‘23 ก ค 55 13.30 น. ธรรมะ ณ. พระตำหนักภูพงศ์ราชนิเวศ เชียงใหม่ โดย องค์หลวงปู่พุทธะอิสระ
• ถ้าฟังเฉยๆ แล้วไม่ได้ทำ ก็ไม่ได้พึ่งธรรม
• พระธรรมที่เป็นที่พึ่งแก่ชีวิตได้ คือ พระธรรมที่เราทำได้
• ใต้ฝ่าตีนกู มันเกิดกากะบาทขึ้นหรือยังวะ, เค้าถาม ทำไม, ก็ถ้ามัน
เกิดกากะบาท ก็แสดงว่า กูก็ไปได้แล้วล่ะ เพราะกูอยู่มานานแล้ว
• ก็เพราะเราขยันจำไง แต่ไม่ขยันทำไง
• ไม่ต้องรู้เยอะ รู้เอาเป็นว่า โง่ แล้วทำให้อยาก พออยากแล้วทำให้ยึด ยึด
อุปาทานแปลว่า ความยึดถือ พอยึดถือแล้วมันก็กลายเป็นชาติภพตามมาเท่านั้นแหละ พอ
• พระเดชพระคุณครับ ให้ผมเป็นอย่างที่ผมอยากจะเป็น อย่าเป็นอย่างที่
ท่านหรือคนอื่นให้เป็น แสดงว่า ไม่ใช่ผม และผมไม่อยากเป็นและไม่ชอบที่จะเป็น เพราะ
นั่นไม่ใช่เป็นความสุขของผม ชื่อ คำว่า พุทธะอิสระ มันต้องอิสระทุกขั้นตอน ไม่ใช่มาอิสระ
เพราะว่าคนอื่นอยากให้เป็นนั่นเป็นนี่ นั่นแสดงว่า ไม่อิสระ
• เข้าใจ ดีกว่าจด จำไม่หมด จดไว้ดู เป็นครูสอน ทั้งจำ ทั้งจด ทั้งหมด มัน
ต้องทำทุกขั้นตอน
ระหว่างที่รอนะครับ จะกล่าวประวัติของท่านย่อๆ นะครับผม
หลวงปู่พุทธะอิสระ หรือ พระสุวิทย์ ธีรธัมโม ฉายาของท่านปัจจุบัน ท่านเป็นคนจังหวัด
นครปฐม ระบุว่า ท่านเกิด วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2502 การศึกษาเล่าเรียนทางโลก ท่าน
จบ ป.4 ทางธรรม ท่านจบนักธรรมเอก ท่านบวชเมื่ออายุ 20 ปี ที่วัดคลองเตยใน
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
มีคนเคยถามว่า ทำไมจึงเรียกว่า หลวงปู่, เพราะว่า ช่วงนั้นมีการแสดงธรรมที่จังหวัด
อุทัยธานี การแสดงธรรมช่วงนั้น จับใจผู้ฟังมาก ไม่คิดว่า พระหนุ่มๆ พรรษาไม่มากจะ
แสดงธรรมได้ถึง กว่าพระอาวุโส จึงเรียกท่านว่า หลวงปู่ ตั้งแต่นั้นมา
ประวัติวัดอ้อน้อย (ธรรมอิสระ) เป็นวัดในโครงการเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสที่พระ
บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระชนมายุได้ 72 พรรษา ตั้งอยู่ เขตห้วยขวาง อำเภอ
กำแพงแสน จังหวัดนครปฐม โดยมีโยมทองห่อ วิสุทธิผล เป็นผู้มีใจเมตตา ซื้อที่ดิน
บริจาคจำนวน 9 ไร่ เป็นการเริ่มต้นวัดอ้อน้อย(ธรรมอิสระ) ในครั้งนั้น ต่อมาก็มีการ
บริจาคกันเข้ามาอีกจนถึง 80 ไร่
พระองค์เทศน์วันนี้นะครับ หลวงปู่พุทธะอิสระ ท่านมีกิจนิมนต์มากมาย ในปีหนึ่งๆ เฉลี่ย
แล้วประมาณ 400 ครั้ง วันนี้เราโชคดีแล้วนะครับ ทั้งนักเรียน ญาติโยมจากทางเชียงใหม่
ลูกศิษย์ท่าน ท่านกำลังเดินทางมาแล้วนะครับ อีกสักครู่ พันเอกนเรศ ฯ จะได้เป็นพิธีกร อนุ
ศาสนาจารย์ต่อไป
ตอนที่ท่านเข้ามา ขอความกรุณาลุกยืนขึ้น เป็นการต้อนรับหลวงปู่พุทธะอิสระ ท่านเดิน
ทางมาจากวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม ท่านมีเมตตาเอาน้ำหอมกานพลูมาแจกด้วยวันนี้ ขอ
อนุโมทนา
ท่านเดินทางมาถึงแล้วครับ ขอลุกขึ้นยืนนะครับ
คุณอำนาจ กราบในนามข้าราชบริพารและคณะศิษย์ ขอน้อมถวายการต้อนรับหลวงปู่
พุทธะอิสระด้วยความเคารพ นบนอบบูชาอย่างยิ่ง ในโอกาสที่หลวงปู่เมตตา เดินทางมา
โปรดพวกเราชาวพระตำหนักภูพิงค์ แล้วก็คณะอุบาสกอุบาสิกา ศรัทธาศิษย์ของหลวงปู่
แล้วก็นักเรียน ได้ขึ้นมาเพื่อน้อมรับ เป็นธรรมะอิสระ จากหลวงปู่พุทธะอิสระ น้อมเคารพ
ด้วยความเคารพอย่างยิ่งครับ
เรียนเชิญทุกท่านนั่งครับ
พิธีกร ครับ ท่านทั้งหลายครับ วันไหนๆ ไม่สำคัญเท่าวันนี้นะครับ เพราะวันนี้เป็นวัน
สำคัญกว่าวันไหนๆ วันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ดีอย่างไร ก็ยังไม่สำคัญเท่าวันนี้ เพราะเป็นวันที่พวก
เราได้น้อมรับบารมีธรรมอันล้ำเลิศ ซึ่งเกิดจากเมตตาจิตของหลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย
จังหวัดนครปฐม หลวงปู่ได้เมตตากับพวกเรา ศาสนกิจของหลวงปู่นั้น มีอยู่มากมายไพศาล
อยากจะกราบเรียนทุกท่านว่า หลวงปู่พุทธะอิสระรูปนี้ เป็นพระสงฆ์รูปหนึ่งในสังฆมณฑล
ไทย ที่หลวงปู่ได้ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญพรตจนปรากฏเป็น Idol
Idol คือ ต้นแบบ ต้นแบบที่ยิ่งใหญ่ เพราะหลวงปู่ I do อยู่ตลอดเวลา หลวงปู่
สร้าง Idol แต่หลวงปู่ก็ I do อยู่ตลอดเวลา สิ่งที่หลวงปู่ I do ก็คือ ทำให้ดู คือ
ยึดวินัยเป็นหลัก หลวงปู่ให้ความรักด้วยความเมตตา หลวงปู่ช่วยพัฒนาวัดอ้อน้อย เวลาเกิด
ปัญหาอุปสรรค หลวงปู่ก็ไม่เคยท้อถอยอุปสรรค
หลวงปู่ได้แสดงความจงรักภักดีผ่านบารมีของหลวงปู่ อย่างเช่น พระบรมรูปที่ทรงผนวช
เมื่อปี 2549 หลวงปู่ได้จัดทำพระบรมฉายาลักษณ์ขณะทรงผนวช เป็นวิสัยทัศน์วิสัย
ธรรมที่หลวงปู่ได้น้อมนำบำเพ็ญ ประกอบพิธีมหามังคลาภิเษกเรียบร้อย แล้วหลวงปู่ก็นำ
ไปมอบให้กับวัดทุกวัดทั่วประเทศไทย พระก็กราบได้ เณรก็กราบดี ศรัทธาประชาชีทั้ง
หลายก็เทิดทูนบูชา
นี่คือ บารมีหลวงปู่ เป็นที่สุดแห่ง Idol เพราะหลวงปู่ได้นำพวกเรายึดมั่นกตัญญู เชิดชู
พระมหากรุณาธิคุณ แล้วก็ค้ำจุนแผ่นดินไทย
วันนี้ โชคดีที่สุดแล้วนะครับ ทุกท่านที่มาในวันนี้ ณ.ที่นี้ เราทุกคนจะทำตนเป็นเหมือน
แก้วที่หงายอยู่กลางแจ้ง ต่อให้ฝนตกแค่เพียงวันหนึ่งคืนหนึ่ง แก้วใบนี้จะเต็มไปด้วยน้ำฉัน
ใด วันนี้พวกเราจะเปิดใจ รับฟังเรียนรู้จากธรรมะอิสระ จากหลวงปู่พุทธะอิสระ แม้หลวงปู่
จะเดินทางมาอยู่กับเราเพียง 1 ชั่วโมง 2 ชั่วโมง วันนี้แหละครับ พวกเราจะได้รับพรอัน
เกิดจากธรรมะอิสระจากหลวงปู่พุทธะอิสระ ขอทุกท่านได้ตั้งใจสดับรับฟัง เปิดจิต เปิดใจ
น้อมรับบารมีธรรมยิ่งใหญ่ ผมมีความสุขมากครับที่ได้รับทราบจากท่าน ผ.อ. อำนาจ
เดชะ ว่า วันนี้ ได้กราบอาราธนาหลวงปู่มาโปรดพวกเรา ที่พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศ
โครงการเติมธรรมะให้ชีวิต น้อมจิตถวายพ่อได้มีโอกาสน้อมรับบารมีธรรมจากหลวงปู่
พุทธะอิสระ เป็นมิ่งเป็นขวัญเป็นสิริมงคลสูงสุดสูงส่งกับพวกเรา สมแล้วครับที่พวกเราเกิด
มาเป็นมนุษย์ เกิดมา แล้วก็มาพบพระพุทธศาสนา และวันนี้พวกเราเดินทางมาน้อมรับ
ธรรมะอิสระจากหลวงปู่ด้วยความเคารพ
เบื้องต้นนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่พวกเรา ในบารมีของหลวงปู่ที่มาอยู่เบื้องหน้าพวกเรา
แล้ว ขอกราบเรียนชิญท่านพ่ออำนาจ เดชะ ท่านผู้อำนวยการพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศ
ได้เป็นประธานจุดธูปเทียนเครื่องบูชาพระรัตนตรัย และขอทุกท่านลุกขึ้นยืนด้วยความ
เคารพ ประนมมือไว้ เราจะได้กราบไหว้บูชาพระรัตนตรัย ด้วยความเคารพสูงสุดโดย
พร้อมเพรียงกัน ณ. บัดนี้ครับ
..................
ท่านผู้อำนวยการพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศ ได้กราบถวายความเคารพนอบนบบูชาใน
บารมีของหลวงปู่หลังจากที่ได้กราบพระรัตนตรัย มีพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และกราบ
บารมีของหลวงปู่ที่เมตตามาสู่พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศ เราจะได้กล่าวคำนมัสการพร้อม
กันนะครับ ชาวพุทธเราได้เข้าถึงพระรัตนตรัย จากนี้ขอพวกเราทั้งหลายประนมมือไว้และ
กล่าวคำนมัสการพร้อมกันดังๆ นะครับ
อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อภิปูชยามะ............
...............
อะระหังสัมมา.....
สวากขาโต....
สุปฏิปันโน.........
เรียนเชิญทุกท่านนั่งลงนะครับ แล้วจากนี้ไปขอพวกเราทั้งหลายได้ตั้งโสตประสาทให้เป็น
ดุจภาชนะทอง คอยรองรับรสพระพุทธพจน์ธรรมะอิสระจากหลวงปู่พุทธะอิสระซึ่งจะได้
เมตตาประทานธรรมเพื่อให้พวกเราได้น้อมนำเอาไปประพฤติปฏิบัติ
ลูกขอกราบอาราธนาหลวงปู่ ณ. กาลบัดนี้
เจริญธรรม เจริญสุข ท่านผู้อำนวยการฯ ท่านหัวหน้าส่วนฯ ญาติโยมพุทธบริษัท ท่านพิธีกร
ลูกหลานน้องหนูทั้งหลายที่มานั่งชุมนุม ณ. สถานที่แห่งนี้
เอามือลง นั่งสบายๆ ตั้งใจก็แล้วกัน
ก่อนที่เริ่ม สืบเนื่องเรื่องต่างๆ ขออนุญาตแจกก่อน เออ ชั้นเอาน้ำมันกานพลูซึ่งชั้นหมักเอง
ที่วัด ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาปราบเซียนของผู้พูด งั้น แจกเครื่องมือ เครื่องช่วยปราบเซียน
ก่อน เจ้าหน้าที่ช่วยเอาน้ำมันกานพลูแจกหน่อย
ถาม มันมีประโยชน์อย่างไร แจกแล้วยัง เออ แจกแล้ว มีประโยชน์อย่างไร
ก็เอาไว้ทาลูกตาเวลาจะหลับ ไว้ทาลูกตาเวลาจะหลับ เออ เหมือนอย่างเมื่อวานนี้ ไปแสดง
ธรรม มันก็ไม่ใช่เวลาปราบเซียนนักหรอก ประมาณซัก 3 โมงกว่าๆ พูดยังไม่ทันเท่าไร
เลย ครูนั่งข้างหน้าหลับซะแล้ว เราก็เลยบอก อ้าวๆ ทำไมทำงี้ล่ะ ครู ครูฟังพระยังหลับ แล้ว
ครูไปสอนเด็ก แล้วเด็กมันจะไม่หลับเหร๊อ เวรกรรมตามกันนะ เราก็ต้องเตือน ครูสะดุ้ง ลุก
ขึ้นมายิ้ม
งั้นก็เลย หลวงปู่อยากบอกว่า จะไม่สอนคน 2 ชนิด คือ
1. คนตาย คนตายมันสอนไม่ได้อยู่แล้ว
2. ก็คือ คนหลับ คนหลับนี่สอนไม่รู้เรื่อง
งั้น อย่าพยายามหลับ ถ้ารู้สึกตัวว่าจะหลับ น้ำมันมีอยู่แล้วใช่ไม๊ เออ นั่นแหละ ช่วยได้ ลูก
อ้าว ท่าน ผ.อ. ยังไม่ได้ ใครช่วยเอาน้ำมันมาให้ผ.อ ที ท่านพิธีกรได้หรือยังล่ะ เอ่อ
ได้แล้วนะ ขอชั้นหอมนะ ทำเองกับมือเลย หมัก ใช้เวลาหมักตั้ง 15 วัน น้ำมันกานพลู
อย่างดี
วันนี้ก็ ต้องขออนุโมทนาในกุศลเจตนาของท่านผู้นำ ท่านผ.อ.ที่เห็นคุณค่าของพระ
สัจธรรม ในฐานะที่ชั้นเป็นหนึ่งในหมู่สงฆ์ ก็ต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทน ต้องขอบคุณ
ถามว่า ทำไมต้องขอบคุณ
ก็เพราะว่า วิถีแห่งพุทธธรรมที่จะขจรขจายขยายไปได้ก้าวไกลนั้น ไม่ใช่ต้องอาศัยพระ
สงฆ์อย่างเดียว แต่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเอาไว้ในพระสูตร ในพระธรรมว่า ภิกษุ
บริษัท 4 คือ ผู้สืบทอดอายุขัยของพระพุทธศาสนา พระสัจธรรมและวินัยของเรา ตถาคต
แล้วภิกษุบริษัท 4 มีใครบ้าง ก็มี ภิกษุ ภิกษณี อุบาสก แล้วก็อุบาสิกา
งั้น เราท่านทั้งหลายจะไปเข้าใจว่า หน้าที่ของพระต้องเทศน์อย่างเดียว หรือ เผยแพร่พุทธ
รรม และวินัยอย่างเดียว ไม่ใช่ แต่พระพุทธเจ้าทรงฝากฝังเอาไว้ให้กับภิกษุบริษัท 4
แล้วหนึ่งในภิกษุบริษัท 4 ก็คือ พวกเรานี่แหละ เราท่านทั้งหลายนี่แหละ ที่นั่งอยู่นี่ มี
หน้าที่ที่จะเผยแพร่สัจธรรม ซึ่งเวลานี้ เค้าก็มีตัวอย่างในสังคมเป็นต้นแบบเห็น ฆราวาส
หลายคนก็ทำหน้าที่เป็นครูสอนธรรมะบ้าง สอนกรรมฐานบ้าง สืบทอดคำสั่งสอนของพระผู้
มีพระภาคเจ้ามั่ง
แล้ววิธีสืบทอดที่สำคัญยิ่ง ดีเยี่ยม และเป็นประโยชน์ต่อตนและคนรอบข้างได้มากที่สุด ก็คือ
เรื่องที่ทำ คำที่พูด และสูตรที่คิด ให้อยู่ในทำนองคลองธรรม
อ้ายทำนองคลองธรรมนี่ มีอะไรบ้าง
ทำนองคลองธรรมนี้ ก็ต้องยกไปถึงขั้น อริยสัจ 4
อริยสัจ 4 ที่เป็นเรื่องของทำชีวิตให้อยู่ในทำนองคลองธรรม
อริยสัจ 4 มีอะไร
ก็มี ทุกข์ รู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ทางดับทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
เมื่อทุกข์มันดับแล้ว ก็ถือว่า มีชีวิตอยู่ในทำนองคลองธรรม
ถ้าพูดอย่างนี้ มันก็จะสูงไป มันจะทำให้ยิ่งง่วง เอาทำนองคลองธรรมง่ายๆ ก็เอาเพียงแค่ว่า
สำนึกกตัญญูต่อคนที่มีคุณต่อเรา เรีกยกว่า นิมิตตัง สาธุรูปานัง กตัญญูกตเวทิตา คนที่มี
ความกตัญญูรู้คุณ คือ รู้คุณ แล้วคิดจะตอบแทนคุณอย่างถูกตรง
แต่ต้องมีวงเล็บหน่อยนะว่า ไม่ใช่รู้คุณเงินของนักการเมือง แล้วเราก็ต้องไปลงคะแนนตาม
ที่เค้าให้ อ้ายอย่างนี้ ไม่ใช่เป็นบุญคุณนะ อ้ายนั่น มันเป็นการซื้อขาย เพราะผู้ที่จะทำคุณแก่
เรานั้น เค้าต้องไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เหมือนกับที่พ่อแม่เลี้ยงดูลูกแล้วไม่ได้หวังว่า ลูกจะ
มาทำอะไรให้พ่อแม่ แต่ให้เพราะใจรัก ใจเมตตา ใจกรุณา ใจมุทิตา อย่างนี้ คนอย่างนี้ เรา
ควรจะต้องตอบแทนบุญคุณ
แต่ถ้าเธอเอาเงินชั้นไป แล้วถึงเดือนหน้า เธอไปลงคะแนนให้ชั้น อ้ายอย่างนั้น เค้าเรียกว่า
ซื้อขาย ไม่ใช่เป็นการกตัญญู อย่าเข้าใจผิด เดี๋ยวจะนึกว่า คนไทยคิดว่า ตัวเองเป็นคนกตัญญู
แล้วก็ซื้อได้ขายคล่อง เอาเงินไปจ่าย เดี๋ยวพรุ่งนี้ มันก็ลงคะแนนให้เรา อ้ายนั่น เค้าเรียกว่า
ซื้อสิทธิ์ขายเสียง ไม่ใช่เรื่องต้องกตัญญูรู้คุณ ไม่ต้องสำนึกบุญคุณ คนพวกนี้ไม่ต้องสำนึก
บุญคุณมัน เพราะมันก็ได้จากเราไปไม่น้อยเหมือนกัน
เนี่ย ทำถนนสายหนึ่ง มันก็ได้ไปกว่า 30% แล้ว ลูกศิษย์ชั้นเป็นคนรับประมูลงานหลวง ก็
ต้องไปหาเงินมาก่อน 30 กว่าล้าน ถ้า ร้อยล้าน ก็ต้องจ่าย 30 ล้าน จ่ายก่อนด้วยนะ
งานยังไม่ได้เลย จ่ายแล้ว ก็มาหาเรี่ยไร หาแบ่งปัน อันนี้ขออภัยนอกเรื่องหน่อยนะจ๊ะ ใน
ฐานะที่รู้มาก ก็คุยให้ฟังว่า อ้ายคนพันธุ์นี้ ไม่ต้องสำนึกบุญคุณ ไม่ต้องตอบแทนบุญคุณ
เพราะเค้าไม่มีคุณอะไรแก่เรา
แต่เล่าให้ฟังไว้ว่า ผู้ที่จะมีคุณแก่เรา และควรสำนึกบุญคุณ ก็คือ บุคคลที่ให้ประโยชน์ต่อ
เราแล้วไม่หวังสิ่งใดตอบแทน คนอย่างนี้ ควรจะต้องตระหนักสำนึกถึงบุญคุณ แล้วคนเหล่านี้
มีใครบ้าง ก็พ่อแม่ไง พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ปู่ย่าตายาย บรรพบุรุษของเรา รวมไปถึงพระ
บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมวงศานุวงศ์ที่มีคุณูปการมหาศาล อย่างที่ท่านพิธีกรกล่าว
ในช่วงเวลาอันเป็นมหามงคลยิ่งแผ่นดินสยามที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง
ครองราชย์ครบ 60 ปี หลวงปู่ก็ขอพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์รูปพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวทรงผนวช เพราะเห็นว่า วัดต่างๆ นี่จะมีรูปในหลวงไปติดเวลามีงานเฉลิม
ฉลองรัชพิธี ราชพิธี เฉลิมพระชนม์พรรษา วัดต่างๆ ก็เอารูปมาตั้ง พระหนุ่มเณรน้อยบวช
ใหม่ๆ ไม่รู้เรื่องอะไร ก็ยกมือไหว้
เราเห็นไม๊เวลาในหลวงเจอพระ ท่านยังทรงยกพระหัตถ์นมัสการถวายความนอบน้อมต่อ
พระ แล้วพระดันไปยกมือไหว้รูปในหลวง มันเป็นบาป
เราก็เลยมาคิดว่า เอ จะทำยังไงให้พระก็ไหว้ได้ เณรก็กราบได้ ชาวบ้านก็บูชาได้ ถูกต้อง
ไม่ผิดธรรม ผิดวินัย ไม่เป็นบาป ไม่เป็นอาบัติ ก็เลยขอพระราชทานรูปทรงผนวช ซึ่งเป็น
รูปพระสงฆ์เมื่อครั้นทรงผนวช เอาไปแจกทุกวัด คุยกับคุณแก้วขวัญฯ คุณแก้วขวัญฯ ก็ทำ
เรื่องขอพระราชทานแล้วคุณแก้วขวัญฯก็แจกไปตามวัดทุกวัด 35,000 วัด รูปใหญ่
มาก ประมาณ 30 กว่านิ้ว ใหญ่เท่าๆ Stand นี่แจกทุกวัดฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ก็
หมดเงินไปร้อยกว่าล้าน
แล้วตอนท้ายมา เค้าก็มาขอ ส่งไปตามสถานทูตต่างๆ แต่ที่น่าเศร้าใจ มันมีบางวัด ไม่รู้คน
ประเทศไหน โลกไหน แจกไปแล้ว มันก็ไปซุกไว้ใต้กระไดบ้าง เอาไปวางไว้เลอะเทอะ
แถมขายอีกต่างหาก ลูกศิษย์ชั้นยังไปซื้อมาได้รูปหนึ่ง ขาย เราแจกให้ฟรี แต่มันเอามาขาย
อันนี้น่ะ น่าเศร้าใจ
ก็เล่าให้ฟังว่า เรื่องพวกนี้มันมีจริงอยู่ในสังคมไทย งั้น เราก็ต้องหาวิธีป้องกัน ระมัดระวัง นี่
เดี๋ยววันที่ 27 นี้ก็ชน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แสดงธรรมต้นเดือน ก็บอกว่า ในหลวงทรงพระ
