เห็นข่าวมีผู้นำเอารูปพระเครื่องมาทำเป็นขนม ต่อมาก็มีหลากหลายมุมมองทั้งผู้เห็นด้วยและผู้เห็นต่าง
ทีนี้เราก็มาลองมามองต่างมุมจากพวกเขากันหน่อย มองในมุมของผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ จำต้องมองใน ๒ ประเด็น
๑. มองในมุมของการมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่ต้องปกปักษ์รักษาสัญลักษณ์ของสถาบันหลักของชาติ มิให้ผู้ใดมาลบหลู่หรือคิดบ่อนทำลาย
๒. มองในมุมของการดำรงรักษาเอาไว้ซึ่งรากฐานแก่นแท้ของทั้ง ๓ สถาบัน จึงต้องนำเอารากฐานแก่นแท้นั้น มาประพฤติปฎิบัติ เพื่อส่งมอบแก่ผู้มีศรัทธา มีสติปัญญาเหมาะควรแก่การฝึกหัดศึกษา
ส่วนผู้ที่มีสติปัญญาที่อ่อนด้อย มีแค่ศรัทธา ก็ควรช่วยกันธำรงรักษาสัญลักษณ์ของทั้งสามสถาบันให้ดำรงอยู่ และสืบต่อกันจนกว่าจะพัฒนาสติปัญญาของตน ให้ได้เข้าถึงแก่นตามแต่บุพกรรมบารมีธรรมของแต่ละคน
หากจะมองในมุมของควรไม่ควร เหมาะสมไม่เหมาะสม ก็ต้องอธิบายว่า สิ่งเคารพของคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ หากนำมากระทำการที่ส่อเจตนาเหยียบย่ำ ดูถูก มันผิดทั้งหลักกฎหมาย และหลักการอยู่ร่วมกันกับคนส่วนใหญ่ในสังคม
โดยเฉพาะหลักประมวลกฎหมายอาญามาตรา มาตรา ๒๐๖ ผู้ใด กระทำด้วยประการใด ๆ แก่ วัตถุ หรือ สถาน อันเป็นที่เคารพ ในทางศาสนา ของหมู่ชนใด อันเป็นการเหยียดหยาม ศาสนานั้น ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ หนึ่งปี ถึง เจ็ดปี หรือ ปรับตั้งแต่ สองพันบาท ถึง หนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
แล้วถ้าจะมองในมุมของสิทธิ์แห่งความเท่าเทียม ก็ต้องบอกว่า บุคคลมีสิทธิ์ อันจะเคารพนับถือศาสนาและรูปเคารพใดก็ได้ ต้องถือว่า ผู้ที่กระทำการย่ำยีต่อรูปเคารพของพระศาสดา เป็นการใช้สิทธิ์เกินขอบเขตที่ควรจะเป็น
ทั้งยังก้าวล่วงสิทธิ์ความยอมรับ ความศรัทธา ของบุคคลอื่น อย่างน่ารังเกียจ
หากเอาแต่อ้างสิทธิ์ แล้วล่วงเกินผู้อื่น ซ้ำยังทำผิดกฎหมาย เช่นนี้จะมาอ้างสิทธิ์อันชอบคงจะไม่ได้ และหากจะมองบรรดาคำวิพากษ์ของหลากหลายบุคคลในสังคม
ก็ต้องบอกว่า ผู้ออกมาพูดมาโพสต์ว่า แค่คนหาเลี้ยงครอบครัว ทำขนมรูปพระเครื่อง มันจะผิดอะไรกันนักหนา ทีพวกสร้างพระเครื่องไปวางขายข้างถนน ทำไมไม่มีคนไปเอาผิดด้วยมุมมองของนักวิพากษ์ดังกล่าว
จำต้องนำมาอธิบายให้สังคมกระจ่างกันหน่อย จะได้ไม่ไปหลงประเด็นที่มี ผู้โพสต์ ผู้พูด ต้องการให้เป็น
อธิบายว่า ทำอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวน่ะ ไม่มีใครว่าดอก หากอาชีพนั้นมันไม่กระทบต่อความรู้สึก ความเชื่อ ความศรัทธาของคนส่วนใหญ่ของประเทศ
และหากจะทำขนมขาย ก็มีรูปแบบมากมายที่จะทำจะหยิบออกมาสร้างความสนใจ เช่น กรณีมีคนทำขนมปังให้เป็นรูปอวัยวะของศพ เขาก็ขายได้ ซึ่งก็มีทำมาแล้ว ก็ไม่มีใครตำหนิติว่า เพราะไม่มีใครบูชาศพ
ดังคำว่า กรรมย่อมส่อเจตนา
การนำเอารูป ซึ่งทั้งโลกเขาสมมุติว่า เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า มาทำเป็นขนม มันก็ไม่ต่างอะไรกับเอารูปพ่อแม่ตนเองมาทำขนม คนผู้เป็นลูกจะกล้ากินหรือไม่
หากมีสมองมากหน่อย ก็จะรับรู้ได้ว่า ควรทำหรือไม่
อีกทั้งการกระทำเช่นนี้ ก็มีกฎหมายห้ามเอาไว้ชัดเจนในประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๐๖
รวมความแล้ว ถ้าอ้างว่าหากิน แต่ทำผิดกฎหมาย แบบนี้ควรจะชื่นชมหรือไง
และที่ผู้พูด ผู้โพสต์ มาอ้างว่า ทีพวกนำพระเครื่องไปวางขายข้างถนน เช่นนั้นมันไม่ผิดหรือ
อธิบายว่า พระพิมพ์ พระปั้น ที่ไปวางขายข้างถนน เขาเช่าเขาซื้อไปแขวนคอ เคารพบูชา เขาไม่ได้ซื้อไปแขวนคอหมา หรือเอาไปทิ้งขยะ เมื่อเสียหายเขายังนำไปไว้ตามโคนต้นไม้ หรือกำแพงโบสถ์ พระเจดีย์ ไม่มีใครกล้านำพระพิมพ์ที่แตกหักเสียหายไปทิ้งถังขยะ
แต่ถ้าขนมรูปพระเครื่อง เกิดตกหล่นเสียหาย แตกหัก มีใครจะนำไปไว้ที่ลานพระเจดีย์ โคนต้นไม้ หรือกำแพงโบสถ์ไหม คิดสิคิด
อย่าอ้างเหตุผลแบบมั่วซั่ว ให้ดูเหมือนดี มีเหตุผล แต่แท้จริงแล้วก็คือ พยายามเบี่ยงประเด็น เพื่อนำมาหักล้างความผิด
นี่มันไม่ใช่วิสัยของนักบวชในพระธรรมวินัยพุทธเลย
พุทธะอิสระ

Looking from different angles
April 29, 2021
I have seen the news of somebody has picture of amulets for making desserts. Later, there were various perspectives; some agreed and some disagreed.
