้างเดียว แล้วก็ส้นก็กด

กับพื้น กดกับพื้นที่นอน ชันเข่าอยู่อย่างนั้น, แล้วถามว่า เป็นนิสัย ถ้าไม่นอนอย่างนี้

แล้วจะนอนไม่หลับ
แล้วคิดดู มันกดไว้ทั้งคืนน่ะ นอนพลิกซ้าย พลิกขวา ก็กด, คือ ตื่นมา ต้องเจอนอนชันเข่า

อ้ายนี่แหละ เค้าเรียกว่า สันดานไม่ดี นอนไม่มีสันดานดีอยู่ในตัว คือ ไม่มีสตินอนไง
คนบางคนนี่ นอนทำร้ายตัวเองนะ นั่งทำร้ายตัวเอง เค้าถึงได้บอกว่า มีสติในกาย กายไม่

ลำบากไง
ลองไปพิจารณาดูพฤติกรรม ยืน เดิน นั่ง นอน ในชีวิตประจำวัน เราทำร้ายตัวเองไม๊,

นั่งทำร้ายตัวเองไม๊, ยืน เดิน บางที ยืนอยู่เนี่ยนะ ยืนตรงๆ มันไม่มาด มันไม่หล่อ ไม่งาม

ต้องเต๊ะท่า เอียงไปซักข้างหนึ่ง
ทีนี้ล่ะ เดินเอียงเป็นอะไรไปเลยล่ะ, จริงๆ ยืนดีๆ ไม่ทำร้ายตัวเอง ก็คือ ให้น้ำหนัก ขา 2

ข้างรับเท่ากัน 50/50 เท่านั้นแหละ เราจะหย่อนขาบ้างบางช่วง แต่นี่วันทั้งวัน ยืนอยู่

อย่างนั้นแหละ มันก็ทำร้ายตัวเอง ทำให้กระดูก 2 ข้าง มันสึกไม่เท่ากัน ทีนี้ ก็ขาสั้นยาว

พอขาสั้นยาว มันก็จะดึงโครงสร้างของสันหลัง ทีนี้ กระดูกสันหลังมันก็จะเอียงไปข้างที่สั้น

แล้วก็ลำบากล่ะทีนี้ ยากล่ะ ต้องสอนให้ไปเสริมส้นเท้าให้สูง รองเท้าให้สูงข้างหนึ่ง ตัวเองก็

ยังเดินเอียงอยู่อีก
งั้น เรื่อง มีสติในกาย กายไม่ลำบาก ฝึกไว้เยอะๆ เถอะ มันไม่เข้าใจ ก็อย่างที่ว่าแหละ
คุณมนัส     ไปต้ม
หลวงปู่      ต้มน้ำซด จบ (สาธุ)
ปุจฉา     สามีเป็นโรคไต ถึงขั้นต้องฟอกเลือดแล้ว แต่หมอให้ตัดสินใจก่อนว่า จะฟอกหรือ

ไม่ อยากทราบว่า มียาอะไรที่จะรักษาโรคไตระยะนี้ได้ หรือไม่
วิสัชนา     ยาบำรุงไต กับน้ำปรับธาตุ น่ะ ลูก คนเค้าเป็นโรคไต เค้ากินแล้ว ค่าของไต มันดี

ขึ้น เค้าไปเช็คมา หมอบอกว่า ค่าของไตดีขึ้น ใช้ยาบำรุงไต กับน้ำปรับธาตุ กินเช้า เย็น เช้า

ขวดหนึ่ง เย็นขวดหนึ่ง กับยาบำรุงไต ครั้งละ 5 เม็ด
ปุจฉา    ปัสสาวะอักเสบ และไตรกรีเซอร์ไลน์สูง ขอคำแนะนำ จะปรับปรุงร่างกายอย่างไร

และทานยาอะไรของหลวงปู่
วิสัชนา     ดื่มน้ำเยอะๆ เช้าตื่นขึ้นมา ให้ดื่มน้ำอุ่น แก้วใหญ่ๆ ซักแก้วหนึ่ง แล้วก็พยายาม

ออกกำลังกาย ดื่มน้ำมากๆ น้ำนี่ เป็นตัวช่วยท่อปัสสาวะให้หยุดการอักเสบได้ดีเยี่ยมกว่า

การใช้ยาชนิดอื่นๆ แต่ถ้าเห็นว่า อาการหนัก จำเป็นต้องใช้ยา ก็มียา แก้กระเพาะปัสสาวะ

อักเสบ กินคู่กับน้ำยาปรับธาตุ จบ (สาธุ)
ปุจฉา     ป่วยเป็นเส้นเลือดงอกในลูกตาข้างขวา คือ งอกขึ้นมาใหม่ ต้องรักษา ด้วยการฉีด

ยาเดือนละ 1 เข็ม ต้องฉีดให้เส้นเลือดฝ่อ 3 เข็ม ถ้าไม่ฝ่อ ต้องฉีดอีก วันนี้จึงไปซื้อยา

บำรุงปลายประสาทตาของหลวงปู่ 3 ห่อ อยากทราบว่า จะช่วยได้หรือไม่
วิสัชนา      ไม่ได้ ยาบำรุงปลายประสาท เป็นยาร้อน ต้องกินยาเย็น อาการที่เป็น ก็คือ เส้น

เลือดในลูกตามันโป่ง เพราะความดันในเส้นเลือดมันมาก วิธีก็คือ ต้องลดความดันด้วยการ

กินยาเย็น วิธีง่ายๆ ก็คือ ไปหาเม็ดแมงลักมาแช่น้ำ ลูก ให้มันพอง แล้วก็ให้หลับตา แล้วก็

พอกไว้ที่เปลือกตา จนกระทั่งมันแห้ง แล้วก็ลอกออก เพื่อลดความดันในลูกตา ถ้าจะกินยา

ก็ควรจะกินยาละลายลิ่มเลือด กับขยายหลอดเลือด ครั้งละ เม็ด เช้า เย็น นั่นแหละ ทำทุกวัน

ก็จะลดอาการปวดบวม แล้วก็เส้นเลือดโป่งได้ จบ (สาธุ)
คุณมนัส    โป๊ะเม็ดแมงลักต้มใช่ไม๊ฮะ
หลวงปู่     ไม่ต้องต้ม เอามาแช่น้ำ มันก็พองล่ะ
คุณมนัส      แช่น้ำ แล้วก็พอง แล้วก็แปะเลย
หลวงปู่    อืม
คุณมนัส     งั้น เอายาปลายประสาทไปคืนได้ไม๊ฮะ แล้วเปลี่ยนเป็นยาลิ่มเลือด เปลี่ยนได้

ใช่ไม๊ฮะหลวงปู่    เปลี่ยนได้
ปุจฉา     ยาละลายลิ่มเลือดของหลวงปู่ ทานแล้วมีผลต่อกระดูก ทำให้กระดูกบางหรือไม่

เป็นคนเลือดจาง และกระดูกบาง
วิสัชนา      อืม คนกระดูกบ้างนี่ ไม่เกี่ยวกับกินยาละลายลิ่มเลือดนะ อ้ายคนกระดูกบางนี่

มันมาจากพันธุกรรมได้เหมือนกันนะ บางทีพ่อแม่ ปู่ย่า ตา ยาย เป็นคนกระดูกเล็ก

กระดูกบาง นี่ก็เป็นได้เหมือนกันนะ บางที ร่างกายเราเสียแคลเซี่ยม ขาดแคลเซี่ยม แล้วก็

เสียเลือดมากๆ ก็อาจจะเป็นได้
ในมุมกลับกัน ถ้าเราไม่เคยเป็นสิ่งเหล่านี้มาเลย แล้วกินยาตัวนี้ แล้วมันเป็น อาจจะมีส่วน งั้น

