10 ธ ค 2555  05.00 น.  ณ.ทองผาภูมิ  เดิน และ กายบริหาร โดย องค์หลวงปู่พุทธะอิสระ (เดินขั้นที่ 1 ภาคที่ 1,2,3,4,5,6,7)
(กราบ)
พระปริวาสที่ไป เมื่อวาน มีใครป่วย ไม่สบาย มีไม๊
.............
เดี๋ยวนี้ แพ มันอยู่ไกลขึ้นหว่ะ
อืม ตอนขึ้นมาก็ แหม ศาลาไกล, อีตอนลงไป ก็แพไกล
2 วันมาแล้ว ไม่ได้จารพระ ลงไป ก็หมดแรง
เอ้า เตรียม ลุก เดิน วันนี้ไม่ออกกำลังกายล่ะ ใช้วิธีเดิน ออกกำลังกาย
(กราบ)
วันสุดท้ายละ จะมายืดยาด เนิ่นนานไม่ได้ ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด
...............
ไล่ตั้งแต่ขั้นที่ 1
พวกที่มาใหม่ จะได้จำขั้นตอนได้ด้วย
................
อ้ายคนไอค๊อกไอแค๊ก เมื่อวานนี้ได้สอนไปแล้ว ไม่ไปทำ มาไอให้รำคาญชาวบ้านเค้า
................
ขั้นที่ 1 ภาคที่ 1
.............
ขั้นที่ 1 ภาคที่ 2
...............
ขั้นที่ 1 ภาคที่ 3
.............
ขยับขึ้น ขั้นที่ 2
...............
ขยับขึ้น ขั้นที่ 3
................
ขยับขึ้น ขั้นที่ 4
ประกอบลมหายใจ ทุกครั้งที่ก้าว
..................
มัวทำอะไรอยู่
.................
ขนาดเดิน ยังหลับ หัวทิ่มเลย
................
ปล่อยให้ญาติ มาครอบงำอีกแล้ว
เนี่ย เค้าเรียกว่า คนที่ขาดวิริยะ ขาดความเพียร
ปล่อยให้ความเกียจคร้าน สันหลังยาว ครอบ
วิริเย ทุกขมัจเจติ  บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร
...................
อย่างรู้ว่า เราบกพร่อง เราไม่ถูกต้อง เราเผลอ เราโดนครอบงำ ต้องเพียรให้มาก
ต้องขวนขวาย ต้องกระตือรือร้น แก้จุดที่บอด
....................
ยิ่งโดนครอบงำ ก็ต้องยิ่งเพียรให้เยอะ
เหมือนกับหมาที่รู้ว่า หมัดมันเต็มตัว มันต้องรีบสะบัดขน แล้วต้องสะบัดบ่อยๆ
..............
นี่ อาไร มีหมัดเต็มตัว แล้วไม่ยอมสะบัด
................
หมา มันรู้ตัวว่า เป็นขี้เรื้อน มีหมัดเต็มตัว มีไรเต็มตัว
มันกระโดดลงน้ำ ขึ้นมาสะบัดขน
เราเป็นคนแท้ๆ เมื่อรู้ว่า ง่วงหงาวหาวนอน ต้องยิ่งเดินให้มาก
สลัดมันออกไป
.................
ขยับขึ้น ขั้นที่ 5
................
ขยับขึ้น ขั้นที่ 6
................
อย่าอาย หมา
อย่าให้หมัดมาเกาะ, รู้ว่า หมัดเกาะ ก็ต้องสลัดให้หลุด
................
ปล่อยให้หมัด มาเกาะ ดูดเลือดอยู่ได้ ข้ามภพข้ามชาติ ได้ยังไง
..................
เค้าเว้น 2 จังหวะ แล้ว จึงก้าว ไม่ใช่เหรอ
..................
ยิ่งทำ ยิ่งหมัด เต็มตัว
..............
สลัด หมัด ออกให้หมด, ให้เหลือแต่ ตัว กับ การงานที่กำลังทำ
................
ไม่มีคนอื่น เข้ามาวุ่นวาย, ไม่มีหมัด ไม่มีไร ไม่มีเห็บ
มีแต่ ตัว กับ กรรมฐานที่กำลังทำ
..................
ทำให้ งานที่ทำ แจ่มใส ชัดเจน
................
มันไม่ง่าย แต่ก็ต้องทำ
ถ้าไม่งั้น มันก็จะไม่มีโอกาสได้ทำ
...............
วันนี้ไม่ชนะ แล้วชาติไหนจะชนะ
................
จังหวะชัดเจน, การก้าวมั่นคง แม่นยำ
มีแค่นี้ ที่ต้องทำ
.................
ขยับขึ้น ขั้นที่ 7
ประกอบลมหายใจ
..................
หยุด อยู่กับที่ หลับตา
สูดลมหายใจเข้า กว้าง ลึก เต็ม กลั้นลมทิ้งไว้ นับ 1 ถึง 5
.............
แล้วผ่อนลมออก ยาวๆ
..............
พักนิดหนึ่ง
หายใจเข้าไปใหม่ กว้าง ลึก เต็ม กลั้นลมทิ้งไว้ นับ 1 ถึง 7
................
แล้วผ่อนลมออก ยาวๆ เมื่อครบ 7
..............
อีกครั้ง
หายใจเข้า ให้เต็มที่สุด เยอะที่สุด มากที่สุด
................
แล้วหุบปาก กลั้นลมทิ้งไว้ นับ 1 ถึง 10
...............
แล้วผ่อนลมออก เบาๆ ยาวๆ ให้หมดจด
..............
ลืมตา อยู่กับความว่าง
...............
เพ่งอารมณ์ เป็นที่ตั้งก่อน กายว่าง ใจว่าง สมองว่าง
พฤติกรรมทั้งหลายว่าง จิตว่าง อารมณ์ว่าง
.................
เหลียวดูในทิศทั้ง 4 ว่า ว่างไม๊
...................
มีทิศไหน ไม่ว่าง, หยุดอยู่ทิศนั้น ทำให้ว่าง
.................
พระปริวาส เตรียมตัว บอกวัตร
................
เสร็จแล้ว สูดลมหายใจเข้า กว้าง ลึก เต็ม
.................
หายใจออก แขม่วท้อง ดึงไส้ขึ้น
.................
ดึงอยู่กับที่ แล้วจึง หายใจเข้า
อีกที
...............
หายใจออก แขม่วท้อง ดึงไส้ขึ้น ดึงให้เยอะ จนก้นขมิบเลย
.................
หายใจเข้า
...............
สูดลมหายใจเข้า ยก 2 แขนเหนือศีรษะ
หลังมือชนกัน
หายใจออก ก้มตัวลงไปข้างหน้า มือแตะพื้น
เข่าตึง แตะให้ถึงพื้น
.....................
ค่อยๆ เงยคอ ขึ้นก่อน เออ
เงยคอ ขึ้น ยังไม่ยืดตัว
คอตั้งบ่า แล้วค่อยๆ ยืดตัวขึ้น
..................
หายใจเข้า แขนยกเหนือศีรษะ แอ่นตัวไปข้างหลัง อ้า
เออ ไล่ผีออกไป กูล่ะเบื่อจริงๆ เลย
..................
กลับมาตรง
..................
มือประสานกัน ยืดตรง ชิดข้างหู ไม่ใช่โน้มมาข้างหน้า
แขนกับไหล่ ต้องตรงกัน บิดตัวไปทางขวา
ตัวขี้เกียจ มันเยอะจริงๆ อ้ายพวกนี้
บิดไปเยอะๆ ให้มันออกไป
................
กลับมาตรง
...............
ทางซ้าย บิดไปเยอะๆ
.................
กลับมาตรง
..................
ก้มหน้าลง หายใจออก แขม่วท้อง ดึงไส้ขึ้น ก้มตัว
..................
เงยคาง เงยคอ ตัวยังไม่เงย ตั้งเยอะๆ
..............
กลับมาตรง
ยก 2 แขนเหนือหัว เอียงตัวไปทางซ้าย หายใจออก
ด้านข้าง ทางซ้าย, อีก อีก
อะไรวะ อุ๊ย อุ๊ย
กลับมาตรง
...................
แขนเหยียดตรง ตึง ชิดหู, ทำหนักๆ, ทำแขนหล่น
ด้านข้าง ทางขวา, อีก
เอาอีกแล้ว
.................
กลับมาตรง
..................
แขนเหยียดตึง ชิดหู เอียงด้านข้าง ทางขวา พร้อมพลิก เท้าขวา
น้ำหนักตัว ทิ้งไปที่เท้าขวา
.................
พลิกเท้าขวา เอียงข้างไหน พลิกข้างนั้น เยอะๆ
.................
กลับมาตรง
อ้าว พระไม่ทำเหรอ อาตมาไม่เกี่ยว โยมทำคนเดียว
................
กลับมาตรง
ทางซ้าย
...................
แขนเหยียด ตึง พลิก
...............
กลับมาตรง
...................
เงยตัวไปข้างหลัง อ้า เหลือก
อ้า แล้ว เหลือกตา ด้วย
.........................
อ้า อีก
เออ ไปขี้ ไปเยี่ยว อะไรก็ไป
บอกวัตรได้
หาน้ำกินซะก่อน

