อธิบายคำว่า เจรจา คือ การสั่งสนทนา พูดคุย เพื่อให้เกิดความเข้าใจในข้อธรรมนั้นๆ อย่างลึกซึ้ง ถ่องแท้ ถี่ถ้วน
และหากยังไม่เข้าใจก็สามารถไต่ถาม ทบทวน เพื่อให้เกิดความเข้าใจจนจบสิ้นข้อสงสัย
อธิบายคำว่า กาล ในข้อนี้หมายถึง
กาลที่อยู่ใกล้ปราชญ์
กาลที่อยู่ใกล้บัณฑิต ผู้รู้
กาลที่อยู่ใกล้ท่านผู้มีปัญญา
กาลที่อยู่ใกล้ท่านผู้คงแก่เรียน
กาลที่สรรพสัตว์กำลังจมอยู่ในปลักแห่งความมืดบอด
กาลที่เห็นทุกข์กำลังบีบคั้นแก่สรรพสัตว์
และกาลที่สรรเสริญท่านผู้เจริญ
กาลเวลาดังกล่าวมานี้ คือ กาลที่ควรจะต้องสั่งสนทนา พูดคุยข้อธรรมที่จำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิต
อธิบายคำว่า ธรรมหรือธรรมะ หมายถึง สิ่งที่เป็นธรรมชาติแท้ สิ่งที่เป็นความจริงอันประเสริฐ
เช่นนี้กาลเจรจาธรรมตามกาล ก็คือการสั่งสนทนา พูดคุย ถามตอบ เจรจา ในสิ่งที่เป็นธรรมชาติ แห่งความเป็นจริงอันประเสริฐนั่นเอง
ด้วยเพราะสรรพสัตว์ทั้งหลายเอาแต่ลุ่มหลง ยึดติดอยู่กับโลกสมมุติ โลกมายา จนกลายเป็นภาระที่ต้องแบก เป็นปัญหาที่ต้องแก้
พอได้ยิน ได้ฟัง ได้สั่งสนทนาในเรื่องจริงอย่างถ่องแท้ ถี่ถ้วน เราท่านทั้งหลายก็จักเข้าอกเข้าใจโลกสมมุติ โลกมายา ที่ครอบงำ รัดรั้งสัตว์เอาไว้ จนกลายเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์
เช่นนี้การฟังธรรม การเจรจาธรรม การได้รับรู้ แยกแยะจริงกับเท็จ สมมุติกับปรมัติ มายาคติกับกุศลเจตสิก จึงเป็นการชำระล้าง สำรอกเอาความหลง ยึดติด เข้าใจผิด ให้เบาบางจนไม่เหลือไปจากกาย ใจ จิตตสันดาน
หรือถ้าจะเรียกอีกอย่างก็คือ การฟังธรรม การเจรจาธรรม คือ กระบวนการเอาความจริงไปชำระล้างสิ่งที่เป็นมายาซึ่งเป็นมูลเหตุแห่งกองทุกข์นั่นเอง
บุคคลที่เราควรจักสนทนา เจรจาธรรมด้วย มีลักษณะดังนี้
๑. เป็นผู้มีสติปัญญา
๒. เป็นผู้รอบรู้ เป็นพหูสูตร
๓. เป็นผู้มีจิตเมตตา
๔. เป็นผู้ที่มีกุศโลบายที่จะถ่ายทอด ชี้นำ บอกกล่าว เล่าขานถึงอรรถธรรมได้อย่างถูกต้อง ต่อจริตของคู่สนทนา
๕. เป็นผู้มีสันดานซื่อตรง ไม่ละโมบ
๖. เป็นผู้ที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความเพียรที่ถูกต้องแก่ผู้สนทนาได้
๗. เป็นผู้มีพรหมวิหารธรรม
เมื่อเราท่านทั้งหลายได้ผู้มีปัญญา เสียสละเวลามาร่วมสนทนาธรรมแก่เราเห็นปานนี้ สิ่งที่เราควรกระทำอย่างยิ่งคือ
๑. ตั้งใจสดับอย่างจดจ่อ จับจ้อง จริงจัง
๒. พิจารณาในอรรถธรรมนั้นๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน
๓. หากสงสัยต้องถามด้วยกิริยานอบน้อม เคารพต่อผู้กระจายธรรม
๔. เมื่อสั่งสนทนาหัวข้อธรรมใดๆ มาแล้ว จักต้องทดสอบพิสูจน์ทราบด้วยการลงไม้ลงมือปฏิบัติให้เห็นผลจริง
๕. แสดงพฤติกรรมกาย วาจา ใจ อย่างนอบน้อมต้ององค์ธรรมที่ได้สดับและให้ความนอบน้อมต่อผู้เจรจาธรรมนั้นด้วยสติปัญญาพิจารณาให้เหมาะสม
เมื่อท่านทั้งหลายได้เจรจา สนทนาธรรมตามกาลอันเหมาะสมควรอย่างต่อเนื่อง เรื่องดีๆ ก็ตามมาดังต่อไปนี้
๑. ทำให้จิตเป็นกุศล
๒. ทำให้มีไหวพริบปฏิภาณดี
๓. ทำให้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด
๔. ทำให้ได้ยินได้ฟังธรรมที่ตนยังไม่ได้ฟัง
๕. ธรรมที่ฟังแล้วยังไม่เข้าใจชัด ย่อมเข้าใจชัดขึ้น
๖. ทำให้บรรเทาความสงสัยเสียได้
๗. เป็นการทำความเห็นของตนให้ตรง
๘. เป็นการฝึกฝนอบรมจิตให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น
๙. เป็นการรักษาประเพณีอันดีงามของพระอริยเจ้าไว้
๑๐. ชื่อว่าได้ดำเนินตามปฏิปทาอันเป็นวงศ์ของนักปราชญ์
เอตัมมังคะละมุตตะมัง ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด
พุทธะอิสระ
--------------------------------------------------
Talking to people who have Dharma wisdom on occasions
July 4, 2021
Talk here means conversation to deeply and thoroughly understand that Dharma topic.
And if one still does not understand, one can ask and review to clear up one’s doubt.