ต้องวิเคราะห์ให้ดีก่อน ถ้ามันมีส่วนในการกินยา ก็ต้องเลิก ต้องหยุด แต่ถ้าบรรพบุรุษเรา

ครอบครัวเรา ไม่เคยมี เป็น แล้วมากินยาแล้วมันเป็น ก็ต้องหยุด แล้วกลับไปกินยาบำรุง

เลือดแทน เพราะยาบำรุงเลือด จะทำให้กระดูกหนาขึ้น จบ (สาธุ)
ปุจฉา    ตื่นเช้ามา ทำไมชอบมึนศีรษะมาก จะแก้ไขอย่างไร อีกท่านหนึ่ง อายุ 66 ปี

หมอบอกว่า  เป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง จะทานยาชนิดใดของหลวงปู่ได้บ้าง
วิสัชนา    ยาภูมิแพ้ เค้ามีอยู่แล้ว แล้วก็กินยาบำรุงเลือด ยาภูมิแพ้ต้องกินคู่กับยาบำรุงเลือด

กินครั้งละ 5 เม็ด เช้า เย็น
ส่วนตื่นมา แล้วเป็นโรคมึนงงศีรษะ นี่ต้องไปเช็คดูว่า ความดันเราปกติหรือเปล่า เบาหวาน

ลดไม๊ หรือ น้ำตาลมันขึ้นไม๊ ดู 2 สิ่งนี้ก่อน
ถ้าดูแล้ว มันไม่มีปัญหา ตอนกลางคืน นอน เป็นยังไง อากาศในห้องมันถ่ายเทมากพอไม๊ 

หรือว่า มันอุดอู้อยู่กับฝุ่นละออง มีแต่ผงธุลี ไรฝุ่นเต็มไปหมด ในขณะเดียวกัน เรานอน

หลับสนิทไม๊ ท่านอนของเราเป็นยังไง อุ๊ย ต้องดูเยอะแยะมาก คุณมานอนวัดแล้วกัน เอา

โลงมาใบหนึ่ง จบ (สาธุ)
ปุจฉา    สตรี อายุเกิน 60 ปี มีโรคประจำตัวหลายโรค ความดันโลหิตสูง หัวใจ เส้นเลือด

เลี้ยงสมองตีบ ทานยาแผนปัจจุบันนานนับ 10 ปีแล้ว ไตคงแย่  ถ้าจะทานยาบำรุงไต

ของหลวงปู่ จะช่วยให้ไตฟื้นขึ้นหรือไม่
วิสัชนา   ไปหาเฮียร่วมเฮอะ
คุณมนัส    เฮียร่วม, ปอ ล่ะฮะ
หลวงปู่      ร่วมกตัญญู มันเยอะเหลือเกินนี่ ไม่รู้จะรักษาโรคไหนนี่
เอ๊อ อาการอย่างนี้ เคยฟังไก่ขันตอนเช้าไม๊
คุณมนัส    ป้าแดงบอก อยู่ไป ก็รกโลก
หฃวงปู่    ดูสิ ดู พยายามดูตัวเองว่า เรา เริ่มต้นจากอาหารการกินว่า เรากินยังไง  บางที

บางครั้ง โรคที่เป็น มันมาจากวิธีกิน วิธีกิน วิธีนอน วิธีการมีชีวิต มันทำให้เกิดโรค
วิธีจะรักษาโรค หลวงปู่เวลาวิเคราะห์โรคคน จะต้องถาม มีอาชีพอะไร กินนอนอย่างไร

ครอบครัวมีลักษณะอย่างไร สิ่งแวดล้อมเป็นอย่างไร ถ้าเป็นโรคภูมิแพ้ ที่บ้านมีม่านไม๊ มี

พรมไม๊ อากาศถ่ายเทสะดวกไม๊ ต้นไม้เยอะไม๊  ทึบไม๊ มีฝุ่นละอองมากไม๊ บ้านมีอาชีพ

อะไร
ต้องถามก่อน แล้วจึงจะวางยา แล้วก็แนะนำวิธีแก้ไข
งั้น อ้ายโรคเยอะขนาดนี้เนี่ยนะ อายุเท่าไหร่ ไม่ได้บอก
คุณมนัส     เกิน 60 ครับ
หลวงปู่    โอ๊ย อยู่มานานแล้ว กำไรแล้ว เออ เกิน 60 เอาน้ำยาปรับธาตุ กับ ยาแก้โรค

หัวใจ กินก่อน เอารักษาโรคหัวใจให้ได้ก่อน กินยาหัวใจครั้งละ 2 เม็ด
ทุกวันนี้, เมื่อ 2-3 วันนี้ หลวงปู่ถึงขั้นต้องอมยาใต้ลิ้น ดีว่า มียาใต้ลิ้นอม ไม่งั้น แย่

เหมือนกัน มึง ไม่มีโอกาสได้รับกฐินแน่เลย มึงไม่ได้เห็นหน้ากูแน่เลย จุ๊ๆ อย่าไปบอกย่านะ

เดี๋ยวย่า, ต้องอมยาใต้ลิ้นเหมือนกัน เพราะว่า มันชักไม่ไหวเหมือนกันล่ะ แย่ จบ (สาธุ)
ปุจฉา    อยากทราบว่า การต้มใบขี้เหล็ก กับ ดีเกลือ จะต้องใช้สัดส่วนอย่างไร
วิสัชนา     ยาใบขี้เหล็ก ไม่ใช่เป็นยานอนหลับอย่างเดียวนะ ลูก มันเป็นยาขับปัสสาวะด้วย

ใช้พอเพียง พอเหมาะพอสม ก็เป็นยาบำรุงไต
ถ้าใช้ไม่พอเพียง ไม่พอเหมาะพอสม ก็เป็นยา ทำให้ไตเสื่อมเร็ว แล้วก็ตับเป็นขุยง่าย

ทุกอย่างมันมีโทษ มีคุณ โบราณเอาขี้เหล็กมาแกง เค้าต้องทำยังไง (ต้ม) เออ ต้มไม่ใช่

วันเดียวนะมึง ต้มค้างคืนเลย 24 ชั่วโมง แล้วเทน้ำออก ทิ้ง เพราะมันมีสารไซยาไนด์มาก

มันมีสารหนูเจือปนพอสมควร มีกำมะถันก็มาก
 งั้น อย่าไปมองว่า ยาขี้เหล็กเป็นยานะ กินแต่ขี้เหล็กตะพืดนะ ไม่ใช่นะ อย่าเข้าใจอะไรผิด
งั้น คนเป็นน่ะ ให้เค้าทำดีกว่า ไม่รู้ ฟังคนอื่นมา แล้วก็ทำส่งเดช แทนที่จะรอด กลับตายอีก

จบ (สาธุ)
ปุจฉา     อยากทราบว่า ถ้าเราเจอวิกฤตในชีวิตและโรคร้าย ทำให้เราเจอคนดีที่คอยช่วย

เหลือเรา อยากทราบว่า เพราะเหตุใด เขาถึงช่วยเหลือเรา
วิสัชนา     เอ้า ถามกู แล้วกูจะไปถามใครล่ะ ทำไมไม่ถามคนช่วยเล่า เฮ้ย มึงเป็นไง มึงถึง

มาช่วยกู ถามมันซิ อาจจะมึงสวยก็ได้มั๊ง เค้าถึงมาช่วยมึง ถามเค้าสิ ลูก ว่า เออ ทำไมคุณ