ประชวร ที่มีพระโลหิตออกทางสมอง เราควรจะต้องไปแสดงความจงรักภักดีถวายพระ
กำลังใจ ถือว่าเป็นทิพย์โอสถ เป็นยาวิเศษ ชวนชาวบ้านไปสวดมนต์ถวายพระพรที่โรง
พยาบาลศิริราช ชั้นไปทุกปี ปีหนึ่งหลายครั้ง เมื่อไม่นานมานี้ ก็บวชภาคฤดูร้อน ก็พาพระ
เณร 300 รูปไปสวดมนต์ถวายพระพร ได้สตางค์เค้าถวายในเวลานั้นประมาณ 8
แสนกว่าบาท ก็สมทบไปด้วย ร่วมๆ ล้าน ก็ฝากคนเค้าไปนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เห็นท่านตั้ง
มูลนิธิอุทกพัฒน์เพื่อใช้ในการบริหารจัดการน้ำ ก็เพิ่งได้รับใบอนุโมทนามาจากมูลนิธิฯ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เค้าส่งหนังสือมาให้
เล่าให้พวกท่านฟังว่า คนอย่างนี้ คือ ท่านเหล่านี้ ควรจะต้องสำนึกบุญคุณ เพราะท่านเป็นผู้
มีคุณ ต่อแผ่นดินต่อประเทศชาติ ต่อคนทั้งหลาย รวมทั้งพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ครูบาอาจารย์
เป็นผู้ให้พระคุณต่อเราอย่างยิ่งโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
ทำชีวิตอย่างนี้ เค้าเรียกว่า มีชีวิตอยู่ในทำนองคลองธรรม
ทำนองคลองธรรมระดับต่อมา ก็คือ เชื่อกฏของกรรม เชื่อว่า ชีวิตเราเป็นไปตามกรรม เรา
มีกัมมะพันธุ กัมมะปฏิสะระโน กัมมะทายาโท เรามีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
มีกรรมเป็นเครื่องอาศัย มีกรรมเป็นเครื่องอยู่ได้เพราะอาศัยกรรม และไปเพราะผลแห่ง
กรรม
แล้วเมื่อเราเชื่อเรื่องกรรม เราจะเป็นผู้ทำกรรม ก็ต้องเลือกทำแต่กุศลกรรมเหมือนอย่างที่
พวกท่านกำลังทำนี่แหละ ถ้าทำอกุศลกรรม เราก็จะไปรับผลที่เป็นอกุศล อกุศลแปลว่า
ความชั่วหยาบ ความผิดบาป ความไม่ดี
“อะ” ก็แปลว่า ไม่, “กุศล” แปลว่า ความฉลาด, อะ + กุศล ก็แสดงว่า ไม่ฉลาด
ทำกรรมด้วยความไม่ฉลาด หรือ ทำ พูด คิด ด้วยความไม่ชาญฉลาด หรือไม่มีสติปัญญา
เรียกว่า อกุศลกรรม กรรมอะไรก็แล้วแต่ที่ทำด้วยความโง่เขลา เรียกว่า ผิดทำนองคลอง
ธรรม เป็นอกุศลกรรม และไม่ชาญฉลาด มันก็จะทำให้ส่งผลไปสู่ความทุคติ
ทุคติมีอะไรบ้าง สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน เราทุกวันไม่ต้องรอตายก่อนจึงจะ
เป็นสัตว์นรก หรือว่าตกนรกหมกไหม้ ไม่ต้องนะ เมื่อใดที่เรารู้สึกเศร้า ซึม กลัดกลุ้ม ว้าวุ่น
ทุรนทุราย กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ ดิ้นจนหนังกลับ ไม่หลับซักที นั่นแหละ กำลังเป็น
สัตว์นรกล่ะ ไม่ต้องรอตายก่อนนะ แม้ไม่ตายก็เป็นสัตว์นรกได้ บางทีบางครั้ง จะเห็นไม๊
บางทีเดินเป๋ไป เป๋มา อ๊วก เมื่อเช้านี้ชั้นฟังข่าว อยู่บุรีรัมย์ เมา ไปนั่งอยู่ทางรถไฟ รถไฟ
อีกกิโลเดียวจะถึงที่จอดแล้ว เจอคนเมาไปนั่งอยู่ตรงกลางรถไฟ เปิดอูดไง่ ก็ไม่ยอมไป สุด
ท้ายรถไฟทับเละ ร่างแหลกละเอียด น่ะ ที่ไปของสัตว์นรก ไม่ต้องตายก็เห็นแล้วว่า สัตว์
นรกมีสภาพอย่างนี้ อยู่ด้วยความมัวเมาประมาทขาดสติ
งั้น สัตว์นรกนี่ มันหมายถึงความทุกข์เดือดร้อน สัตว์นรกมีความทุกข์เดือดร้อนเป็นอาหาร
พวกสัตว์นรกนี่ตายแล้ว ใครที่ไปเกิดเป็นสัตว์นรกนี่ จะไม่มีอาหาร จะไม่มีข้าว ไม่มีน้ำกิน
ไม่มีน้ำดื่ม มีแต่ความทุกข์เป็นอาหาร
ส่วนก้อนข้าว หยดน้ำ เป็นอาหารของสัตว์เดรัจฉานและมนุษย์ สัตว์เดรัจฉานมีก้อนข้าว
และหยดน้ำเป็นอาหาร
ส่วนเปรตและอสุรกาย มีผลบุญของญาติเป็นอาหารและมูดคูตร และของเน่าเหม็น อย่างนี้
เป็นต้น
งั้น คนที่ทำอกุศลกรรม ก็มีที่ไปดังกล่าวมานี่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน คน
พวกนี้ ก็ถือว่า มีชีวิตอยู่ผิดทำนองคลองธรรม งั้นถ้าเราไม่อยากมีชีวิตอยู่อย่างผิดทำนอง
คลองธรรม แล้วได้รับผลทุกขเวทนา เร้าร้อนทุรนทุราย ก็พยายามทำชีวิตของตนให้เป็น
คนที่มีความชาญฉลาด รุ่งเรืองเจริญ เรียกว่า ชาญฉลาดและมีสติปัญญา
แล้วมีสติปัญญา มันจะได้จากอะไรมา
พระผู้มีพระภาคทรงสอนว่า สุสสูสัง ละภะเตปัญญัง การฟังด้วยดี ย่อมเกิดปัญญา
1. ก็คือ สุตตมยปัญญา ฟัง, 2. ก็ จินตามยปัญญา คิด วิเคราะห์, ต่อมาก็ ภา
วนามยปัญญา ใครจะว่ายังไงก็ช่าง แต่ชั้นขอแปลว่า ทำเสียที
ฟัง คิด แล้ว ลงมือทำ อย่าเอาแต่นั่งท่องอยู่ นั่งตรึก นั่งตรองอยู่ แล้วไม่ลงมือทำ มันก็ไม่
ได้ประโยชน์แก่เรา งั้น อะไรที่พวกคุณฟังไป แล้วเห็นว่า มันถูกโฉลก ถูกใจ ถูกจริต ถูก
นิสัย ถูกกับเหตุ ถูกกับสมัย ถูกกับตน ถูกกับคน และสังคมรอบข้าง ก็ลงมือทำเสียที อย่า
เอาแต่ฟังแล้วไม่ได้ทำ
ถ้าฟังเฉยๆ แล้วไม่ได้ทำ ก็ไม่ได้พึ่งธรรม พอไม่ได้พึ่งธรรม มันก็กลายเป็นอธรรม มีเอา
ไว้คุยกันประดับปากเฉยๆ เหมือนกับที่เค้าเรียกว่า พระธรรมที่กระดกบนฟองน้ำลายที่อยู่
ปลายลิ้นเฉยๆ ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตตนและคนรอบข้าง
พระธรรมที่เป็นที่พึ่งแก่ชีวิตได้ คือ พระธรรมที่เราทำได้ ให้คุณรู้มา 84,000 ข้อ แต่
ถ้าทำไม่ได้ซักข้อ แสดงว่า คุณก็พึ่งไม่ได้ เมื่อพึ่งไม่ได้ ก็จะเป็นที่พึ่งของคุณไม่ได้ ก็หวัง
อะไรไม่ได้ เป็นประโยชน์ก็ยิ่งไม่ได้ แสดงว่า นั่นไม่ใช่พระธรรมของคุณ
เหมือนกับครั้งหนึ่งที่วัดชั้น มีพระเยอรมันมาบวช เค้ามาบวชอยู่ก็ 3 เดือน แกก็ไม่ทำ
อะไรเลย 3 เดือนนี่ เอาแต่นั่งอ่าน เพราะกำลังฝึกอ่านพระไตรปิฎก ช่วงใกล้พรรษา พระ
ที่วัดชั้นแยะ พระก็เริ่มมองละ เหล่ละ เค้ากวาดวัดกัน อีตาคนนี้แกก็ไม่กวาด เค้าตั้งน้ำใช้
น้ำฉัน ทำความสะอาด ปูอาสนะ แกก็ไม่ทำ เอาแต่อ่านพระไตรปิฎก เราก็เลย วันหนึ่งก็เดิน
เข้าไป อยู่ที่ลานโพธิ์ แต่ชั้นเรียกเค้าว่า หลวงพี่ทิฟฟี่ เค้าก็เรียกชั้นว่า หลวงปู่ซาริดอน แก้
ปวดหัวเหมือนกัน ทิฟฟี่กับซาริดอน
หลวงพี่ ทัมอะไรอยู่ แล้วก็พูดล้อๆ
โผมกำลังอ่านพระตรายปิฎกคร๊าบ แกก็ว่าของแกอย่างนี้
ดีไม๊, ดีคร๊าบ, อืม ผมก็ว่าดี แต่ทั้งหมดที่ท่านอ่านและถืออยู่ มันเป็นดีของพระพุทธเจ้า
ผมยังไม่เห็นดีของท่านเลย 3 เดือนมานี่ เค้าก็เกาหัวแกร๊กๆ เราก็เดินยิ้มหันไป
รุ่งขึ้นเค้าก็ ไม่รู้เค้าคิดอะไรขึ้นมา เค้าก็ไปเอาไม้กวาดมากวาดพื้นลานโบสถ์ ลานเจดีย์ เราก็
เดินเข้าไปสะกิด หลวงพี่ๆ 3 เดือนมานี่ ผมเพิ่งเห็นดีของท่านวันนี้ ดีอย่างนี้เป็นดีที่ผมพึ่ง
ได้ ใครก็พึ่งได้ แล้วท่านก็พึ่งดีนี้ได้ด้วย
ฟังอย่างนี้ เข้าใจไม๊
นั่นก็หมายถึงว่า อย่าเอาแต่รู้ อย่าเอาแต่ฟัง แต่ไม่ทำเลย อย่างนี้เค้าเรียกว่า ดีสกปรก ดีรก
รุงรัง มันต้องลงมือทำด้วย มันจึงเรียกว่า ดีสุดยอด ดีแล้วทำได้ ดีแล้วเป็นที่พึ่งของตัวเอง
และคนรอบข้างได้ แล้วตั้งแต่นั่นมา แกก็แบ่งเวลา อ่านพระไตรปิฎกด้วย มีเวลาที่ชาวบ้าน
เค้าลงพระ เณรเค้าลงลานกัน แกก็ลงกับเค้าด้วย แกรู้จักแบ่งดี รู้จักเรียนดี ศึกษาดี
นี่คือ วิถีแห่งการฝึกปฏิบัติ อย่างนี้ เค้าเรียกว่า ชีวิตที่อยู่ในทำนองคลองธรรม ไม่ใช่มีชีวิต
อยู่ในซีกใดซีกหนึ่ง แล้วก็ผิดทำนองคลองธรรม แล้วก็ปฏิเสธ บางคนทำดีแต่ตัวเอง ไม่ต้อง
ไปรู้เรื่องอื่นเค้า เอาดีเฉพาะของตัวเอง คนอื่นพึ่งดีไม่ได้ อ้ายอย่างนี้ ก็ผิดทำนองคลอง
ธรรมนะ
ชั้นมักจะพูดเสมอ เมื่อวานนี้ ยังสอนชาวบ้าน สอนครูคณะครูที่เค้าเป็นครูโรงเรียนอนุบาล
คุณครู เค้าให้ชั้นพูดเรื่องอะไร ชั้นก็ไม่รู้ล่ะ เค้ามาบอกเอาตอนที่ถึง เจอหน้า นั่งไมค์แล้ว
เค้าก็มาบอก พูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เราก็เลยบอก เอ๊อ กูพูดเรื่องของกูดีกว่า แล้วก็มองดูว่า เค้า
ขาดอะไร เราก็เลยบอก ครู ปัญหาของพวกเราเวลานี้ คือ เราเอาอะไรเป็นตัวตั้ง
ถ้าเราเอาสตางค์เป็นตัวตั้ง เราก็ทำงานตามสตางค์ คือ เอาเงินเป็นตัวตั้ง ค่าจ้างเค้าจ้างยังไง
ก็ทำงานตามชั่วโมงเค้าจ้าง ถ้าอย่างนี้ เด็กมันก็จะไม่ดี เพราะเด็กวัยอ่อนเนี่ย ชั้นเตรียม
อนุบาล คุณพูดไป 1 ชั่วโมง มันจำได้แค่ 1 วินาทีก็ดีแล้วล่ะ แต่สิ่งที่เด็กจำได้ดีที่สุด คือ
พฤติกรรม สิ่งที่ครู พ่อแม่ โอบกอดเค้า เอาใจใส่เค้า พูดจาหว่านล้อมให้เค้ารู้สึกว่า สิ่งที่เรา
พูดเป็นวลีไพเราะ เป็นวาจาสุภาพ มีน้ำใจ รู้จักให้อภัย ไม่เห็นแก่ตัว แล้วแสดงต้นแบบ
ตัวอย่าง เรียกว่า ทำดีให้เค้าดู เป็นครูให้เค้าเห็นดีกว่าคำสอนเป็นหมื่นเป็นพันเป็นแสน
นี่แหละคือ สิ่งที่ครูต้องทำ พอพูดอย่างนี้ อ้ายข้างๆ ชั้น ผู้อำนวยการ ผ.อ.ทั้งหลาย มัน
นั่งกัน เจ๊าะแจ๊ะๆๆ เราก็เลย นี่ สรุปแล้วจะมาให้ชั้นคุย หรือว่ามาคุยแข่งกับชั้น ว่ากันซึ่งๆ
หน้าเลยล่ะ สุดท้าย เงียบ เราก็ต้องเอากันอย่างนี้แหละ เพราะชั้นเป็นคนปากเสียอย่างนี้
แหละ เค้าก็เลยไม่ค่อยคบ เดี๋ยวนี้ไม่ได้ออกช่อง 11 แล้วนะ เพราะปากเสียแบบนี้
ก่อนหน้านี้ ทำรายการกับท่านพิธีกรเนี่ย ออกช่อง 11 เดี๋ยวนี้เค้าไม่ให้ออกแล้ว ก็เพราะ
ปากเสียอย่างนี้ ไปด่านู่นด่านี่ ว่าตรงๆ เลยอย่างนี้
ก็นี่คือ อาชีพชั้นนะ พระผู้มีพระภาคเจ้าสอนไว้ว่า ภิกษุคือ ผู้เพ่งโทษ ภิกษุนี่ มันแปล 3
อย่าง
1.’ผู้ขอ คนขอเค้ากินนี่ ต้องลดยะโส โอหัง เย้อหยิ่ง จองหอง ต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน
ขอเค้า จึงได้กิน
2. คือ ผู้เห็นภัยในวัฏฏะ เห็นว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค จะ
ได้ทำตนให้พ้นจากภัยแห่งวัฏฏะ
3. คือ ผู้เพ่งโทษ คือ มองให้เห็นโทษ เห็นภัย เห็นผิดของวัฏฏะ, มองเห็นโทษ เห็นภัย
เห็นผิดของตน, มองเห็นโทษ เห็นภัย เห็นผิดของคนอื่น แล้วก็แนะนำสิ่งที่ถูกต้อง ชี้สิ่งที่
ถูกต้อง บอกสิ่งที่ผิดให้ชัดเจน งั้น ถ้าทุกอย่าง ดีจ้ะพ่อ, ใช่ครับพี่, ดีครับผม, นิยม
ครับท่าน, ถูกแล้วคุณ ถ้าอย่างนี้ ผิดวิถีแห่งพุทธ ถ้าพระอย่างนี้ ชั้นพูดเสมอว่า นี่ เค้า
ชอบมาว่าชั้น เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว จัดรายการโทรทัศน์ อ้ายที่วัดชั้น มีแสดงธรรมต้นเดือน ก็
อบรมกรรมฐานไง แล้วก็เขียนจดหมายมาจากรายการ เค้าเขียนจดหมายมาบอกว่า เมื่อวัน
วิสาขฯ ที่ผ่านมา พาเพื่อนที่ไม่เคยเข้าวัดเลย เข้าวัด พอมาเจอภาษาพ่อขุนรามฯ ของหลวง
ปู่เข้า มันไม่เข้าอีกเลย
เราก็เลยบอกว่า เออ สงสัยโคตรพ่อโคตรแม่มันกินทุเรียนทั้งเปลือก
พูดอย่างนี้ เข้าใจไม๊
ทุเรียนมีเปลือกไม๊ แล้วเวลาเรากินทุเรียน เรากินทั้งลูกเลยเหรอ ก็อ้ายภาษาพ่อขุนรามมันก็
ไม่ใช่พูดให้คนโง่นี่ ถูกไม๊ เหมือนกับทุเรียน มันก็ต้องมีเนื้อในที่หวาน ทำไมคุณไม่เอาแต่
ส่วนดีล่ะ อ้ายส่วนไม่ดีที่เป็นเปลือกแหลมๆ ก็โยนทิ้งไปสิ อ้ายส่วนเม็ดที่มันกินไม่ได้ ก็อย่า
ไปกินสิ ก็เลือกกินดีๆ
ทั้งชั่วโมง ชั้นพูดให้คุณโง่หมดหรือไงล่ะ มี มึงๆ กูๆ อยู่ตลอดเวลาหรือไง ก็แสดงว่า มึงไม่
สมควรเข้าวัดไหนเลย ถ้าจะเข้าอีกที ก็รอมึงตาย เราก็เลยว่าไปอย่างนั้นน่ะนะ
ก็นิสัยชั้นเป็นอย่างนี้ ชั้น คือ ผู้เพ่งโทษ ชั้นไม่มีหน้าที่ไปจ๊ะจ้ากับใคร
เค้าบอกว่า อื่ม ทำไมคนอื่นเค้าพูดเพราะ
เออ ที่เค้าพูดเพราะ ก็นิสัยเค้าเป็นอย่างนั้น แต่สันดานชั้นเป็นอย่างนี้
สันดานชั้นเป็นอย่างนี้ ก็เป็นคนที่ ชั่วชีวิตชั้น คิดอย่างไร พูดอย่างนั้น, พูดอย่างไร ทำ
เช่นนั้น
คิด ทำ พูด ต้องเรื่องเดียวกัน
ชั้นบอกลูกศิษย์อยู่เสมอว่า ถ้าชั้นอยู่อย่างไม่ภาคภูมิ ชั้นจะไม่ยอมมีชีวิตอยู่ ถ้าอยู่แล้ว
แบบชนิดเอาใจเค้า จ๊ะ จ๋า ใช่ครับพี่, ดีครับผม, นิยมครับท่าน ทั้งๆ ที่เห็นมันผิดอยู่
ตรงหน้า ถ้าอย่างนี้ ชั้นยอมตายดีกว่า ถ้าจะไปให้ยกคนผิด ว่าเป็นคนดี ถ้าอย่างนี้ ยอมตาย
ชั้นถึงได้ลาออกหมดไง เพราะชั้นเข้าสังคมกับสังฆมณฑลเค้าไม่ได้ เค้าชอบ ใช่ครับพี่,
ดีครับผม นิยมครับท่าน, มันครับคุณ อะไรอย่างนี้ เราก็รับไม่เป็น ทำไม่ได้ แล้วเค้าก็
เลยไม่กล้ามายุ่งกับชั้น พอชั้นลาออกแล้ว เค้ายิ่งรู้ว่าชั้นปากจัด
งั้น ก็เลยรวมๆ สรุปว่า ชีวิตที่ถูกทำนองตลองธรรม มันไม่ต้องเติมแต้ม สีเสียงแสงและใส่
หน้ากากแล้วตกแต่งประดับประดาให้งดงาม เพราะชีวิตที่อยู่ในทำนองคลองธรรม มันเป็น
ชีวิตที่มีศิปกรรมอยู่ในตัวมัน มีความวิจิตรพิสดาร มีความละเอียดอ่อนละเมียดละมัย มี
ความแข็ง มั่นคง คงทน มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ชั้นเขียนบทโศลกเอาไว้บทหนึ่งว่า
ลูกรัก หัวใจสำคัญของคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม และสัจธรรม คือ ความอ่อนน้อมถ่อม
ตน
แล้วชั้นก็จะเขียนบทโศลกอีกบทหนึ่งว่า
ลูกรัก ชั่วชีวิตพ่อ ถ้าจะให้พ่อเลือก ระหว่างเขากับหญ้า พ่อไม่บ้าเป็นเขา แต่พ่อชอบอยู่
เป็นต้นหญ้า แล้วถ้าจะให้เลือกระหว่างต้นยางกับต้นหญ้า พ่อก็ไม่ชอบเป็นต้นยาง แต่ชอบ
เป็นต้นหญ้า เพราะต้นหญ้า ลมมา มันก็ลู่ตาม ลมหาย มันก็ตั้งตรง แล้วชั่วชีวิตพ่อ ไม่เคย
เห็นเขาขึ้นยอดหญ้า มีแต่หญ้าอยู่บนยอดเขา ฟังอย่างนี้ เข้าใจไม๊
ความอ่อนน้อมถ่อมตน มันทำให้เรายิ่งใหญ่ เหนือขุนเขาได้ ถ้าเราเข้าใจชีวิต
นี่คือ ศิลปะของชีวิต แล้วนี่คือ วิถีพุทธ คือ วิถีที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนพระมหาเถระ
มีพระมหาเถระ ชั้นจำไม่ได้ว่า มีนามว่าอะไร แต่ไปในเมืองที่เค้าดุมาก อ้อ พระโมคคัลลา
นะ หรือ พระอานนท์นี่แหละไม่แน่ใจไปที่เมืองที่ดุมาก
อ้าว ถ้าเค้าด่าเธอ ก็ดีกว่าเค้าทุบตี, ถ้าเค้าตีเธอ ก็ดีว่าเค้าฆ่า, ถ้าเค้าฆ่าเธอ ก็ถือว่า
กรรมหมดแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่ง สาธุ อย่างนั้นไปได้ เพราะเธออ่อนน้อมถ่อมตน
ความหมายของชีวิต มันต้องเป็นอย่างนี้ นี่คือ ชีวิตที่ถูกทำนองคลองธรรม
ถ้ายะโส อวดดี เหมือนปูชูก้าม ช้างชูงวง เข้าป่านี่ มันเข้าไม่ได้นะ มันเจ็บ
งั้น ลูกหลานท่านที่รักทั้งหลาย ความอ่อนน้อม มันเป็นอะไรที่มันยิ่งใหญ่มาก ชั้น เมื่อวานนี้
ไปทอดผ้าป่า ชั้นติดหนี้พระเค้าไว้ แล้วก็ไปทอดผ้าป่า อ้ายหนี้ คือ หนี้บุญคุณที่เค้าเคย
อุปถัมภ์เราแค่ชั่วคืนกับวันหนึ่ง เค้าดูแลตักน้ำใช้น้ำฉันเมื่อตอนสมัยเค้าเป็นเณร แล้วเค้า
บวชเป็นพระ เค้าก็มีใจที่จะช่วยสร้างพระศาสนาไปทำวัดร้างให้เป็นวัด เราก็เลยมาสนับสนุน
เอาตังค์มาถวายเค้าแสนกว่าบาท
แล้วก็มีเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะปกครองมา เราก็ไหว้ แล้วก็ถาม กระซิบถามว่า ท่านอายุ
พรรษาเท่าไหร่ เค้าบอก เราก็ ผมมากกว่าท่าน 2 พรรษา แต่ไม่เป็นไร ผมไหว้ท่านก่อน
ผมได้เปรียบ เค้าเป็นเจ้าคณะอำเภอ เราเป็นพระกิ๊กก๊อก ไม่มีที่มาที่ไป หาหัวหาหางไม่ได้
อ้าว ไหว้ไว้ก่อนล่ะเป็นเรื่องดี ไหว้ไว้ก่อนได้เปรียบ เราก็เลยบอก ไม่เป็นไรท่าน ผมถือว่า
ผมไหว้พระ ไม่ได้ไหว้คน ถ้าท่านเป็นพระให้ผมไหว้ได้ ผมก็ไหว้ล่ะ
เพราะฉะนั้น อยากบอกท่านที่รักทั้งหลายว่า ชีวิตที่ถูกทำนองคลองธรรม คือ ชีวิตที่มีชีวิต
ไม่ใช่ปล่อยไปตามกรรม แต่เลือกสรร คัดจัดกรรม ที่เหมาะสมต่อพฤติกรรม สังคม สิ่งแวด
ล้อม และเรื่องที่ตัวเองกระทำอย่างใช้สติปัญญา
เมื่อวาน ยังสอนพระเลย บอกพระว่า ญาติโยมที่ศรัทธาพระ อย่าเลี้ยงพระแบบโง่เขลา
อย่าให้พระแบบงมงาย จงสำนึกระลึก เดี๋ยวนี้มีอรหันต์ขี่ไมค์บัค ขี่รถเบ็นซ์ มีอรหันต์ขี่เบ็นซ์
500 อันนี้ก็ถือว่า โยมโง่เอง ดัน ขออภัย เสือกไปให้เค้า อรหันต์ที่ไหนขี่ไมค์บัค ขี่รถ