Let’s look at different perspective from them. Viewing from Thais who are loyal to the nation, religions, and the king, this should be viewed in two issues.
1. Looking from a perspective of performing duties according to the constitution that one had a duty to protect symbol of a major national institution and will not let anybody insult or undermine.
2. Looking from a perspective of preserving the core of the three major institutions. So, we must behave and practice according to its essence, for passing to faithful and wise people who are suitable for practicing.
As for those with weak wisdom who only have faith, they should also help preserve symbols of the three national institutions and maintain them till they can develop their wisdom and become enlightened, according to one’s own past accumulated merits and deeds.
Whether it is appropriate or not, I would like to explain that sacred objects that majority people worship should not be treated in disparaging and insulting manner. This violates both principles of laws and how to live with majority people in the society.
Especially the section 206 of criminal law: Whoever, to do, by any means whatever, to the object or place of religious worship of any group of persons in the manner likely to insult such religion, shall be imprisoned from two years to seven years or fined from two thousand Baht to fourteen thousand Baht, or both.
When viewed from rights of equality, I have to say that people have rights to respect any religion and any religious object. However, those who insult the image of the Lord Buddha used their rights excessively beyond appropriate level.
They have awfully violated acceptance and faith of other people.
If they still keep claiming their own rights and violated others’ and they have even violated laws, as such, they may not claim their justified rights.
When viewing various criticism in the society, I would say that the person who said or posted that what could be for people who earn a living from making desserts in amulet forms. Because those sell amulets on the roadside, no one criticize them anything.
I must clearly explain for the society so that people will not misunderstand the issue the way people who posted and spoke wanted.
Let me explain. No one would blame them for making a living, as long as their job does not have impact on majority people’s feelings, beliefs, and faith.
And if you earn a living from making desserts, there are various ways to create attractions. For example, someone previously made bread in the form of corpse’ organs. They could sell them. No one blamed them because nobody worships corpse.
Like the saying deed reflects intention.
Using the picture symbolizing the Lord Buddha to make dessert is the same as using your parents’ pictures to make desserts. Will the children dare to eat them?
If you have brains, you should be aware whether you should do it.
Such action has been prohibited by criminal code section 206.
In brief, claiming of making a living, but violating laws, should this be admired?
I would like to explain that amulets sold on the roadside, people buy them for wearing on their necks. They don’t buy for hanging on dog necks or throwing away. When amulets are broken, people lay them at boles of trees or walls of ordination halls, or pagodas. No one throw away broken amulets to the trash.
But if desserts in amulet form fall and become broken, will anybody put them at pagodas, boles of trees or walls of ordination halls? Please think.
Don’t make excuses carelessly. It may sound good and reasonable. In fact, they try to distort issues to refute their mistakes.
This is not way of priests in the Buddhist monastic rules.
Buddha Isara