ถึงมาช่วยชั้น โดยไม่คิดอะไรเลยเหรอ อ้ายอย่างนี้ มาถามพระ แล้วจะไปรู้เรื่องไม๊เนี่ย
คุณมนัส    แต่มีอยู่คำหนึ่ง หลวงปู่  โลกเราไม่มีอะไร ได้มาฟรีๆ
หลวงปู่      แสดงว่า อีนี่ มันสวยนะ
คุณมนัส    เป็นไปได้ฮะ สันนิษฐานเบื้องต้น
หลวงปู่    สนใจไม๊
คุณมนัส    ไม่ฮะ
หลวงปู่    จบ
คุณมนัส    มีอีก 3 คำถามสุดท้าย ท่านหลวงปู่ครับ
ปุจฉา     ขณะปฏิบัติธรรม ไม่สามารถจับความรู้สึกถึงชีพจรที่ใต้คางได้ ควรทำอย่างไร
วิสัชนา      ถามอีกล่ะ อาทิตย์ที่แล้ว ก็ถามอย่างนี้
คุณมนัส     คำถาม ใช่ไม๊ฮะ
หลวงปู่     เออ ใช่ บอกแล้วว่า ใต้คางจับไม่ได้ ก็มาจับที่ข้อมือก็ได้ ที่ปลายนิ้วมือก็ได้ ที่

ขมับก็ได้ ไม่จำเป็นว่า จะต้องอยู่ที่ใต้คางอย่างเดียว จบ (สาธุ)
ปุจฉา    คู่ครอง คู่บารมี เพื่อจะสร้างบารมีร่วมกัน ทำอย่างไรจึงจะพบ และครองคู่ร่วมกัน

ตลอดไป
วิสัชนา    เน่าสนิทเลย นี่เรื่องอะไร, เรื่องอะไร อีตอแหล เหรอ, เฮ้ย นี่หนังเรื่องอะไร
คุณมนัส    เรื่อง หาคู่
หลวงปู่    คู่กรรม
คุณมนัส    คู่กรรม คู่เวร
หลวงปู่    อ๊อ เค้าถามว่า อะไรนะ
คุณมนัส     จะหาคู่ครองคู่บารมีได้แบบไหน ถึงจะได้คู่ครองและอยู่ด้วยกันแล้วสร้างบารมี
หลวงปู่     ว่างๆ ก็ลองไปตามป่าช้า มีชื่อเขียนไว้เยอะๆ ลองหาดูเฮอะ, ถ้าชื่อถูกใจ ก็เอา

อ้ายคนนั้นแหละ จะไปตอบยังไง กูไม่ใช่ลุงหนวดนะโว้ย
คุณมนัส    ถ้าพระไทยไว้หนวดได้ ก็กลายเป็นโยมหนวดไปล่ะ
หลวงปู่      เอ๊อ จะหาผัว หาเมีย มาถามพระ เวร กรรม กู
พระนะโว้ย ไม่ใช่ สื่อ ภาษาทางใจ เออ ไปหาเอาเถอะ
คุณมนัส    หลวงปู่ วันนี้มีคนทำบุญเยอะ ทำบุญด้วยเงินด้วย แต่จำนวนมันน้อย เค้าจะได้

บุญน้อยตามจำนวนเงินไม๊ฮะ
หลวงปู่     บุญนี่ มันไม่ใช่อยู่ที่จำนวนเงินนะ ลูก แต่มันอยู่ที่จำนวนของจิตใจ
จิตแต่ละดวงๆ ก่อนทำ ขณะทำ หลังจากทำ
จิตกุศล จิตกุศล จิตกุศล
แต่ถ้าจิตกุศล เอ กำลังทำ อืม ดูซิ กูจะประเคน คนนั้นก็มาเบียด คนนี้ก็มาเบียด
เออ อย่างนี้ ได้น้อยล่ะ ลดลงล่ะ
ถ้าก่อนทำ กำลังทำ แล้วก็หลังจากทำ สมบูรณ์แบบ, ได้มากเท่าที่จะมากได้ ที่อานิสงส์

นั้นกำหนดเอาไว้
แต่ถ้าก่อนทำ ตั้งใจ, ขณะทำ ไม่ค่อยเต็มใจ มันอึดอัด มันไม่ค่อยสบาย ผู้คนมัน ขวางหู

ขวางตา, ทำเสร็จแล้วก็มาระแวงสงสัย จะเอาเงินกูไปทำอะไรว้า อะไรอย่างนี้ ถ้าอย่างนี้

อย่าทำเลย เสียเวลาเปล่า
หลวงปู่เนี่ยนะ คนเค้าให้ตังค์มา, เค้าไม่ศรัทธา, ให้เพราะรับปาก เสียไม่ได้, เอาคืน

เลย ห้าแสนบาท ล้านบาท, เงินมึง เอาคืนไป กูไม่เอา กูไม่เอาเงินของคนไม่ศรัทธา
เรื่องจริง นิสัยหลวงปู่ ไม่ใช่เหมือนคนอื่น เห็นเงินเป็นใหญ่ กูเห็นคนเป็นใหญ่
คนทำบุญที่นี่ ต้องศรัทธา ถ้าไม่ศรัทธา ให้มันเป็นร้อยล้าน หมื่นล้าน มานับให้ กูก็ไม่เอามึง

เพราะว่า เราให้เค้าทำ เพื่อให้เค้าได้บุญ ไม่ใช่ให้เค้าทำ เพราะว่าได้ทำ หรือ ได้หน้า ถ้า

อย่างนี้ ไม่เอา
เหมือนกันแหละ อ้ายที่มาทำๆ เป็นเจ้าละ ล้าน, 2 ล้านเนี่ย ก่อนหน้านั้น มันอยากทำ

แต่ว่า มันยังเป็นหนี้, บอกว่า ไม่ต้อง มึงหมดหนี้เมื่อไหร่ มึงค่อยมาทำ, มันจะกี่ล้าน

ก็ไม่เอามึง เพราะว่า กูทำใจไม่ได้กับการที่จะไปเอาเงินของคนที่เค้าเดือดร้อน หรือ เงิน

ของคนที่เค้าไม่ศรัทธา
ให้มันเป็นเงินมากมายมหาศาล ก็ทำใจไม่ได้ ไม่เอา นิสัยหลวงปู่
อย่างนี้ไม่ใช่เรียกว่า คนหยิ่ง แต่ทำหน้าที่ของผู้เป็นสะพานบุญ เป็น อาหุเนยโย เป็น ทักขิ

เนยโย เป็นอัญชลีกะระณีโย เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า
คนมาทำบุญกับเรา ก็แสดงว่า เค้าต้องศรัทธา
ถ้าเค้ามองไม่เห็น หรือว่า เค้าไม่มีศรัทธา แล้วเราจะกลายเป็นเนื้อนาบุญของเค้าได้อย่างไร
งั้น ก็ไม่ควร เค้าจะเสียเงินเปล่า เอาเค้าคืนกลับไป เค้าให้มาแล้วด้วยนา เค้าโอนมา หลวงปู่

บอกพระ เฮ้ย โอนเค้ากลับไป เค้าไม่ศรัทธา เค้าไม่ปรารถนา เค้าไม่ได้อยากได้บุญของเรา

เอาหน้าเฉยๆ
เราไม่เอาของเค้า มึงจะกี่ล้าน กูก็ไม่เอามึง อย่างนี้เป็นต้น
เพราะงั้น นิสัยหลวงปู่ เป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครหลอกใคร
แล้วก็ไม่ชอบหลอกใครด้วย
ไม่ชอบเอาของใครโดยที่เราคิดว่า ของนั้นเค้าจะให้เรา ก็เพราะว่า เค้าเห็นแก่หน้าเรา,ไม่ได้
ต้องเห็นแก่บุญที่เค้าจะได้จากเรา นั่นแหละ ให้, ก็ เอา
นี่คือ วิธีคิดของหลวงปู่ล่ะ ถึงได้บอกไง มึงจะมาทำบุญกี่ร้อยล้าน กี่พัน โอ๊ย ถ้าเป็นวัดอื่นนะ