10 ธ ค 2555    6.30 น.  ณ.ทองผาภูมิ ระหว่างเจริญพระพุทธมนต์

โดยองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ
เตรียมเจริญพระพุทธมนต์
อ้ายอะไรๆ ที่มันสุดท้าย มันไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ของเหลือสุดท้าย ก็กลายเป็นไม่สมบูรณ์
ปฏิบัติธรรมวันสุดท้าย ก็มีแต่หมัด ปล่อยให้หมัดติดเต็ม เปลี้ย หมดแรงสะบัด
...............
เหมือนกับหมาแก่ๆ สะบัดไม่ไหว กลัวข้อหลุด
พูด เห็นภาพเลย
แยกไม่ได้ มันไม่ค่อยดี อะไรที่สุดท้าย ถึงไม่ได้ให้ใส่บาตรวันสุดท้าย
เปิดหน้า 31 เบอร์ 5
..................
ปล่อยให้อ้ายความทุรนทุราย รีบร้อน ประมาท มัวเมา ทะยานอยาก ตัณหาเข้าครอบ จน

ทำอะไร หลกๆๆๆ ไม่ใช้พลังงานบริสุทธิ์ ใช้พลังงานที่คุ้นเคย เอาง่ายๆ เข้าว่า หยิบฉวยได้

เค้าเรียก เปิดปุ๊บติดปั๊บ พลังงานปลุกใจ
..................
เริ่ม เจริญพระพุทธมนต์
.................
ถามตัวเองว่า จะใช้พลังงานอะไรเจริญมนต์
...................
หมดยก
วันนี้ มึงสวดมนต์เพราะที่สุด (สาธุ)
กราบพระ ลูก ได้เวลารับเหยื่ออีกแล้ว
................
(กราบ)
ไป พระนิมนต์ไปบิณฑบาตร
(กราบ)
เจริญมนต์ สวดมนต์ ถ้าเข้าถึงธาตุของภาษา มันจะทำให้มนต์บทนั้น เสนาะ ไพเราะนัก

แล้วก็ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง
เดี๋ยว 8 โมงครึ่ง มาพร้อมกัน, นี่ กี่โมงแล้ว, เดี๋ยว พร้อมกันแจกทาน, แจกทาน

กับชาวบ้าน ช่วยกันแจก ให้เค้ามาพร้อมกันก่อน 150 ครอบครัว
นัดผู้ใหญ่บ้าน กำนัน เค้ามาประชุมด้วย คนชาวบ้านเค้ามาร้อง มาร้องว่า อ้ายโรงงานตรงนี้

มันกำจัดขยะ โรงงานกำจัดขยะ มันปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำ วันนั้น กูตักให้ตำรวจ ให้ตำรวจ

ไปแจ้งตำรวจ
เดี๋ยวนี้ กูกลายเป็น เปา
เค้าบอกว่า ไปร้องที่ไหนๆ ก็ไม่มีใครทำ ร้องนายอำเภอ นาอำเภอก็บอกว่า เค้าทำมาหากิน

อย่าไปยุ่งกับเค้า
เออ มึงทำมาหากิน แล้วมึงปล่อยน้ำเสียใส่ น้ำจากขยะ ลงคลอง ลงแม่น้ำ แล้วน้ำนี่ มันไป

ทำน้ำประปาให้คนกรุงเทพฯกิน ขนาดน้ำ ลงๆ ตัก กระป๋องหนึ่ง นี่มีเศษพลาสติก เศษอะไร

ที่มันบดๆ แล้วเมื่อวานนี้ เสียงให้ฮึ่มไปหมด เลยให้ตำรวจไปแจ้งตำรวจ
ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ก็เอาไม่อยู่ ชาวบ้านทนไม่ไหว เวลามันบดขวดแก้ว เค้าบอก เสียง

สะท้านสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมด เมื่อวาน มันบดพลาสติก อยู่ในแพ นี่ยังเสียงดังลั่น เลยให้

ไปแจ้งตำรวจ ลงบันทึกประจำวัน
โรงงานเถื่อน ไม่ได้รับอนุญาต มันก็ตั้ง วันนี้เรียกผู้ใหญ่บ้าน กำนันมา มาหรือยังไม่รู้ ไป

รับตังค์เค้าหรือเปล่าไม่รู้ ถึงอนุญาตให้เค้ามาอยู่
แบบเดียวกับโรงงานที่หน้าวัด วันนั้น สวดๆ มนต์ มีกลิ่น พอด่าออกไมค์เข้า กลิ่นหายทันที

เลย หด เออ ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันนะ เสียงกูเนี่ย ด่าแล้ว กลิ่นหดเลยล่ะ
มันอะไรของมันก็ไม่รู้ จะหากิน ก็เดือดร้อนชาวบ้าน เรียก หากินบนความทุกข์ชาวบ้าน กู

ไม่กลัวมันหรอก ตายได้ กูก็เกิดได้ แต่ต้องถูกต้อง ถ้าไม่ถูกต้อง ไม่เอา
เค้าบอก มันนักเลง มันมี อะไรนะ นักการเมืองหนุนหลัง
นักการเมืองไม่ใช่พ่อกู พ่อกู ถ้าทำไม่ถูก กูก็ไม่เอา
สมัยก่อน สร้างวัดใหม่ๆ โยมเค้าไม่อยากให้สร้าง เพราะสร้างแล้ว เค้าเห็นแล้ว สมเพช เค้า

เรียก ตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน๊อต ดำเป็นเหนี่ยง ทำงานทั้งวัน, ตี 1 ยังทำอยู่, เรามา

ธุดงค์ เค้าก็แอบขายที่ แอบขายที่ข้างหลังวัด, อ้ายตรงที่ทำศาลา ทีนี้ ที่แปลงนั้น

มันตาบอด แอบขาย ให้ยายห่อไปเซ็นต์ทางอนุญาตให้ทางเข้าวัด อนุญาตให้วัดให้ทาง
กูกลับมา รู้เข้า มันที่ นส.3 เลยไปค้าน เค้าประกาศ 3 เดือนมั๊ง เลยไปค้าน, เลยมา

ตรงเวลา ได้เวลา เลยไปค้าน, ค้าน เค้าก็ มาขอร้อง, ขอร้องว่า ขายไปแล้ว ถ้าไม่มีทาง

ให้เค้า เดี๋ยวเค้าจะฟ้องเอา, ไม่อยากให้สร้างวัด, บอก ไม่ได้ ตอนนี้ กูยังอยู่ คนก็ยัง

ไหว้ได้ วันข้างหน้า ถ้ากูไม่อยู่ คนเค้าจะเยี่ยวรดกระดูก สาปแช่ง เพราะ อ้างให้ญาติมาถือ

กรรมสิทธิ์ อภิสิทธิ์ ใช้ที่วัดเป็นทางสาธารณะเพื่อเข้าที่ตน ไม่อนุญาต, เห็น แกร้องไห้

น้ำตาซึม, เลย เอ้า ให้เท่าอายุขัย, อนุญาต ทำหนังสือ, เดือนหนึ่งต่อมา แกตาย ก็

เลยหนังสือหมดอายุขัย
ไม่ยอม ไม่ได้หรอก ถ้าอะไรที่เป็นศาสนา ห้ามมาแตะต้อง ญาติข้างไหน ก็ไม่ยอม
วันปิดทองลูกนิมิต มีคนเค้ามาขายของกันเยอะแยะ ญาติบอก จะมาขอตั้งร้านอยู่ในวัด,

นู่น ชาวบ้านเค้าตั้งกันยังไง ตั้งเท่ากับชาวบ้านเค้า อย่าล้ำเส้น ไม่มีอภิสิทธิพิเศษ
ย่า แกอยู่นั่น แกยังต้องจ่ายค่าไฟเลย เออ ญาติไม่มีอภิสิทธิพิเศษ อยู่แล้วก็ น้ำไฟต้องจ่าย

ด้วย แกก็เลยขายของใหญ่เลย เออ ไม่งั้น เดี๋ยวไม่มีไฟ ไม่มีตังค์จ่ายค่าไฟ กูก็ไม่ให้ กูไม่

เคยให้ตังค์แกนะ มีพักหนึ่งมั๊ง ใครให้มาวะ อ้ายจิโรจน์ให้มาหรือเปล่า อ้ายจิโรจน์ให้มา