เบ็นซ์ ราคาเป็นร้อยๆ ล้าน ที่ไหนเค้าทำกัน อรหันต์ยืมเงินใครใช้ก็ไม่ได้ อรหันต์จะ
ฟุ่มเฟือย เลอะเทอะ เปรอะเปื้อนอย่างนี้ก็ไม่ได้ งั้น ก็ต้องระวังให้ดี
งั้น ชาวบ้านเนี่ย ทำให้พระเสียหาย แล้วก็ต้อง เมื่อวานยังสอนครูว่า ครู พระเนี่ยไม่เลว
อ้ายที่เลว นั่นมันลูกชาวบ้านมาบวช ลูกชาวบ้านมาบวช แล้วพวกเราก็ไปสวดยกให้ท่าน
เป็นพระ ทั้งๆที่ท่านเป็นแค่ภิกษุ นักบวช และสมณะ ยังไม่ทันเป็นพระ เราก็ไปยกซะแล้ว
อย่างนี้ ก็ถือว่า ผิดธรรมผิดวินัย เพราะคนบวชใหม่ๆ พระพุทธเจ้าไม่เรียกพระ เรียก ภิกษุ
แปลว่า ผู้ขอ ผู้ละ ผู้วาง ผู้ปล่อย ผู้เว้น เรียก นักบวช แปลว่า ละ วาง ปล่อย เว้นความชั่วทาง
กาย วาจา ใจ ภิกษุ แปลว่า ผู้เห็นภัยในวัฏฏะ นักบวช แปลว่า ละ วาง ปล่อย เว้นทางกาย
วาจา ใจ แล้ว สมณะ แปลว่า สงบกาย สงบวาจา และสงบใจ พระ แปลว่า ประเสริฐ ดีเลิศ
และงามพร้อม ไม่มีคำชั่วอยู่ในพระ
อ้ายที่ว่า ชั่ว แสดงว่า ไม่ใช่ มันลูกชาวบ้านเข้ามาบวช
งั้น ความหมายของชีวิตที่ถูกทำนองคลองธรรม มันจะต้องรอบรู้ รู้ทุกเรื่องที่เข้ามาในชีวิต
แล้วก็ทำทุกเรื่องให้ไม่มีเรื่อง ด้วยสติและปัญญา งั้น ถ้าเราขาดสติ ขาดปัญญา ชั้นยังบอก
พระเลยว่า คำสอนสูงสุดของพระพุทธศาสนานี้ ศาสนาใดเค้าจะสอนอะไรก็แล้วแต่
แต่ศาสนานี้ สอนสูงสุดก็คือ สอนให้มีปัญญา
เพราะมีปัญญา จึงเห็นทุกข์
เพราะมีปัญญา จึงรู้เหตุเกิดทุกข์
เพราะมีปัญญา จึงรู้ทางดับทุกข์มีอยู่
และเพราะมีปัญญา จึงรู้ว่า ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์นั้น ต้องทำให้เจริญ
อ้าว อย่าลืมใช้บริการยาลม ยาดม ยาหม่องนะจ๊ะ ทา ตาเข้าไว้ เออ อุตส่าห์แจกไปแล้ว
อย่าไปพก เออ งัดขึ้นมาทาตาไว้ ลูก อ้าว อีหนู หลับไปแล้วเหรอ อย่าลืมใช้บริการยาลม
ยาดม ยาหม่องนะจ๊ะ ทาผัวหอมเมีย ทาเมียหอมแม่ยาย ทาข้างๆ ใกล้ๆ ก็ได้กลิ่น
เพราะฉะนั้น ชีวิตที่ถูกทำนองคลองธรรมหมดหรือยัง
ยัง มันรวมไปถึง เห็นอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา เห็นแล้วมันทำให้เกิดอะไร
เห็นว่า สรรพสิ่งในโลกเกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ แปรปรวนในท่ามกลาง สุดท้ายแตกสลาย
ในที่สุด มันทำให้เกิดนิพพิทาญาณ คือความเบื่อหน่าย อ้ายความเบื่อหน่ายนี่ ไม่ใช่ขี้เกียจ
นะ แต่เบื่อที่จะไปเป็นทาสของวัฏฏะ คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย หาวิธี ขวนขวายที่จะพ้น มันก็
อยู่ในมรรคาปฏิปทา ข้อที่ 2 เรียกว่า ดำริชอบ ดำริที่จะออกจากกาม ดำริที่ออกจาก
เบญจพิษกามคุณ ดำริที่จะออกจากวัฏฏะ คือรส กลิ่น เสียง สัมผัส เกิด แก เจ็บ ตาย ดำริที่
จะออกจากความผิดชั่วหยาบทั้งปวง
มันก็อยู่ในมรรควิถี
อ้ายชีวิตที่อยู่ในทำนองคลองธรรม มันอยู่ในหลักของอะไรในมรรคมีองค์ 8 ประการ อยู่
ในหลักสัมมาทิฏฐิ นี่ชั้นกำลังสอนสัมมาทิฏฐิพวกคุณ แบบชนิดที่คุณไม่ค่อยรู้สึกตัวเท่าไหร่
เพราะคุณเบลอ เพลิน ฟังชั้นเพลิน แต่เริ่มต้นจากสัมมาทิฏฐิก่อน เรื่อง ความเห็นตรงถูก
ต้องตามความเป็นจริง สภาพธรรมที่ปรากฏอย่างไร เห็นอย่างนั้น นั่นเค้าเรียกว่า ผู้มีสัมมา
ทิฏฐิ แต่ก็มีชีวิตอยู่ในทำนองคลองธรรม
ทำนองคลองธรรมชั้นต่ำสุด ชั้นคุณลักษณะ คุณสมบัติของความเป็นมนุษย์ ก็อย่างที่กล่าว
เบื้องต้นว่า นิมิตตัง สาธุรูปนัง กตัญญูกตเวทิตา กตัญญู รู้คุณ กตเวทิตา ตอบแทนคุณ,
หิริ ความละอายชั่ว โอตัปปะ ความเกรงกลัวบาป นี่คือ ทำนองคลองธรรมชั้นพื้นๆ ที่เป็น
คุณลักษณะของมนุษย์ ซึ่งมนุษย์ไม่ควรปฏิเสธ 4 คุณ
4 คุณนั้น คืออะไร
คุณธรรม คนที่มีคุณธรรม จะทำคุณประโยชน์ได้ยิ่งใหญ่ เหมือนกับชั้นยกให้ครูฟังว่า ถ้า
คุณทำงานด้วยใจ ไม่ได้เอาเงินเป็นตัวตั้ง แต่เอาใจเป็นตัวตั้ง คุณจะมีอ้อมกอดอันยิ่งใหญ่ที่
จะกอดเด็กทั้งห้องเรียน ด้วยความอบอุ่น แล้วเด็กก็จะได้รับความอบอวลด้วยกลิ่นอายของ
ความหอมหวานที่อบอุ่นไปด้วยความรู้สึกดีๆจากครูพ่อ ครูแม่ ไม่ใช่ครูพระเพลิง ที่คอย
เผารนให้เค้ากลายเป็นคนก้าวร้าว แล้วกลับไปบ้าน ก็กลายเป็นเด็กก้าวร้าว เอาแต่ใจ เอาแต่
อารมณ์
ทั้งหมดนี่เด็กไม่ได้เกิดขึ้นเอง มันเกิดจากครู เกิดจากผู้ใหญ่ เกิดจากคนใหญ่ที่ทำร้ายเด็ก
เด็กที่มักมากอยากได้ โลภโมโทสัน เอารัดเอาเปรียบ ตระหนี่ คับแคบ เห็นแก่ตัว มันเกิด
จากผู้ใหญ่ทำต้นแบบให้เด็กดู แล้วเด็กก็ซึมซับมาทางพฤติกรรม การศึกษา การฟัง การ
เรียนรู้ การสัมผัส
งั้น ถ้าเราให้แต่สิ่งที่งดงาม คือ พ่อแม่ชั้นเนี่ย เกิดในตระกูล สกุลทองประเสริฐเนี่ย เค้ามี 3
สาย สายวิชาการ สายแพทย์ แล้วก็สายพ่อค้า เผอิญชั้นอยู่ในทุกสาย โคตรเหง้าชั้นผสม
หลายสายเหลือเกิน รวมๆ สรุปมาอยู่ในสาย บ้านชั้นเป็นหมอ หมอไทย ตาเป็นหมอไทย
ยายเป็นหมอผดุงครรภ์
งั้น คนมาฝากท้อง ยายก็จะสอนว่า อีหนู รับศีลหรือยัง, ยัง, มึงไปรับศีลก่อน แล้ว
เดี๋ยวกูจะมาตรวจครรภ์ให้ แกจะไล่ให้ไปรับศีลก่อน
ถามว่า เพราะอะไร ลูกที่อยู่ในท้อง มึงคิดอะไร เค้าก็รู้อย่างนั้น ยายจะสอนอย่างนี้
งั้น เวลาสอนลูก ให้สอนตั้งแต่อยู่ในท้อง สอนให้รู้จักสวดมนต์ไหว้พระ ถ้าอยากให้ลูกออก
มาเป็นคนมีเหตุมีผล จิตใจอ่อนโยน กตัญญู รู้คุณ แม่ก็ต้องละเมียดละมัย อ่อนโยน มีเหตุมี
ผล อย่าวู่วาม แล้วก็กตัญญูรู้คุณต่อผู้ใหญ่ ต่อบิดามารดา ต่อพ่อแม่ฝ่ายสามี แล้วเด็กที่อยู่
ในท้องจะกลายเป็นคนมีเหตุมีผล ยายจะสอนอย่างนี้
ถ้าอยากให้ลูกกลายเป็นคนก้าวร้าว เอาเปรียบ เห็นแก่ตัว โลภโมโทสัน จู้จี้ จุกจิก แม่ก็บ่น
เข้าไว้ พ่อก็ด่ากันเข้าไว้ แล้วสุดท้ายนี่ เด็กมันจะซึมซับเข้ามา แล้วโตขึ้นมา ก็จะกลายเป็น
คนร้องเอาแต่ใจจนกลายเป็นตัวเขียว ตาเหลือก แสดงว่า เด็กคนนี้มันเอาแต่ใจในตัวมันเอง
เจ้าอารมณ์ ก็เพราะตอนแม่ท้อง แม่มีความรู้สึกยังไง แม่สอนอารมณ์ให้แก่ลูกตั้งแต่อยู่ใน
ท้อง สอนวิธีการ สอนกระบวนการในการมีชีวิตอยู่
เพราะงั้น คนโบราณเค้ามีวิธีสอนลูกตั้งแต่อยู่ในท้อง แล้วเด็กเนี่ย คุณครูทั้งหลายถ้านั่งอยู่นี่
ขอบอกตรงๆ ว่า เด็กเตรียมอนุบาล อย่าไปสอนมาก แต่ทำให้ดูมากๆ แต่ถ้าชั้นประถมขึ้น
ไป เริ่มที่จะให้อ่านเขียน ชั้นมัธยม ก็เริ่มให้ได้จำเยอะๆ เริ่มให้ได้ลงมือทำมากๆ
เพราะว่า ชั้นอนุบาล เด็กชอบที่จะดูพฤติกรรมของผู้ใหญ่แล้วจดจำ ง่ายมาก แต่ถ้าสอน
ชั่วโมงหนึ่ง เค้าจำได้แค่นาทีเดียวเท่านั้นแหละ แต่ครูไม่เข้าใจธรรมชาตินี้ไง ไม่เข้าใจก็
เพราะว่า ไม่ได้ทำงานด้วยใจ แต่ทำเพราะมีเงินเป็นตัวตั้ง มันก็เลยทำให้จิตใจหยาบกระด้าง
ทำตามชั่วโมงที่โดนจ้าง
งั้น สิ่งที่ให้กับเด็ก ก็เลยกลายเป็นความแข็งกระด้าง ก้าวร้าว ไม่ละเมียดละมัย ไม่อ่อนโยน
ถ้าจะอ่อนโยน ก็กลายเป็นคนอ่อนแอ สุดท้ายก็ได้เด็กพิการให้ออกมาสู่สังคมและประเทศ
ชาติ
งั้น ก็เลยบอกคุณครู อยากจะทำบุญกับแผ่นดิน คุณครูก็ต้องเริ่มต้น จากเป็นครูจากตัวครู
ก่อน ทำต้นแบบอันงดงามให้เด็กได้ดู ทำหน้าที่ที่ถูกต้องให้เด็กได้เห็น แล้วเด็กก็จะซึมซับ
สิ่งเหล่านี้ด้วยวิถีทางแห่งการมอง สัมผัส และจดจำ เหล่านี้ เป็นทำนองคลองธรรม
เป็นทำนองคลองธรรมที่มีชีวิตอยู่ในสายธารแห่งมรรควิถี ยังอยู่ในหลักสัมมาทิฏฐิ ความ
เห็นตรงถูกต้องนี่มันทำให้วิถีชีวิตเราดำเนินไปตามทำนองคลองธรรมที่ถูกตรง ถูกต้อง
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอนมรรควิถีเอาไว้ ถ้าว่ากันจริงๆ แล้ว มรรคมีองค์ 8 ประการ
ทรงยกปัญญาเป็นข้อแรก ถามว่า ทำไม
ทำไมไม่เอาศีลก่อน พวกเราปกติชาวบ้านธรรมดา มัน ศีล สมาธิ ปัญญา ถูกไม๊
แต่พระพุทธเจ้าบอกให้เราศึกษาปัญญาก่อน ยกตัวอย่างให้ดูง่ายๆ คนมีศีล แต่ขาดปัญญา
ก็จะไม่รู้เลยว่า อ้ายศีลข้อนี้ ควรรักษาเวลาใด ในช่วงจังหวะไหน ตัวเอย่างเช่น คนมีแต่ศีล
แต่ขาดปัญญา พระเดินไป รักษาศีล พระองค์นี้เคร่งศีลมาก รักษาศีลดีมาก ไม่ให้ขาด ไม่
ให้ด่างพร้อย ไปเจอคนตกน้ำ ผู้หญิงตกน้ำ พระก็ยืนมอง ท่าน ทำไมไม่ช่วย, ไม่ได้
เดี๋ยวศีลขาด, พระศาสนาท่านปรับว่า ชั่ว
เพราะงั้น ตัวนี้ ต้องใช้ปัญญามาวิเคราะห์ พระต้องมีปัญญาคิดว่า จะหาวิธีอย่างไรเอาชีวิต
ก่อน ช่วยชีวิตให้ได้ก่อน ศีลน่ะ มันเป็นลำพังตัว แต่นั่นคือ ชีวิตคนอื่น เค้าถึงได้ปรับว่า
เป็นความชั่วหยาบ เพราะคุณชั่วเกินไป ที่ไม่มีเมตตาที่จะช่วยเหลือชีวิตสัตว์ เห็นสัตว์กำลัง
ตกทุกข์ได้ยาก ใกล้จะสิ้นลม คุณก็ไม่คิดจะช่วย
เหมือนกับที่ชั้นเมื่อปีที่แล้วไปจีน แล้วคนญี่ปุ่น อายุก็ 60 กว่าๆ เค้าเดินๆ อยู่ ชั้นกำลังจะ
ขึ้นเครื่องบิน เค้าเดินๆ อยู่ มันก็ทางไกลอยู่ล่ะ เค้าลงไปนอน ชักดิ้นชักงอซักพัก แล้วแน่นิ่ง
ไปเลย แล้วเจ้าหน้าที่คนก็เดินผ่านเฉย ดูแล้วก็เฉย อ้ายเรา แค่นี้ก็สุดนู่นน่ะ เราต้องรีบวิ่ง
เลยล่ะ
ไปทำอะไร ไปปั๊มหัวใจเค้า ไปนั่งปั๊มหัวใจเค้า พรึบๆ คนเค้ามามุงดู มึงมามุงดูทำไม มึงมา
ดูกูทำไม ทีแรกทำไมมึงไม่ช่วย แล้วเจ้าหน้าที่การบินแทนที่จะช่วย ก็มัวแต่ไป ฮัลโหล วอๆ
อยู่นั่นแหละ อ้ายเราก็ โอโห คนมันจะตาย เราก็ฮึบๆ ซักพักหนึ่ง ฮึอ ขึ้นมา อ้อ รอดแล้วเว้ย
แล้วก็ ฮึดๆ อีก
ตอนหลังก็ไปขึ้นเครื่อง พอกลับมา คนเค้าก็แจ้ง อ้ายนั่นรอดตาย เค้าหัวใจหยุดเต้นไปชั่ว
ขณะหนึ่ง เราก็ไม่ได้อยากจะเป็นฮีโร่หรืออะไรหรอกนะ แค่คนกลับมาดูเรา เราก็เลย เอ้
ทำไมพวกคุณไม่ดูกันทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น ก็มีขบวนใหญ่นะ แล้วขบวนข้าราชการด้วยนะ
ไปกับรัฐมนตรี เดินเฉยเลย เดินผ่านกันไปเฉยเลย ไม่สนใจดู อ้ายเราตามตูดรัฐมนตรี เรา
กลับต้องไปลงมือช่วย
ก็เลยมีความรู้สึกว่า เนี่ย มันขาดอะไรก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ ก็คือว่า คนที่มีชีวิตอยู่ในทำนองคลอง
ธรรม เค้าจะมีกระบวนการบริหารจัดการชีวิตให้มีศิลปะให้มันละเมียดละมัย ละเอียดอ่อน
สุขุม คัมภีรภาพ และเหมาะสม ต่อเหตุ ต่อผล ต่อตน ต่อประมาณ ต่อกาล สถานที่ ชุมชน
บุคคลได้อย่างเหมาะสม
ทั้งหมดนี่แหละ คือ วิถีพุทธ วิถีชีวิต วิถีคิด วิถีทำ วิถีพูด นั่นคือ วิถีแห่งปัญญา
คุณควรจะต้องศึกษา สั่งสม แล้วทั้งหมดนี้ มันมาจากอะไร
มันมาจากสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นี่ หลับๆ ตื่นๆ นี่ ใช้ยาหม่องซี ใช้หรือยัง ไม่เอา ไม่พูดละ
เปิดโอกาสให้ถามปัญหาดีกว่า
เอ้า เชิญ ใครอยากถามอะไร ถาม
ใช้เถอะ ไม่มีใครว่าหรอก
พิธีกร ครับ นี่คือ ความเมตตากรุณาอย่างยิ่งนะครับ เพราะหลวงปู่ไปที่ไหนนั้น หลวงปู่
จะให้โอกาสที่พวกเราจะได้ศึกษาธรรมจากหลวงปู่ คือ Two ways เอ้า มีญาติโยม
คนใดจะถามหลวงปู่ ลุกขึ้นถามเลยครับ ผมจะเอาไมค์ไปให้นะครับ เชิญเลยครับ ลูกๆ เด็ก
นักเรียนด้วย
หลวงปู่ เค้ามีกระดาษแจกไม๊ล่ะ
พิธีกร เอ้า เอากระดาษแจกดีกว่า
หลวงปู่ กระดาษแจก แล้วก็เขียน
พิธีกร กระดาษแจก ดีแล้วครับ เขียนมาแล้วเดี๋ยวผมจะได้ขอประทานกราบเรียนถาม
หลวงปู่นะครับ นี่คือความเมตตา หลวงปู่ให้โอกาสกับพวกเรานะครับ กรุณาทราบนะครับ
ม.ล ปนัดดา ดิสกุล ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ของเรานั้น คือ ศิษย์เอกท่านหนึ่งของ
หลวงปู่พุทธะอิสระรูปนี้นะครับ ตอนที่ท่านเป็นผู้ว่าฯ นครปฐมนั้น ก็ไปกราบหลวงปู่ประจำ
และศาสนกิจที่หลวงปู่มาที่นี่ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ท่านทราบ ก็เลยจัดคิวถวาย
หลวงปู่ไม่ว่างไม่เว้นเลยครับ
หลวงปู่ คือ เรื่องอย่างนี้ ลูกศิษย์ชั้นที่เค้ามาด้วย เค้าไม่อยากให้รับ เพราะชั้นป่วย ทุกวันนี้
สารภาพว่า ชั้นป่วยนะ นี่ชั้นก็เป็นไข้ แต่ชั้นเป็นคนแปลก ชั้นพอมือถือไมค์ ไฟส่องหน้า
แล้วชั้นจะไม่ค่อยป่วย ชั้นก็พูดเล่นๆ กับลูกศิษย์ว่า มึง ถ้าเห็นกูพะงาบๆ มึงรีบเอาไมค์จ่อ
ปากเลย แล้วเอาไฟส่องหน้า แล้วกูจะฟื้นขึ้น มาแสดงธรรม พอพ้นจากตรงนี้ไป ชั้นก็จะ
ขอยาละ
เมื่อวานนี้ พอแสดงธรรมจบ ชั้นก็นั่งรถนี่ ลูกศิษย์จับตัวดู ไข้ขึ้นสูงมาก ไข้ขึ้น แล้วชั้นก็
เป็นของชั้นอย่างนี้ แล้วเค้าก็เลยไม่อยากรับงาน ที่จริงน่ะ ต้องกลับวันนี้ เค้าไม่อยากให้อยู่
ต่อ เพราะเค้าก็มีงานเหมือนกัน เราก็เลยบอกว่า ไม่ได้ เพราะที่วัดศรีโสดา พระเณรเค้ามี
ปัญหา อย่างที่ปัญหาที่พวกคุณรู้ๆ กันมา ลงข่าวหนังสือพิมพ์ Internet ไปทั่วโลก
เณรไปซื้อฮอร์โมนทางเพศมาฉีดอะไรเยอะแยะมากมาย
ท่านผู้ว่าฯ ก็เลยหางานให้เราทำ เค้าบอกว่า ช่วยมาอบรมคณะสงฆ์หน่อย ก็เค้าจัดคิวให้
พรุ่งนี้เวลา คุณไปหรือเปล่าไม่รู้ เวลาบ่ายโมง เอ้ย ไม่ใช่สิ เวลาเท่าไหร่นะ, 9 - 10
โมง ก็ให้ไปอบรมสามเณรน้อยๆ อีก 500 กว่าชีวิต เค้าก็ถามว่า ทำไมต้องอยู่ด้วย คืน
งานเค้าไปก็ได้ ลูกศิษย์เค้าห่วง เราก็เลยบอกว่า นี่มันเป็นงานศาสนา
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ แล้วมันก็เป็นประโยชน์ต่อศาสนาโดยตรง อีกทั้งถ้าเราพูดและให้คติเตือนใจให้
กับเค้าได้, 500 นี่ ถ้ามันคิดได้ซักคนหนึ่ง ก็เป็นบุญศาสนาแล้ว
พิธีกร ครับ หลวงปู่ครับ ประเด็นนี้เนี่ย เข้าทาง คือ พระหนุ่มเณรน้อยที่มาบวชเนี่ย จริงๆ
แล้วก็มาจากครอบครัวและครอบครัวที่นิยมสอนแบบกระตุ้งกระติ้ง จะชี้ให้เห็นยังไงครับ
หลวงปู่ บางทีก็เราต้องมองหลายแง่นะ เรื่องพวกนี้มันต้องมองแง่กรรม แง่พฤติกรรม
แง่สังคม แง่วุฒิภาวะ และเพศภาวะ
พิธีกร ในแง่สังคม สังคมยอมรับครับ ปู่ เดี๋ยวนี้
หลวงปู่ ยอมรับเหรอ
พิธีกร เค้าไม่แอบจิตละ เค้าสว่างจิตกันเลย เมื่อก่อนนี้ ยังแอบจิต
หลวงปู่ ไม่มีนะ แง่สังคมพุทธศาสนา เค้าไม่ยอมรับ เค้าถือว่า พวกนี้เป็นบัณเฑาะว์
พิธีกร สังคมบันเทิงครับ
หลวงปู่ เอ้า สังคมบันเทิง มันเรื่องของเค้า แต่เรามัน นี่ เพศภาวะไง
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ วุฒิภาวะ กับเพศภาวะ ก็พรุ่งนี้ ก็ตั้งใจจะไปพูด บอกเค้าว่า คุณมีเพศภาวะอะไร
และสิ่งที่คุณทำ แสดงว่าคุณขาดวุฒิภาวะอะไร แล้วก็ต้องให้พระผู้ปกครองได้รับรู้ว่า อย่า
มัวแต่มานั่งให้เด็กเรียนภาควิชา ชั้นน่ะ ไม่เข้าใจ ประเทศไทยเนี่ย เรียนมากกว่าพระ
พุทธเจ้าอีก จริงๆ ชั้นไปญี่ปุ่นนะ เค้านิมนต์ไปสอนในมหาวิทยาลัยฟูกูโอกะนะ ปริญญาโท
เนี่ยนะ ชั้นนั่งรถไประหว่างไปสอนในมหาวิทยาลัย ครูเค้าเกณฑ์เด็กอนุบาลลงไปในทุ่งนา
คุณ
ถาม คนขับรถว่า นี่ เค้าเอาเด็กเล็กๆ มาลงทุ่งนา ทำอะไร มีขี้โคลนเต็มไปหมด เค้าบอก
เด็กพวกนี้ ร้อยกว่าคนเนี่ยนะ ทั้งหมดนี่ เป็นลูกชาวนา
แล้วญี่ปุ่นเค้าเนี่ย ถ้าคุณมาจากลูกชาวนา เค้าไม่อายนะ บ้านเรา ถ้ามาจากชาวนา เวลาไป
สมัครงาน อาชีพอะไร พ่อค้า ค้าขาย หรือไม่ก็ อาชีพอิสระ แต่ไม่กล้าจะเขียนว่า ชาวนา
แต่ของเค้าไม่ใช่นะ เริ่มต้น ถ้าคุณมาจากชาวนา คุณก็ต้องไปเรียนวิชาของกำพืดตัวเอง
ตั้งแต่ชั้นอนุบาล ไปเรียนมา ชาวนา พ่อแม่คุณทำอะไร แล้วพอไปทำที่ ถอนหญ้าในนาแล้ว
ผู้ใหญ่เค้าไถให้เรียบร้อยแล้ว แล้วก็ทำหน้าที่ไปเก็บหญ้าอะไรออก เสร็จแล้วครูก็จะแจก
ไม่ใช่แจกต้นกล้านะ แจกเมล็ดข้าวกับเด็กไป เอ้า กี่วัน มานับ เอาไปเพาะแล้วก็มาวัด แล้ว