เมื่อเช้า หลวงปู่มานั่งนึกนะ ป่านนี้ กองยาวแห่กันเต็ม อุ๊ย แต่ละรายเจ้าภาพนี่ ต้องอุ้มขึ้นนั่ง

เตียงแล้ว ก็ตอนหลวงปู่ไปทอดผ้าป่าที่ภาคเหนือน่ะ แหม แทบจะ เรา ก็จู้จี้รำคาญ อะไรวะ

เงินไม่กี่ตังค์ มึงจะมาเอาใจกูอะไรมากมายขนาดนี้ กูให้มึงแค่ 2 แสนบาท
คือ ถ้าเป็นรายอื่น เจ้าอื่นล่ะ โอ้โห เค้าพินอบพิเทา เอาอก เอาใจแทบจะอุ้มขึ้นนั่ง
ที่นี่ มึงอยากมา ก็มา, มึงอยากมา ก็มา, มึงอยากไป ก็ไป, เรื่องของมึง
เออ มีคนเค้าเอาอาหารมาถวาย คนเค้าต้มข้าวต้มมาให้กิน ต้มข้าวต้มมาให้ฉันเช้า
อ้ายห่า ข้าวต้มนี่ มันข้าวต้มค้างคืนนี่หว่า เออ เค้าบอกว่า เค้าต้มไว้ตั้งแต่ตี 3 ตีอะไรเค้าก็

ไม่รู้ล่ะ แล้วเค้ามา ก็ไม่อุ่น ถึงเวลา ก็เอามาให้เราฉัน อ้ายเราก็ฉัน อ้ายห่านี่ ข้าวต้มมันเริ่ม

จะบูดแล้วนะเว้ย
คุณมนัส    แต่เค้าศรัทธานะ หลวงปู่
หลวงปู่      เอ้า ก็ไม่ได้เรียก เสือกมาเอง เอ๊อ กูไม่ใช่ตะเข้นี่ กูกิน
คุณมนัส   เอาคืนไปเดี๋ยวนี้
หลวงปู่      ไม่ใช่เอาคืนอย่างเดียว มึงเอาไปให้มันดู, ไม่ได้เรี๊ยก เสือกมาเอง, มาเอง

ก็ต้องทำดี ไม่ใช่ว่า คือว่า ทำบุญ ก็ต้องทำของดี, ไม่ใช่ทำบุญของไม่ดี แล้วมาทำ ทำไม
เออ เรามีบุญให้ ไม่ใช่มีอย่างอื่นให้มากกว่าบุญ งั้น ตรงไปตรงมาชัดเจน, อ้ายคนเค้ามา

นั่ง, เค้า ฮือ ทำไมไปว่าเค้า แล้วเค้าอุตส่าห์ตั้งใจมา
เอ๊า ก็กูไม่ได้เรียกมา เสือกมา, แล้วเสือกมา ก็ต้องเสือกทำให้ดี, ถ้าทำไม่ดี แล้วมา

ทำทำไม, ทำแล้ว มันเป็นบาป ทำทำไม, ทำทั้งที มึงดูสิ หลวงปู่ให้ของคนน่ะ วันกินเจ

วันสุดท้าย เห็นไม๊ ขนาดแจกของไม่ดี ยังด่าเลย, อ้ายคนรับแจก มันน่าจะด่าเรานะ,

เราน่ะคนแจก กลับต้องด่าอ้ายคนที่เอาของมาให้เราแจก เพราะเราถือว่า อ้ายของที่จะให้คน

เนี่ย มันต้องดี ถ้าไม่ดีเอาไปให้เค้า ก็เท่ากับว่า มันเหลือเดน, ของเหลือเดน ได้มา ชาติ

หน้าภพใด ก็จะเจอแต่ของเหลือเดนทั้งนั้น คือ กว่าจะถึงเรา ก็เหลือกินแล้ว เหลือเลือกแล้ว,

ไม่เอาๆ อย่างนั้นไม่เอา
กูยอมลำบากชาตินี้ แต่ชาติหน้ากูไม่ลำบากกว่านี้แล้ว
เออ ต้องให้ของดีๆ, ของเหลือเดน ของทิ้ง ของมีตำหนิ ของไม่ดี ของมีปัญหา เราไม่ให้เค้า

ต้องเอาของดีๆ คัดของดีๆ
พระที่แจกวันนี้เนี่ย อันไหนที่เป็นเหรียญที่ชำรุด เนี่ยนะ ปกติ ก็จะจารแต่ชื่อ พุทธะอิสระ

แต่ถ้าเหรียญอันไหนชำรุดน่ะ เขียนมากขึ้นกว่าเก่าอีก ร่ำรวย รุ่งเรือง โชคดี
งั้นใครได้เหรียญชำรุดไป ไม่ใช่ไม่ดีนะ กลับดีกว่าอ้ายเหรียญดีๆ อีก
คุณมนัส    เปิดดูซะ เร็ว
หลวงปู่     เออ กลับดีกว่าอ้ายเหรียญดีๆ อีก อ้ายเหรียญดี เขียนแต่ชื่อ แต่อ้ายเหรียญที่

ชำรุด มีบิดมีเบี้ยวน่ะ จะทิ้ง ก็เสียดายไง ก็เลยเขียนให้มันดีๆ ซะเลย เขียนซะตั้งหลาย

บรรทัด
คนรับไป เค้าจะได้ไม่ตะขิด โอ้โห นี่ วิเศษโว้ย
คุณมนัส    มีจำนวนจำกัด
หลวงปู่     เออ มีจำนวนจำกัด
คุณมนัส    หลวงปู่ ผมปุจฉาต่อยอดแล้วกัน
หลวงปู่    ว่า
คุณมนัส    อย่างพวกญาติโยม เวลาเราทำบุญกับหลวงปู่ ทำบุญกับวัด กับหลวงปู่ เวลาให้

ทานเทศกาลเจ อย่างนี้ ให้ทานคนยากจน อานิสงส์ มันเท่ากันไม๊ฮะ
หลวงปู่    คือ พวกเราทำบุญให้หลวงปู่น่ะ เราได้บุญล่ะ ได้เต็มที่ล่ะ แต่หลวงปู่เอาบุญของเรา

ไปทำให้มันเพิ่มขึ้น บุญอันนั้น มันก็จะย้อนกลับไปหาเราอีก เพิ่มเป็นพันเท่า เป็นหมื่นทวี

(สาธุ)
แต่ถ้าเอาบุญอันนั้น ดันมาซื้อมายบัค ซื้ออ้ายเครื่องบินเจท ซื้ออ้ายเจทสกี อ้ายอย่างนั้นน่ะ

อัปรีย์ ไม่ได้อะไรหรอก ไม่ได้ดี แล้วชีวิตกู ทำอย่างนั้นไม่เป็น อย่าว่าแต่จะไปซื้อ

อ้ายอย่างนั้นเลย  เงินโยม เนี่ย ยังไม่เคยให้เลย ลองไปถามซิ เคยให้ไม๊ หลวงปู่ไม่เคยให้

ตังค์โยมนะ เพราะถือว่า เราไม่รู้จะเอาตังค์ใครมาให้ ในตังค์เหล่านั้น ก็คือ ของชาวบ้านทั้ง

หมด ไม่ใช่ของเราโดยลำพัง
ถ้ามีคนอย่าง เออ อ้ายจิโรจน์มันอยู่ หรือลูกอ้ายจิโรจน์ มันให้พิเศษ อั่งเปา ว่า ผมถวาย