แล้วก็เอาไปให้แก
เค้าบอก อู้หู วันนี้ ฝนต้องตก ฟ้าต้องรั่ว มันเกิดอะไรขึ้น ท่าน เค้าว่า
ถาม ทำไม
ก็เอาตังค์มาให้เนี่ย มันไม่เคยมี ไม่เคยปรากฏ, มหัศจรรย์ เค้าบอก สิ่งที่ไม่เคยปรากฏ

ได้ปรากฏขึ้นแล้ว
เออ มุขแกดี
ก็ไม่ใช่ตังค์ของกู แล้วจะไปให้ใครได้ไง ชาวบ้านเค้าให้มา ตังค์ของชาวบ้าน มีอ้ายวันนั้นน่ะ

อ้ายจิโรจน์ เค้ากำหนดว่า เออ ให้หลวงปู่ใช้, เอ้อ นานๆ เอาไปให้แกหน่อย, ถ้าให้กู กู

ก็ให้วัดหมด มูลนิธิฯ วัด เอาไปกินหมด
นี่ ชาวบ้านมันมาวันนั้น มากับแม่มันมั๊ง อุตส่าห์บุกเข้าไปถึงแพเลย ขอพึ่งบารมี ไปแจ้งใคร

ใครก็ทำอะไรไม่ได้ คนแก่เค้าบอกว่า นอนๆ อยู่ น่ะ อ้ายโรงงานนี้มันแปลก เหมือนกับอ้าย

โรงงานข้างวัด อ้ายโรงงานทำอิฐ กลางวันเค้าทำงานกัน มันไม่ทำ แม่มันทำเอาตอนตี 1 ตี

2 ตี 4 อะไรอย่างนี้ เพราะว่ามันประหยัดไฟไง อ้ายค่าไฟกลางวันมันแพงกว่าค่าไฟ

กลางคืน
มันประหยัดมัน แต่มันทำร้ายคนอื่น
ที่นี่ ก็เหมือนกัน เค้าบอก ตี 1 ตี 2 มันเปิดดังสะท้าน คนแก่ทนไม่ไหว ต้องออกจากบ้าน

เดินไปหาผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านทำอะไรไม่ได้ มันก็เปิดดังลั่น มันถือว่า เส้นใหญ่ เส้น

นักการเมือง
การเมืองไหนไม่สนใจหรอก เค้าบอกไปแจ้งตำรวจ ตำรวจก็ไม่รับแจ้ง มันลองดูซิ ให้

ตำรวจไปแจ้งตำรวจ แล้วถ้าตำรวจไม่รับแจ้ง เดี๋ยวกูย้ายมึงไปอยู่นู่น 3 จังหวัดชายแดน,

ครับๆๆ, กูก็ขู่มันไปอย่างนั้น กูก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปย้ายมัน, กูก็ไม่รู้จะเอาอะไรไป

ย้ายมัน
คนมันอะไร มันชอบเอาเปรียบคน มันไม่รู้ว่า มันนรกทั้งนั้น รวยบนนรกนี่ มันรวยได้ยังไง

ไม่รู้สาระ ชีวิต ตายไปแล้วจะเอาอะไรไปได้ เอาแต่ความทุกข์ชาวบ้าน ชาวบ้านเค้าสาป

แช่งทั้งหมู่บ้าน เค้าลงชื่อ ร้องเรียนเป็นร้อยชื่อ พอไปถึงอำเภอ เหลือ 20 ชื่อ เออ ดู บ้าน

เมืองมันเป็นอย่างนี้
แย่ ความยุติธรรม มันไม่ได้มีจริงๆ
ไป เตรียมตัว หาอาหาร เดี๋ยว 8 โมงครึ่ง มาพร้อมกัน แจกทาน ลูก
เข้าห้องน้ำ ห้องท่า เตรียมอาหาร กิน
(กราบ)
เมื่อวาน กูเห็นเค้าประกาศ เรี่ยไรอะไรกัน เรี่ยไรอะไรนะ เอ๊อ ไม่รู้ กูจะปั้นเสร็จหรือเปล่า

มานี่ ต้องไปแก้งานช่างมันอีก วันนั้น กูปั้นเอาไว้ดีๆ มันทำให้เป็นรูปโดเรมอนไปเลย อ้าย

ห่า แสดงธรรมกลับมา อ้าว มาแก้ให้มันอีก รุ่งขึ้น เอาอีกแล้ว หน้านี้เป็น อีที เลยทีนี้ หนัก

กว่าโดเรมอนอีก
จะหล่อพระ หลวงพ่อผาสุกจำลอง มาตั้งไว้ที่โรงเจ หน้าวิหาร เพื่อให้คนเค้าปิดทองได้ องค์

ใหญ่ คนเข้าไปปิดทองไม่ได้ เพราะเค้าปิดหมดแล้ว ให้ทันวันตรุษจีนนี่ วันปีใหม่จะหล่อ
ก็เปิดโอกาสให้ลูกหลาน ช่วยกันคนละนิดคนละหน่อยแล้วแต่ คนอื่นเค้าจะได้มาไหว้ ไม่จำ

เป็น ต้องไปเป็นเจ้าภาพใหญ่โตมโหฬาร องค์หนึ่งไม่ได้ใหญ่นัก ก็แค่ 24-26-28

นิ้วเอง
เดี๋ยววันที่ 1 จะหล่อทันหรือเปล่าไม่รู้ เดี๋ยวจะกลับไปปั้นต่อ
อ้อ เดี๋ยว มีข่าวดีบอก มหาอานนท์ พระปริวาสที่จะไปขุดมันตอนบ่าย ข่าวดี เมื่อวานนี้ ไป

ดูแล้ว มันมี สงสัยมันจะกินเครื่องดื่มกินแรง เอ้อ แรงเย่อ กินแรงเพื่อน งั้น เอาปากกา

กระดาษไปจดด้วย ใครที่มันกินแรงเพื่อน จดไว้ แล้วไม่ต้องเข้ามานัส กินแรงเพื่อนไม่ได้

เอาเปรียบเพื่อน ให้ฝึกตัวเอง ทำตัวเองให้เป็นผู้ที่อ่อน ควรต่อการงาน ไม่ใช่เป็นคนเอา

เปรียบเพื่อน
งานมันฝึกคน ทำตามกำลังของตน แต่ไม่ใช่เอาแรงเพื่อน ไม่ใช่ไปกินแรงเพื่อน แต่ไม่ใช่

ตัวใหญ่เป็นควาย กำลังนิดเดียว เดินแบกหัวเดียวขึ้นรถ อย่างนั้นน่ะ อ้ายอย่างนั้น ไม่ใช่

กินแรงธรรมดา กิน 2 ชั้นเลย จดเอาไว้ ใครที่มันกินแรงเพื่อน เวลาเข้ามานัส ไม่ต้องเข้า

อยู่ไปก่อนจนกว่าจะแสดงตนให้เห็นว่า เป็นผู้อ่อน ควรต่อการสั่งสอนอบรม
ศาสนานี้ เค้าเป็นที่อยู่ของคนอ่อน ถ้ากระด้าง หยาบคาย หยาบช้า เค้าจะอยู่ไม่ได้ เพราะ

มันปั้นไม่ได้ ดินมันแข็งกระด้าง ปั้นเป็นแจกัน เป็นวัว เป็นควาย เป็นอะไรไม่ได้ เผาแตก

หมด
ปีนี้ ไม่มีข้าวหลามแจกมึงเว้ย คนงานมันไม่อยู่ ทหารก็ไม่มา ไม่มี ทหารเค้าไปช่วยงานที่ใต้

กำลังที่ใต้มันน้อย เลยไม่มีใครไปตัดกระบอกข้าวหลาม ไม่มีใครไปเผา มัวแต่ไปขุดมัน

เดี๋ยวราคามันจะตกอีก รัฐบาลมันบอก ประกันสองบาทแปดสิบ ชาวบ้านเค้าขายได้ บาท

แปดสิบเอง ที่เหลือไม่รู้ หมาคาบไปกิน
อ้ายลานมัน มันบอกว่า ถ้าของหลวงปู่ มันให้สองบาท นี่ ยังมีเส้นอีกนะ อืม แต่ถ้าหากคนอื่น

เค้าให้บาทแปดสิบ ไม่รู้ จะได้เงินใส่ซองพอแจกเด็กหรือเปล่า ซองละ 50 บาท ปีนี้ เงิน

น้อย เอาไป 50, ปีที่แล้ว 100 มั๊ง หมื่นซองก็เท่าไหร่ล่ะ ซองละ 50, ห้าแสน

เชียวเหรอ มันจะไม่พอแล้วเว้ย ขุดเหง้ามันขายเว้ย ยอดมะพร้าว
เมื่อวานได้เท่าไหร่ เมื่อวานได้หมื่นเดียว
หลวงพี่ เร่งๆ มือหน่อย ช่วยกันทำมาหากิน ปั่นให้ได้ 5 แสน ขุดมันมั่วไปหมดเลย แต่

