จากในอดีตพ่อแม่เป็นปูชนียบุคคลของลูก
ปัจจุบัน ในสายตาของลูก พ่อแม่คือ กระสอบทรายเอาไว้ให้ลูกซ้อมระบายอารมณ์ใส่
หรือไม่พ่อแม่ก็เป็นได้แค่ คู่หญิงชาย ที่รักสนุก มีความจำเป็นที่ต้องรับผิดชอบต่อผลของความรักสนุกนั้น ไม่ได้มีคุณค่าใดๆ
- ในอดีตครูบาอาจารย์ เป็นผู้มีปัญญามีคุณ ในสายตาศิษย์
ปัจจุบัน ครูบาอาจารย์เป็นแค่ลูกจ้างที่ผู้ปกครองจ้างให้มาสอนลูกเขาเท่านั้น
- ในอดีตพระสงฆ์องค์เณร เป็นบุคคลที่ควรทำ
อาหุเนยโย เป็นผู้ควรแก่ของคำนับเทิดทูน
ปาหุเนยโย เป็นผู้ควรแก่การต้อนรับ
ทักขิเณยโย เป็นผู้ควรแก่ทักษิณา เป็นเนื้อนาบุญของโลก
อัญชลีกรณีโย เป็นผู้ควรแก่การทำอัญชลี คือควรแก่การกราบไหว้
ปัจจุบันคนมองพระภิกษุองค์เณร ว่าเป็นแค่อาชีพหนึ่งที่ทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง ด้วยความหวาดระแวง สงสัย และตั้งคำถามสารพัดจากสังคมรอบข้าง
- ในอดีตสังคมไทย รู้สึก รู้จักคำว่า ละอายชั่ว เกรงกลัวบาป แม้จะไม่มากนัก แต่ก็มีอยู่ในจิตใจของคนทุกคน
แต่ปัจจุบันเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ ต่อให้ต้องโกหกทุกวัน ละเมิดศีลทุกวัน และทำผิดทุกวัน
คนพวกนี้ก็จะทำ ขอแค่ให้ได้ในสิ่งที่ตนมุ่งหวัง แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่า นั้นมันไม่ใช้วิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืน
- ในอดีตผู้คนมักตั้งข้อสงสัย และไตร่ถามกันว่า ทรัพย์ของท่านได้แต่ใดมา
แต่ปัจจุบันขอเพียงมีทรัพย์ก็เป็นคนดี น่าเชื่อถือคนชนทั้งหลาย
- ในอดีตความน่าเชื่อถือ ศรัทธา ล้วนได้มาจากการปฏิบัติในศีล ประพฤติตามทำนองคลองธรรมจนเป็นที่งดงามของผู้พบเห็น แล้วให้ความเคารพศรัทธา เชื่อถือ
ปัจจุบัน ขอเพียงมีตังค์ แต่งตัวดี วางมาดดีๆ ทำคอนเทนต์เก่งๆ และกล้าที่จะผิดศีลให้เป็นอาจิน แค่นี้ก็น่าเชื่อถือ ดังปังๆ แล้ว
จึงอยากจะเตือนให้คิดว่า สิ่งที่ทำ คำที่พูด สูตรที่คิด ทุกชนิดล้วนมีมูลค่า มีราคาที่จะต้องจ่ายทั้งนั้นไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว
ส่วนที่จะจ่ายมาก จ่ายน้อย ก็ขึ้นอยู่กับทำถี่ๆ หรือนานๆ ทำที
พุทธะอิสระ