หลังจากเจ้าคุณเอื้อนและพวกถูกจับในข้อหา ทุจริตในหน้าที่และฟอกเงิน
ในเวลาต่อมา อดีตเจ้าคุณเอื้อนแห่งวัดสามพระยา ถูกศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิดโทษฐานสนับสนุนให้เกิดการทุจริต จึงต้องโทษจำคุก ๘ เดือน แต่ให้รอลงอาญาไว้ ๑ ปี คำพิพากษานี้มีเมื่อวันที่ ๕ มีนาคา ๒๕๖๓
ด้วยพฤติกรรมที่กระทำผิด จนศาลพิพากษาให้จำคุก ๘ เดือน แต่ให้รอลงอาญาไว้ ๑ ปี ในระหว่างที่รอลงอาญา ๑ ปีนี้ เจ้าคุณเอื้อนไม่มีสิทธิ์ที่จะกลับมาห่มผ้าเหลืองได้ แม้จะขอบวชใหม่ก็ตาม อีกทั้งก็ยังอยู่ในช่วงเวลาการคุมประพฤติอยู่
ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ฉบับที่ ๒ พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา ๓๐ ให้สละสมณะเพศก่อนเข้าเรือนจำ ถือว่าขาดจากความเป็นพระไปแล้ว
ส่วนที่เจ้าคุณเอื้อนและพวกอ้างคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ว่ายกฟ้องตนแล้ว จึงถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏคำพิพากษายกฟ้องของศาลอุทธรณ์นั้นเป็นคดีฟอกเงิน ซึ่งเป็นคนละคดี กับคดีทุจริตในหน้าที่ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าผิดแต่ให้รอลงอาญาเอาไว้ ๑ ปี
แสดงว่าอดีตเจ้าคุณเอื้อนและพวกรู้อยู่แก่ใจแล้วว่า ตนขาดจากความเป็นพระไปแล้ว ตั้งแต่คดีทุจริตก่อนหน้าที่จะมีคำพิพากษายกฟ้องคดีฟอกเงินของศาลอุทธรณ์
นอกจากนี้คดีเจ้าคุณเอื้อนยังมีคดีแพ่งที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยึดทรัพย์
ส่วนที่อดีตเจ้าคุณเอื้อนยกเอาประเด็นของพระพิมลธรรม นำมาอ้างว่าตนไม่ได้เปล่งวาจา กล่าวคำลาสิขา จึงมีสิทธิ์กลับมาห่มจีวรได้เลย
โดยข้อเท็จจริงกรณีพระพิมลธรรมถูกจับข้อหาเป็นคอมมิวนิสต์นั้น เกิดขึ้นก่อนที่จะมีพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ๒๕๐๕
คดีพระพิมลธรรมเกิดขึ้นในเดือน เมษายน ๒๕๐๕
แต่พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ถูกประกาศใช้ในวันที่ ๑ มกราคา ๒๕๐๖ ด้วยเหตุนี้คดีพระพิมลธรรมจึงไม่อยู่ในอำนาจการบังคับใช้ย้อนหลังได้
สรุปอดีตเจ้าคุณเอื้อนขาดจากความเป็นภิกษุไปแล้วตั้งแต่ถูกจับและถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดจนถึงกับให้รอลงอาญา
อดีตเจ้าคุณเอื้อนแห่งวัดสามพระยา กลับมาห่มจีวรยังไม่ได้ เพราะยังอยู่ในระหว่างการคุมความประพฤติและคดียังไม่สิ้นสุด
หากสิ้นสุดแล้ว จักกลับมาบวชใหม่ได้หรือไม่ ก็ยังไม่แน่ขึ้นอยู่กลับคำพิพากษาของศาลฎีกา ในคดีต่อไป และหากคดีทุจริตต่อหน้าที่จนต้องถูกคำพิพากษาให้ริบทรัพย์ คดีถึงที่สุดมีความผิด
คณะสงฆ์ ก็ต้องมาวินิจฉัยต่ออีกว่า อดีตเจ้าคุณเอื้อนต้องอาบัติปาราชิกในความผิดฐานยักยอกทรัพย์หรือไม่
แต่ที่แน่ตอนนี้อดีตเจ้าคุณเอื้อนกระทำความผิดเพิ่มขึ้นมาอีกคดีหนึ่ง คือ แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๐๘ ว่าด้วยการแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๑ ปี ปรับ ๒๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เรื่องนี้หากต้องการรู้รายละเอียดให้เข้าไปดูมติมหาเถรสมาคม มติที่ ๕๔๑/๒๕๖๐ ได้และอย่ามาทำเป็นตีเนียน เลือกที่จะพูดเฉพาะประเด็นที่ตนได้ประโยชน์ อะไรที่เป็นโทษแก่ตนแม้จักเป็นความจริงก็ไม่เลือกที่จะพูด พฤติกรรมเช่นนี้น่ะหรือจะกลับมาห่มผ้าเหลือง
รู้แล้วก็รีบๆ ถอดผ้าเหลืองออกเสียไม่เช่นนั้นคงต้องไปนอนในคุกอีกรอบแน่ๆ
หวังดีนะจ๊ะ จะบอกให้
พุทธะอิสระ