อย่าไปขุดไร่คนอื่นก็แล้วกัน ให้เสร็จก่อนวันที่ 14 เดินทางกลับน่ะ
หมอ อ้ายน้ำมันกานพลู ใช้ได้ผลไม๊ เออ บอกให้คนไอๆ ที่นั่งเห่าโฮ่งๆ อยู่น่ะ ไปเอาน้ำมัน

กานพลูหยดใส่น้ำร้อนซะ ครึ่งแก้ว แล้วก็จิบ ไม่ยอม มานั่งเห่าอยู่ได้ รำคาญชาวบ้านเค้า

ด้วย เปิดขวดน้ำมันกานพลู หยดไปสักหยดหนึ่ง คนให้เข้ากับน้ำร้อน แล้วก็จิบ โรคหืด

โรคหอบ ก็ใช้ได้ น้ำมันกูทา เอาไว้กิน เอาไว้ดม ใช้ได้หมด เป็นแมลงสัตว์กัดต่อย ก็ใช้ได้

น้ำมันกานพลู
ช่วยๆ กันทำมาหากินหน่อย เดี๋ยวกูไม่มีตังค์จ่ายค่าอะไรวะ อ้ายค่าเครื่องเล่นเด็ก อีกเท่า

ไหร่วะ, 260,000, โอ่ย วันเด็กปีนี้ ต้องเป็นล้านล่ะโว้ย, ทำบุญ, ทำทาน,

เออ ทำเสิ้ออีก 10,000 ตัว เด็กๆ ของเรา ทำไป
ชา กาแฟ คนท้องผูกน่ะ อย่าไปกิน น้ำมะขามเปียกน่ะ ชงข้นๆ แล้วก็ดื่มเข้าไป ซักพักเดียว

ก็พุ่งแล้ว อ้ายน้ำมะขามที่ทองดีต้ม ใช้ไม่ได้หรอก เออ มันกินอร่อย กินอิ่ม ไม่ได้กินให้ขี้

น้ำมะขามกินให้ขี้ เค้าไม่ให้ใส่รส ไม่ให้ใส่หวาน กินหวานนี่ มันทำให้ท้องผูกนะเว้ย เพราะ

มันเกิดความร้อนภายใน
อย่าเข้าใจอะไรผิดว่า กินหวาน น้ำต้มมะขามแล้วใส่น้ำตาล แล้วมันจะท้องระบาย น้ำตาล

มันทำให้เกิดความร้อนข้างใน
10 ธ ค 2555    8.30 น.  ณ.ทองผาภูมิ  ระหว่าง แจกทานชาวบ้าน

โดยองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ
(กราบ)
ให้ชาวบ้านมานั่งตรงนี้ สนามหญ้าตรงนี้ซิ คนที่จะมารับทานน่ะ
วันนี้เป็นวัน ช่วงเวลาสุดท้ายของการปฏิบัติธรรม
เนี่ย อยู่ตรงนี้ มันจะเป็นอะไร เยอะแยะมากมาย นั่งอยู่ตรงนี้ กูบอกแล้วไม่ใช่เหรอ
อะไร นั่นแหละ ตรงนั้นแหละ ที่ไม่พอหรือไง เออ นั่งตรงต้นมะพร้าว มะพร้าวหล่นใส่หัว

ล่ะมึง หาเรื่อง เมื่อวาน ไม่ได้ยินเหรอ เสียงดัง ตุ๊บ
เอ่อ ให้มันนั่งไปเฮอะ ทำบัญชีหรือยัง, พ่อได้ แม่ได้ ลูกได้ อีกหรือเปล่า
รายชื่อ อีกแล้ว, ใครเป็นคนทำ (อบต ค่ะ)
ไม่เอา, ทำใหม่, อ้ายเดิม คราวที่แล้ว ก็ อบต.ทำ, จังหวัด ทำ อีกละ
ไปลงทะเบียน ใครที่ยังไม่ลงทะเบียน ไปลงทะเบียน
แจกทาน ไม่เคยมีความสุขเลย อ้ายห่า, ปล่อยให้คนมาแหกตา สวมเขา หลอกอยู่ได้ทุก

ครั้ง คนดีก็พลอยซวยไปด้วย
คราวที่แล้ว แจก 3,000 เมื่อวันที่ 5 แจก 3,000 พ่อได้ แม่ได้ ลูกได้ ผัวได้ ตา

ได้ ยายได้ ทั้งบ้าน มันได้หมดทุกคน อ้าง มีชื่อ แถมมีบัตรผี อีกต่างหาก
เนี่ย เด็กๆ พวกนี้ มายังไงน่ะ
ขนมบิณฑบาตร หนมปังบิณฑบาตร เอามาแจกเด็กนะเว๊ย ดูซิ หนมปังมีหรือเปล่าใน
อ้าว ไปเอามาแจกเด็กเฉพาะ ให้เค้าใส่ ไปใส่แจกเด็ก
เฮ้ย ใครไปช่วยกันกรอกขนมใส่ถุง แจกเด็ก ลูก ไป
แจก ดูเด็กมีกี่คน นับไปให้ครบ
เอ่อ เราจะจัดงานวันเด็กที่นู่น ที่นี่ ก็เป็นเด็กเหมือนกัน แจกเสียก่อนก็ได้ เด็กมันมาเยอะ
เอาตังค์นี่ไป ให้มันคนละ 20 บาท เอ่อ หล่อพระ เอาไว้ก่อน หล่อคนก่อน, มีน้อย ลูก,

เอาไป 20 พอ
เฮ้ย พวกมึง ก็รีบทอดผ้าป่าสิ
เอ้าๆๆ ทอดผ้าป่าก่อน นะโม เดี๋ยว กูจะเอาตังค์ แจกเด็ก
เอ้า ว่า นะโม 3 จบ
..............
(สาธุ)
(กราบ)    
(สาธุ)
เฮ้ย เสื้อยืดน่ะ มีกี่ตัว ลูก ไปนับซิ พอกับเด็กไม๊ เด็กกี่คน เออ อยู่ที่นู่น เราก็ต้องให้เสื้อยืด

เด็กอยู่แล้ว ให้มันเสมอกัน ลูก
ดูซิ เสื้อยืด ใครขายเสื้อยืดวะ
เอ้า ยึดก่อน เก็บค่าที่ เอามาแจกเด็ก
เอ้า เด็กมา 20, ก็เอ้า ให้มันคนละ 50 บาท, ใช่เหรอ 20 เหรอ กูเห็นเยอะกว่านั้น
(เค้ามา 20 มาแทน ที่ อบต เค้าคัดมา)
ไม่ใช่ เราแจกเด็ก เฉพาะเด็กก่อน เด็กมีกี่คน, ก็นับสิว่า เด็กกี่คน
ให้เด็ก แยกออกมาก่อน
อ้ายตัวจ้อย มันไปนั่งอยู่โคนต้นมะพร้าว เดี๋ยวเถอะ มึง, อ้ายทนาย ไม่รู้จักซะแล้ว

มะพร้าว
อ้ายห่า ที่ตั้งกว้าง ไม่นั่ง ดันไปนั่ง อ้ายที่ๆ มันเป็นแจ๊กพอร์ต
นี่ มาอยู่ทางนี้สิ มึงไปนั่งอะไรนั่น เอ๊อ เดี๋ยวมันหล่นลงมา ลูกเค้าคอย่น มึงทำลูกให้เค้าไม่ได้

มึง
ประมาทซะแล้ว
เฮ้ยๆ จาก 50 ลดลงเหลือ 20 เว้ย เยอะเว้ย ถ้าจะหมด...อ้ายห่า เมื่อกี้ มันบอกกูแค่

20 คน
เนี่ย โอ๋ย ตัวเล็กตัวน้อย, เสื้อ มีไม๊, ขนมน่ะ ใครไปใส่หรือยัง
นับสิ เบ็ดเสร็จรวม เออ
ออกๆ มาจากโคนมะพร้าวหน่อย ลูก
อ้ายพวกนี้ มันไม่ไปโรงเรียนกันเหรอ, หา, วันจันทร์นี่
เออ ขนาดนี้น่ะ เออ ไปเอามา, กี่คน นับเด็กไปสิ (ประมาณ 50 ครับ)
ประมาณได้ไง นี่ กูให้นับเด็กเนี่ย
มันอยู่ไกล ลูก ถ้าไม่ไกล ก็จะให้ไปร่วมงานที่วัดอ้อน้อย, วันเด็ก เค้าจะมีเลี้ยงเด็กเป็น

หมื่นคน มีการเล่น ชิงช้าสวรรค์ มีอาหาร มีดนตรี
เสื้อ พอไม๊ล่ะ
เอ้า พวกผู้ใหญ่ พวกมึงไปแจก, เดี๋ยว กูแจกเด็กเอง, แจกผู้ใหญ่แล้วเครียด กูไม่อยาก