ก็ให้คะแนน จนกว่าจะได้เวลา 1 เดือนผ่านไป เด็กก็ต้องเอาต้นกล้าของตนมาดำ มาดำใน
นาที่ตัวเองไปเก็บหญ้าเมื่อเดือนที่แล้ว อย่างนี้เป็นต้น
นี่ เค้าสอนกันอย่างนี้นะ ถ้าคุณมาจากซามูไร ตีดาบ เค้าก็ให้ไปสอนกำพืดตัวเองก่อน โคตร
เหง้าคุณเรียนอะไรมา ทำอาชีพอะไร ต้องไปเรียนรู้อย่างนั้นมาก่อน ส่วนโตขึ้น จะทำไม่ทำ
สุดแท้แต่คุณ แล้วชาวนาญี่ปุ่นเค้ามีเกียรตินะ เค้ามีเบี้ยเงินเดือนนะ มีเบี้ยเลี้ยง มีปลด
เกษียณ เพราะเค้าถือว่า ช่วงญี่ปุ่นแพ้สงคราม ประเทศต้องเสียค่าปฏิกรสงคราม เงินได้มา
ต้องให้ต่างชาติหมด เพราะงั้น ข้าวที่มีอยู่ในญี่ปุ่น ก็คือ ข้าวที่เลี้ยงคนญี่ปุ่น เพื่อให้ตั้งตัวได้
ทุกวันนี้
เพราะงั้น อาชีพที่มีเกียรติที่สุดของญี่ปุ่น คือ อาชีพชาวนา ต่อมาคือ อาชีพ ครู งั้น ครูเค้าก็
เลยมีใจที่จะสอนเด็กญี่ปุ่น สอนลูกหลานให้เป็นคนที่ไม่ลืมกำพืดตัวเอง แต่บ้านเรานี่กลัวมาก
อายที่จะบอกตัวเอง บอกกับคนอื่นว่า เราเป็นลูกชาวนา ไม่กล้าที่จะบอกกับคนอื่นว่า เรา
เป็นลูกของชาวไร่ หรือว่า ทำเกษตรกรรม ปศุสัตว์ กสิกรรม หรือว่า อาชีพต่ำๆ อะไร ไม่กล้า
ชั้นเนี่ย ที่วัดชั้นเนี่ย คนเค้าถามว่า เค้ายกตัวอย่าง พ่อแม่ของอรหันต์ล่ะนะ อรหันต์อะไรก็
ไม่ต้องไปพูดหรอก พอเป็นอรหันต์แล้ว เค้าปลูกบ้านหลังใหญ่ให้เบ่อเร่อเลย เหมือนกับวัง
เลย มีรถเบ็นซ์ให้ทุกคนขี่ เค้าก็เลยถามชั้นว่า ทำไมปล่อยให้โยม ชั้นเรียกย่านะ อายุแกจะ
86 -87 ละ แกก็แก่แล้ว มานั่งขายน้ำอยู่ในวัด เพราะว่าชั่วชีวิตชั้นตั้งแต่บวชมานี่ ไม่
เคยมีตังค์ให้แม่ แล้วชั้นก็เป็นคนไม่มีตังค์ แล้วก็ไม่เคยพกตังค์ แล้วก็ต้องบอกกับแม่ว่า แม่
อย่าป่วยนะ ถ้าแม่ป่วยเนี่ย ไม่มีตังค์รักษา แกรู้อย่างนี้ แกก็ หาน้ำ ขายน้ำ แกก็หาวิธีเด็ด
ผักบุ้งขายบ้าง ขายน้ำอัดลมบ้าง เวลาคนมาฟังธรรมที่วัด ถ้าวันไหนชั้นป่วย 2 เดือน แกก็
จะมาบ่นละ พักนี้ไม่ค่อยได้ตังค์, ถาม ทำไม, แต่แกได้ตังค์ แกก็ไม่ได้ไปไหนนะ แก
ก็มาถวายวัด เมื่อเดือนที่แล้ว แกก็มาถวายชั้นไว้ ห้าหมื่น บอก ท่าน, เอามาจากไหน
เนี่ย, ก็ขายน้ำไง ขายตั้งแต่ปีใหม่มาถึงนี่, อืม, ขายแล้วก็เก็บเอามาถวาย
คนเค้าก็ถามชั้นว่า ทำไมไม่เลี้ยงแม่ให้อยู่สบาย ชั้นก็เลี้ยงเท่าตามสมณะสารูป เช้าขึ้นมา
ชั้นก็เอาข้าวไปให้ แล้วก็มีบ้านให้อยู่ แต่แม่ชั้นก็ไม่กล้าที่จะไปใช้ไฟใช้น้ำวัดฟรีๆ แกก็หา
ตังค์ให้ คือครอบครัวเราสอนให้กลัวบาป แล้วก็ไม่อยากให้เกิดบาป แล้วเราก็จะบอกกับแม่
ว่า แม่อย่าป่วยมากนะ ถ้าแม่ป่วยเนี่ย เราไม่มีตังค์รักษานะ แม่แกจะรู้ แกจะพยายามไม่
ป่วย แกพยายามจะไม่ป่วย ทั้งๆ ที่แกก็ป่วย พอไปเจอ ไม่เป็นไรแล้ว
เพราะอะไร แกกลัวเราจะทุกข์ใจไง แกกลัวเราจะไม่สบายใจว่า เราจะไปหาตังค์ที่ไหนมา
รักษาแม่
ชั้นเนี่ย เดือนหนึ่ง ชั้นหาตังค์ให้วัดเนี่ยนะ เดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่า 10 กว่าล้าน แต่ชั้นไม่เคย
ให้ตังค์ญาติเลย เพราะญาติชั้นระอาชั้น ตั้งแต่บวชมา ชั้นไม่เคยเหยียบเข้าบ้าน เพราะชั้น
ถือว่า เราเป็นผู้ออกจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว เป็นผู้ที่พ้นแล้วซึ่งจากเรือน ก็จะ
ไม่เข้าเรือน ชั้นก็จะไม่เข้าบ้าน
งั้น ญาติๆ จะไม่รู้จักชั้น ญาติจำชั้นไม่ได้ว่า หน้าตาเป็นยังไง มีแต่แม่ชั้น เพราะชั้นอยู่กับ
แม่มาแต่เล็กๆ ไง แล้วแกก็จะตามชั้นไปตลอดเลย ไม่ว่าชั้นอยู่ไหน แกก็จะตาม มาใหม่ๆ
เราก็ปักกลดให้แกอยู่ ตอนวัดสร้างใหม่ๆ ไม่มีที่พัก ปักกลด เอาอ้ายก้านมะพร้าวมามุง
หลังคาให้แก ทำเพิง แล้วก็เอากลดของชั้นมากางมุ้งให้แกอยู่ แล้วเราก็ไปอยู่กระต๊อบ เอา
อ้ายทางมะพร้าว
เมื่อก่อนนี้ วัดอ้อน้อยไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนสมัยนี้หร๊อก พอสร้างเสร็จ แล้วก็หนีไปอยู่ป่า
แกก็เฝ้าวัดของแกไป แล้วตอนนี้แกอายุมากแล้ว เราก็เลยไม่กล้าไปไหนมาก เจ้าประคุณ
สมเด็จพระญาณสังวรณ์ ท่านมาวัด ท่านก็เลยตรัสว่า หลวงปู่ ท่านเรียกชั้น หลวงปู่หนุ่ม,
หลวงปู่ อย่าไปไหนอีกนะ แม่ก็แก่แล้ว วัดก็โตใหญ่แล้ว เติบใหญ่แล้ว อยู่ช่วยกันทำกิจ
พระศาสนา เผยแพร่พระสัจธรรม ถ้าอยากไปอยู่ป่า ก็ให้ปลูกต้นไม้เยอะๆ เดี๋ยวมันเป็นป่า
จะได้ไม่คิดถึงป่า ท่านว่างั้น ท่านชอบมาวัดชั้น ท่านนั่งคุยเรื่องอะไรต่ออะไรก็แล้วแต่
สัพเพเหระ คุยไปเรื่อยเปื่อยตามภาษาพระนะ
พระสมัยก่อน ท่านเจอหน้า ท่านอยู่ด้วยธรรมอะไร เมื่อก่อนนี้ หลวงพ่อชาเจอกันตอนสมัย
ไปธุดงค์อ้าว ตอนนั้นท่านยังแก้ผ้าเดินอยู่ในป่า หลวงพ่อชา เพราะท่านเกิดความกำหนัด
แล้วกลัวสบงจะไปสีอวัยวะเพศ ท่านก็ยังเดินแก้ผ้าอยู่กลางป่า
เราก็ เฮ้ย นั่นตัวอะไรหว่า, ท่านก็ พระจ้ะ พระ, เราบอก เฮ๊อ พระทำไมแก้ผ้า ท่านก็
เลยเล่าให้ฟัง แล้วมาพักหลัง ท่านก็เกิดอธิกรณ์ขึ้นที่วัด ท่านก็เลยนิมนต์ให้ไปช่วยระงับ
อธิกรณ์
ชั้น นี่มันพวกกระดูกหลายเบอร์นา อยู่มานานพอสมควรแล้ว พวกรุ่นๆ ชั้นนี่ เค้าตายหนี
กันไปหมดแล้ว ไม่มีใครเหลือแล้ว งั้น ก็ถือว่า อยู่นานแล้ว เราก็ พักหลังนี่ ก็ป่วยหนัก
ก็ถามลูกศิษย์ว่า เฮ้ย ใต้ฝ่าตีนกู มันเกิดกากะบาทขึ้นหรือยังวะ, เค้าถาม ทำไม, ก็ถ้า
มันเกิดกากะบาท ก็แสดงว่า กูก็ไปได้แล้วล่ะ เพราะกูอยู่มานานแล้ว น่าจะไปได้แล้ว
พิธีกร กับหลวงปู่แหวนล่ะครับ หลวงปู่ครับ ประสบการณ์กับหลวงปู่แหวนครับ
หลวงปู่ โอ๊ย สมัยก่อนชั้นมา แกยังไม่มีอะไรเล๊ย วัดจนๆ กระจอกๆ หลวงปู่แหวนท่านมา
เค้าเรียกชั้น อาจารย์ปู่
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ แกก็ยังมาปูอาสนะให้ชั้นนั่ง สมัยก่อนนั้น นิกรดังๆ เราก็เลยถาม หลวงปู่, เออ
เค้าเรียกชั้น อาจารย์ปู่, ชั้นก็เรียกเค้า หลวงปู่, ก็เลยถาม หลวงปู่ เอ้า นิกรมาหรือ
เปล่า, อุ๊ย อย่าไปพูดถึงเดรัจฉาน ท่านเรียกอ้ายนิกรว่า เป็นเดรัจฉาน สมัยนั้น เค้าดัง
มากนะ อุ๊ย ไปไหนนี่ เป็นขบวนเลยนะ อุ๊ย รถบัสเป็น 5-6 คันเลย อุ๊ย รุ่นชั้นนี่มัน
ตั้งแต่ครูบาธรรมชัย ครูบาชัยวงศา ครูบาพรหมจักร หลวงตาโง่น หลวงปู่แหวน หลวงพ่อ
เกษม หลวงพ่อเกษมนี่ท่านไม่ได้สร้างพระหรอกนะ ท่านพับกระดาษแจก สมัยชั้นน่ะนะ
เค้ามาสร้างพระยุคไหนก็ไม่รู้ล่ะ แต่ยุคชั้นไปหาสมัยก่อนนี้ เจอกันเนี่ยนะ ท่านพับ
กระดาษแจก
พิธีกร เป็นกระดาษอะไรครับ
หลวงปู่ กระดาษ อะไรต่ออะไรที่ชาวบ้านเค้าถวายมา แล้วแกก็พับแจกของแกเรื่อยเปื่อย
ไปละ พับเป็นรูปปลาตะเพียน ตัดบางที แกเป็นช่างฝีมือตัด ตัดกระดาษ นั่งตัดกระดาษเป็น
รูปพระรูปอะไร แกยังให้ชั้นเลย ชั้นไปซุกไว้ไหนไม่รู้ ชั้นเป็นคนไม่ค่อยพกอะไร ซุกไป
เรื่อย ก่อนนี้หลวงปู่โต๊ะ ชั้นอยู่ถ้ำรังเสือ หลวงปู่โต๊ะท่านอยู่ถ้ำสิงโตทอง พอตกเย็นๆ ท่านก็
จะให้เณรมาเรียก เฮ้ย ไปเรียกหลวงปู่มานั่งคุยกัน เราก็นั่งคุยกัน สมัยก่อนนี้ แกจะสนิท
กับอุปัชฌาย์ชั้น หลวงปู่โต๊ะ
โอ๊ อย่าไปเล่าเลย เอาเรื่องคุณถามชั้น เรื่องอะไรดีกว่า
พิธีกร ครับ มี นี่แสดงว่า เป็นลูกศิษย์ปู่จริงๆ นะครับ ขึ้นต้นคำว่า ปุจฉา หลวงปู่จะโปรด
ในเรื่องนี้ ถ้าใครติดตามบารมีหลวงปู่ เวลาจะสนทนากับหลวงปู่นะครับ ในทีวี นอกทีวี ทุกที่
หลวงปู่จะโปรดเรื่องปุจฉา แล้วหลวงปู่จะบอก วิสัชนา, ปุจฉา คือ ถาม ถามว่า ว่าไป,
หลวงปู่ ก็จะบอก วิสัชนา คือ ตอบ, เรื่องนี้ อาจจะหนักหน่อยครับ หลวงปู่ครับ เป็นลูก
ศิษย์แน่นอน เขียนมาว่า
ปุจฉา ในหลักปฏิจจสมุปบาท 12 ขั้นตอน ท่อนแรกๆ ทำไมถึงยากจัง เหตุใด อวิชชา
จึงเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขารให้เกิดวิญญาณ เป็นต้นครับ
วิสัชนา คุณไม่ต้องไปรู้เรื่องครบทั้ง 12 กระบวนการ ถึง 3 รอบ ไม่ต้องรู้ รู้แค่อวิชชา
มันทำให้เกิดตัณหา ตัณหาก็ทำให้เกิดอุปาทาน อุปาทานก็ทำให้เกิดชาติ ภพ แค่นี้พอล่ะ
พิธีกร จับเอาประเด็นหลักๆ
หลวงปู่ เออ เอาประเด็นหลักๆ พอ ถ้าไปรู้ว่า อวิชชาทำให้เกิดสังขาร สังขารทำให้เกิด
วิญญาณ วิญญาณทำให้เกิดนามรูป ทำให้เกิดสฬายตนะ อู๊ย อย่างนั้น คุณจะปวดหัวจี๊ดจ๊าด
อะไรก็ไม่รู้ ก็ถึงได้บอกไง พระไทย คนไทย เรียนมากกว่าพระพุทธเจ้าอีก เรียนมากกว่า
พระอรหันต์อีก พระอรหันต์สมัยก่อนท่านรู้เพียงแค่ ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระศาสดาทรง
แสดงเหตุและความดับเหตุแห่งธรรมนั้น ท่านเป็นอรหันต์แล้ว แต่พวกเราเนี่ย โอ้โห แทบ
จะแบกตู้พระไตรปิฎก ยังอรหมุนอยู่เลย ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก็เพราะเราขยันจำไง แต่ไม่
ขยันทำไง จำไปเป็นขยะเยอะมากเลยในหัวนี่ แต่ทำไม่ได้ซักอย่างไง แล้วเวลาคุยนี่ อู้หู รู้
ฟุ้งไปหมด แต่ทำไม่ได้เลย
พระพุทธเจ้าเรียกคนอย่างนี้ว่า อะไรรู้ไม๊ โมฆะบุรุษ โมฆะสตรี
ถ้าเป็นบัณฑิต ก็เรียกว่า บัณฑิตสกปรก
ถ้าเป็นภิกษุ ก็เรียกว่า ภิกษุใบลานเปล่า ภิกษุคัมภีร์เปล่า
งั้น ไม่ต้องรู้เยอะ รู้เอาเป็นว่า โง่ แล้วทำให้อยาก พออยาก แล้วทำให้ยึด ยึด อุปาทานแปล
ว่า ความยึดถือ พอยึดถือ แล้วมันก็กลายเป็นชาติภพตามมาเท่านั้นแหละ พอ
แต่ถ้าคุณไม่ยึดเสียอย่าง มันไม่มีชาติ ไม่มีภพให้คุณ
อะไร คือ ความไม่ยึด
ก็ เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นปกติธรรมดาทุกขณะจิต ทุกลมหายใจเข้าออก
แต่ขอบอกนะ ชั้นไม่ใช่อรหันต์ ชั้นไม่ได้ปรารถนาสังฆมณฑลและพุทธสาวก
ชั้นปรารถนาพุทธภูมิ เพราะฉะนั้น ชั้นเป็นอาจารย์ของอรหันต์ ชั้นไม่ใช่อรหันต์ เพราะ
ชั้นปรารถนาพระพุทธเจ้า
พิธีกร หลวงปู่ไม่ประกาศว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย
หลวงปู่ หา ไม่ใช่ชั้นมั๊ง
พิธีกร ไม่ใช่ หลวงปู่ไม่ประกาศ
หลวงปู่ ไม่
พิธีกร หลวงปู่จะไม่ประกาศ
หลวงปู่ อ้ายที่เค้าประกาศน่ะ เค้าอาจจะพูดไม่หมดก็ได้ เค้าอาจจะบอกว่า ชาตินี้เป็นชาติ
สุดท้าย คือ มนุษย์ แต่ชาติต่อไปเป็นเดรัจฉานก็ได้ เค้าไม่พูดเอง เค้ากลืนไว้ในคอก็ได้
พิธีกร ครับผม ครับ
หลวงปู่ ที่จริงน่ะ มันเป็นอาบัตินะ
พิธีกร อืม
หลวงปู่ ชั่วชีวิตชั้นเนี่ยนะ เจออรหันต์มา ก็มี, เจออรหมุน มาก็มาก สมัยก่อน ชั้นอยู่
ถ้ำเชียงดาว คุณ ตุ๊เจ้าเสือดาว ไปถามได้เลย เจอกับชั้นมา จนกระทั่งแกตาย หนีไปล่ะ
พิธีกร อืม
หลวงปู่ เค้าคุยอวดว่า เค้าเป็นอรหันต์ คุณ
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ แล้วเค้าก็ เหยียบพื้นไม่ได้นะ เค้าเหยียบพื้น เค้าบอกกับลูกศิษย์เค้าว่า ธรณีมัน
จะลุกเป็นไฟ แล้วพูดกับใครก็ไม่ได้ ฟ้าจะผ่า จะสะเทือน
พิธีกร อืม
หลวงปู่ เออ เพราะงั้นอยู่ที่ไหน เค้าให้ลูกศิษย์เค้าไปสร้างกุฏิอยู่บนต้นไม้ แล้ววิธีการก็คือ
ถึงเวลา ลูกศิษย์ เค้าจะมีกระบอกไม้ไผ่ เคาะป๊อกๆ ตอนนั้น ชั้นอยู่ถ้ำเชียงดาว หลวงปู่สิ
มยังอยู่ ตอนนั้นเค้านิมนต์ชั้นไปทำพิธีอะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว ตอนนั้นเค้า พอชั้นไปก่อน
วันล่วงหน้า อ้ายเณรมันดัน มันมองเห็นชั้นขมุกขมัว ครึมๆ มองแล้วไม่น่าเลื่อมใส มันให้
ชั้นไปนั่งท้ายนู่น
หลวงปู่สิมกลับมา อ้าว พ่อปู่อยู่ไหน, อยู่นู่น, อ้าว ทำไมไปนั่งนู่น, มานี่ ๆ ๆ, เอ้า
ก็เณรเค้าจัด, อ้ายสันดาน,หลวงปู่สิม แกเรียก
เรามาถึงก็ ตอนนั้นก็ ออกจากถ้ำผาปล่องมา ก็ตอนนั้นมีถ้ำผาปล่อง ถ้ำ... แล้วชั้นเข้า
ไปอยู่ลึกข้างใน อยู่ใกล้ๆ กับลูกศิษย์ของหลวงพ่อโอภาสี แล้วก็ใกล้จะกลับ ก็มาปักกลดอยู่
ตรงแถวถ้ำเชียงดาว ตุ๊เจ้าเสือดาว เค้าก็ประกาศตัวเป็นอรหันต์ ตอนนั้นมันวันมาฆบูชาหรือ
วันอะไรจำไม่ได้
เค้าก็แสดงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เค้าบอกว่า เค้าเป็นอรหันต์แล้ว ทุกอย่างไม่ใช่ตัวกู ไม่ใช่
ของกู เรานั่งฟัง เราแอบไปนั่งฟังก็ ใกล้ๆ ก็ย่องเข้าไป ซัดเข้าไปเปรี้ยงหนึ่งข้างหลัง ปั๊บ,
เสียงดัง อั๊ก, เค้าก็ เฮ้ย มาตีกูทำไม, เอ้า ของมึงหรอกเหรอ, ก็ไหนมึงบอกว่า ไม่ใช่
ตัวกู ของกู แล้วพอตี โดนเข้าไปปั๊กหนึ่ง แล้วมาถาม ตีกูทำไม, อ้าว เราก็เลย ของมึง
หรอกเหรอ แล้วเราก็เดินออกไป ขืนอยู่เดี๋ยวลูกศิษย์มันรุมประชาทัณฑ์แน่
สมัยก่อนนี้ แล้วก็ขึ้นไปอยู่บนยอดไม้นะ ถ้าไม่ใช่วันพระใหญ่ เค้าลงมาไม่ได้ ต้องขึ้นไป
อยู่บนยอดไม้ มีอยู่วันหนึ่ง เค้าก็ไปอยู่บนยอดไม้ แล้วลูกศิษย์ก็ไปส่งข้าว ส่งข้าวแล้วน้ำ
เค้าก็ลืม ไม่ได้เอาน้ำไป เค้าก็ใส่กระบอกไม้ไผ่ กระบอกไม้บงอย่างนี้ เราก็เห็นลูกศิษย์มา
ชะเง้อชะแง้อยู่นาน เราเดินผ่านมา ก็เลย เอ้ย มานี่ อะไร ลูก, น้ำ, มา เดี๋ยว หลวงปู่ส่ง
ไปให้ มึงไปเฮอะ, เค้าก็เคาะ ป๊อกๆๆๆ, เราก็จัดการเลย ค่อยๆ บรรจงกรอกน้ำของเรา
ใส่เข้าไปอย่างดี เทน้ำเก่าทิ้ง
ลองอรหันต์ดูหน่อยวะ ว่าหน้าตาอรหันต์มันเป็นยังไงบ้าง เสร็จแล้ว เราก็สาว สาว
อัญเชิญน้ำของเราส่งขึ้นไปข้างบน
ซัก พักเดียว แม่มึง เสียงลั่นมาจากบนยอดไม้เลยนะ แม่มึง ใครเยี่ยวใส่ ให้กูกินวะ
อ้าว ไหนว่า อรหันต์ไม่พูดวะ โดนแม่ เข้าไปเต็มๆ เลยล่ะ
เราก็เดินหัวเราะ กลับเข้าถ้ำ
แล้วตั้งแต่นั่นมา ซักเดือนกว่า แกก็ตาย แกก็ตาย ไม่เหลือตุ๊เจ้าเสือดาว อุ๊ย แกไว้หนวด
เคราเฟิ้ม เค้ามีคติ เค้าไม่พูดกับใครถ้าไม่ใช่วันพระ ถ้าพูดออกมา แล้ว ฟ้าจะผ่า ถ้าไม่ใช่
วันพระ เหยียบพื้นแล้วไฟจะลุก แผ่นดินจะถล่ม อะไรไม่รู้เค้า โอ้โห เค้ายกมโหฬาร
มหาศาล
เราก็พยายามจะสื่อให้ชาวบ้านเห็นว่า คำว่า อรหันต์นี่มันศักดิ์สิทธิ์มาก
ในมุมกลับกันกับคนโง่ มันก็หลอกได้ง่ายมาก งั้น ถ้าเราปล่อยให้คนที่มันแข็งแรง แล้วเอา
เปรียบคนโง่ เอาเปรียบคนอ่อนแอ มาอวดอ้างตัวเองอย่างนี้ คนรุ่นหลังๆ เค้าจะมองว่า นี่
อรหันต์ เค้ามีพฤติกรรมแบบนี้เหรอ มันเสียหาย อย่างอรหันต์ขี่ไมค์บัคอย่างนี้
พิธีกร อืม
หลวงปู่ เออ อรหันต์ยืมตังค์เค้าใช้อย่างนี้ คนรุ่นหลังอย่างพวกคุณรู้ไม๊ พวกคุณไม่เรียนก็
ไม่รู้ เมื่อไม่รู้ก็จะเข้าใจเองว่า นี่คือ อรหันต์ แล้วทีนี้ พระพุทธธรรมมันจะเหลืออะไร
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ ใครจะเชื่อได้แน่ว่า นี่คือ พระพุทธธรรมที่บริสุทธิ์บริบูรณ์ ชั้นถึงได้บอกว่า ชั้น
น่ะไม่กลัวตายหรอก แต่กลัวว่า ใครจะเข้าใจพุทธธรรมผิด งั้น เหมือนกับอีตอนที่เค้าไปทำ
ธุดงค์ๆ กันน่ะ สำนักหนึ่งแถวๆ ปทุมฯ เค้าจัดธุดงค์ทัวร์ ธุดงค์อะไรนะ เป็นเรื่องเป็นราว
พวกพระธุดงค์สายอาจารย์มั่น อาจารย์ฝั้น เค้าก็เขียนจดหมายมาบอก หลวงปู่ ช่วยหน่อย
ใช้คำว่าธุดงค์ นี่มันผิด เพราะมันไม่เข้าหลัก 13 ข้อ อ้ายธุดงค์ 13 น่ะ ไม่มีหลักไหน
เลย เอาง่ายๆ ก็เพียงแค่ธุดงค์เบื้องต้น ก็ต้องห่างจากบ้านตั้ง 500 ช่วงธนู อ้ายนี่ เดิน
เลาะตามชายถนนไปเรื่อย ปิดถนนเดินเนี่ย
มันไม่ใช่ มันแหกตาชาวบ้าน แล้วธุดงค์เนี่ย ถ้าถือธุดงค์จริงๆ 13 ข้อ เข้าชายคายังไม่ได้
เลย ฝนตก ฟ้าร้อง น้ำท่วม ไฟไหม้ เข้าไม่ได้ ถ้าเข้า ก็ถือผิดธุดงค์ ต้องห่างจากบ้านกี่ร้อย
ช่วงธนู แล้วร้อยช่วงธนู เค้าไม่ได้เอาคันธนู เค้าเอาลูกธนูมาวัด วัดไปเรื่อย 500 ช่วงธนู
อ้ายนี่ มันเดินกลางถนนราชดำริ กลางตลาด ปิดตลาดให้เค้าเดิน ชาวบ้านก็เดือดร้อน แล้ว