หลวงปู่  แล้วแต่ใช้ เออ ถ้าอย่างนั้นน่ะ ให้ แต่อ้ายคนที่ใส่บาตรมาทุกวันๆ โยมจะใช้เงิน ไม่

เอา ไม่ให้
ไม่ให้ เพราะถือว่า ไม่ใช่เงินของเรา เดี๋ยวโยมจะต้องไปเป็นหนี้ ใช้หนี้เค้า เราเป็นผู้ให้ ก็จะ

ต้องตะขิดตะขวงใจว่า เอาเงินชาวบ้าน มาเลี้ยงญาติ ไม่ถูกต้อง
ญาติป่วย ยังไม่เอาเงินชาวบ้านไปรักษาเลย เพราะกลัวว่า เดี๋ยวย่า จะเป็นหนี้เค้า ไม่อยาก

ให้ใช้หนี้ หนี้ข้าภพข้ามชาติ ไม่จบสิ้น
คือ ต้องคิดเป็น ลูก วิธีบริหารจัดการทรัพย์สิน ไม่ใช่ว่า อยู่ดีๆ เออ เงิน ชาวบ้านเค้าร่ำรวย

แล้วเอามาให้เรา กองพะเนินเทินทึก ใช้อะไรตามอำเภอน้ำใจ
ไม่มีหร๊อก คนมาขายของให้วัดเนี่ย มันพูดกันทุกคนแหละ มาวัดไหน,วัดอ้อน้อย, อู้หู

เขี้ยวฉิบหายเลยเว้ย, ต่อแล้วต่ออีก, ต่อแล้วทำสัญญาด้วย, ทำสัญญาแล้วยังไม่พอ

ยังปรับอีก
เออ ก็ให้เงินชาวบ้าน มันมีมูลค่า
งั้น ถามว่า หลวงปู่เอาเงินของพวกเรา ที่ให้หลวงปู่ไปทำทานต่อๆ กันไป
1. ก็คือ สงเคราะห์ประโยชน์ สงเคราะห์สรรพสัตว์
2. ก็คือ ได้บำเพ็ญบารมีในโพธิธรรมของเรา
3. ก็คือ ได้สงเคราะห์กับผู้เป็นเจ้าของทาน ว่า ทานนั้นก็จะมีผลเป็นบวก สืบ

เนื่องเป็นทวีคูณเรื่อยไป เพราะเค้ากิน ทุกครั้งที่ได้จากเงินของเราที่ให้ทาน ทุกครั้งทุกคำ

กลืน ก็เป็นบุญของผู้ให้, ไม่ใช่ของหลวงปู่ เป็นของผู้ให้ทั้งนั้น  จบ(สาธุ)
คุณมนัส    เป็นปุจฉาปิดท้าย ถามว่า ลูกหลานที่มาปฏิบัติธรรมที่วัดอ้อน้อย อยากจะ

แสดงออกถึงความรัก ความเคารพ ความศรัทธา ความนับถือ ในตัวของหลวงปู่ เราควรจะ

แสดงออกซึ่งความรู้สึกนี้ อย่างไร และคุณสมบัติของลูกหลานองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ ที่ดี

พร้อม ควรจะมีลักษณะอย่างไร
หลวงปู่      ไม่มาก ลูก, ไม่ยาก, พึ่งตัวเองให้ได้ แล้วก็เป็นที่พึ่งของคนอื่นได้
เท่านี้ ก็เป็นลูกหลานที่วิเศษล่ะ แล้วก็ ถ้าคิดจะมาอยู่อาศัยที่นี่ หรือ มาปฏิบัติธรรม ต้องการ

แสดงเอกลักษณ์ สัญลักษณ์ ก็ ปราบพยศ ลดมานะ ละทิฏฐิ ดำรงค์สติ ดำริเป็นสัมมา
พรรษานี้ ไล่ไปซะหลายตัว ต้องเรียกว่า เป็นตัว ไม่ใช่ เป็นคน
เพราะอยู่แล้ว ปากไม่สร้างสวรรค์ ดันสร้างนรก เที่ยวไปนินทาคนนู้น  ยุแยงคนนี้ ไปจาบ

จ้วงคนโน้น นินทาพระเณร อะไรไม่รู้ มั่วไปหมด
มีวัดให้อยู่ มีที่ให้นอน มีข้าวให้กิน แทนที่จะแสวงหาบุญใส่ตัว ดันไปหาบาปใส่ตัว อ้ายคน

บาปๆ อย่างนี้ อยู่กับหมา หมาก็เห่า, อยู่กับควาย ควายก็โง่, อยู่กับควาย ควายก็บ่น

ควายพูดมากอีก
พวกนี้ตายไป เป็นผี นี่เค้าก็ไม่ให้เอาลงดินนะ
ถ้าลงดิน ปลูกพืชก็กลายเป็นพืชตอแหล
ทิ้งลงน้ำ ก็ปลาทะเลาะกัน
เออ เอ้า จริงๆ เค้าเรียกว่า คนต้องธรณีสาร คนต้องคำสาป เพราะมีปากคอยทิ่มแทง คอย

นินทาชาวบ้าน เออ เตือนแล้ว หลวงปู่เป็นคนที่ไม่ค่อยยุ่งกับพวกที่มาอยู่วัด แต่ถ้ามายุ่ง

เมื่อไหร่ล่ะก็ เป็นเรื่องเมื่อนั้นล่ะ เพราะว่า เตือนแล้วครั้งสองครั้ง เป็นคนที่ไม่ใช่เตือนครั้ง

เดียว ครั้งที่ 1, ครั้งที่ 2 ถ้าครั้งที่ 3 ล่ะ เอาล่ะ เตรียมตัวได้ เพราะ ไม่ชอบ
คือ จริงๆ วันนั้น ไปงานศพอีอ้วน ก็ว่า จะเรียกอีนึกมาเตือนว่า อีอ้วนมันไม่ตายหรอก ถ้า

มันอยู่ที่นี่ แต่ที่มันตายก็เพราะมึงชวนมันไปเล่นไพ่ เออ มันถึงตาย
อ้ายคนทำดีวัดนี้ ไม่ตายหรอก ลูก อ้ายที่มันตาย ก็เพราะมันทำไม่ดี
อืม แต่เราก็มองในส่วนที่ดีของเค้า ดีของเค้า ก็คือ เค้าช่วยสงเคราะห์ อนุเคราะห์ ทำอาหาร

เลี้ยงพระ
เณร เออ ก็รักษามันไป หมดไปตั้งล้านกว่าบาทนะ ก็ไม่ได้ไปเล่าอะไรให้ใครฟัง ถือว่า เรา

ก็ใช้หนี้มัน ที่มันเป็นประโยชน์ต่อพระศาสนาส่วนหนึ่ง ถ้าเป็นคนอื่น เค้าปล่อยตายตั้งแต่

วันแรกแล้ว
เออ มันก็ดี พอออกพรรษาปุ๊บ มันรีบตายเลย
หลวงปู่ เป็นคนที่รู้บุญคุณคน สำนึกบุญคุณคน แล้วรู้จักหาวิธีตอบแทน ถ้ามีโอกาส  
แต่อ้ายคนที่กะเลว กะลาด ก็จะต้องหาวิธีตอบแทน อย่างสาสม เพราะว่า ไม่ควร
หลวงปู่ ไม่ใช่เป็นพระ เอาใจคน นิสัยหลวงปู่ ถ้าถามว่า วันเกิด อยากได้ของขวัญอะไร
กูอยากไปนอนในป่า ปักกลด ไปอยู่คนเดียวสบายๆ แล้วก็รอบๆ ข้าง ไม่มีอะไร
นั่นคือ ของขวัญ
แล้วกูก็ฝันอย่างนี้มาตลอด ปีนี้ กูจะได้ไปป่าไม๊ว้า
ไม่ได้อยากเลยนะ อ้ายที่อยู่ ทุกวันนี้นะ อ้ายช่วงวันเกิดตัวเองน่ะ ทนอยู่นะ ไม่ได้สมัครใจ