เครียด
ไป ไปช่วยกันแจกผู้ใหญ่ ลูก ไปเข้าแถวทางนู้น พวกผู้ใหญ่ไปทางนู้น ลูก
อ้อ เดี๋ยว ก่อนไป ก็คุยก่อน
วันนี้ เป็นวันที่ครอบครัวชาวธรรมอิสระ เค้ามาปฏิบัติธรรมที่นี่ แล้วก็ ถือว่าเป็น

ธรรมเนียมประเพณีประจำปีของทุกปี ที่เค้าจะมาปฏิบัติธรรมกัน เดี๋ยว เดือนเมษาฯ เค้าก็

จะมีพระเณร มาอยู่ปฏิบัติธรรม 1 เดือน ทีนี้ ปัญหาที่มาเจอะเจอ ก็คือ ปัญหามลภาวะที่

เกิดขึ้น ซึ่งไม่เคยมี แล้วมันก็เกิดขึ้นมี ก็คือ อ้ายโรงงานกำจัดขยะ
ใคร อยู่หมู่นี้บ้าง ยกมือซิ
หา, อ้าว แล้วโรงงานกำจัดขยะ รู้ไม๊
โรงงานกำจัดขยะ รู้เปล่า
มัน ยกอะไร
ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน มาหรือเปล่าเนี่ย
ใคร เป็นผู้ใหญ่บ้านล่ะ
อบต. ไหนล่ะ
อบต. เหรอ อยู่หมู่นี้หรือเปล่าล่ะ, ไม่ อยู่หมู่นี้หรือเปล่า อบต.
เอ้า นั่งตรงนั้นล่ะ ตรงนั้นล่ะ, อยู่หมู่นี้หรือเปล่า
อ้าว อยู่หมู่นี้ แล้วปล่อยให้มลภาวะ เกิดได้ไงล่ะ
..................
มันไม่ดำเนินเรื่องไม่ได้ เพราะมันผิดกฏหมาย ความผิดปรากฏชัดเจน ขยะทิ้งในน้ำ แล้ว

ลอยเป็นแพ ชั้นอยู่นี่ ตัก ขนาดกระป๋องเดียวนี่ ขยะยังเต็มไปหมด
...............
มันไม่ใช่ ยังไม่ถึงอุตสาหกรรมจังหวัด เพราะเหตุผลว่า ความผิดมันเกิดที่ท้องถิ่น ในฐานะที่

เราเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เราเป็นผู้ปกครองท้องถิ่น เราต้องดูแลความสุขทุกข์ของประชาชน

เค้ายังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโรงงาน ถือว่า เป็นโรงงานเถื่อน แล้วเข้ามาอยู่ สร้างความเดือด

ร้อน เสียหายให้กับชาวบ้านและท้องถิ่นเรา
การตั้งโรงงาน ต้องขอประชามติ ก็ไม่ผ่านประชามติ งั้น เป็นสิทธิ์โดยกฏหมายว่า เจ้า

หน้าที่ผู้ดูแลในท้องถิ่น ต้องจัดการได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านจังหวัด ผ่านอำเภอด้วยซ้ำ มันมี

กฏหมายอยู่ไม่ใช่เหรอ
เออ ไปตรวจสอบดูให้ดี แค่ทำให้เกิดมลภาวะ ปล่อยของเสียในน้ำ แล้วน้ำนี่ เป็นน้ำที่ต้อง

ไปทำประปาให้คนกรุงเทพฯ เออ กิน แล้วก็กลายเป็นมีแต่มลภาวะ เมื่อคืนนี้ มันเปิดเครื่อง

เมื่อวานนี้ มันเปิดเครื่องบดพลาสติก หรือ บดขวด เสียงสะท้านมาถึงนี่ แล้วอ้ายคนที่อยู่

ใกล้ๆ มันจะนอนไหวเหรอนั่นน่ะ
เจ้าหน้าที่บ้านเมือง เค้าเลือกมาให้ เราต้องทำหน้าที่ มาปล่อยให้มาร้องกับพระ เห็นชาว

บ้านมาร้องกับพระ พระก็เลย ทีแรก ก็เฉยๆ หรอก เพราะยังไม่เห็นไง สักพักเดียว พอมัน

ไปแล้ว ขยะลอยตามตูดมันมาเลย
เอาล่ะ ทนไม่ได้ล่ะ เพราะมันใช้น้ำไม่ได้ เล่นเอาเครื่องวัดเสียไป 2 ตัว ดูด เครื่อง 5 แรง

กับ 7 แรง เดี๋ยวจะไปเอาตังค์มัน เพราะมันทำเครื่องวัดเสีย ขยะมันไปอุดในท่อ แล้วอ้าย

คนเปิด ก็เปิดไม่ได้ดูไง ไหม้เลย หม้อไหม้ ขยะอุดเต็มแน่นท่อ น้ำไม่ขึ้น แล้วคนเปิด ก็คือ

เปิดส่ง
มอเตอร์ 5 แรง กับ 7 แรง
มันเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว ความผิดปรากฏเด่นชัด ไม่ต้องไปรอ เจ้าหน้าที่บ้านเมืองทำได้

เลย เลยต้องให้ตำรวจลูกศิษย์ ไปแจ้งตำรวจไม่ใช่ลูกศิษย์
ตำรวจลูกศิษย์ มันเลยพาตำรวจไม่ใช่ลูกศิษย์ มาดู แล้วก็ให้ช่างกล้องไปถ่ายภาพ บันทึก

ข้อมูลเอาไว้ แล้วเมื่อเย็นนี้ ก็เอาอีกแล้ว พอไปเช้า รุ่งขึ้น เย็น เอาเลย เสียงดังลั่น
งั้น ต้องดูแลชาวบ้านด้วย ชาวบ้านเค้าทุกข์ เค้าไม่รู้จะไปร้องกับใคร สุดท้ายมาพึ่งพระ นี่

มันหนักหนาสาหัสแล้วหนา เออ แล้วประชาพิจารณ์ มันต้องทำหน้าที่
มันไม่มีสิทธิ์หรอก คนที่จะมาทำให้บ้านเมืองเรา เดือดร้อนเสียหาย เราอยู่กันสงบสุขยาว

นาน แล้วมาปล่อยให้เกิดความเสียหาย
เค้าทำอาชีพน่ะ เราไม่ว่า แต่อาชีพเค้า มันเดือดร้อนเรา ก็ต้องบอกว่า คุณอย่ามาหา

ประโยชน์บนความทุกข์ของชาวบ้าน คุณรวย แล้วชาวบ้านมีความทุกข์ คุณมีความสุขเหรอ

เออ ต้องบอกเค้าให้รู้ เราไม่ได้กลั่นแกล้งเค้า เราไม่ได้เบียดเบียนเค้า แต่เค้าน่ะ มาเบียด

เบียนเรา
เห็นว่า โดนไล่มาจากท่าขนุน โดนไล่มาจากทางโน้น ไม่ใช่เหรอ
อ้าว แล้วใครไปให้บ้านเลขที่ได้ไง
.............
แค่นี้ ก็ความผิดปรากฏชัดแล้ว ขอบ้านเลขที่ อยู่อาศัย ถ้าทำเป็นโรงงานปุ๊บ เราจัดการได้

ทันที ถอนบ้านเลขที่ได้เลย ไม่จำเป็น เพราะตามกฏหมายมัน กำหนดไว้ชัด อำนาจของอบ

ต. และท้องถิ่น เพราะทำผิดวัตถุประสงค์ คุณขอที่อยู่ ไม่ใช่ขอโรงงาน แล้วขอโรงงาน

แล้วสร้างมลภาวะ ผมให้คุณไม่ได้, ยึดคืน, แจ้งกลับไปที่การไฟฟ้า ประปา ว่า บ้าน

เลขที่นี้ ไม่มี เป็นโมฆะ ล้มเลิก
เออ แล้วชาวบ้าน เดือดร้อนอยู่เป็นเดือนๆ
ใครบ้าง ที่เดือดร้อน ยกมือซิ
อ้าว ไม่มีใครกล้ายกอีก, เอ้า ต้องมองกันด้วย มึงยกไม๊ๆ กูยก
ตายห่าแล้ว ก็ชาวบ้านเป็นอย่างนี้ล่ะ ไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเอง ไม่ค่อยกล้าที่จะต่อสู้กับความ

อยุติธรรม อ้ายเจ้าหน้าที่ ก็เลยไม่ค่อยทำหน้าที่
เออ เดือดร้อนไม๊
............
เดือดร้อน แล้วทำไมไม่บอกเค้า
(บอกแล้วค่ะ หลวงปู่)
บอกแล้ว ทำไง
 (บอกมาตั้งหลายเดือนแล้ว ทางอำเภอก็ทำแล้ว อบต.ก็แจ้งไปแล้ว แต่ว่า เขาก็แค่มาดู