มาอ้างว่า ธุดงค์
พูดใหม่ พูดผิดพูดใหม่ อ้างว่า ทัวร์ พูดได้ แต่อย่ามาอ้างว่า ธุดงค์
พิธีกร อืม
หลวงปู่ เออ อย่ามาอ้างว่า ธุดงค์ เพราะคำว่าธุดงค์เนี่ย นี่มันเป็นของศักดิ์สิทธิ์มาก ชั้นใน
ฐานะเป็นพระธุดงค์ เราจะรู้มันศักดิ์สิทธิ์มาก ชั้นเดินธุดงค์ไม่เคยเลาะไปตามถนน ชั้นไป
ตามป่าตามเขา ไปลาว ไปพม่า ไปเขมร ไปไหนมา ก็ไม่เห็นจะต้องไปเลาะ ตามป่าตามเขา
ถึงเวลาบิณฑบาตร ก็มีข้าวกิน เอ๊ย ไม่ต้องไปเลาะตามข้างถนน ตามตลาด
งั้น อยากบอกว่า เดี๋ยวนี้มันเยอะมาก แล้วเยอะอย่างนี้ มันแสดงอะไร
มันแสดงให้เห็นว่า สังคมเรามันอ่อนแอทางวิญญาณไง มันไม่ฉลาดทางปัญญา มัน
เลยอยากหาที่พึ่งนอกกาย ที่จริง พระพุทธเจ้าสอนให้สร้างที่พึ่งในกาย แต่เราไม่สนใจ
เมื่อพออยากหาที่พึ่งนอกกาย อ้ายคนก็เลยได้ช่อง มาสร้างที่พึ่งแบบผิดๆ เพื่อหลอกคนให้
หลงงมงาย อ้ายเราก็เชื่อเค้าไปหมด เพราะคนพวกนี้อ่อนแอไง อ้ายคนที่เชื่อ อรหอย
อรหันต์ อรหมุน อะไรทั้งหลายเนี่ย นี่ก็เหมือนกันล่ะ
พิธีกร ปู่ครับ ในกระแสสังคมที่เชื่ออย่างนี้ เรามีวิธีการใดที่จะปรับเปลี่ยนวิธีคิดให้กับ
หลวงปู่ คนเค้าเตือนชั้นนะ เค้าเถียงชั้น เพราะตอนที่ชั้นพูดเรื่องนี้ใหม่ๆ เมื่อปีที่แล้ว เค้า
บอกว่า ชั้นน่ะ อิฉาเค้า
พิธีกร อืม
หลวงปู่ ไม่ได้อย่างเค้า ไม่มีรถคันใหญ่นั่งเหมือนเค้า ไม่มีคนยอมรับ ปูผ้า โรยดอกมะลิ
โรยกลีบกุหลาบ จ๊ะ จ๋า ท่านเจ้าคะ อะไรอย่างนี้ เราบอก มีอะไรให้อิฉา โง่ ก็โง่กว่ากู
พิธีกร อืม
หลวงปู่ ปัญญา ก็ไม่ได้เท่ากู
พิธีกร อืม
หลวงปู่ กระดูก ก็คนละเบอร์กับกู
พิธีกร อืม
หลวงปู่ มันเพิ่งบวชได้ 7 ปี กูนี่บวชมา รุ่นกูนี่ ตายห่า หนีหมดแล้ว กูอยู่มาถึงวันนี้แล้ว
มันมีอะไรให้อิฉา เออ เพราะฉะนั้น ไม่ได้อีฉา แต่สิ่งกลัว คือว่า สังคมมันจะเห็นความผิด
เป็นเรื่องถูก เห็นเรื่องถูกเป็นความผิด งั้น พูดให้เห็นว่า นี่มันทำผิดปกติ ไม่ใช่เรื่องปกติ
งั้น หลวงปู่ก็เลยบอกกับเค้าว่า ไม่ได้อิจฉาตาร้อน แต่อ้ายคนที่เชื่อ ก็คือ เราก็เลยบอกว่า เออ
ธรรมชาติ ควายก็ย่อมเดินตามฝูงควาย ควายไม่เดินตามฝูงราชสีห์ ถ้าราชสีห์ก็ไม่ชอบมีฝูง
ถ้าเมื่อไรที่ราชสีห์จะเดินตามควาย ก็แสดงว่า ราชสีห์จะกินควาย
พิธีกร อืม
หลวงปู่ งั้น พวกนี้ก็ควายกลับชาติมาเกิด ปล่อยมัน นี่ คุณถามอะไรชั้นเนี่ย ชั้นยังไม่ได้
จบ
พิธีกร คือ ของปู่เนี่ย เป็นธรรมะบริสุทธิ์และธรรมะตรง อุชุปฏิปันโน อย่างที่กราบเรียน
ไว้ตั้งแต่ตอนต้นนะครับ หลวงปู่สังเกตุไม๊ครับ ที่หลวงปู่พูดเมื่อสักครู่นี้นะครับ ผมก็
พยายามบันทึก แล้วก็โศลกของหลวงปู่ที่ ถ้าพวกเรายังไม่เคยอ่านโศลกนะครับ หนังสือ
หลวงปู่มีวางให้บูชาที่อื่น นอกจากที่มูลนิธิธรรมอิสระไม๊ครับ
หลวงปู่ ที่มูลนิธิฯ น่ะคุณ ที่อื่นชั้นไม่มี คือ ชั้นไม่มี Producer
พิธีกร อ้อ จริงครับ จริง
หลวงปู่ เคยมีคนเค้ามาติดต่อชั้น
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ ท่าน สมัยก่อนนี้ ตอนที่ชั้นอยู่วัดคลองเตยเนี่ยนะ ตอนนั้น ก็ อะไรอยู่วัดสวนแก้ว
ท่านพยอม เค้าเพิ่งจะจบจากวัดสวนโมกข์มาใหม่ๆ นะ เค้าก็มาช่วยชั้นอบรมเณรเนี่ยนะ
เค้าเรียกชั้น หลวงพี่ สมัยก่อนนี้นะ ตอนนั้น ก็มีบริษัทอะไร อ้ายบริษัทเทปมาขอทำเทป
เราก็เลยบอก ถ้ากูอยากดัง กูไม่ต้องอาศัยมึง ไม่ต้อง มึงอยากทำ ก็นู่นๆๆ เราก็ชี้ ไปหาท่า
นพยอม
พิธีกร ช่วงนั้น
หลวงปู่ เออ ช่วงนั้น เค้าก็เลยไปทำเทปท่านพยอม แล้วก็ ตอนหลังมา ก็ไปทำเทปให้ใคร
ต่อใครอีกเยอะแยะมากมาย เราก็เลยบอกว่า ชั้นมาเขียนบทโศลกว่า
ลูกรัก คนดี ไม่ต้องมียี่ห้อ, ที่มียี่ห้อ อาจไม่ดีก็ได้
ระฆังดี ไม่ต้องตี ก็ดัง, ระฆังไม่ดี ตีเท่าไหร่ ก็ยิ่งพัง เพราะมันดังได้ไม่ดี
เพราะงั้น สัจจะและความจริงใจ คือ เครื่องเสริมสร้างบุคลิกภาพและความสำเร็จ ชั้นบอก
กับลูกหลานชั้นอย่างนี้ แล้วก็จะบอกลูกหลานชั้นอยู่เสมอว่า ชั่วชีวิตพ่อ ถ้าจะ เลือกให้เป็น
เลือกให้อยู่ ชอบเลือกที่จะเป็นตัวของตัวเอง มากกว่าที่จะเลือกให้เป็นอย่างที่คนอื่นเค้าอยาก
ให้เป็น
เหมือนกับตอนที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ วัดชนะฯ จะสิ้น
พิธีกร พระมหาธีราจารย์
หลวงปู่ เออ เราก็สนิทกันใช่ไม๊ เพราะท่านจะมาวัดบ่อยๆ ท่านจะขอร้องให้เป็นแม่งาน
ไปสร้างพระที่เขาอะไร ที่นั่นทำ แล้วเพราะชั้นก็ทำพระใหญ่ของชั้นอยู่ไง แล้วท่านก็มาดู
ตัวอย่าง วันใกล้ที่ท่านจะสิ้น ท่านจะตาย ท่านก็เรียกเข้าไปหา แล้วก็บอกว่า ท่าน เตรียมตัว
นะ ผมเตรียมขอ อะไรนะ
พิธีกร สมณศักดิ์
หลวงปู่ เออ สมณศักดิ์ให้ เราก็เลยบอกว่า พระเดชพระคุณครับ ให้ผมเป็นอย่างที่ผม
อยากจะเป็น อย่าเป็นอย่างที่ท่านหรือคนอื่นให้เป็น แสดงว่า ไม่ใช่ผม และผมไม่อยากเป็น
และไม่ชอบที่จะเป็น เพราะนั่นไม่ใช่เป็นความสุขของผม ชื่อ คำว่า พุทธะอิสระ มันต้อง
อิสระทุกขั้นตอน ไม่ใช่มาอิสระ เพราะว่าคนอื่นอยากให้เป็นนั่นเป็นนี่ นั่นแสดงว่า ไม่อิสระ
ผมไม่ชอบเป็น
งั้น เอาไปให้คนที่เค้าอยากเป็นเถอะ อย่ามาให้ผม ผมไม่ชอบที่จะเป็น
โอ๊ย สมัยก่อนนี้ ชั้นเป็นเจ้าคณะปกครอง เวลาไปอบรมเจ้าคณะ พระสังฆาธิการ ชั้นเป็น
เจ้าตำบล เป็นรักษาการอำเภอ เป็นเจ้าอาวาส ไม่เห็นมันพูดเรื่องอะไร
เออ เจอหน้ากัน เออ ท่านมีธรรมอะไร ท่านปฏิบัติธรรมอะไร ท่านถึงธรรมนั้นได้หรือยัง
มาเจอแต่ว่า ปีนี้จะเอาอะไร, เอ้อ ใครจะเป็นพระครู, ได้ยศเท่าไหร่, เอ้อ จะถวายกี่
ตังค์ อะไรประมาณนี้ เน่า ชั้นเลยลาออกเลย แล้วก็ออกจากวงการ ไม่ชอบ ชั้นเป็นคนที่ไม่
ค่อยชอบอะไรที่มัน ไม่เคยถามเลยว่า ชาวบ้านข้างวัดท่าน มีศีลมากขึ้นไม๊ ธรรมะได้เผย
แพร่ไปสู่นิคมชนบท คนรอบวัดท่านปฏิบัติธรรมถึงขั้นไหน ไม่ได้ถาม ถามแต่ว่า กฐิน
ผ้าป่าได้เท่าไหร่ ยศฐาบรรดาศักดิ์ใครจะฉลอง ปีนี้ใครจะฉลองไม๊ ถามแต่เรื่องพวกนี้
งั้น ยศช้างขุนนางพระ สมัยนี้ มันใช้ไม่ได้แล้วล่ะ สมัยก่อน เค้าสอนกันให้ใช้ ยศของช้าง
ช้างไม่รู้สึกอะไร กูเอาอ้อยอย่างเดียว อ้อยกับกล้วย เออ ให้ยศอะไร มันก็ขอแลกเป็นอ้อย
กับกล้วยพอแล้ว ขุนนางพระ สมัยก่อนนี้จะเป็นขุนน้ำขุนนางอะไร เค้าก็ไม่สนใจ ถือว่าไม่
ได้เป็นเครื่องกันตาย ไม่ได้เป็นเครื่องให้พ้นจากวัฏฏะ
แต่สมัยนี้ไม่ได้ อู้หู เฉลิมฉลองกันเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต เป็นล่ำเป็นสัน
พิธีกร หลวงปู่ สุนัขทรงเลี้ยงของพระองค์ท่าน ก็มียศเหมือนกัน ก็ไม่เห็นเค้าดีใจ
หลวงปู่ เออ ถ้าจะแลกได้แลกกระดูก คุณทองแดงกินกระดูกดีกว่า กินอาหารดีกว่าจะไป
กินยศฐาบรรดาศักดิ์
พิธีกร ประเด็นนี้ชัดเจนครับที่ปู่ยกครับ พระยาปราบไตรจักรของพระนเรศวรก็มียศ
เฉลิมยศ
หลวงปู่ เออ เราก็ไม่รู้นะ เค้าชอบน่ะ คือ อ้ายลัทธิบริโภคนิยมกับวัตถุนิยม มันไม่ใช่มี
เฉพาะฆราวาส มันมีเข้าไปครอบงำไปถึงกระบวนการของสังฆมณฑลเลย บางทีนักบวช
เลวๆ ไม่ดีๆ ก็ยังได้ยศฐาบรรดาศักดิ์ เพราะมีสตางค์ถวาย
พิธีกร ครับ ขอกลับมาตรงที่พระอรหันต์ ปู่ครับ จะให้ญาติโยมได้ดูได้รู้ว่า วิธี เดี๋ยวนี้เค้า
มีหนังสือวิธีดูพระอรหันต์ ก็ว่ากันไป แต่จริงๆ แล้วในหลักพุทธศาสนา ปู่ครับ ถ้าจะให้ญาติ
โยมดูพระ แล้วพระเป็นพระอรหันต์จริงหรือไม่จริง ดูอย่างไร
หลวงปู่ พระพุทธเจ้าท่านสอนอย่างนี้นะ ท่านสอนพระเจ้าปเสนทิโกศลเอาไว้ เรื่องวิธีดู
สมณะ ดูพระ ดูนักบวช ดูผู้วิเศษ ดูพระอรหันต์
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ ท่านให้ดู 3 อย่าง คือ 1. ดูตอนที่เค้าเกิดเรื่อง 2. ก็คือ ดูขณะที่สั่งสนทนา
3. ก็คือ ดูความสะอาด เอาว่า
ดูตอนเกิดเรื่อง ก็คือ ถ้าเกิดเรื่อง แล้วท่านผู้นั้นสงบนิ่ง เย็นสงบ ท่านผู้นั้น มีตบะ มีเดช มี
ศักดา มีจิตอันสงบระงับจากกิเลส
ถ้าดูความสะอาดก็ให้ดูว่า การงานนั้น เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม สาธารณะชน หรือ เป็น
แค่ส่วนตัวและพวกพ้อง ถ้าท่านผู้นั้นทำประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นใหญ่ ท่านผู้นั้น เป็นผู้
สะอาด
ถ้าอยากจะดูว่า ท่านผู้นั้นเป็นผู้ฉลาด มีสติปัญญาหรือไม่ ก็ลองสั่งสนทนา สนทนาแล้วยิ่ง
รุ่งเรืองเจริญ มีปัญญา ทำให้เรารอบรู้เข้าใจ ตื่น เบิกบาน แจ่มใส แสดงว่า ท่านผู้นั้นรุ่งเรือง
เจริญด้วยสติปัญญา เป็นผู้นำทางวิญญาณ
นี่คือ วิธีดูพระของพระผู้มีพระภาคเจ้า ที่ทรงสอนพระเจ้าปเสนทิโกศล เราไม่ต้องไปเรียบ
เรียงจรณะ 15, สังโยชน์ 10 ไม่ต้องไปเรียบเรียง นั่นคือ เค้าเรียกว่า อริยกันตศีล ศีล
ของพระอริยเจ้า อันนั้นเป็นเรื่องเป็นราวที่พระอริยเจ้าต้องพิจารณาตัวเอง แต่เราดูแบบ
ชาวบ้านดูพระ พระพุทธเจ้าก็สอนแบบนี้ ชาวบ้านจะดูพระให้ดูแบบนี้ ดู 3 อย่าง ดูสะอาด
ดูฉลาด แล้วก็ดูสงบ ฉลาด สะอาด สงบ แล้วก็ไม่ฟุ้งเฟื้อ ไม่เห่อเหิม ไม่ทะเยอทะยานอยาก
ไม่ยินดียินร้ายในลาภสักการะ หรือ เครื่องหมักดองสันดานทั้งปวง โดยเฉพาะเครื่องผูกที่
เรียกว่า โลกธรรมทั้ง 8 ประการ
แต่สมัยนี้ ไม่ใช่นะ มีลาภ ยินดีในลาภ มียศ ก็ฉลองยศ มีสรรเสริญ ก็พลอยยินดีไปด้วยใน
สรรเสริญ สุขทุกข์ก็ แสวงหาตามเหตุตามปัจจัย สังฆมณฑลสมัยนี้ ก็เลยตกอยู่ในอำนาจ
การครอบงำของโลกธรรมทั้ง 8 ประการ แล้วมันจะสอนให้คนพ้นโลก ก็ยิ่งยากใหญ่ มัน
ลำบากใหญ่ พูดยากน่ะ คุณ วิจารณ์มากไปก็เท่ากับว่า สาวไส้ให้กากิน มันก็ได้แต่ เออ
เห็นแล้ว ก็ เอ้อ เราก็พยายามทำในส่วนที่เราสามารถทำได้ให้ดีที่สุดก็แล้วกัน จบ ทำไม
วันนี้ถามแต่เรื่องพระ
พิธีกร ทีนี้ มีเรื่องโยมแล้วครับ ปู่ครับ มีปุจฉาว่า จะสอนพุทธศาสนาอย่างไรให้นักเรียน
มัธยมปลายซาบซึ้งในพระพุทธศาสนาครับ ปู่ครับ เรื่องครูล่ะครับ ตอนนี้
หลวงปู่ สอนพุทธศาสนาอย่างไร
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ ถามว่า ครูเข้าใจพุทธศาสนาแค่ไหน ถ้าครูเข้าใจอย่างไร สอนตามความเข้าใจ
ของครู
จำไว้อย่าง คุณครูทั้งหลายว่า เข้าใจอะไร สอนตามสิ่งที่ตัวเองเข้าใจ ถ้าจำ อย่าเพิ่งสอน
เพราะจำแล้ว ไม่ได้หมายถึงว่า คุณต้องเข้าใจ และอะไรที่เข้าใจ มันผ่านกระบวนการ
ไตร่ตรอง ใคร่ครวญ พินิจพิจารณามาอย่างดีแล้ว เราจึงถึงคำว่า เข้าใจ หรือ ใช้คำว่า อ๋อ
เข้าใจล่ะ ถ้าอย่างนี้ คุณจะสอนยังไงก็ได้ เด็กก็จะรู้ไปหมดทุกเรื่อง
ตัวอย่างง่ายๆ เหมือนกับที่ชั้นไปอบรมคณะครูวิถีพุทธ เค้าถามชั้นเหมือนอย่างนี้ จะสอนให้
เด็กเข้าใจพุทธศาสนาอย่างไร ก็ไม่ยาก
เริ่มต้นจะสอนให้เค้ารู้จักสติ ก็ถ้าเค้าใส่เสื้อเป็นเสื้อ ใส่กางเกงเป็นกางเกง ก็บอกว่า นี่ล่ะ สติ
ล่ะ ลูก หนูมีสติแล้ว ถ้าเมื่อไหร่ที่วันใดหนูเอากางเกงมาเป็นเสื้อ เอาเสื้อมาเป็นกางเกง
แสดงว่า หนูบ้าแล้ว หนูขาดสติแล้ว เห็นไม๊ นี่คือ พุทธศาสนา
หนูขยันมาเรียน หนูมีวิริเย ทุกขมัต เจติ บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียรแล้ว
หนูรู้จักไหว้ เคารพนบนอบ ก็แสดงว่า หนูก็มีคารวะตา สีลคารวตา ธัมมะคารวตา พุทธคา
รวตา คือ มีคารวะ 6 อยู่ในจิตใจแล้ว มีความเคารพนบนอบแล้ว มีความกตัญญูรู้คุณแล้ว
อย่างนี้ เป็นต้น
งั้น พุทธศาสนาอยู่ในวิถีชีวิตของหนูไปหมดล่ะ เริ่มต้นจากรู้จักรองเท้า รู้จักถุงเท้า รู้จักเสื้อ
รู้จักกางเกง รู้จักนบนอบ ทั้งหมดนี่คือ พุทธศาสนา
พิธีกร สอนให้มีธรรมะประจำวันเลย
หลวงปู่ ใช่ นี่คือ พุทธศาสนา และเป็นพุทธศาสนาที่ยืน เดิน นั่ง นอน และคุยพูดได้ ไม่
ใช่รอตาย หรือ อยู่ในตู้พระไตรปิฎก เป็นพุทธศาสนาที่มีชีวิต ชีวา ที่สัมผัสสัมพันธุ์ได้ อย่า
ไปมองว่า พุทธศาสนาจะต้อง นะโม ตัสสะ, รับศีล 5 แล้วก็ ยะถา สัพพี หรือว่า ท่อง อิ
มินา สักกาเรนะ
อ้ายนั่นมันพิธีกรรม พิธีกรรมบางครั้ง ถามว่า มันจำเป็นไม๊ มันสร้างเอกลักษณ์
แต่อะไรคือ คุณลักษณ์ คุณลักษณะอยู่ตรงไหน เราทุกวันนี้ เราพยายามสนับสนุนรักษา
เอกลักษณ์กันเหลือเกิน ทั้งโลกทั้งแผ่นดิน หา สร้าง ถนอมเอกลักษณ์ สัญลักษณ์ แต่ไม่พูด
ถึงคุณลักษณ์
คุณลักษณะของเอกลักษณ์นั้น มันมีบ้างไม๊ล่ะ
นะโม ตัสสะ ภควโต ถามจริง ใจคุณอยู่กับ นะโม ซักกี่ครั้ง, 3 จบ นี่ อยู่ครบไม๊
ดีไม่ดี ก็ นะโม ข้อแรก ต่อไปก็ เอ วันนี้ บอลล์มันเตะอยู่ชั้นไหนวะ ไปไหนก็ไม่รู้ เออ
ละครตอนนี้ตอนสุดท้ายด้วย เอาแค่นี้ก็แล้วกัน หลวงพ่อ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาต่อใหม่ เนี่ย
ประมาณนี้น่ะ
นี่ เค้ามีเอกลักษณ์อย่างเดียว เนี่ย เวลานี้โรงเรียนทั้งหลายเนี่ย พยยายามจะสอนศาสนพิธีนะ
แล้วก็บอกว่า นี่คือ พุทธศาสนา
ใช่ ไม่ผิด แต่เป็นแค่สัญลักษณ์ มันเป็นแค่สัญลักษณ์ แล้วอะไรคือ คุณลักษณะ
พิธีกร วิธีการสอนที่ดีที่สุด ก็คือ สอนให้นักเรียน
หลวงปู่ อย่างที่ชั้นว่านี่แหละ
พิธีกร ว่า
หลวงปู่ เออ ทำให้เด็กรู้ว่า ทั้งชีวิตหนูน่ะ ถ้าถูกทำนองคลองธรรม หนู คือพุทธศาสนาที่
เดินได้
พิธีกร ธรรมะจับต้องได้ตลอดเวลา
หลวงปู่ ใช่ แต่ถ้าเมื่อใดที่หนูผิดทำนองคลองธรรมน่ะ หนู คือ บุคคลที่อยู่นอกพุทธ
ศาสนาละ หนูไม่ใช่เป็นผู้รู้พุทธศาสนาละ
แล้วอะไร คือ ทำนองคลองธรรม บ้าง ก็เริ่มต้นจาก
หนูมีสติที่จะดำรงค์ชีวิตอย่างไม่ผิดเพี้ยน ไม่ผิดพลาด เนี่ย หนูก็มีพุทธศาสนาแล้ว
หนูรู้จักมีสัมมาคารวะ รู้จักเคารพนบนอบ หนูก็พุทธศาสนา
หนูรู้จัก รู้บุญคุณคน ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน สำนึกบุญคุณพระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัว
สำนึกบุญคุณต่อราชวงศ์จักรี ที่ทำผลประโยชน์โพดผลให้กับแผ่นดินสยามมาตลอด 200
กว่าปี อย่างต่อเนื่องยาวนาน
สำนึกบุญคุณของบรรบุรุษ สำนึกบุญคุณของธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม คิดจะตอบแทนบุญคุณ
นี่ ชั้นกำลังทำโครงการปลูกป่า ฟังพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรง
ดำริเมื่อปีที่แล้ว เมื่อตอนเดือน รู้สึกจะเมษาฯ หลังจากช่วงน้ำท่วม หรือ ก่อนน้ำท่วมอะไร
เนี่ย ท่านจะทรงตรัสว่า ประเทศชาติเวลานี้ จะประสบเพทภัยเยอะมาก เพราะประชาชน
หันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยว และอ้ายพืชที่มันเป็นพืชพื้นถิ่นซึ่งมีรากหยั่งลึกลงดิน มันหายไป
โดยเฉพาะไม้ยืนต้น ไม้เนื้อแข็ง ซึ่งวันข้างหน้า ลูกหลานหลานเหลนโหลนจะไม่รู้จักไม้
ประดู่ ไม้พะยูง ไม้มะค่า เพราะว่า เราไปถางป่าปลูกยาง ปลูกปาล์ม ปลูกมัน ปลูกข้าวโพด
กันไปหมด ภูเขาเลากาก็ล้านเลี่ยนเตียนโล่งไปหมด
ท่านก็เลยตรัสว่า น่าจะหันมาให้ความสำคัญต่ออ้ายไม้พื้นถิ่น ไม้เนื้อแข็ง ชั้น รุ่งขึ้นก็เลย
ประชุมมูลนิธิฯ ไปหาอ้าย มะค่า ประดู่ เต็ง รัง ชิงชัน ยางนา ก็ติดต่อราชสำนัก สวนจิตฯ
ได้ยางนา ท่านให้ยางนามา รู้สึกจะ 500 กว่าต้น
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ เอาไปแจก ปลูกเหนือเขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนสิรินทร เขื่อนเขาแหลม ก็ทำ
โครงการไปไล่ปลูก ให้ชาวบ้านมาร่วม คือ ชั้นมองตอนนี้ เมื่อรู้สึก 20 ปีที่แล้ว ชั้นปลูก