อยู่นะ เพราะอยู่ เพราะต้องการสงเคราะห์ เกื้อกูล ช่วยเหลือ อุปถัมภ์บำรุง
เออ เราอยู่ ลูกหลานก็ยังได้มาทำบุญ มันยังได้มาทำดี ทำคุณงามความดี ระลึกถึงครูบา

อาจารย์
แต่ถ้าเราไปซะ หาความสุขลำพังตัวเอง อยู่แต่ในป่าเขาลำเนาไพร เราก็ได้แต่ประโยชน์ตัว

เอง
กูฝัน เมื่อคืน กูยังฝันเลย มีอาคันตุกะแปลกหน้ามาถาม วันเกิดปีนี้ จะไปไหน
กูจะไปไหนกะเค้าได้ เดี๋ยว ก็แว๊บ เดี๋ยวหาวิธีแว๊บไปซัก 10 วัน 5 วัน แล้วก็ต้องออก

มาอีกแล้ว
งั้น ถ้าถามหลวงปู่ว่า ของขวัญที่วิเศษ แล้วอยากได้
อู๊ย เข้าป่า มีกลดคันหนึ่ง บาตรใบ สบายๆ นอนอยู่ชายน้ำ น้ำตกไหล สัตว์เลื้อย หมาเห่า

อะไรก็ว่าไป ไม่ต้องไปคุยกับคน ความฝัน จบ
มึงจะให้กูไม๊ล่ะ หา กูว่า มึงก็ไม่ให้อยู่ดี
คุณมนัส     เดี๋ยวก็ ไปด้วย ตามไปด้วย ได้ไม๊ฮะ
หลวงปู่   เฮอ ไปอยู่ในป่า แล้วจะตามไปได้ยังไง๊
คุณมนัส    ที่ทองผาภูมิ บอกว่า มีกำหนดการจะมีบวชเนกขัมมะตั้ง 10 กว่าวัน ใช่ไม๊ฮะ
หลวงปู่    นี่ไง พระเค้าบวชเดือนหนึ่ง ใครสมัครบวช ก็ตั้งแต่วันที่ เท่าไหร่ล่ะ หา, วันที่,

เค้าเริ่มรับสมัครบวชแล้วนี่ เค้าเริ่มบวชตั้วแต่วันที่เท่าไหร่, วันที่ 1 ธันวาฯ มั๊ง
คุณมนัส      บวชถวายพระราชกุศล เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1 ที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 18

พฤศจิกายนครับ มีพิธีอุปสมบท วันที่ 2 ธันวาคม
หลวงปู่      เออ
คุณมนัส    ครับ แล้วก็วันที่ 5 ธันวาคม มีการเจริญพระพุทธมนต์เช้า....ภาคค่ำ มี

พิธีแจกมหาทาน 3,000 ครอบครัว.....
หลวงปู่       อืม ทั้งหมดเนี่ย ไม่ว่าจะเป็นงานวันเฉลิมฯ เดี๋ยววันเด็ก ก็ต้องเลี้ยงเด็กเป็น

หมื่นคน ปีนี้วันเด็กก็เลื่อนมาเป็นช่วง 3 - 4 โมงเย็น จนถึง 3 ทุ่ม เย็นๆ แดดร่มลม

ตกหน่อย เปลี่ยนเวลาบ้าง พวกเราก็มีอาหารการกิน ก็มาตั้งบู๊ทเลี้ยงเด็กๆ
ทั้งหลายทั้งปวงนี่เค้าเรียกว่า เป็นอะไร เป็นการสงเคราะห์โลก เป็นการสงเคราะห์ เหมือนที่

หลวงปู่ไปเทศน์ที่วัดสังฆทาน ถ้าลำพังท่านอาจารย์สนองแก ลำพังเป็นคนเห็นแก่ตัว กุฏิ

หลังหนึ่ง บาตรใบหนึ่ง กลดคันหนึ่ง ก็อยู่ได้แล้ว ไม่ต้องสร้างอะไรเยอะแยะ
แต่ที่แกต้องสร้างอะไรเยอะๆ แยะๆ นั่นก็เพราะว่า แกไม่เห็นแก่ตัว, ไม่เห็นแก่ตัว แกก็

เลยต้องสร้างเยอะ เพราะเห็นกับคนนั้นคนนี้ อะไรเรื่อยเปื่อยไป
แต่หลวงปู่ไม่ใช่เป็นคนบ้าสร้าง ถ้าพูดถึงเรื่องสร้าง คงจะทำได้ไม่เหมือนกับท่านวัด

สังฆทานเค้าทำ แต่ทำได้เท่าที่ความจำเป็นมันจะให้ทำ ทำเฉพาะที่มันจะสงเคราะห์โลก

สงเคราะห์แผ่นดิน
ที่ต้องการทำพระใหญ่ ก็เพราะต้องการสงเคราะห์แผ่นดิน
ทำโรงเจ ก็ต้องการสงเคราะห์โลก สงเคราะห์เทวดา
ทำวัด ก็เพราะต้องการสงเคราะห์พระศาสนา
ก็สงเคราะห์ครบแล้ว หมดกระบวนการสงเคราะห์ล่ะ โรงเจ วัด พระใหญ่
ก็เหลือแต่สงเคราะห์ผู้คน สรรพสัตว์ อนุเคราะห์กันตามเหตุตามปัจจัย
แต่ทั้งหลายทั้งปวงเนี่ย ถามว่า หลวงปู่ได้อะไร ก็ได้สั่งสมบารมี คิดว่า นี่เป็นหน้าที่ เป็น

บารมีที่ต้องสั่งสม ต้องอบรม ต้องทำให้เจริญ เพื่อหวังพระโพธิญาณในอนาคตกาล ก็ต้องทำ
จะไปขี้เกียจ สันหลังยาว ไม่ทำ ไม่ได้
ทุกวันนี้ ยังไม่ตรุษจีนน่ะ ตกเย็น เข้าห้อง ก็ต้องไปนั่งจารแบงค์ล่ะ ถ้าขืนไปรอตรุษจีนจาร

ปีใหม่จาร ไม่ทันล่ะ เนี่ย จารมาตั้งเป็นเดือนแล้วเนี่ย เขียนทุกวัน จนต้องอมยาใต้ลิ้น จาร

แบงค์ จารพระ อะไรเรื่อย กลางวันก็คุมงาน ทำงานไป ทำเท่าที่ทำได้
กลับมาจากไหน ก็ ตกเย็นก็ ต้องวิ่งเข้าบ้านย่า ทำกับข้าว เลี้ยงแม่ ต้องทุกวัน
เพราะเราทำ แกก็กินข้าวได้มาก เราไม่อยู่ แกก็ชะเง้อรอ เออ บางวันแกก็ เราก็ต้องคอยพูด

พูดให้แกกระตือรือร้น พูดให้แก คือ คนอายุมากๆ สังเกตดูเถอะ มันขึ้นกับตะวัน ถ้าช่วง

ตะวันหลุบลู่ๆ เค้าเรียก ผีตากผ้าอ้อม ความจำมันจะหาย มันจะหายเป็นช่วงๆ เราก็ต้องคอย