สิ่งแวดล้อมจังหวัดก็มาดูแล้วค่ะ)
ใช้อำนาจชุมชนเลย มันมีกฏหมายอำนาจชุมชนอยู่ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ล้มบ้านเลขที่ได้
(.............. เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ก็ใช้พลังมวลชน ให้โรงงาน

หยุดดำเนินงานชั่วคราว เขารับปาก แต่เค้าก็ทำกันเงียบๆ ไม่ให้ )
อุ๊ย ไม่เงียบหร๊อก เมื่อวานนี้ ดังลั่นเล๊ย
..................
ดำเนินการอะไร ขยะลอยมา เป็นแพเลย ตักกระป๋องหนึ่งนี่ ขยะเต็มเลย ล้างหน้าไม่ได้เลย

อาบน้ำไม่ได้เลย ขยะทั้งนั้น ต้องรอให้มันผ่าน
ตำรวจมา มันถึงจะไม่ปล่อย
..............
มันทำไม่ได้ มันอยู่ในที่เขตชุมชน โรงงานมันจะมาอนุญาต ส่งเดช
ถามอ้ายโมท ตั้งแต่ตอนที่ชั้นเห็นขยะมากองแล้วล่ะ บอก ใครอนุญาตให้เอาขยะมากองไว้

ในตอนต้นน้ำลำธาร มันอยู่ใกล้ๆ กับลำธาร น้ำที่จะไหลลงแม่น้ำ
เค้าบอกว่า มากองเฉยๆ
มันเฉยที่ไหน มันเล่นทั้งบดทั้งทิ้ง แล้วเราก็เห็นกับตา ขยะมันเข้ามาอยู่ที่แพ ตักเอาไว้

กระป๋องหนึ่ง ให้ช่างกล้องมันไปถ่าย แล้วไม่ใช่ขยะธรรมดาด้วย เศษพลาสติก ที่นี่ เวลาเค้า

เปิดน้ำ เค้าไม่ได้ไปดูเครื่อง เค้าเปิดทิ้งไว้ แล้วมันก็เข้าไปอุดโดยไม่ได้รู้ สุดท้ายก็ไหม้ น้ำ

ไม่ขึ้น
เดี๋ยวจะไปเอามอเตอร์คืนกับมัน, เออ เอามอเตอร์กู คืน มา, ซ่อมเครื่อง 5 แรงกับ 7

แรง ต้องไปซื้อใหม่
ไม่ได้, เค้ารวยน่ะ เราไม่ว่า, เค้าทำกิน เราก็ไม่ว่า แต่เราเดือดร้อนเนี่ย เราอยู่ไม่ได้,

ทำให้คนอื่นเดือดร้อน แล้วเรารวย จะมีความสุขได้อย่างไร ทำอาชีพ ก็อย่าทำให้ชาวบ้าน

เค้าเดือดร้อน คุณทำอาชีพคุณไป เราก็ไม่ว่ากัน ต่างคนต่างอยู่ แต่เบียดเบียนกันนี่ ไม่ใช่ละ

ไม่ถูกต้อง
ชาวบ้านก็ต้องพึ่งเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่รัฐก็เบื้องต้นก็ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน อบต. อะไรก็ว่า

ไป
อย่าทำเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ชาวบ้านเลยทุกข์ลำบาก มาร้องกับพระ
พระเองก็ทำ จะเฉยอยู่เหมือนกันแหละ แต่พอมันปุ๊บ ขยะลอยมาเลย เฉยไม่ไหวแล้วเว้ย

ไม่มีน้ำอาบ มันลอยมาเต็มไปหมดเลยล่ะ เต็มแม่น้ำเลย เลยต้องให้ตำรวจมา เห็นเค้าว่า

เอาไปลงบันทึกประจำวัน ไปตรวจสอบ ที่จริงน่ะ ความผิดหลักฐาน ปรากฏชัด แล้วมันเป็น

เรื่องความผิดทางสิ่งแวดล้อม มันปรับได้ทันที 10,000 บาททางกฏหมาย, ผิดอีก

ก็ปรับอีก ปรับให้ได้ทุกวัน
แล้วถาม ตำรวจ มึงปรับไม๊
เมตตา
อ้ายห่าราก
บอกว่า เที่ยวหน้า กูจะย้ายมึงไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดน ถ้ามึงเมตตา เค้าไม่เมตตาเรา แล้ว

เราจะเมตตาเค้าได้ยังไง ต้องคิด อกเขาอกเรา อยู่ร่วมกันเพื่อนมนุษย์ และอ้ายสำนึก นี่

สำคัญที่สุด ที่น่าเกลียดคือ สำนึก ที่ทิ้งของเสียลงในแม่น้ำที่เค้าใช้ทำเป็นประปา เป็นสำนึกที่

เลวร้ายมากที่จะอยู่ร่วมกับใครเค้าไม่ได้ แสดงว่า เป็นคนโหดร้ายอย่างน่ารังเกียจ รู้ทั้งรู้ ว่า

น้ำนี่เค้าใช้กันทั้งประเทศ ครึ่งประเทศเลย ใช่ไม๊ มันใช้ทั่วยันตั้งแต่นี่ไปยันกรุงเทพพระ

มหานคร เขตปริมณฑล เอาน้ำจากนี่ ไปทำประปา
ไม่ได้ อย่างนี้ไม่ได้ ต้องฝาก เจ้าหน้าที่ อบต. ผู้ใหญ่บ้าน ต้องดูแลสุขทุกข์ชาวบ้าน ชาว

บ้านตาดำๆ ไม่รู้จะไปร้องกับใคร อาศัยจุดธูป บอกพระ ก็จัดการให้แล้ว ไม่ได้จัดการ

เพราะว่า เห็นแก่ชาวบ้านหรอก แต่จัดการเพระว่า ไม่อยากให้สังคมโดนเอาเปรียบ คนชอบ

เอาเปรียบสังคม เอาเปรียบคนด้อยอ่อนแออย่างนี้น่ะ ไม่ถูกต้อง
มันจะใหญ่มาจากไหน ก็อย่าเอาเปรียบกัน รวย ก็อย่าเอาเปรียบ คนรวยนี่ ยิ่งต้องเสียสละ

ต้องเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ อย่างนั้นเค้าจึงเรียกว่า รวยในรวยนอก แต่อ้ายรวยแล้วเอาเปรียบ นี่

แสดงว่า มันจน จ๊น จน ใจมันจน น้ำใจมันจน จิตใจคับแคบ คนยากจนนี่ อย่างนี้ไม่ถูก
เออๆ หาวแล้วเว้ย อีหนู ประท้วง นั่งถอนหญ้า หาวละ ฟังเทศน์ หลวงพ่อ
เอ้า ครบหรือยังล่ะ เช็ครายชื่อ ก็ เค้ามีข้าวสารอาหารแห้ง ลูก เมื่อเช้าเมื่อวาน หลวงปู่

บิณฑบาตรได้ เดี๋ยวเอาแจกให้ทุกคน ข้าวสารอาหารแห้ง ข้าวคนละ 5 โล แล้วเดี๋ยว เด็กๆ

ก็ ทุกปีหลวงปู่จะจัดงานวันเด็กที่หน้าวัด ปีนี้ก็เด็กประมาณหมื่นกว่าคน ทั้งอาหารเลี้ยง ของ

เล่น แต่ที่นี่ไม่เคยมาจัด ก็เอาเป็นว่า ถือโอกาสแจกของขวัญวันเด็กไปด้วย มีเสื้อ กับขนม

แล้วก็ปัจจัย ลูก
โอ้โห วันนี้ ร่ำรวยอู้ฟู่, อันนี้เสื้อ, เสื้อนี่ อย่าไปขายนะ, เออ เอาไปใส่ ลูก, ใส่ไม่

ได้ ก็ให้พ่อแม่ใส่ อ่านออกไม๊ ข้างหน้า อ่านให้ฟังซิ, เอา 1 2 3
.......
เฮ้ยๆ อย่าเอาซาวแทร็ค
............
ดังๆ
(ผู้มีสติในกาย กายนี้ไม่ลำบาก..... )
เอ้า ข้างหลัง
(ไม่มีอะไร ไม่ได้อะไร ไม่เหลืออะไร กู...ตาย..แน่)
มันไม่กล้าอ่านเว้ย อ้ายคำสุดท้าย
เอ้า มึงใส่แล้ว ผีไม่หลอก ลูก เพราะว่า ผีนึกว่า มึงตายแล้วไง เลยไม่กล้าหลอกมึง
ใส่ไปเฮอะ แล้วรวย
เอ้า ผู้ใหญ่ไปรับทานทางนู้น ไป ลูก ไป, ไป พวกมึงไปช่วยกันแจก, ไป แจกทาน