ถวายในหลวงที่ถ้ำไก่หล่น
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ 800 กว่าไร่ ก่อนหน้านั้น คนเค้ามาบุกรุกขึ้นเขา เพื่อปลูกสับปะรด อ้ายเรา
ไปอยู่ที่นั่น
ตรงนั้น มีฝายที่พระองค์ทรงสร้างเอาไว้ แล้วน้ำมันแห้ง อ้ายเราก็ เอ ฝายในหลวงมาทำ
แล้วทำไมน้ำมันแห้ง ก็เพราะว่า เขามันหัวโล้น ก็เลยไปขอชาวบ้าน บอก ขอเฮอะ เราไป
อยู่ที่นั่น เค้าเรียกชั้น พ่อปู่ ไหนๆ มึงเรียกกูพ่อปู่แล้ว กูเป็นทั้งพ่อทั้งปู่มึง กูก็ขอแบ่งสมบัติ
มึงบ้างได้ไม๊ เค้าก็เลย เอาอะไรล่ะครับ เอาอะไรค่ะ ก็เอาที่ที่ชายเขาเนี่ย ที่มึงรุกๆ เข้ามาเนี่ย
ขอกูเฮอะ เออ เป็นทั้งพ่อทั้งปู่มึงเนี่ย ขอมาเฮอะ เค้าก็ให้ ให้ เราก็มาปลูกป่า ก็เรียกทหาร
ตำรวจตระเวนชายแดนจากค่ายปราณบุรีมาช่วยกันทำ
พิธีกร ที่ปราจีนบุรีเหรอครับะ ปู่ครับ
หลวงปู่ เออ ที่ปราจีน เอ้ย ที่ปราณบุรี
พิธีกร ที่ปราณบุรี อ๋อ หัวหิน
หลวงปู่ หัวหิน ใช่
พิธีการ หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์
หลวงปู่ ประจวบฯ ที่ถ้ำไก่หล่น
พิธีกร ครับๆ
หลวงปู่ แล้วก็ปลุกได้ 800 กว่าไร่ เดี๋ยวนี้ ต้นไม้ชั้นโตขนาดนี้ๆละ
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ แล้วก็มีน้ำไหล มีสัตว์ไปอาศัยอยู่ จากเขาหัวโล้นๆ แล้วพอเข้าไปก็เย็นสบาย
เราก็เลยชี้ให้เค้าดูว่า เนี่ย แล้วเราไม่ต้องไปทำอะไร ให้ชาวบ้านเค้าเข้ามามีส่วนร่วม เรียก
ให้ชาวบ้านเค้ามา นี่คือสมบัติของพวกมึง ลูกหลานมึงได้มาอยู่อาศัย บอก เวลาหน้าฤดูฝน
ก็มาเก็บเห็ด หน่อไม้ เออ ดูแลสัตว์ป่า ผึ้งก็มาตีเอาไปกินได้ ยาหยูกก็มาเก็บ แล้วในนั้น
เป็นดงสมุนไพรทั้งหมด
พิธีกร ที่เรียกว่า ระเบิดจากข้างใน ตามที่รับสั่งไว้
หลวงปู่ ใช่ เราก็เลยบอกกับพวกเค้า เนี่ย คือ ความกตัญญูต่อแผ่นดิน สำนึกถึงบุญ
คุณธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดเนี่ย คือ วิถีพุทธ
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ คุณครูอย่าไปมองว่า วิถีพุทธ มันต้อง นะโม ตัสสะ, อะระหัง สัมมา สวดมนต์
เก่ง รับศีลเก่ง ถวายสังฆทานเป็น ท่องอะไรได้เยอะ แต่วิถีชีวิตเละเทะ เหลวแหลก เลว
รุ่มร่าม
มันมีประโยชน์อะไรกับการที่สอนให้เด็กอาราธนาศีลเป็น แต่ไม่สำนึกละอายชั่ว ไม่กลัว
เกรงบาป ตรงกันข้ามกับไม่ต้องรู้ศีลสักข้อหนึ่ง แต่ให้เค้ารู้ว่า ละอายชั่วกลัวบาปเป็นอย่างไร
เท่านี้น่ะพอแล้ว เค้ารักษาศีลได้ครบทุกข้อล่ะ
พิธีกร ปู่ครับ กระทรวงศึกษาฯ ควรกำหนดแนวคิดทิศทางการศึกษาเด็กยังไงตอนนี้ ถูก
ต้องตามที่ปู่คิดไว้ไม๊ครับว่า การศึกษาเยาวชนของชาติ
หลวงปู่ นี่เค้าจะผ่านเซ็นเซอร์ไม๊เนี่ย นี่เค้าจะเอาไปออกช่อง 5 นะเนี่ย ไปยุ่งอะไรกับ
กระทรวงศึกษาฯ คุณน่ะพยายามดึงชั้นไป แถไปอยู่เรื่อยล่ะ เดี๋ยวก็ไม่ได้ออกช่อง 5 อีก
หร๊อก ช่อง 11 เค้าก็แบนด์ชั้นมาทีละ
พิธีกร เป็นประโยชน์ครับ
หลวงปู่ ที่ออกช่อง 5 อยู่ได้นี่ เพราะอาศัยสีเขียวนะ ไม่งั้น ก็ไม่ได้ออกหรอกนะ
พิธีกร พอดีสีเขียวถามด้วยครับ
หลวงปู่ เหรอ อ้าว เมื่อก่อนนี้ ออก อสมท พูดมาก เค้าก็ไม่ให้ออก, ออก ช่อง 11
พูดเยอะ เค้าก็ไม่ให้ออก ก่อนนี้ ช่อง 11 ก็ไปออกหลายที่นะ
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ พิษณุโลก เชียงใหม่ สงขลา พอพูดมากไป เค้าก็เลยไม่ให้ออก งั้น รวมๆ สรุปก็
คือว่า วิธีการศึกษาของบ้านเราเนี่ย ยิ่งเรียนมาก ก็ยิ่งลืมกำพืดและรากเหง้าตัวเอง จบ
พิธีกร ครับ มีพระราชเสาวนีย์ว่า ทำไมไม่ให้เรียนประวัติศาสตร์ไทย
หลวงปู่ ชั้นเนี่ย ทำรายการ คุณลองไปฟังรายการ ชั้นทำ มรดกธรรม มรดกไทย คุณ
เคยฟังไม๊ เค้าออก อสมท วิทยุ
พิธีกร เคย
หลวงปู่ เดี๋ยวนี้เค้าไม่ให้ออกแล้ว ชั้นพูดตั้งแต่สมัยก่อตั้งกรุงสุโขทัยมาจนถึงกรุง
ศรีอยุธยา ยังไม่ทันจะถึงกรุงรัตนโกสินทร์ เค้าก็แบนด์ซะแล้ว อ้าว จริงๆ
พิธีกร เป็นเทป
หลวงปู่ ใช่ พูดแล้วก็อัดเทปไว้ แล้วเค้าก็เอามาออกรายการ แล้วก็เคยเอาไปแจกไว้ตาม
โรงเรียนด้วยนะ ให้เค้าเปิดให้เด็กฟังตอนเช้า ตอนเย็น เวลาเด็กพักเที่ยง เลิกเรียน อะไร
อย่างนี้ ให้เด็กได้ฟัง ได้ดื่มด่ำไปเรื่อยๆ ก็เอาไป ครูก็ไปวาง บางโรงเรียน เค้าใจดี เค้าก็เปิด
หลายโรงเรียน ก็เอาไปวางไว้เฉยๆ ไม่ได้เปิด เค้าแจกฟรีด้วยนะ มันพูดยาก
พิธีกร มูลนิธิฯ ของหลวงปู่ ทราบว่า ตอนน้ำท่วมอุทกภัย หลวงปู่มีเมตตาเยอะเลยครับ
หลวงปู่ โอ๊ย หมดสตางค์ไปตั้ง 28 ล้านนะ คุณ
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ แจกข้าวสาร อาหารแห้ง แจกสตางค์ แจกยารักษาโรค ชั้นทำยาหม่อง มีขี้ผึ้งเทพ
โอสถ ที่ชั้นทำ ที่จริงชั้นเอามาแจกด้วย แต่คุณได้น้ำมันแล้วไม่เอา ไม่ให้ คนที่เป็นโรคมือ
เท้าปากเปื่อย ทารักษาได้ แต่มีวิธี เพราะที่วัดชั้นมี อรคยาคลีนิค แล้วชั้นเป็นหมอรักษาโรค
หมอแพทย์แผนไทย เราก็จะทำขี้ผึ้งเทพโอสถทา เมื่อตอนน้ำกัดเท้าเนี่ย สาธารณสุขขอ
ชั้นให้ไปตั้ง 5 แสนกว่าตลับ ทาแก้กันน้ำกัดเท้า มันทำด้วยสมุนไพร แมลงสัตว์กัดต่อย
ปากเปื่อย แผลในปาก เป็นแผลพุพอง งูสวัด เริม ทาได้ แล้วมันเป็นตลับๆ เป็นขี้ผึ้ง เป็น
ขวดๆ
วิธี คนเป็นโรคเท้าปากเปื่อย เดี๋ยวบอกให้ไว้ว่า ตอนนี้มันกำลังระบาด ถ้าใครเป็น คุณครู
หรือเด็กเป็น ล้างมือเท้าให้สะอาด แล้วใช้น้ำแข็งสะอาดเอามาทา เพราะว่าเชื้อไวรัสชนิดนี้
มันกลัวความเย็น ทาจนกระทั่งเราเย็น จนทนไม่ได้ แล้วก็ซับด้วยสำลีสะอาดแล้วจึงจะทา
ด้วยขี้ผึ้งเทพโอสถ สามวันเท่านั้น แผลก็จะแห้ง แล้วก็หายาแก้ไข้ให้กิน ยาแก้ไข้ก็ใช้ลูกใต้
ใบกับฟ้าทะลายโจรขนาดเท่าๆ กันต้มน้ำแล้วให้กิน ก็ใช้ได้แล้ว เพราะฟ้าทะลายโจรมันมี
ยาปฏิชีวนะ คือ ฆ่าเชื้ออ่อนๆ อยู่ในตัว แล้วก็ถ้าเป็นไข้สูง ก็ให้เติมหนุมานประสานกายใส่
เข้าไปด้วย แล้วก็ใบมะตูม
พิธีกร เอาไปต้มใช่ไม๊ครับ ปู่ครับ
หลวงปู่ ใช่ ทำอย่างละเท่าๆ กัน ฟ้าทะลายโจร ลูกใต้ใบ ใบมะตูม หนุมานประสานกาย
อย่างละเท่ากัน ต้มน้ำแล้วให้เด็กดื่ม ไข้ก็จะลด แล้วก็ไม่เป็นพิษต่อตับและไต
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ ยาไทยนี่ ชั้นทำยาไว้ตั้ง 81 พิกัด รักษาตั้งแต่โรคสมองยันโรคเลือด ประจำ
เดือนมาไม่ปกติ โรคฝีคัณฑสูตร โรคอะไรต่ออะไรเยอะแยะ เพราะที่วัด ทุกเดือนจะมีคน
ไข้มารักษา เดือนๆหนึ่งก็ร่วมๆ ร้อย เค้าจะมาจากหลายที่ เค้ามาถึง เค้าก็ขอคิวตั้งแต่ตี 5
ชั้นรักษาตั้งแต่เช้ายันเที่ยงก็เลิก หยุดฉันเพล เช้ายัน 11โมง แล้วก็เลิก หยุด แล้วก็บ่ายก็
จะแสดงธรรม อบรมกรรมฐานจนถึง 5 โมงเย็นเลิก เอ้านี่ ไม่เลิกเหรอ
พิธีกร ยังครับ ปู่ครับ ยังมีเวลา ปู่ครับ มีญาติโยมถามปัญหาที่น่าสนใจ
หลวงปู่ ว่า
ปุจฉา การที่พระบางรูปได้รับนิมนต์มาเทศน์แล้ว ให้พระเลขาฯบอกมาว่า ปกติถ้ามา
บรรยายธรรมจะต้องได้รับเงิน 3 หมื่นเป็นอย่างน้อย อย่างนี้ถือว่า อาบัติไหมครับ นี่ข้อ
1. นะครับ ข้อ 2. บอกอยากให้หลวงปู่อธิบายคำว่า ทำบุญแล้วไม่ได้บุญ และทำบุญ
อย่างไรให้ได้บุญเหมือนตามที่หน้าปกหนังสือต่างๆ กำลังวางจำหน่ายกันเกลื่อนเลยครับ
วิสัชนา อืม ที่จริงแล้ว อ้ายนั่นน่ะ อย่าไปเรียกมัน พระ เรียกมัน แพะ เพราะถ้าหากว่า
มาตีราคา ว่าทำเป็นเงินเท่านั้นเท่านี้ ไม่ใช่พระล่ะ ชั้นเนี่ยนะ ชั่วชีวิตชั้น ไม่เคยเอาตังค์ออก
จากวัดเลยนะ
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ ไม่ว่า วัดไหนนิมนต์ชั้นไปแสดงธรรม หรือไปอะไรเนี่ย ชั้นถือว่า นั่นญาติชั้น
ศากยวงศ์เหมือนกัน เค้าทำงาน เค้าต้องการเงิน เราไม่ควรไปเอาเงินของเค้าออกมา สมัย
ก่อนชั้นไปแสดงธรรมที่วัดจันทาราม ตอนที่ฤษีลิงดำ ท่านยังเป็นที่พระสุธรรมยานเถระ
อะไรใหม่ๆ เค้าเคยทำงานฉลองพิธีกรรมอะไรกันน่ะนะ ชั้นไปแสดงธรรม ชาวบ้านเค้า
ถวายทองคำ ถวายเงินเป็นกระสอบๆ เนี่ย พิจิตร กุลวาณิชย์ องคมนตรี ตอนนั้นเค้ายังไม่ได้
เป็นองคมนตรี ยังเป็นรองผบ. ทบ.อยู่ล่ะนะ เค้าไปฟังธรรมชั้น เอาทหารถือเอ็ม 16
ไปเป็นแถวเลย เราบอก เฮ้ย กูมาแสดงธรรมนะ กูไม่ได้มาปล้น ทำไมมึงถือปืนอะไรมา
เยอะแยะมากมายขนาดนี้ ชาวบ้านน่ะ เค้าถวายสตางค์นับเป็นกระสอบๆ ได้ไม่ต่ำกว่า 10
กระสอบนะ หลึงหนึ่งชั้นก็ไม่เคยเอามานะ ทองคำเป็นถาดๆ เลยนะ เค้าเรียกชั้นว่า
พระองค์ที่ 10
แล้วตอนหลังมา ฤษีลิงดำเค้าก็ให้คนมาส่งชั้น ตามมาถ่ายรูปไปสร้างปั้นเป็นรูปพระองค์ที่
10 ชั้นบอก แค่นี้พอแล้ว อย่ามายุ่งวุ่นวาย ไม่อิสระ ที่ลงไปแสดงธรรมก็เพราะว่า พอดี
ธุดงค์ผ่านมา แล้วมันเหนื่อยก็ถ่ายออกมาเป็นเลือด ก็เห็นวัดจันทารามอยู่ริมน้ำ ตอนนั้นก็
งานเค้าอยู่คนละฝั่ง ไม่ได้เข้ามาวุ่นวาย เราก็นั่งเล่นของเราอยู่ท่าน้ำ ตอนนั้นก็จะสรงน้ำ พอ
ดีน้ำมันก็พาเอาผักตบย่าวามากันเยอะแยะ เราก็พูดเล่นๆ ว่า เอ้ แล้วอย่างนี้ กูจะอาบน้ำยัง
ไงล่ะหว่า เพราะว่า มันไม่มีน้ำให้อาบ ผักตบมันแน่นมาก ลงไปเหยียบยังได้เลย
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ เออ ซักพักหนึ่งก็ไม่รู้ว่า น้ำมันไหลย้อนกลับหรือว่าไงไม่รู้ ผักตบมันก็หายไป
มันก็เปิดช่องให้เราลงไปอาบน้ำได้
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ เออ แล้วเค้าก็ไปฟ้องไปบอกกัน เณรมันเห็นเข้า มันก็เลยไปคุย ฝั่งตรงข้ามเค้ารู้
เข้า ก็อู้หู ทีนี้มากันบานเบือก, 2 วัน 2 คืนน่ะ ชั้นเทศน์
พิธีกร ครับ ศักดิ์สิทธิ์เลยครับ
หลวงปู่ หายป่วยเลยล่ะ ก็บอกแล้ว ชั้นเจอไมค์ไม่ได้ ชั้นหายป่วยเลยล่ะ เสร็จแล้วก็กลับ
เลย แล้วทีนี้ เค้าก็พยายามจะนิมนต์ไง เราก็เลยไม่ไป อ้าว ชั้นไม่ชอบวุ่นวาย
พิธีกร ทีนี้ในวงการเรื่องการนิมนต์อย่างนี้น่ะครับ ปู่ครับ ซึ่งมันมีจริงในเหตุการณ์ขณะนี้
หลวงปู่ ไม่รู้นะ ชั้นไม่เคยสนใจ เพราะว่า ชั้นถือว่า เรามาแสดงธรรม นี่ก็ถือว่าเป็นกำไร
ละ ชั้นเชื่อในคำสอนพุทธเจ้าว่า สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ การให้ธรรมเป็นทาน ชนะ
การให้ทั้งปวง ส่วนปัจจัย ถ้าจะได้มา มันก็ไม่ใช่ของชั้นอยู่แล้ว เพราะทุกบาททุกสตางค์
เค้าก็เก็บเข้าคลัง เพราะที่วัดชั้น เค้าจะมีคลังวัด เรียกว่า เจ้าหน้าที่ภัณฑาคาริก
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ สมภารเค้าจะตั้ง คือ ชั้นจะเขียนกฏเอาไว้ก่อนที่ชั้นจะออกจากการเป็นสมภาร
เป็นเจ้าคณะปกครอง ว่าของทุกอย่างที่มาสู่วัดนี้ จะต้องเป็นของกลาง ไม่มีของใครคนใด
คนหนึ่ง แม้แต่สมภารก็ต้องไม่มี ไม่เป็นเจ้าของ
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ งั้น ทุกบาททุกสตางค์ได้ไป ชั้นไม่เคยรู้ว่าได้เท่าไหร่ ก็จะไปส่งให้กองกลาง กอง
กลางเค้าก็จะเอาไปบริหารจัดการ แบ่งส่วนหนึ่งมาช่วยเหลือสังคม น้ำท่วม ไฟไหม้ ฝนตก
ฟ้าร้อง อ้าย สึนามิน่ะ ชั้นไปอยู่ในหมู่บ้านเกาะพระทอง อิสลามทั้งนั้น เกาะลันตาน่ะไปสร้าง
ซ่อมเรือ สร้างบ้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดกับนายอำเภอบอก หลวงปู่อย่าเข้าไป แถบนี้มันอิส
ลามทั้งนั้น
บอก เป็นไง อิสลามไม่ใช่คนเหรอ เราก็ถามเค้า แล้วเราก็บอกกับเค้าว่า ชั้นมานี่ ไม่ได้มา
ในฐานะพระ แต่มาในฐานะเพื่อนไทยที่เห็นคนไทยลำบาก เรามาช่วยเค้า แล้วชั้นไปอยู่กับ
เค้าเป็นเดือนนะ ไปกินไปนอนอยู่กับเค้า เราไปปลูกบ้านให้เค้านะ ไปเลื่อยไม้ ไปปีนหลังคา
แรกๆ มันก็มายืนดู กอดอกดู ไม่ช่วยนะ มายืนดู มันไม่เชื่อเราเป็นพระ เราจะมาทำบ้านให้
คน แล้วก็มายืนดู อาทิตย์ที่ 2 นี่มันเข็นมอเตอร์ไซด์มาตั้งไกล เรานั่งเลื่อยไม้อยู่นะ มันก็
มาสตาร์ทอยู่ข้างๆ เรา แล้วหันอ้ายปากปล่องใส่หน้าเรา แล้วก็บึ้นๆๆ เราก็หันไปยิ้ม ไปกับ
หลวงพ่อยิ้ม ตอนนั้นไปกับหลวงพ่อยิ้ม ยิ้มอย่างเดียว ใครมันจะว่ายังไง ยิ้ม
อาทิตย์ที่ 3 ชั้นได้ฉันปิ่นโตจากเค้า พออาทิตย์ที่ 3 โต๊ะอิหม่ามเค้าหิ้วปิ่นโตมา หลวงปู่
เอามาให้ เค้าบอก นี่ไม่ได้เอามาให้พระนะ เอามาให้เพื่อน มันยังมีบอกอย่างนี้อีกนะ เอา
มาให้เพื่อน แถมกลางคืน เอามาให้อีกรอบ บอก เฮ้ย กินไม่ได้ โต๊ะ กลางคืน, อ้าว โอ้โห
ทำงานทั้งวันอย่างนี้ ไม่หิวเหรอ, หิว แต่กินไม่ได้ พระวินัยห้าม, อ้าว เหรอ แล้วอยู่ไง
ล่ะ แล้วฉันอะไร กินอะไร, ก็ฉันได้แต่น้ำ, เหร๊อๆ รอเดี๋ยวๆ เค้าก็วิ่งไปหาโอวัลติน
หาอะไรมาให้ฉัน หาน้ำขวดมาให้ฉัน แล้วทุกคืน
ชั้นอยู่ที่นั่น 3 เดือนกว่าๆ ทุกเย็น ใครจะปลูกบ้าน ใครจะออกลูก ใครจะป่วย เป็นอิสลาม
นะ มาให้ชั้นช่วยตั้งชื่อ ช่วยยกเสาเอก ชั้นอยู่ที่นั่นน่ะ ชั้นไปนู่นยันนราธิวาส คุณไม่รู้ ชั้น
ไปสร้างโบสถ์ที่นราธิวาส ทุกวันนี้ ทำไว้หลังหนึ่ง มีหมู่บ้านไทยพุทธอยู่ เหลืออยู่เกาะเดียว
ร้อยกว่าหลังคาเรือน นอกนั้น อิสลามล้อมเต็มไปหมด ที่เหลืออยู่เนี่ย สร้างเอาไว้ เพราะว่า
วัดที่นั่นมี 5 วัด แต่ไม่มีโบสถ์ซักหลัง ถึงเวลาพระจะทำสังฆกรรม ก็ต้องนั่งรถให้ทหาร
คุ้มกัน เป็นหน้าหลังล้อมรอบเพื่อจะเข้าไปในตัวเมืองเพื่อไปทำสังฆกรรม เราไปเจอเข้าก็
เลยไปสร้างโบสถ์ แล้วก็เอาพระของวัดไปส่ง ไปอยู่เพื่อเป็นกำลังใจ ก็พระพื้นที่ก็ไม่กล้า
เข้าไปอยู่ ไม่มีพระไหนเข้าไปอยู่นะ เค้าไปอยู่ที่เขื่อนบันนังสตาร์ ที่ผู้กองแคนตายน่ะ
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ โอ้โห มันเหมาะกับการดักซุ่ม ขนาดชั้นไป ชั้นยังต้องมองตามหน้าต่างเลย ไป
กับอ้ายโก สมัยก่อนนั้น โกสินธ์ บุญสร้าง เค้าเป็น ผ.บ ค่ายนเรศวร อ้ายโก มึงดูข้างขวา
กูดูทางซ้าย คอยชะเง้อเพราะอยู่ข้างล่างในหุบ แล้วมันอยู่ข้างบน มันโยนระเบิดลงมาซักตุ้ม
ไปแล้ว เออ มึงดูคนละข้าง เออ ชั้นไปอยู่ที่นั่นน่ะ ไปอยู่ก็ไม่มีอะไร ก็ไปคุยกับพวกพี่น้อง
อิสลาม ถึงเวลาเราเอากฐินไปทอด ก็เอาไปเผื่อพี่น้องอิสลามเค้าด้วย ก็เอาของไปแจกเค้า
พอถึงเวลาเค้าก็มารวมกัน เราก็แจก
ก็พยายามพูดให้เค้ารู้ว่า เราไม่ได้มาในฐานะตัวแทนศาสนา แต่เรามาในฐานะเพื่อนมนุษย์
ผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย เห็นมนุษย์เป็นทุกข์เดือดร้อน ตอนปัตตานี น้ำท่วมน่ะ ชั้นยังไปตั้ง
โรงครัวเลย
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ แต่เราไม่ได้ทำเองนะ เค้าไม่ยอมกิน เค้าบอกว่า ต้องให้แม่ครัวของอิสลามมาทำ
แล้วเอาของไปให้เนี่ย พวกโต๊ะครูมากอด ร้องไห้เลย อายุ 80 กว่า ถาม ทำไมอ่ะ โต๊ะ,
บอก ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยเห็นมีพระองค์ไหนใจดี ที่นอกศาสนา แล้วมาช่วยพวกเค้า
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ เราบอก อุ๊ย นี่ไม่ได้นอกศาสนา นี่คือ คนไทยมาช่วยคนไทย มาช่วยกัน ไม่เห็น
มีปัญหาอะไร ถึงเวลาวันตรุษสงกรานต์ วันสงกรานต์ เค้าก็เหมารถมาสรงน้ำ
พิธีกร ที่วัดอ้อน้อยนะครับ
หลวงปู่ ใช่ แล้วโต๊ะอิหม่ามเค้าก็จะนั่งรถกันมาจากปัตตานี จากยะลา มาสรงน้ำชั้น เค้าก็
มากันแบบ เออ เค้ามา เราก็ให้ลูกศิษย์เค้าพาไปดูวัดดูวา
พิธีกร ครับ ในแนวทางของหลวงปู่ขณะนี้ คณะสงฆ์ได้
หลวงปู่ อุ๊ย อย่าไปพูด อย่าไปพูด พูดแล้วบาปปาก ไม่กล้าพูด ชั้นทำของชั้นเอง