On occasions here means
Time of being close to savants
Time of being close to scholars and people with a lot of knowledge
Time of being close to the wise
Time of being close to learned people
Time that all living creatures are stuck in the darkness of ignorance.
Time of witnessing living creatures’ suffering
And time to praise the civilized people
These mentioned times are appropriate times for Dharma conversation which is necessary for living one’s life.
Dharma means authentic nature or noble truths.
Consequently, having a discussion on Dharma on occasions means having a conversation, talk, questions and answers on natural matters and noble truths.
That is because all living creatures are so obsessed with hypothetical world and illusional world that it has become their burden and problems to solve.
When we hear and thoroughly listen to discussion on truths, we will understand the hypothetical and illusional world that has reigned living creatures and is the cause of suffering.
As such, listening to the Dharma, discussing Dharma, knowing and differentiating between truth and lies, hypothetical and ultimate, illusion and meritorious mental factors are clearing up, dismissing and lessening ignorance, attachment, misunderstanding from one’s body, mind, and mental traits.
In other words, listening to Dharma and discussing Dharma is the procedure of wiping out illusion which is the cause of suffering.
Characteristics of person whom we should have conversation and discussion on Dharma are as follows.
1. That person has wisdom.
2. That person is well-versed and is a man of great knowledge.
3. That person has a kind heart.
4. That person can precisely and effectively communicate and advise on the Dharma according to listeners’ aptitude.
5. That person is honest and not greedy.
6. That person can inspire listeners’ perseverance in the right way.
7. That person possesses the four sublime states of mind (loving-kindness, compassion, rejoicing with others in their happiness, and equanimity)
When we have wise people, who sacrifice their time to speak with us, we should behave as follows.
1. We should seriously and attentively listen to them.
2. We should thoroughly contemplate on that Dharma.
3. If we have questions, we should respectfully ask the person who shares the Dharma.
4. After the Dharma talk, we should proof them by our own practice.
5. We must properly express our courteous behaviors in our actions, speech, and thoughts towards the Dharma that we have heard of and the person who has shared the Dharma with us.
When all of you have continuously had discussion on Dharma on occasions, following good outcomes will happen.
1. Your mind becomes meritorious.
2. You will have a sharp and witty mind.
3. You will gain wisdom.
4. You will have an opportunity to listen to Dharma you have never heard of.
5. You will understand the Dharma better and more clearly.
6. It lessens your doubt.
7. Your view becomes righteous.
8. You mind becomes more purified.
9. It is a preservation of gracious tradition of noble men.
10. It is deemed to be following the path of the sage’s manner.
This is the most auspicious factor in one’s life.
Buddha Isara