ทางนู้น
อ้าว เด็กๆ เข้าแถวมา ลูก
เอ้า คนเท่าไหร่ล่ะ (20 ฮะ)
20 เองเหรอ, มีเท่าไหร่ล่ะ (60 ฮะ)
เอ้อ เอามา 2 ใบ
..............
อ้าว คนใหญ่แจกหมดหรือยัง
เด็กบ้านนอก นี่มันเรียบร้อยนะ มีสัมมาคารวะ รู้จัก ลุก รับกราบ ไหว้ เด็กในเมืองไม่ได้

เรื่อง หยาบ แหม อ้ายนั่นมัน จน จนอ้วนเลยนะ กูเห็นมันแล้วกูอิจฉา กูรู้แล้วว่า ทำไมกูถึง

ได้ แพมันไกลเหลือเกิน เจอแต่ ปลากระป๋องกับถั่วงอก ทุกวันเลย
เออ เมื่อเช้า เล่นมันเผาไปหน่อยหนึ่ง กูว่า เอ๊ ทำไมแพกู มันไกล ไกล๊ ไกล    
ผู้ใหญ่แจกหมดแล้วเหรอ
เอ้า มาเป็นเรื่องของเรา เรื่องการบวชเนกขัมฯ ปฏิบัติครั้งนี้ ก็ถือว่า เป็นการปฏิบัติธรรม

เข้มข้นหรือไม่ ก็ตามทีเถอะ ถือว่า พยายามจะสอนจะอบรมให้ถูกตรงต่อพระธรรมคำสั่ง

สอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า .. (ปัจฉิมโอวาท)
10 ธ ค 2555    9.25 น.  ณ.ทองผาภูมิ  ปัจฉิมโอวาท โดยองค์หลวง

ปู่พุทธะอิสระ
เอ้า มาเป็นเรื่องของเรา เรื่องการบวชเนกขัมฯปฏิบัติครั้งนี้ ก็ถือว่า เป็นการปฏิบัติธรรม จะ

เข้มข้นหรือไม่ ก็ตามทีเถอะ ถือว่า พยายามจะสอน จะอบรมให้ถูกตรง ต่อคำสั่งสอนของ

พระผู้มีพระภาคเจ้า
สิ่งสำคัญและจำเป็นที่สุดที่เราทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย คงจะต้องประจักษ์และรับรู้ได้ว่า สิ่งที่

เป็นอุปการะคุณต่อการปฏิบัติธรรม ต่อการมีชีวิต ต่อวิถีทำ วิถีพูด วิถีคิด ก็คือ สติ ความ

ระลึกได้ สัมปชัญญะ ความรู้ตัว
สติ สัมปชัญญะ มีคุณลักษณะ คุณสมบัติ พิเศษ ที่ถือว่า เป็นอุปการะคุณต่อธรรมทั้งปวง

พระสารีบุตร พระเถระเจ้า จึงได้กล่าวไว้ว่า ผู้มีสติ สัมปชัญญะ ทำ พูด คิด ไม่ผิดพลาด
สติ สัมปชัญญะ คือ สิ่งที่ถือว่า เป็นคุณธรรมเบื้องต้นของผู้ที่พัฒนาได้
สรุปแล้ว ก็คือ คนที่จะพัฒนาได้ ต้องมีสติ เป็นเบื้องต้นพื้นฐาน สติ สัมปชัญญะเป็นเบื้อง

ต้นพื้นฐาน จึงจะสามารถพัฒนาได้
ถ้าเมื่อใดที่เราบอกว่า เราไม่ต้องการสติ ไม่ต้องการสัมปชัญญะ ก็คือ เราไม่ต้องการพัฒนา
เราจะเห็นว่า เป็นสิบปี เป็นเวลาเป็นสิบๆ ปี ที่หลายคนไปปฏิบัติธรรมที่วัด หลวงปู่ก็จะ

พยายามสอนเรื่อง ให้เกิดสติ ให้เกิดสัมปชัญญะ และเพื่อให้รู้เห็นชัดตามความเป็นจริง และ

เข้าใจสภาพธรรมที่ปรากฏตามวิถีชีวิต วิถีคิด วิถีทำ วิถีพูด ที่ไม่ผิดพลาด ถูกต้องและไม่

บกพร่องในการดำเนินชีวิต
อีกทั้ง เราจะเห็นความชัดเจนและความแตกต่าง ของคนมีสติกับคนขาดสติ ว่า เราจะแยก

ไม่ได้สำหรับผู้มีสติ ก็จะสามารถแยกได้ อ้ายคนขาดสติ นี่มันแยกไม่ได้ว่า ชีวิตเราโดน

แรงผลัก กำลังขับเคลื่อน แล้วก็แรงถีบ แรงดุน แรงดันจากอะไร
คนไม่มีสติ มันแยกไม่ได้ ส่วนคนมีสติ มีปัญญา ก็จะแยกได้ว่า นี่ เรากำลังยืน เพราะจำ

เป็นยืน หรือ ยืนเพราะอยากยืน, กินเพราะจำเป็นกิน หรือ กินเพราะอยากกิน, นอน

เพราะจำเป็นนอน หรือ นอนเพราะอยากนอน แล้วเราก็จะรู้ว่า ความอยากนั้น มันทำให้เรา

ยุ่งยากและทุกข์ยากไม่จบสิ้น แต่ความจำเป็นนั้น มันเหมาะสมเฉพาะสภาพธรรม เหมาะ

สมเฉพาะสภาพฐานุรูปของตนๆ
สรุปแล้วก็คือ ทำ ตาม ความ จำเป็น
ชีวิตเรา ต้องยืนหยัดอยู่บนความหมายว่า ทำ ตาม ความ จำเป็น, มี ตาม ความ จำเป็น,

อยู่ ตาม ความ จำเป็น, พูด ตาม ความ จำเป็น, คิด ตาม ความ จำเป็น, แสดงออก

ตาม ความ จำเป็น แล้วเราก็จะมีเวลาเหลือเฟือมาก พลังก็เยอะ เหลือมาก ทรัพยากรก็ไม่สิ้น

เปลืองมาก สิ่งแวดล้อม สังคม ก็ไม่หมดไปมาก เพราะเราทำ ตาม ความ จำเป็น
ถ้าเข้าใจความหมายระหว่าง ทำตามความจำเป็น คือ มีชีวิตด้วยความจำเป็น กับมีชีวิตด้วย

การจองจำ หรือ จำยอม โดนครอบงำ แล้วก็ อยากจนยุ่งยาก ทำให้ชีวิตรอบข้าง ตัวเรา

ลำบากไปหมด แสดงว่า เรานี่แย่มาก, เราแย่มาก เพราะเรามีสติอันอ่อนแอ มี

สัมปชัญญะอันไม่รุ่งเรือง เราก็ร่วงโรย ร่วงหล่น เพราะทำอะไร มันก็ไม่จำเป็นสักอย่าง พูด

อะไรก็ไม่ได้จำเป็น คิดอะไรก็ไม่ได้จำเป็น กินอะไรก็ไม่ได้จำเป็น แต่เป็นไปตามความ

อยากเสมอๆ
เพราะความอยากนี่แหละ มันทำให้ชีวิตเรายุ่งยาก ถึงขั้น บางคนฆ่าตัวตายเพราะการกิน

การเสพ เพราะความอยากนี่แหละ ต้องติดคุกติดตะราง, เพราะความอยาก มันทำให้เรา

ต้องชั่วในสายตาชาวบ้าน, เพราะความอยาก มันทำให้เราทุรนทุราย เสียหาย และเพราะ

ความอยาก มันทำให้เราทุกข์ไม่รู้จักจบสิ้น
พระพุทธเจ้าจึงเรียกมันว่า ตัณหา คือ ความทะยานอยาก และความอยากนี่ มันเป็นหัวเชื้อ

ในการจะพอกเพาะ อุปาทาน อุปาทานนี่เราก็รู้แล้วว่า มันเป็น เหมือนกับของนิ่มๆ หยุ่นๆ

แต่เราจะทำลายมันไม่ได้เลย มันจะเด็งกลับมาอีกสิบเท่าพันทวี เพราะเราไม่มีสติ

สัมปชัญญะ
ถ้าเมื่อใดที่เรามีสติสัมปชัญญะอย่างแกร่ง กล้าแข็ง เราไม่ใช้ฆ้อน เราใช้เข็ม เราใช้มีด

ปลายแหลม ก็สามารถจะตัด ทะลุทะลวงอุปาทาน ในขันธ์ทั้ง 5 ได้ ชาติภพได้
งั้น ก็อย่างที่บอกเมื่อคืนนี้ว่า คราใดที่เราเข้าสู่ความว่าง แล้วหลับตา เห็นกายไม่ว่าง ก็แสดง