ชวนคุย คอยเรียก คอยคุย คอยทำให้หัวเราะ ให้สมองได้ทำงาน ให้ความจำ ให้สติมันกลับ

มา
แล้วก็ช่วงหิว ช่วงหิว ก็ความจำก็จะหาย อายุคน 80 กว่าแล้ว ลูก จะ 84- 85 แล้วก็

ต้องมีเหตุปัจจัย ก็ต้องหาวิธีบำบัด ดูแล รักษา
คุณมนัส     ท่านหลวงปู่ครับ ช่วงวันที่ 6-14 ธันวาฯ พระที่บวชถวายพระราชกุศลจะ

ไปธุดงค์ที่ศูนย์ธรรมชาติบำบัดที่ทองผาภูมิ กาญจนบุรี ถ้าผู้ปกครองประสงค์จะไป เหมาะ

สมไม๊ครับ
หลวงปู่    ก็พึ่งตัวเองได้ ลูก ไป ให้พึ่งตัวเองให้ได้แล้วกัน มีเครื่องนอน เครื่องอะไร ไปได้

มีเต๊นท์ มีอะไร เค้ามีที่ปักกลด เนื้อที่ตั้ง 40 ไร่ ริมน้ำ ไปหาที่ปักเฮอะ ระวังนะ ผีดุ อ้าว

จริ๊ง พระ, เจ้า นี่โดนกันมาเป็นแถวๆ
คุณมนัส      รุ่นปลุกผี เหรอครับ ที่เค้าพูดกัน
หลวงปู่     มันเสียวดี รู้สึกเสียวดี มันได้อารมณ์ดี ได้บรรยากาศ
คุณมนัส     ปิดท้ายนะครับ สนทนาธรรมกับท่านหลวงปู่พุทธะอิสระ ท่านได้เมตตาเรามา

ตลอด 2 ชั่วโมงกว่า เกือบ 2 ชั่วโมงครึ่งนะครับ ก็วันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ ท่านหลวง

ปู่ครับ เชิญชวนอีกสักครั้ง ครับ
หลวงปู่     ไปที่โรงพยาบาลศิริราช ลูกหลานทุกคนที่รักในหลวง รักพระราชินี รักแผ่นดิน

รักสถาบัน และเห็นคุณอันประเสริฐของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนาง

เจ้าพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์แห่งราชวงศ์จักรี ที่มีคุณต่อปวงชนชาวไทย

และแผ่นดินสยาม อยากให้ทุกคนที่รับฟัง รับชมรายการนี้ได้ รู้แล้วก็ดี ฟังได้ยินก็ดี ช่วย

เชิญชวนกัน ชักจูงกัน พาสมัครพรรคพวกไปพร้อมกันที่โรงพยาบาลศิริราช วันที่ เท่าไหร่

นะ
คุณมนัส      วันที่ 17 พฤศจิกายน
หลวงปู่     คือ วันเสาร์ พูดง่ายๆ คือ สัปดาห์ที่ 3, วันเสาร์ที่ 3 ของเดือน เวลา บ่าย 1

โมงตรง เครื่องไม้เครื่องมือที่จะไปสาธยาย ก็ไม่ต้อง เดี๋ยวการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเค้าสนับสนุน

เค้านำเอา Sheet เจริญพระพุทธมนต์ไป พวกเราก็ไปแสดงความจงรักภักดี แสดง

ความดีให้เป็นที่ประจักษ์
คนทุกคนน่ะ รักพ่อ รักแม่ รักในหลวง รักพระราชินี รักแผ่นดิน แต่อ้ายความรักของพวก

เรา อย่ามันลึกเกินไป ที่ยากต่อการที่ใครเค้าจะคาดเดา หรือว่า คำนวณ สัมพันธ์ สัมผัสได้

ยากมาก ให้มันได้แสดงออกมามากๆ คือ ความดีงาม นี่ไม่ต้องอาย ทำไปเฮอะ
หลวงปู่น่ะ ไม่กระดากอายหรอก มีคนเค้ามาบอก พวกนางสนองพระโอษฐ์ ตอนเวลาเอา

สตางค์ไปถวาย เค้าก็บอกว่า ไปนั่ง เกรงใจ กลัวเป็นบาป หลวงปู่มานั่งต่ำๆ สวดมนต์กับพื้น
กูไม่ได้ไหว้คนเดินนี่ กูไหว้พระพุทธเจ้า เออ นั่งต่ำ นั่งสูง ไม่สำคัญ เพราะพระอยู่ในใจ

ไหว้ยังไงก็ได้ กูกราบ คนเดินผ่านไปผ่านมา กูก็ไม่ได้ไปกราบคน กูกราบพระข้างหน้ากู

จิตใจเราก็อยู่กับพระ ไม่ได้อยู่กับคนที่เดินไปเดินมา หรือ นั่งต่ำ นั่งสูง
งั้น ไม่อาย ทำดีแล้วไม่ต้องอาย ลูก เออ ทำดีให้เป็นที่ประจักษ์ ให้แผ่นดินได้รับรู้ ได้รับ

ทราบว่า เรายังจงรักภักดี เรายังเทิดทูน ยังยกย่อง ยังบูชาทั้ง 2 พระองค์อยู่ ทั้งสถาบัน

ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยังเป็นความสำคัญ เป็นเอกลักษณ์ สัญลักษณ์ของประเทศชาติ
ถ้าเราไม่ทำ วันข้างหน้า ลูกหลานเราจะทำไม่เป็น แล้วสุดท้าย มันจะลืม แล้วก็ทำไม่ถูก

เหมือนๆ กับที่ปู่ย่าตายาย เรา ถ้าไม่ชวนเราไหว้พระ ถึงวันนี้ เราคงกราบพระไม่เป็น ไหว้

พระไม่ถูก ไหว้เจ้าก็ไม่รู้จุดธูปกี่ดอก เที่ยวได้ไล่ถามกันไปทั่ว ตรงนี้ กี่ดอก ตรงนู้นกี่ดอก

อย่างนี้เป็นต้น
งั้น สรุปแล้วก็คือ เราต้องทำต้นแบบ เยี่ยงอย่าง และริ้วรอยอันงดงามของมนุษยชาติ เพื่อ

ผ่องถ่ายให้ลูกหลานและอนุชนคนชั้นหลังๆ ได้รับรู้ เค้าจะได้รับมรดกทางวิธีธรรม วิถีชีวิต

วิถีไทยของเรา เพื่อจะได้ทำหน้าที่สืบไป
ขอเชิญชวนทุกคน เวลาวันเสาร์ที่ 3 ของเดือน เวลาบ่าย 1 โมง ที่ลานพระบรมราชานุ

เสาวรีย์ ศิริราชของสมเด็จพระบิดา ที่ศิริราชร้อยปี เวลาบ่ายโมงพร้อมกัน เพื่อเจริญพระ

พุทธมนต์ถวายพระราชกุศล
ปีนี้ ถ้าได้ปัจจัยมา ก็ว่าจะยกให้เป็นกองทุนของโรงพยาบาลศิริราช เพื่อสงเคราะห์ผู้ป่วย

อนาถา เพราะว่า เค้าก็ยังขาดแคลนอยู่เยอะมาก คุยกับหมอ คนเข้ามาวันหนึ่ง ตกร่วม

30,000 คน เค้าว่า ใช้เงินมาก กับการที่จะสงเคราะห์คนป่วย คนอนาถา
คุณมนัส    วันเสาร์ที่ 17 นี้ เป็นครั้งที่ 10 แล้วนะครับ แล้วก็วันเสาร์ของเดือนธันวาคม