พิธีกร เหรอครับ
หลวงปู่ ไม่ต้องมายุ่งกับชั้น แล้วก็ อย่ามาเหยียบชั้นก็แล้วกัน เท่านั้นแหละ พอ
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ คือ ชั่วชีวิตชั้น ภาวนาต่อสวรรค์และฟ้าดินเสมอว่า ขอ 2 ขา ข้ายืนได้, 2
มือ ข้าทำได้, 1 ตัว ข้าตั้งมั่น, 1 หัว ข้าคิดออก, ไม่ต้องขออะไรมากละ งั้น ไม่
ต้องมาให้ ไม่ต้องมาเหยียบ
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ แล้วก็ไม่ต้องมายก
พิธีกร อันนี้ จุดยืนของหลวงปู่ชัดเจนมากเลย ก็คือว่า เรื่องสมณศักดิ์ ไม่ต้องมาให้
หลวงปู่ เอ๊ย ไม่ต้องๆ แล้วก็ไม่ต้องมาอะไร นี่ รัฐบาลชุดนี้ สำนักพุทธฯ เค้าเรียกเก็บ เค้า
เรียกว่า เรียกเก็บโฉนดที่ดินของแต่ละวัด ไปรวมไว้ส่วนกลาง
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ จังหวัดนครปฐมนี่ เค้าโดนเก็บหมดทุกวัด
พิธีกร ยกเว้น
หลวงปู่ เว้น วัดอ้อน้อยวัดเดียว เพราะว่า อะไรรู้ไม๊
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ เค้าบอกว่า ประชุมกันแล้ว เจ้าคณะจังหวัด อำเภอ ตำบล เก็บหมดทุกวัด เว้นวัด
เดียวในที่ประชุม บอกว่า เหลือวัดไหน วัดอ้อน้อย, เออ ไม่ต้องยุ่ง เพราะชั้นบอกกับเค้า
ไปก่อนว่า ทำไมกูไม่มีปัญญาเก็บเหรอ
พิธีกร อ๊อ
หลวงปู่ ก็ที่ ก็ที่กูซื้อ เงินกูก็หา ทำไมแค่โฉนดใบเดียว กูเก็บไม่ได้เหรอ แล้วทำไมต้อง
ให้มึงไปเก็บ เพราะว่า รัฐบาลชุดนี้ ไม่รู้พวกเค้ามีวิธีอะไร สมัยก่อนเจ้าประคุณสมเด็จพระ
มหาธีราจารย์ วัดชนะฯ ท่านเคยเล่าให้ฟัง มียุคหนึ่งสมัยรัฐบาลชุดนี้เหมือนกันแหละ แต่ว่า
อีกคนละยุค เค้าพยายามจะเก็บ ตอนสมัยคุณวัฒนา เมืองสุข เพื่อจะเข้ามาดูแลสมบัติกลาง
ของศาสนสมบัติ ซึ่งมีมูลค่าประมาณร่วม 4 หมื่นกว่าล้าน
พิธีกร ครับ มีความพยายามที่จะออก พรบ. สงฆ์
หลวงปู่ เออ แต่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านค้านว่า ธุระอะไรจะต้องเตะหมูเข้าปากหมา พอ
ท่านสิ้นแล้ว ไม่มีใครค้าน แล้วคณะสงฆ์ก็พลอยเป็นหัวอ่อนหรือปัญญาอ่อนก็ไม่รู้ล่ะ เชื่อ
ตามเค้าไปด้วย ยอมให้เค้ามาครอบงำ
เดี๋ยวนี้ ไม่พอนะ โฉนดที่ดินยังไม่พอนะ ยังจะมาเอาเงินบัญชีเงินฝากอีก เออ ให้เอาไป
ฝากไว้กับเค้า บัญชีเงินฝากของวัด เราเลยบอกว่า มึง อย่ามายุ่งกับวัดอ้อน้อย เออ ยกเว้น กู
ตาย ก็ว่าไป แต่ตอนกูมีชีวิตอยู่ อย่ามายุ่ง เพราะทุกบาททุกสตางค์ เราเป็นคนหานี่ เพราะงั้น
ที่ตั้งแต่ 9 ไร่ จนเวลานี้มันร่วม 200 กว่าไร่ เราก็ทำถวายพระศาสนา เราไม่ได้เป็นชื่อ
ของเรา ไม่ได้เป็นสมบัติของเรา เมื่อมันเป็นอย่างนี้แล้ว เรามีปัญญาจะดูแลรักษามัน ค่าใช้
จ่ายของวัดน่ะ คุณ นี่ ไม่ได้คุยนะ แต่เล่าให้ฟังไว้ว่า ภาระของชั้น เมื่อเดือนที่แล้ว 13
ล้าน ขนาดป่วยๆ ทุกเดือน ไม่เคยต่ำกว่า 10 ล้านเลย
พิธีกร ต่อเดือนนะครับ ปู่ครับ
หลวงปู่ ใช่
พิธีกร โอ้โห
หลวงปู่ เดือนที่แล้ว 13 ล้าน แต่หาได้ 9 ล้าน
พิธีกร ติดลบ
หลวงปู่ ติดลบ 4 ล้าน เออ ก็ไม่เป็นไร ชั้นก็อาศัยแสดงธรรมไปเรื่อยๆ เราก็ไม่ได้ไป
เรี่ยไรใคร แล้ววัดชั้นไม่มีตู้รับบริจาค ไม่มีป้ายโฆษณาขอเชิญร่วมบริจาคสมทบทุน วัดอื่น
เค้าหล่อพระใหญ่ อุ๊ย เค้าประกาศ เออ ตรงนั้น ตรงนี้ ชั้นไม่ ชั้นทำของชั้น ชั้นถือว่า ชั้นทำ
แล้วชั้นมีปัญญาทำ เพราะเราคิดทำเอง มันเป็นความอยากของเรา ทำไมเอาความอยากของ
เราไปให้ชาวบ้านเค้าเดือดร้อน ถ้าเค้ารู้ เค้าอยากทำ ก็ถือว่า เค้าอยากได้บุญ เราไม่ไปเรี่ยไร
ชั้นเป็นคนที่ พูดขอแล้ว ชั้นรู้สึกเป็นทุกข์ แต่ถ้าให้เนี่ย อู้หู เราจะเป็นสุขมาก เรามีความ
ภูมิใจที่จะให้มากกว่าที่จะขอ
มีคนเค้าเอาตังค์มาถวายนะ เค้าไปบนที่วัดชั้น แล้วเค้าได้ตังค์มา เค้าถวายมา 10 ล้าน
เค้าบนขายที่ได้ แล้วก็ถวายมา 10 ล้าน เราบอก เออ ขอบใจ เอาไปให้มูลนิธิฯ เค้า แล้ว
เค้านั่งอยู่ซักพัก หลวงปู่ครับ ผมเอาตังค์มาถวาย 10 ล้าน เอ๊อ ขอบใจ๊ เอาไปให้มูลนิธิฯ
เค้า
พิธีกร เค้าไม่มั่นใจว่า เอ หลวงปู่ได้ยิน 10 ล้าน หรือ 10 บาท
หลวงปู่ เค้าบอก ไม่ให้พรเหรอ เราก็เลยหัน มึงน่ะ ต้องให้พรกู เพราะเงิน 10 ล้านที่
มึงมาให้กูเนี่ย มึงต้องการบุญของกู มึงถึงเอามาให้ ถูกหรือเปล่า
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ มึงไม่ใช่มาให้ฟรีๆ แล้วมึงก็ได้ประโยชน์ไปแล้ว คนที่เอาเงินมาให้เรา ต้องขอบ
ใจเราที่รับ ไม่ใช่เราต้องไปขอบใจเขา หรือ ต้องให้พรกับผู้ให้ ด้วยเหตุผลว่า เค้าเห็นเราเป็น
เนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า จึงอยากมาแบ่งบุญจากเรา แล้วจะให้เราไปให้
อะไรอีก งั้น ต้องมาขอบใจเรา ไม่ใช่เราต้องไปขอบใจเขา แค่กูขอบใจมึงก็ถือว่า ดีแล้ว
สรุปแล้ว มึงจะให้ ไม่ให้
พิธีกร วิธีคิดอย่างนี้น่ะ สมควรที่จะต้องเผยแพร่ต่อ ปู่ครับ
หลวงปู่ เผยแพร่ ก็ด่าทุกที พูดไป เค้าก็ด่าทุกที อ้าว จริงๆ เค้าก็ด่าทุกที หาว่า ยะโส
จองหอง อ้าว ก็มันเรื่องจริง นี่คือ เรื่องจริง
พิธีกร ครับ เป็นเรื่องจริง
หลวงปู่ อาหุเนย โย ปาหุเนย โย ทักขิเนย โย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขต
ตัง โลกัสสาติ พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า อ้าว เมื่อเราเป็นเจ้า
ของบุญ คนที่จะมาเอาบุญจากเรา เราต้องไปขอบใจเค้าเหรอ ถูกไม๊ เอ้า คุณว่า ถูกไม๊
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ เอ๊อ เราต้องไปให้พรอะไรมันเยอะแยะ เอ๊อ เข้าใจผิดหรือเปล่า เอ๊า จริงๆ ชั้น
เป็นคน
พิธีกร น่าคิด
หลวงปู่ ชั้นเป็นคนอย่างนี้แหละ คุณ ชั้นเป็นคนตรงไปตรงมา นี่คือ ธรรมวินัย นี่คือ
ธรรม นี่คือ วินัย ที่ผ่านมา เราไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย อ้าว แล้ว สัมโมทนียกถา
สัมโมทนียกถา พระพุทธเจ้าทรงยกให้เห็นว่า อานิสงส์ในการทำบุญครั้งนี้ เป็นอย่างไรๆ
พิธีกร ให้ปิติปราโมทย์ใจ
หลวงปู่ เออ ให้ปิติปราโมทย์ใจ ไม่ใช่ให้โยมอายุยืน สุขภาพแข็งแรง ให้รวย ให้รวย ถูก
หวยรางวัลที่ 1 อะไร อ้ายนี่มันเลอะเทอะ มันเลอะเทอะว่าเรื่อยเปื่อยไป
มีอีกเจ้าหนึ่ง อยากจะมาทำบุญสร้างหน้าบรรณโบสถ์ ถวาย 5 ล้าน เขียนชื่อให้ด้วย,
เลยถาม มึงจะเอาบุญหรือจะเอาชื่อ, เอาทั้งบุญทั้งชื่อ, งั้น กูไม่เอาตังค์มึง เอาคืนไป
เพราะกูมีแต่บุญให้ แต่ชื่อมึงไม่มี มึงเล่นเอาเปรียบนี่ มึงให้ 5 ล้าน แล้วโบสถ์กูมีอายุ
ร้อยปี คนเค้าก็มอง มึงก็โฆษณาตระกูลมึงได้ตั้งร้อยปี อ้ายห่านี่ ค่าโฆษณารัอยปีนี่เป็นเงิน
เท่าไหร่ มึงจ่าย 5 ล้าน อ้ายนี่ไม่คุ้มนะโว้ย
พิธีกร เพราะงั้น ในวัดหลวงปู่นี่ ไม่มีชื่อ
หลวงปู่ เอ้า ไม่มี๊ คุณ เสาชั้นทุกต้นไม่เจอชื่อหรอก ไม่มี ส้วมเสิ้มไม่ได้เห็นชื่อล่ะ เอ๊อ
ถ้ามึงจะให้กูโฆษณาให้มึงร้อยปีเท่าอายุโบสถ์ มึงต้องให้มากกว่านี้ 5 ล้านนี่ไม่คุ้ม อ้าว
จริง นี่ชั้นพูดของชั้นจริงๆ เพราะชั้นเป็นคนตรงไปตรงมาไง คิดอย่างไร ทำอย่างนั้น, ทำ
อย่างไร พูดเช่นนั้น
แล้วมีคนถามชั้นบ่อยๆ ว่าไม่กลัวคนเกลียด เฮ้อ ชั้นไม่ได้อยู่เพื่อคนนี่ ชั้นอยู่เพื่อธรรมะ
พิธีกร อืม
หลวงปู่ ถ้าธรรมเกลียดชั้นนี่ ชั้นไม่อยู่
พิธีกร ถ้าอยู่เพื่อคนนี่ ต้องทำให้คนรัก
หลวงปู่ เอ๊อ ชั้นอยู่ ต้องภาคภูมิที่จะอยู่ ถ้าอยู่แล้วไม่ภาคภูมิอยู่ โอย สู้ไม่อยู่ดีกว่า ตาย
ดีกว่า ถ้าอยู่แล้วต้องมา โอย ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีความภาคภูมิยินดี ไม่รู้สึกภาคภูมิในบุญ
กุศลของตัวเอง ไม่ภูมิใจที่จะเป็นผู้เป็นเนื้อนาบุญ อย่างนั้นอยู่ไปทำไม ไม่ได้ ไม่เอา พระ
ผู้มีพระภาคเจ้าบอกว่า ธรรมะที่ไม่วิปฏิสาร คือ ไม่เดือดร้อนทั้งกาย วาจา ใจ ก็คือ ศีล สมาธิ
และปัญญา ผู้ที่มีศีล สมาธิ และปัญญา จะไม่วิปฏิสาร คือไม่เดือดร้อนทั้ง กาย วาจา ใจ
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ ผู้มีสติในกาย กายนี้ไม่ลำบากเลย, ผู้มีสติในวาจา วาจานี้ก็ไม่ลำบากเลย, ผู้
มีสติในใจ ใจนี้ก็ไม่ลำบากเลย เพราะฉะนั้น
พิธีกร วันนี้ธรรมะมหัศจรรย์ครับ หลวงปู่ครับ เด็กๆ นักเรียนมาฟังนี่ ไม่เล่นไม่คุยด้วย
หลวงปู่ มันหลับน่ะสิ
พิธีกร ไม่หลับครับ นั่งฟังอยู่เมื่อกี้
หลวงปู่ ไม่ใช่ไม่คุยนี่ มันหลับหรือเปล่า
พิธีกร ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันอยู่ครับ ก็เป็นประเด็นสุดท้ายครับ ปู่ครับ ก่อนที่หลวงปู่จะได้
พักผ่อน
หลวงปู่ ว่า
พิธีกร อยากจะให้หลวงปู่ได้เมตตามอบธรรมะอิสระเพื่อเป็นประโยชน์กับญาติโยมและ
ลูกๆ หลานๆ ในที่นี้เป็นช่วงสุดท้ายครับ ปู่ครับ
หลวงปู่ อยากบอกพวกคุณว่า ธรรมอะไรก็ได้ คุณทำไปเฮอะ แต่สำคัญที่สุด ก็คือ
ธรรมนั้น มันเป็นที่พึ่งของคุณได้ไม๊ แล้วที่พึ่งอันนั้นต้องเป็นที่พึ่งอันยั่งยืนด้วย ไม่ใช่พึ่ง
วันนี้ แล้วพรุ่งนี้พึ่งไม่ได้ ไม่ใช่พึ่งพรุ่งนี้ได้ มะรืนได้ เดือนหน้าได้ ปีหน้าได้ แต่ชาติหน้า
พึ่งไม่ได้ แสดงว่า นั่นไม่ใช่ที่พึ่งที่ยั่งยืน
งั้น ที่พึ่งอันเป็นธรรมอันเป็นที่พึ่ง แล้วเป็นที่พึ่งที่ยั่งยืน ต้องพึ่งได้ทั้งชาตินี้ และชาติหน้า
ภพนี้และภพหน้า นั่นคือ ธรรมอันเป็นที่พึ่ง ธรรมอันเป็นเกราะ ธรรมอันเป็นเครื่องกำบัง
ธรรมอันเป็นธงชัย
แล้วธรรมอะไรบ้าง
อะไรก็ได้สักข้อหนึ่ง ไม่จำเป็น ชั้นไปแสดงธรรมที่มหาวิทยาลัยนเรศวร นักศึกษามันเต็ม
ห้องเลยนะ รู้สึกจะประมาณ 1,800 กว่าคน เวลาเราให้ศีล ปาณาติปาตาฯ ก็เสียงดังลั่น
เลยนะ อทินนาทานฯ ก็เสียงดังลั่น พอ กาเมสุมิจฉาฯ มันหมุบหมิบๆ ทีมุสาวาทาฯ มา มัน
มุบมิบอะไรของมันไม่รู้
เราก็เลยบอก เอ้ย ไม่ต้องต้มหมูๆ หรอก เอาเป็นว่า มึงอยากได้ข้อไหน มึงตะโกนข้อนั้นดังๆ
ก็แล้วกัน แต่ข้อไหนที่มึงไม่อยากได้ แล้วทำไม่ได้ นิ่งไว้ ลูก ทำเงียบเฉยไว้ ไม่มีใครเค้า
ว่ามึงหรอก ดีกว่าไปแหกตาชาวบ้าน แล้วหลอกพระ
รับมันทุกข้อ แต่ทำไม่ได้ซักข้อ อย่างนี้ เค้าเรียกว่า ตลบแตลง หลอกลวง ไม่ซื่อตรง
จำไว้ว่า ธรรมะอยู่กับใคร คนๆนั้นจะต้องเป็นผู้ซื่อตรง มันต้องตรงไปตรงมา ไม่มีมารยา
สาไถย ไม่เสแสร้ง ไม่ต้องเติมน้ำจิ้มน้ำปลา กะปิ หอมกระเทียม เพราะมันเป็นธรรมชาติ
บริสุทธิ์ มีรสชาดของมันเอง มีเสรีภาพ มีอิสระในตัวมันเอง และเป็นธรรมะที่บริสุทธิ์
แต่ที่เสแสร้ง จ๊ะจ๋า เมื่อสมัยก่อน เฮียยันเค้าดังๆ ใหม่ๆ ล่ะนะ เฮียยันน่ะ คุณรู้จักหรือเปล่า
อะไรไม่รู้จักเฮียยัน ยันตระไง แหม ชั้นเรียก เฮียยัน เฮียยันเค้าดังๆ ล่ะนะ ตอนนั้น ชั้นยัง
อยู่ถ้ำไก่หล่น เค้าดังๆ ล่ะนะ แล้วพวกอาจารย์จากราชภัฏฯ เพชรบุรี เค้าก็ไปเป็นลูกศิษย์
อยู่ที่ถ้ำ พอถึงวันศุกร์เย็นๆ เค้าก็จะไปนอนค้างกันละ คณะครูอาจารย์ทหารไปรวมกลุ่มกัน
สวดมนต์ทำวัตร
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ อ้ายเราก็แสดงธรรมแบบนี้ เค้าก็บอกว่า ทำไมท่านชอบพูดเหมือนภาษาพ่อขุน
รามฯ ยุคเก่า ไม่เหมือนพระอาจารย์ เออ พระอาจารย์ท่านพูดนิ่ม ไพเราะ เวลาจะเช็ดหน้า
เช็ดตา ชั้นก็อย่างดีถือมาก็ป้ายพรึ้บๆ พระอาจารย์นี่ต้อง....ค่อยๆ ซับ อ้ายเราก็เลย
บอกว่า พระอาจารย์มึงน่ะ เค้าเป็นพระเอกลิเกเก่าโว้ย แต่กูไม่ใช่พระเอกลิเก กูกรรมกร
ถ้ามึงอยากดูความละเมียดละมัย นิ่มเนี่ย มึงไปดูพระเอกลิเก หรือไม่ ไปดูนักแสดง แต่กูเนี่ย
ออกมาจากหัวใจ กูกรรมกรในใจ กูมีความคิดอะไร กูก็ทำของกูอย่างนี้ หน้ากูทำไมต้องไป
อะไรมากมาย กูก็ปื๊ดๆๆๆ กูก็จบแล้ว เออ เค้าบอก พระอาจารย์ เออ วันนี้น่ะ พระอาจารย์
นิ่ม วันข้างหน้ามึงจะดูว่า พระอาจารย์มึงจะโดดไปไหน ตอนนั้นมันยังไม่เชื่อชั้นเลยนะ อู๊ย
ตอนนั้นเค้าดังมากเลยล่ะ
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ ซักพักล่ะ ไปแล้ว
พิธีกร อืม
หลวงปู่ เห็นม่ะ พวกชอบดู ระฆังดี ต้องตีให้มันดังๆไง คนดีต้องมียี่ห้อดีๆไง ชั้นก็เลยมา
เขียนบทโศลกว่า
ลูกรัก คนดี ไม่ต้องมียี่ห้อ ที่มียี่ห้อ อาจไม่ดีก็ได้
แล้วก็
ลูกรัก เพชรแท้ ไม่กลัวการเจียรนัย, ทองแท้ ไม่กลัวการเผาไฟ,
เหล็กแท้ ไม่กลัวการทุบตี, คนดีแท้ๆ ไม่กลัวการพิสูจน์ทราบ
เพราะฉะนั้น ถ้ามันเป็นคนดีจริงๆ เมื่อไหร่ๆ ตกน้ำไหล ตกไฟไม่ไหม้ ไม่ว่าจะมีปัญหา
อะไร
ชั้นเนี่ย ลงหน้า 1 บ่อยๆ สมัยไปอะไรล่ะ อ้ายพันธมิตรยุคแรกๆ เอ้า ตอนนั้นเนี่ย หลวง
พ่อเจ้าคณะจังหวัด ท่านห้ามด้วยนะ ท่านไม่ได้มาห้ามกับชั้นหร๊อก ตอนนั้นชั้นรู้สึกจะครบ
มังคลาภิเษกรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย แล้วก็พันธมิตรเค้าชุมนุมกันยุคแรกล่ะนะ
อ้ายเราก็ เออ เว้ย ชาวบ้านประชาชน เค้าได้ยินข่าวมาไง คนเค้าจะไปยิงหัวนายสนธิ ข่าว
เค้าเรียกว่า สันติบาลน่ะ แล้วชั้นนี่นะ เป็นลำดับที่ 38 ชื่อตอนนั้น ยุคนั้นนะ
พิธีกร ของ
หลวงปู่ สันติบาล เป็นบุคคลอันตราย อยู่ในบัญชีสันติบาลที่ต้องระวังอย่างยิ่งในลำดับที่
38 ถึงขนาดปลัดกระทรวงฯโทรฯมาบอก เค้าเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ พักนี้ ผมห่างๆ วัดไป
หน่อยนะ
ถาม ทำไมวะ ก็เค้ามีสันติบาลมาเฝ้าหน้าวัด มันคอยจดเลยนะ ว่าข้าราชการคนไหนจะเข้า
วัดออกวัด มันไปยืนจดเลยนะ ชั้นเนี่ยเป็นลำดับที่ 30 กว่า
อ้ายเราก็ เอ อ้ายสนธิมันจะโดนยิงหัว เราก็ เออ ต้องไปให้กำลังใจลูกศิษย์หน่อยเว้ย คน
เค้าทำดี ตอนนั้นน่ะนะ ทำดี เราก็ต้องไปช่วยสนับสนุน เราก็ไป
หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัด เค้าก็มา หลวงปู่ไปไหน พระเค้าก็บอก ไปละ อ้าว ไปแล้วเหร๊อ อ้าว
แล้วใครไป ผมก็จะไป ใครๆก็อยากตามไป แต่หลวงปู่ท่านบอกว่า
คือ หลวงปู่จะสั่งเค้าไว้ว่า พวกท่านไม่ต้องไปหรอก ผมไปน่ะ ผมรักษาตัวผมรอด แล้วถ้ามี
อะไร ท่านจะได้ไม่ต้องเดือดร้อน คณะสงฆ์จะได้ไม่เอาผิดท่าน ผมรู้ว่า ผมกำลังทำอะไร
ถ้าผมจะผิด ผมก็ผิดของผมคนเดียว ท่านไม่ต้องมายุ่งกับผม ท่านจะได้ไม่ต้องตกกระได
พลอยโจนกับผม ตอนนั้นเค้าจะไปกันเยอะแยะเลยนะ เพราะเราสอนเป็นอาจารย์วิปัสสนา
ไง
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ พระทั้ง 4 จังหวัดเค้าก็จะรวมกันไป บอก ไม่ต้อง เราก็ไปของเราคนเดียว ไป ก็
ไปแสดงธรรม ไปนำเค้าสวดมนต์ ไปเทศน์อะไร ไม่ใช่เรื่องเลอะเทอะไร้สาระ พอรุ่งขึ้นมา
ใบมาเลย จากหมายรัฐบาลให้สอบพฤติกรรม คณะสงฆ์เค้าก็ประชุมกัน หลวงพ่อจังหวัด เฮ้ย
แล้วใครจะไปสอบวะ เค้าก็ถาม ใครจะกล้าไปสอบวะ ไม่มีใครกล้าสอบ เออ เงียบไว้ ทำ
เฉยๆ เอาไว้ ไม่ต้องไปสอบ
สรุปแล้ว ไม่มีใครกล้าสอบ สมเด็จฯ วัดชนะฯ ท่านรู้เข้า ท่านก็เลยเรียกไป ท่าน ไปเวที
พันธมิตรมาเหร๊อ, ไป๊, อยู่นานไม๊, อยู่ 2 ชั่วโมง, ทำไมไม่อยู่ยันเช้าวะ,
บอก แค่นี้ก็แย่แล้ว ผมก็โดนสอบแล้ว, เฮ้ย ช่างแม่มันเถอะ เราทำดี ไม่ต้องกลัว
เพราะงั้น ชั้นเป็นคนอย่างนี้ล่ะ คุณ ถ้าถูก สู้หัวชนฝา แต่ถ้าผิด ตายก็ไม่เป็นไร แล้วชั้นไม่
ใช่พระอริยเจ้า ไม่ใช่พระอรหันต์ ชั้นหวังพุทธภูมิ เป็นพระโพธิสตว์ เพราะงั้น ชั้นทำอะไร
ก็ได้ถ้าไม่ผิดธรรม ไม่ผิดวินัย ชั้นไม่สนใจหร๊อก ใครจะว่าอะไรชั้น ชั้นถือว่า ชั้นทำดีด้วย
หัวใจก็แล้วกัน