จะเป็นครั้งที่ 11 เหมือนยอดกฐินเลย 11,091,277 บาท ยังไม่ได้สุทธินะครับ

แล้วก็เชื่อว่า ตอนนี้ 15.15 นาที .....ขอพวกเราได้เปล่งสาธุการ เป็นการกราบ

นมัสการท่านหลวงปู่ที่ท่านได้เมตตาให้ความรู้กับพวกเรา สามารถนำไปต่อยอดประยุกต์ใช้

ได้ในชีวิตประจำวันหลังจากก้าวเท้าออกจากวันอ้อน้อยไปแล้ว พวกเราเปล่งสาธุการพร้อม

กันครับ (สาธุ)
หลวงปู่      ให้ทุกท่านที่รับชมรายการปุจฉา วิสัชนา จงรุ่งเรือง เจริญ ด้วยพุทธิปัญญาของ

พระผู้มีพระภาคเจ้า คิดและหวังสิ่งใด ขอจงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จ และสมปรารถนาทุก

ท่าน ทุกคนเทอญ (สาธุ)
พอแล้วมั๊ง นะ กูเหนื่อยแล้วนะ เลิกเฮอะไปเฮอะ วันนี้ ชักดาบเว้ย เบี้ยว, 3 โมงแล้ว กู

เพลียแล้ว ไปเฮอะ บ้านมึง กลับบ้าน กราบลาพระ
เอ้า กรวดนี้ก่อน ลูก แผ่เมตตา
ไม่ไหวๆ
(กราบ)
อ้าว มึงได้ของหรือยัง (ยังครับ)
เออ ใครยังไม่ได้ของ ลูก อ้ายพวกแม่ครัว โรงครัว โรงอาหาร พวกซุ้มอาหาร มา
อ้ายนี่ มันมาทุกปี เอ้ย เดี๋ยววันเด็ก อย่าลืมนะเว้ย หมื่นกว่าคน อะไรก็เรื่องของมึงเฮอะ เออ

ปีที่แล้ว กูทำก๋วยเตี๋ยวพะโล้ ตั้งหมื่นสองพันชาม
อ้ายนั่น มีผมนะ ระวังจะร่วง เดี๋ยว ผมหล่น
ขอบใจ ลูก
เออ วันเด็ก ตอนเย็นนะ ปีนี้เค้าเริ่ม 4 โมงเย็น มึงต้องมาตอนเที่ยงแหละ มาเตรียมงาน

เออ ข้างหน้าถนนน่ะ ลูก
เอาถาด เอาอะไรมาใส่ตังค์ พานนั่นน่ะ
(หลวงปู่แจกของที่ระลึกต่อสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับ)
ร่วงกันให้เป็นแถว เดี๋ยว เส้นผมกูร่วง ถูกเค้าเหยียบ ก็เป็นบาปอีก
...............
(ผู้ชายคนหนึ่งเข้าแถว เข้าไปก้มหน้าจะรับของที่ระลึก ท่านไม่ยื่นของที่ระลึกให้) บอกว่า

ไป, มึงตาย กูก็ยังจำกระดูกมึงได้
...................
อ้ายยานี่ มันยาแก้ไข้นะ ลูก ถ้าคนเป็นไข้ ก็กินครั้งละ 5 เม็ด เช้า ถ้าเป็นหนัก ก็ 3 เวลา

ถ้าไม่หนักก็ 2 เวลา ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดเมื่อย กินได้ ลูก ถ้าเจ็บคอ เป็นแผลในปาก ก็

แกะออก แล้วอมไว้ตอนกลางคืน เช้าขึ้นมา ก็จะหาย อมทิ้งไว้ในปาก แล้วให้มันละลายเอง

ไม่ต้องกินน้ำ แกะออกจากแคปซูล แล้วก็อมไว้ ถ้าเจ็บคอ ระคายคอ ร้อนใน
ถ้าเป็นไข้ ไม่สบาย ปวดเมื่อยกล้ามเนิ้อ ปวดเมื่อยตัว ก็ 5 เม็ด เช้าเย็น
ถ้าอาการหนัก ก็ 6 เม็ด 3 เวลา เป็นยาแก้ไข้
ใครยังไม่ได้ ไว อย่าช้า
หมดหรือยังล่ะ
หมดแล้วนะ หมดแล้ว ก็เตรียมกรวดน้ำ ลูก
มา กรวดน้ำกัน
การกรวดน้ำ ก็เป็นการทำอธิษฐานบารมีอย่างหนึ่งนะ ลูก เป็นอธิษฐานธรรม มันสร้าง

ความสมบูรณ์ ความสำเร็จ ความสมหวัง ความสมประกอบ ความได้ดั่งใจหวังได้ อย่างหนึ่ง

เหมือนกัน เพราะมันเป็นริ้วรอย เป็นวิธีการสั่งสมบารมีธรรมชนิดหนึ่ง
เพราะว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชนะหมู่มารในวันตรัสรู้ได้ ก็เพราะน้ำที่พระองค์ทรงกรวด

จากพระแม่ธรณีที่บีบออกมา จนหมู่มารต้องพินาศไปจากมวยผมในน้ำที่กรวด
งั้น อย่าถือว่า การกรวดน้ำ เป็นเรื่องไร้สาระ
การกรวดน้ำ เป็นเรื่องการสั่งสมบารมีธรรม และทำให้สำเร็จประโยชน์ เป็นการสร้าง

อุปนิสัยของตน ให้มีอธิษฐานธรรม มีสัจธรรมไว้ในจิตใจ
ตั้งใจ อุทิศผลบุญที่เราได้กระทำมาทั้งในอดีต ปัจจุบัน และจะมีต่อไปในอนาคต ให้แก่สัตว์

ผู้ตกทุกข์ได้ยาก และหมู่ญาติทั้งปวง และสัตว์ทั้งหลาย และน้อมถวายเป็นราชพลีต่อล้น

เกล้าทั้ง 2 พระองค์ และดวงพระวิญญาณของผู้มีคุณและพระมหากษัตราธิราชเจ้า
อิทัง โน ยา ตินัง โหนตุ
.................
ตั้งใจรับพร ลูก
.................
โชคดี ลูก ให้รุ่งเรือง อายุยืน สุขภาพแข็งแรง ให้มีปัญญาตั้งมั่นดั่งพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน

ทุกคนเทอญ (สาธุ)
กราบพระ ว่าตาม
พระพุทธเจ้า ทรงพระคุณอันเป็นประเสริฐ เป็นที่พึ่งอันเลิศของข้าพเจ้า (กราบ)
พระธรรม ทรงพระคุณอันเป็นประเสริฐ เป็นที่พึ่งอันเลิศของข้าพเจ้า (กราบ)
พระสงฆ์ ทรงพระคุณอันเป็นประเสริฐ เป็นที่พึ่งอันเลิศของข้าพเจ้า (กราบ)
ที่พึ่งอื่นใดในโลก ข้าพเจ้าไม่มี
ด้วยเดชแห่งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ทั้งปวง
ข้าพเจ้าผูกความรักษา ขอความสวัสดีมีมงคล จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า (กราบ)
สาธุ วันทา คุณบิดา มารดา (กราบ)
สาธุ วันทา คุณครูบาอาจารย์ (กราบ)
พอ
ขอฟังมาลาฯ หน่อยซิวะ
อืม อยากฟังมาลาฯ หวะ
..................
ธรรมะรักษา ลูก ให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ปลอดภัยทุกคน (สาธุ)
(กราบ)
กล้วย อ้อย มะพร้าว เดี๋ยวแบ่งกันคนละนิดคนละหน่อยให้ทั่วถึงกันนะ ลูก
เดี๋ยวหลวงปู่ออกไป แล้วค่อยแบ่งกัน ให้เป็นยา ทั้งหมดให้เป็นยา (สาธุ)
(กราบ)