ไม่ต้องกลัว ต้องมาเสแสร้ง โยมจ๊ะ โยมจ๋า จ๋า จ้า, จ๋า จ้า บางทีฟังรายการวิทยุโทรทัศน์
แหม อยากจะไปถีบโทรทัศน์ ถีบวิทยุ มันพูดเพราะมาก
พิธีกร เชียงใหม่มีหลายรายการครับ
หลวงปู่ แต่สุดท้าย ก็หันมาเรี่ยไร เอาเงินเค้า โยมอย่าลืมนะ ทอดผ้าป่าสามัคคี เอาจนได้
แล้วไม่ได้มีสาระ ไม่ได้ให้ปัญญาอะไรเลย ชวนท่องเที่ยว ซื้อบัตรนำเที่ยว เลอะเทอะ แล้ว
คณะสงฆ์ก็ปล่อยปละละเลย ไม่ได้ดูแลเอาใจใส่
พิธีกร พระชวนโยมไปนำเที่ยวนี่ เป็นไงบ้างครับผม
หลวงปู่ หา
พิธีกร พระที่ชวนโยมไปเที่ยวนี่ ในทัศนะของหลวงปู่ มองยังไงครับ
หลวงปู่ ชั้นไม่รู้นะ
พิธีกร ไปทอดผ้าป่า 9 วัด อะไรอย่างนี้ครับ
หลวงปู่ ชั้นไม่เคยทำอาชีพนี้ เลยไม่รู้ว่า เค้าคิดอะไร แล้วก็ไม่อยากทำ ชั้นมาผ้าป่านี่
ชั้นยังไม่บอกชาวบ้านเลย แล้วชาวบ้านมา นี่ชั้นยังด่าเลยนะ บอก มึงจะมาวุ่นวายอะไรกับ
กูวะ กูไปทำบุญ กูไปใช้หนี้เค้า, อ้าวอยากจะมาร่วม, มึงร่วมก็ไปอยู่ที่วัดก็ได้ ไม่จำเป็น
คือ ชั้นเป็นคนไม่ชอบให้ควายเดินตาม เราก็จะพูดเสมอว่า ราชสีห์ไม่ต้องการฝูง ชั้นเป็น
คนที่อยู่ในป่า เป็นพญาราชสีห์ อยู่ในบ้านในเมือง ก็ยังเป็นตัวของตัวเอง ไม่ชอบอยู่ในบ้าน
ในเมือง แล้วเป็นหมาขี้เรื้อน ไม่เอา
พิธีกร เอ แต่ประเด็นที่หลวงปู่ว่า ราชสีห์เดินตามควายไปนี่ แปลว่า จะกินควาย
หลวงปู่ อ้าว มันต้องกินคาย แต่ชั้นเป็นคนไม่ชอบกินควาย เพราะกลัวว่าโง่เหมือนควาย
เลยไม่อยากกินควาย งั้น รวมๆ สรุป คือว่า คนทำบุญกับชั้น ไม่ใช่ง่าย คุณ แล้วก็เป็นคนที่
ต้องเข้าใจวิถีแห่งพุทธ
พิธีกร นี่ ตรงนี้ครับ ปู่ มันก็เลยมาเข้ากับบรรยากาศว่า ตอนนี้หนังสือออกขายตามแผง
ตลาดทุกแผงเลยว่า ทำบุญอย่างไรแล้วจึงจะได้บุญ
หลวงปู่ เอ๊า มันก็ไม่ยาก เริ่มทำบุญ มันก็มีวิถีอยู่ 10 อย่างที่พระผู้มีพระภาคเจ้าสอน
ล่ะนะ เรื่องทานมัย พระองค์ทรงสอนให้บริจาคทาน เพราะต้องการให้เรามีสัมพันธภาพกับ
เพื่อนมนุษย์และสังคมรอบข้างให้อยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข เพราะการให้ มันทำลายความ
คับแคบ ความตระหนี่ เพราะธรรมชาติมนุษย์นี่ มันต้องเห็นแก่ตัว พอให้ไปแล้ว มันก็เลย
ทำลายความเห็นแก่ตัว สังคมมันก็เลยร่วมอยู่กันได้ รวมอยู่กันได้อย่างสันติสุข พระองค์จึง
ยกทานมัยเป็นข้อแรก 1ใน 10 อย่าง
แต่อีก 9 อย่าง ไม่ต้องอะไรเลย รักษาศีล มันก็เป็นเรื่องของเรา ฟังธรรมก็เป็นเรื่องของเรา
ทำหน้าที่ถูกต้องก็เป็นเรื่องของเรา อนุโมทนา เห็นคนอื่นเค้าทำดี ก็พลอยยินดี เรียกว่า ปัต
ตานุโมทนามัย ก็เป็นเรื่องของเรา มีสัมมาสติ สัมมาทิฏฐิ ก็เป็นเรื่องของเรา
ทุกอย่างมันเป็นเรื่องของเราหมด แล้วเมื่อมันเป็นเรื่องของเรา มันต้องเอาทุนที่ไหนมาทำ
ไม่จำเป็นต้องร่ำรวย ไม่ต้องเป็นคนมีทุนมาก แล้วอ้ายสำนักที่สอน บอกว่า จ่ายเงินมาก ได้
บุญมาก อ้ายนั่น มันอะไรล่ะ มัน ขอทาน
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ มัน ขอทาน มัน สำนักขอทาน เรียกว่า เอาสวรรค์มาขาย เอานรกมาอ้าง แล้วก็
อ้างส่งเดช เลอะเทอะไป
พิธีกร หลวงปู่ ขอประทานโทษ อีกมุมหนึ่งที่เพชรบูรณ์ ท่านเกษม อาจินสีโร ที่
สอนอย่างนั้น
หลวงปู่ อ้ายนี่ก็เวอร์ไป ปัญญาอ่อน ไม่ใช่มรรคาปฏิปทา ไม่รู้จักสมมุติบัญญัติ และ
ปรมัตถบัญญัติ ไม่รู้จักสมมุติสัจจะ และปรมัตถสัจจะ
พิธีกร อย่างนั้น เรียกว่า สุดโต่ง
หลวงปู่ ใช่ เรียกว่า เป็นผู้ชิดข้างใดข้างหนึ่ง ตกขอบ เพราะมนุษย์เรามีสมมุติบัญญัติ แล้ว
ก็ปรมัตถบัญญัติ การกราบ การไหว้ เป็นสมมุติบัญญัติ แม้แต่ในหลักศิลาจารึกของพ่อขุน
รามฯ ท่านยังสอนให้ไหว้ สอนให้กราบ
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ ท่านเขียนเอาไว้ชัดในหลักที่ 4 ที่ 5 ว่า สุโขทัยนี้ อวยศีล อวยทาน ต้องนึก
ภาษาท่านด้วย อวยศีล อวยทาน ก็คือ รักษาศีล รักษาทาน ขาวทั้งเมือง คือ คนทั้งสุโขทัย
ขาวทั้งเมือง ทิศเหนือแห่งเมือสุโขทัย มีศาลพ่อปู่เพียงตา วัดพญางำเมือง วัดไหนก็ไม่รู้ล่ะ
แต่ในหลักศิลาจารึกว่าไว้อย่างนี้
ผู้ไหว้ดี พลีถูก รุ่งเรืองเจริญ ผู้ไหว้บ่ดี พลีบ่ถูก อัปรีย์อัปราชัย
แล้วเราก็มามองว่า ทำไมพ่อขุนรามฯ ท่านให้จารึกอย่างนี้ ก็เพราะท่านสอนให้คนมีสัมมา
คารวะไง มันก็ตรงอยู่ในคารวะ 6 ของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่สอนให้รู้จักมีสัมมาคารวะ มี
การเคารพนบนอบ แล้วมันเสียหายตรงไหน
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ เค้ามีคำว่า พุทธคารวตา ธรรมคารวตา สังฆคารวตา สิกขาคารวตา อัปมาทะคา
รวตา เคารพในการปฏิสันถาร ปฏิสันถคารวตา งั้น คารวะ 6 อย่าง นี่มันเป็นวิถีทาง
ถามว่า มันเป็นสมมุติไม๊
ก็เป็นสมมุติ แต่มันสามารถพัฒนาไปสู่ปรมัตถ์ได้ไม๊ ได้ แต่เราไปมองข้างเดียว ฝ่ายเดียว
เราก็ทำลายสมมุติ เหมือนกับจะกินทุเรียน แต่ไม่เอาเปลือก จากต้นพอเห็นเปลือก ก็เด็ดทิ้งๆ
ทำไมมันไม่ออกมาเป็นสีเหลืองซะทีวะ สุดท้ายก็ไม่ได้กินเนื้อทุเรียน เพราะว่า มันเห็นแต่
หนามทุเรียนติดบนต้น เนี่ย คือ คนโง่
เพราะงั้น ก็สุดโต่ง ชั้นพูดเสมอๆ สมัยก่อนนี้ เออ ชั้นรบมาหลายอรหันต์แล้ว เมื่อก่อนนี้
โพธิรักษ์ ก็โดนชั้นรบ ตอนธุดงค์กลับมาจากไพลินศรีโสภณ แล้วก็มาอยู่แถวทุ่งเหียน
พนัสนิคม โพธิรักษ์ ตอนนั้นเค้าดังใหม่ๆเค้าพาบริวารไปแสดงธรรม เค้าไปกันเป็นฝูงเลยนะ
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ แล้วเค้าก็เทศน์เรื่อง การกินผัก บอก คนกินผัก กินหญ้าเป็นอรหันต์ มีจิตเมตตา
คนกินเนื้อ กินเลือด เป็นยักษ์ เป็นมาร เป็นเปรต เป็นผีห่าซาตาน มีใจหยาบกระด้าง เราก็
เลย ขออนุญาตครับ ที่บ้านท่านมีควายไม๊, มี, ควายท่านกินเนื้อหรือกินหญ้า, กิน
หญ้า, เอ้า แล้วทำไมมันยังเป็นควายอยู่ล่ะ ก็ท่านเป็นคนเทศน์เองว่า กินผักกินหญ้าเป็น
อรหันต์
โพธิรักษ์เกาปาก มึนไปเลยล่ะ ก็ท่านเป็นคนบอกเองว่า กินผักกินหญ้าเป็นอรหันต์ แล้ว
ควายบ้านท่านมันกินเนื้อเหร๊อ ควายบ้านท่านมันก็กินหญ้า ก็เห็นมันยังเป็นควายอยู่ ทำไม
ไปสอนอะไรที่มันผิดธรรมผิดวินัย พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่า บริสุทธิ์ด้วยการกิน
สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธ์ มันอยู่ได้เฉพาะตน การกระทำตน ไม่ใช่
อยู่ด้วยการกิน ถามว่า การกินมันเป็นอะไรบ้าง มันก็ทำให้สุขภาพร่างกายอยู่ได้ในระดับ
หนึ่ง แต่มันหมายถึงความเป็นอรหันต์ มันหมายถึงหลุดพ้นไปเลยนะ ถ้ากินแล้วหลุดพ้น
ป่านนี้ควายมันเป็นอรหันต์กันทั้งตระกูลแล้วล่ะ โคตรเหง้ามันก็อรหันต์หมดล่ะ งั้น ก็
อรหันต์ควายๆ ละ
โพธิรักษ์เทศน์ไม่ถูกเลยล่ะ แล้วเราก็รีบย้ายก้นออกมาจากศาลา เพราะกลัวเค้าทืบเอา ชั้นล่ะ
มันกวนประสาทเค้าไปทั่วแหละ งั้น ก็เลยกลายเป็นเหมือนกับว่า ดังแบบไม่ต้องให้ใครมายก
ดังไม่ค่อยดี ดังเตรียมตัวดับเสมอ ชั้นนี่เป็นคนอย่างนี้นะ ลงหน้า 1 บ่อยมาก สมัยก่อนนี้
เค้าก็หาว่า อะไรนะ อยากเป็นอุปัชฌาย์ อยากเป็นเจ้าคุณ อยากเป็นพระครู แหม มันเขียน
ด่าสารพัดอย่างนะ เราก็ เอ๊อ อยากด่า ด่าไป เอ๊า มึงว่า กูอยากเป็นพระครู เจ้าคุณ, สึก,
สึกเช้าบวชเย็น ดูซิว่า มึงว่ากูอยากเป็นอะไรอีกล่ะทีนี้ กูเป็นพระใหม่แล้ว ใครจะมาให้เป็น
พระครู เจ้าคุณอีก เออ มันเลยเงียบ ไม่ด่าเลย
สมัยก่อนเป็นพระมหาเถระ ใครก็ต้องไหว้ ก็บอกว่า รุ่นชั้นเนี่ย รุ่นไหนล่ะ รุ่นตั้งแต่สมัย
หลวงพ่อชา อาจารย์ฝั้น หลวงปู่ขาว ยุคไหนล่ะ เออ หลวงปู่แหวนนี่ เรียก อาจารย์ปู่ เออ
ฤษีลิงดำมันก็เรียก อาจารย์ปู่ ครูบาธรรมชัย ครูบาพรหมจักร ครูบาชัยวงศา พวกนี้ เค้าเรียก
อาจารย์ปู่ทั้งนั้น รุ่นไหนไม่รู้ งั้นก็ มันก็เลยกลายเป็นความรู้สึกว่า ถ้าเราอยู่นานเกินไป คน
เค้าก็จะมองว่า เราอยากใหญ่ อยากดัง อยากมีอำนาจวาสนา ก็เลยสึกมันซะ สึกเช้า เย็นบวช
พิธีกร เป็นพระนวกะ
หลวงปู่ สมเด็จฯ ท่านด่า สมเด็จฯ ท่าน ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ย่างปลาประชดแมว
อะไรของท่านก็ไม่รู้ ท่านคนเก่าเปรียบ เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณฯ ท่านบอก หลวงปู่ ไม่
ว่า ท่านจะสึกบวชใหม่หรือไม่ก็ตาม ผมก็ยังเรียกท่านว่า หลวงปู่อยู่ดีล่ะ ก็เหมือนเดิมนั่น
แหละ ท่านถวายผ้าไตรมาไตรหนึ่ง ขอบพระคุณครับที่ทรงเมตตา แล้วก็สึก บวชใหม่ เราก็
สบายใจ คนมันก็ด่าน้อยลง มันไม่ทำให้ชาวบ้านเค้าเดือดร้อน ปากเค้าก็จะได้ไม่เป็นบาป
เป็นกรรม
เวลามีปัญหา ชั้นจะไม่โทษคนอื่น แต่จะโทษตัวเองว่า เราไม่ดี เราเลว เราจึงทำให้คนอื่นเค้า
คิดไม่ดี เห็นไม่ดี มองไม่ดี เราก็จะหาวิธีจัดการตัวเรา จะไม่จัดการคนอื่น
งั้น ลูกหลานก็ฟังเอาไว้ว่า เวลาคนอื่นเค้าตำหนิติว่า คนใต้เค้ามีคำกล่าวว่า อย่าเอาไม้สั้นไป
รันขี้ คือ ขี้นี่ มันเหม็น ถ้าเอาไม้สั้นไปเขี่ย มันก็ยิ่งเหม็น เพราะงั้น คนที่เค้าด่าเรา ว่าเรา
ชั้นจะพูดเสมอว่า เค้าไม่ได้เกลียดเรานะ ถ้าเค้าเกลียด นี่เค้าไม่ด่า ก็คือ เค้าไม่มาเขี่ย เค้าจะ
อยู่ไกลๆ อยู่ห่างๆ แล้วแถมไม่มองหน้าเสียอีกด้วยซ้ำ นั่น แสดงว่า อ้ายนั่นมันเกลียดแน่ๆ
งั้น ที่เค้ายังว่า ยังด่า ยังอิจฉาตาร้อน ยังพูดนินทาเราน่ะ จงภูมิใจเถอะว่า เราเป็นดารา
ประจำหัวใจเค้า ยังเป็นแฟนคลับของเค้า แล้วเราจะภูมิใจในการมีชีวิตอยู่
เอาล่ะ จบ พอแล้ว
พิธีกร ครับ หลวงปู่มีงานอีก 5 โมงเย็นนะครับ ตอนนี้หลวงปู่อยู่กับเรามา 2 ชั่วโมง
เศษแล้ว เราไม่ต้องสรุปประการใดๆ แล้ว เดี๋ยวเราจะได้รับพรหลวงปู่
หลวงปู่ วันนี้ ไร้สาระมากเลย สัพเพเหระ พูดเปรอะไป มีสาระไม๊เนี่ย
พิธีกร มีครับ มี มีครับ
หลวงปู่ หา
พิธีกร มีครับ
หลวงปู่ ชั้นรู้สึกว่า ไม่เห็นมีสาระอะไร เล่าเรื่อยเปื่อยเลอะเทอะไป
พิธีกร เราจะสังเกตุว่า หลวงปู่ให้ธรรมะบริสุทธิ์ แล้วก็จริงใจ ตรงไป ตรงมา ลูกขอเมตตา
นึกถึงเป็นคำกลอนที่จำได้มา ก๋เป็นในบารมีที่หลวงปู่สอนอยู่ว่า
แม้ไม่ได้เป็นภูเขาอันสูงใหญ่ เมื่อกี้ หลวงปู่พูดเรื่องภูเขาด้วย
แม้ไม่ได้เป็นภูเขาอันสูงใหญ่ เป็นเนินดินก็ได้เล่น ระหว่างเนินดินกับเขา เห็นไม๊ฮะ มัน
ประโยชน์เนินดินดีกว่า เด็กมันเล่น
แม้ไม่ได้เป็นพระจันทร์คืนวันเพ็ญ เป็นหิ่งห้อยให้คนเห็น ก็ครือกันนะครับ หลวงปู่
แม้ไม่ได้เป็นไก่ เคเอฟซี ที่ขึ้นห้าง เป็นเพียงไก่ย่างข้างถนนก็สุขสันต์
เป็นทอม เป็นเก เป็นตุ๊ด เป็นดี้ ไม่สำคัญ ขอเป็นเพียงศิษย์หลวงปู่พุทธะอิสระก็แล้วกัน
เท่านั้นพอ
เอ้า สาธุ ดังๆ ครับ
(สาธุ)
หลวงปู่ เดี๋ยวก็พอดี ลูกศิษย์ชั้นก็ ว๊าย ตาย แล้ว ทั้งบ้านทั้งเมืองเลย เค้าชอบถามกันว่า
กะเทยมันตายตอนไหน กะเทยมันตายตอนเห็นหลวงปู่เนี่ยล่ะ ว๊าย ตาย แล้ว
เออ ที่จริงแล้ว ใจชั้นเอง ชั้นไม่มีธงตั้งไว้ ว่าจะมาพูดเรื่องอะไร
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ แล้วก็ตอนออกจากที่พัก ลูกศิษย์เค้าถามว่า หลวงปู่ไม่เตรียมตัวที่จะแสดง,
ต้องไม่เตรียมตัวอะไร, อ้าว แล้วไม่รู้ว่า พูดเรื่องอะไร, เดี๋ยวกูก็รู้เองแหละ ไปข้าง
หน้าก็เจอเอง
พิธีกร ลูกกราบเรียนว่า วันนี้เป็นธรรมะบริสุทธิ์ครับ เพราะเป็นธรรมะอิสระครับ
หลวงปู่ แล้วชั้นมีความคิดว่า ชั้นไปข้างหน้า แล้วไปหาเอาข้อมูล คือ มองหน้าพวกคุณ
ชั้นก็รู้ว่า ชั้นควรจะคุยอะไรให้คุณไม่หลับ แล้วเราก็จะพูดเรื่องที่คุณควรจะต้องฟัง แล้วก็
ฟังแล้ว ก็ให้เข้าใจได้ง่าย
พิธีกร ครับ
หลวงปู่ เข้าใจ ดีกว่าจด จำไม่หมด จดไว้ดู เป็นครูสอน ทั้งจำ ทั้งจด ทั้งหมด มันต้องทำ
ทุกขั้นตอน แล้วทุกอย่าง เราก็จะกลายเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานในกระบวนการที่ลงมือกระทำ
เจริญธรรม
พิธีกร ครับ
(สาธุ)
พิธีกร ขอกราบเรียนเชิญ ท่านพ่ออำนาจ เดชะ ได้มากราบพระเดชพระคุณหลวงปู่ ก่อนที่
จะได้น้อมถวายครับ ขอพวกเราพร้อมกันนะครับ.
คุณอำนาจ กราบนมัสการพระคุณเจ้าพุทธะอิสระ แล้วก็เรียนผู้มีใจใฝ่ในธรรมทุกๆ ท่าน
กระผมในนามตัวแทนของข้าราชบริพาร พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศ ต้องขอกราบขอบ
พระคุณหลวงปู่เป็นอย่างมากครับที่ได้แผ่เมตตาบารมีมาบรรยายธรรมะให้พวกเราฟังใน
วันนี้ ซึ่งก็เป็นอย่างที่พวกเราได้รู้ซึ้งกันว่า ธรรมะที่หลวงปู่ได้ให้กับพวกเราในวันนี้ เป็น
ธรรมะบริสุทธิ์ เหมือนกับที่ท่านพันเอกนเรศฯ ได้เล่าให้พวกเราทั้งหลายได้ฟัง เป็นธรรมะ
ที่เป็นธรรมชาติจริงๆ มีเหตุมีผล มีสาระ เป็นธรรมะที่เป็นแก่นจริงๆ ที่พวกเราทั้งหลาย
สามารถเอามาคิดได้ เอามาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตได้ วันนี้ ผมเชื่อเหลือเกินว่า พวก
เราทั้งหลายได้บุญ ได้บุญทั้งบุญตา บุญหู แล้วบุญที่ใจ ที่เค้าบอกว่า บุญฟังอยู่ที่หู บุญดูอยู่
ที่ตา บุญภาวนาอยู่ที่ใจ เหมือนที่หลวงปู่บรรยายธรรมะให้พวกเราฟัง
จริงๆ แล้ว หลวงปู่มีภาระกิจมาก เดี๋ยว 5 โมงเย็น ก็มีภาระกิจอีก แต่หลวงปู่ก็ยังมีเมตตา
บารมีมาบรรยายธรรมให้พวกเราทั้งหลายได้ฟัง ทั้งๆที่หลวงปู่บอกว่า ยังไม่สบาย ยังมี
อาการไข้อยู่ ก็ต้องขอโอกาสขอบพระคุณหลวงปู่เป็นอย่างมากอีกครั้ง และขอขอบพระคุณ
ทุกๆ ท่านด้วยที่เข้ามาร่วมฟังในโครงการเติมธรรมะให้ชีวิตน้อมจิตถวายพ่อ ซึ่งตอนนี้ทำมา
6 ปีกับอีก 1 เดือนแล้ว เริ่มตั้ง มิถุนายน 2549 เป็นต้นมาทุกเดือน แล้วก็จะมีพระ
ผู้ปฏิบัตดีปฏิบัติชอบและสามารถบรรยายธรรมะได้ดีมาบรรยายธรรม ก็ฝากบอกบุญไป
ยังท่านทั้งหลายด้วย เราจะประชาสัมพันธ์ทางสื่อวิทยุต่างๆ ทางธรรมะของจังหวัดเชียงใหม่
ถ้าท่านว่างก็มาร่วมกันเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เป็นโครงการทำความดีถวายแด่พ่อหลวงของเรา สร้างให้เกิดคุณค่าต่อตัวเราเองด้วย และ
ต่อองค์กร ต่อชุมชน ต่อสังคม และต่อประเทศชาติของเรา....
หลวงปู่ เอ คุณ เครื่องบินออกกี่โมง ออกแล้วเหรอ กี่โมง ทุ่มนึงเหรอ อ๋อ อย่างนั้นเดี๋ยว
เตรียมตัวกรวดน้ำถวายพระราชกุศลแผ่เมตตา แล้วก็รับพรสืบไป ลูก
พิธีกร ผู้อำนวยการฯ จะขอเมตตาน้อมถวายบูชาธรรมครับ ปู่ครับ
หลวงปู่ ขอบใจมาก
หลวงปู่ ปัจจัยทั้งหมดที่คุณถวาย ชั้นรับแล้วยกให้เป็นสมบัติของวัดและมูลนิธิฯ เพื่อใช้
ในกิจกรรมสาธารณะสงเคราะห์ สาธารณะประโยชน์ ขอท่านทั้งหลายอนุโมทนา ลูก
(สาธุ)
ตั้งใจกรวดน้ำ แล้วรับพร ลูก
อิทัง โน ยาตินัง ......
ตั้งใจรับพร ลูก
..................
(สาธุ)
โชคดี ลูก ธรรมะรักษา ให้เจริญในธรรมะของพระผู้มีพระภาคเจ้า
กราบลาพระ อะระหัง สัมมา
................
ชั้นมีซีดีของชมรมกัลยาณธรรมมา ลูกศิษย์เค้าเขียนประสบการณ์ทางวิญญาณที่อยู่ร่วมกับ
ชั้น อยู่บวชเณรบวชพระบ้าง เค้าเขียนแล้วก็ทำเป็นซีดีแจก ใครต้องการ ซีดีอยู่ไหนล่ะ เอ้า
อยู่ในรถไปเอามาแจกสิ ลูก ใครต้องการ ก็เดี๋ยวไปรับ
พิธีกร ครับ ต้องการหมดนี่ล่ะครับ
หลวงปู่ หา กะว่า จะแบ่งส่วนหนึ่งเอาไปให้เณรฟัง เค้าจะได้มีแรงบันดาลใจในการที่จะ
รักษาพระศาสนาด้วย ใครที่ได้ไปแล้วก็ไม่ต้อง หรืออยู่บ้านเดียวกัน ก็เอาไปแผ่นเดียว เออ
ก็เฉลี่ยๆ กัน