ว่า เรายังผ่านด่าน ข้ามแดนของอุปาทานไปไม่ได้ เรายังมีกำแพงอุปาทานขวางกั้น แต่ครา

ใดที่เราหลับตาแล้วไม่เห็นกายตน เป็นความว่างอย่างหมดจด แสดงว่า เราทำลายกำแพง

อุปาทานไปได้แล้ว
เราถึงโคตรภูญาณละ ญาณผู้หวังปรารถนาบรรลุมรรคผลนิพพานได้ในฉับพลันทันที ไม่เกิน

7 วัน 7 เดือน หรือ 7 ปี อย่างนี้เป็นต้น
ญาณผู้ข้ามภพข้ามชาติ ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก
แม้หลวงปู่จะปรารถนาพระโพธิสัตว์ก็ตามที แต่สิ่งที่สอน เป็นเรื่องของบุคคลที่เป็นครูในโลก

และในจักรวาล จำเป็นต้องพูด เพราะเป็นหน้าที่ มันเป็นสิ่งที่จะต้องพูดให้รู้ ให้เข้าใจ และ

ฝึกฝนอบรมบุคคลเหล่านั้น อย่างน้อยก็เพื่อให้เป็น ผู้รู้ เข้าใจตามสภาพธรรมแห่งความเป็น

จริงของชีวิต จะได้ไม่มัวเมา ไม่ประมาท ไม่ขาดสติ
หน้าที่ของพระโพธิสัตว์ ก็มีหน้าที่ที่จะชี้, ชี้ทางสว่างให้เดิน ชี้ให้เห็นถูก ชี้ให้เห็นส่วนที่ผิด

แล้วก็ให้เลือกสรร ให้เหมาะเจาะ เหมาะสม สำหรับสภาพธรรมตามความจำเป็นของตนๆ
พระโพธิสัตว์จะไม่สอนอะไรพร่ำเพรื่อ ฟุ่มเฟือย จะไม่มีชีวิตอยู่อย่างพร่ำเพรื่อ ฟุ่มเฟือย

จะไม่มีความคิด ทำ พูด ด้วยความพร่ำเพรื่อ ฟุ่มเฟือย เพราะจะมีชีวิตอยู่อย่างประหยัดสูง

ประโยชน์สุด ตามความจำเป็น ต้องทำตามความจำเป็น คิดตามความจำเป็น พูดตามความ

จำเป็น ระลึกตามความจำเป็น แล้วก็มีชีวิตอยู่ตามความจำเป็น
จำเป็น สำหรับอะไร
จำเป็นสำหรับตน และจำเป็นสำหรับคนอื่นให้ถึงพร้อม นั่นคือ หน้าที่
ถ้าเราท่านทั้งหลาย ได้เข้าใจความคิดแบบนี้ แล้วเราก็จะรู้ว่า ที่ผ่านมา เรามีชีวิตอยู่ มันเป็น

เหมือนกับ หน้ามือเป็นหลังมือ
อีกเรื่องหนึ่ง ที่ควรจะต้องสอนกันอย่างรุนแรงและเตือนกันอย่างไม่เกรงใจ ก็คือว่า มีชีวิตอยู่

อย่าอายหมา ลูก เหมือนอย่างเมื่อเช้ามืด สอนไปว่า หมา นี่เวลามันเป็นหมัด มันเป็นเห็บ

มันคันนี่ มันสะบัดตัวเอง เพื่อให้เห็บ หมัด มันหลุดออกจากกายเรา แต่เรานี่ เวลา

โดนครอบงำด้วยราคะ ด้วยโทสะ ด้วยโมหะ ด้วยตัณหา ด้วยอวิชชา ด้วยอุปาทาน เราทั้งคัน

ทั้งแสบ ทั้งร้อน ทั้งทุรนทุราย ทั้งทุกข์ทรมาน แต่ไม่ยอมสะบัดให้มันหลุด
งั้น แสดงว่า มีชีวิต อายหมา
รำคาญไม๊ รำคาญ, ทุกข์ไม๊ ทุกข์, ทรมานไม๊ ทรมาน, ลำบากไม๊ ลำบาก, ปวด

แสบปวดร้อนไม๊ ปวดแสบปวดร้อน, ทุรนทุรายไม๊ ทุรนทุราย, ยุ่งยากไม๊ ยุ่งยาก,

เป็นภาระไม๊ เป็น, หนักไม๊ ก็หนัก แต่ไม่สลัด, ไม่สลัดขน ไม่สลัดแข้ง ไม่สลัดความ

ไม่จำเป็นออกไป
เราคิดว่า มันจำเป็นไปหมด สุดท้าย เราก็กลายเป็นคนที่เดินบรรทุกเอาของหนักไป
ภารา หะเว ปัญจัก  ขันธา   ขันธ์ทั้ง 5 เป็นของหนักเน้อ
ภาระหาโร จะ ปุคคะโล  บุคคลนั่นแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป
ภาราทานัง ทุกขังโลเก   การแบกถือของหนัก เป็นความทุกข์ในโลกเน้อ
ภารานิกเข ปะนัง สุขัง    การสลัดของหนักทิ้งลงเสีย เป็นความสุขจริงหนอ
เหมือนกับหมามันจะรู้ว่า สลัดหมัดหลุดแล้ว มันจะเป็นความสุข เออ มันรู้โดยสัญชาติญาณ

ไม่ได้รู้ด้วยปัญญา แต่มนุษย์นี่ มันน่าอายหมา ที่ไม่ยอมสลัดหมัดให้หลุด
แม้เวลาปฏิบัติธรรม ก็ปล่อยให้หมัดมันก่อกวน ปล่อยให้เห็บมาเกาะกิน เดี๋ยวง่วงบ้าง,

เดี๋ยวฟุ้งบ้าง, เดี๋ยวสับสนบ้าง, เดี๋ยวว้าวุ่น บางคนมันเดิน มันยังสัปหงกเลยล่ะ เมื่อเช้านี้

มันเดินหัวจะทิ่มเอา ขณะที่เดินนะ ก็ถึงได้บอกว่า อ้ายที่คำถาม ถามว่า ไม่รู้ว่า ดิชั้น หนู

เป็นอะไร นั่งสมาธิปฏิบัติธรรม แล้วให้มันรู้สึก อัดอั้น ง่วงหงาวหาวนอน อย่างนี้ มันจะผิด

ปกติไม๊
ไม่ได้ผิดปกติหรอก พวกมึงน่ะ มันเป็นอย่างนี้ ปกติ มันเป็นแบบนี้ เป็นปกติ คือ ง่วงอย่าง

ปกติ นิสัยสันดานง่วง เป็นอาชีพ เรียกว่า นิ่งเป็นหลับ ขยับก็แด๊ก เออ ขยับก็แด๊ก ไม่ได้ทำ

เป็นเรื่องผิดปกติ
งั้น ความผิดปกติของพวกเรา ก็คือว่า ทำอะไรตามความจำเป็น เราจะรู้สึกผิดปกติ
งั้น สิ่งที่สอน จริงๆ แล้ว มันปกติ แต่เรามองเป็นเรื่องผิดปกติ เหมือนกับที่เราทำงานด้วยใจ

ว่าง เราก็บอกว่า ผิดปกติ, ทำงานแล้ว มันต้องอยาก มันต้องโกรธ มันต้องโลภ มันต้อง

หลง มันต้องรัก มันต้องชัง มันต้องมัน ต้องยอมรับ ต้องปฏิเสธ
เหมือนๆ กับนักปกครองทั้งหลาย เค้าก็ชอบพูดกันอย่างนั้น เชื่อกันอย่างนั้น แม้กระทั่ง

ปราชญ์บัณฑิตของแผ่นดินมาบอก มาพูดสมัยนั้น ก็ยังมีคนโจมตีท่าน ก็คือ ท่านพุทธทาส

ท่านสอนไว้ ให้ทำงานด้วยใจว่างๆ คนไม่เข้าใจ ก็คิดว่า ตัวเองว่างแล้ว ก็ขี้เกียจสิ ไม่พัฒนาสิ

ไม่ทำงานสิ
จริงๆ แล้ว ความใจว่างของท่านพุทธทาส คือ ทำด้วยหัวใจที่ไม่โดนครอบงำ ไม่โดนราคะ

ครอบ ไม่โดนโทสะครอบ ไม่โดนโมหะครอบ ไม่โดนโลภะครอบ ไม่โดนตัณหา ไม่

โดนอวิชชา ไม่โดนอุปาทานครอบ แต่ทำด้วยความจำเป็น และทำด้วยสติ สัมปชัญญะ ทำ

ด้วยความว่างของจิต ที่ไม่มีอะไรมาครอบงำ
เมื่อจิตมันไม่มีอะไรมาครอบงำ มันก็เป็นไปตามความจำเป็น ไม่ได้เป็นเพราะความอยาก

เป็น ทุกวันนี้ เราเป็นเพราะความอยากเป็น,ได้เพราะอยากได้, มีเพราะอยากมี, ดี

เพราะอยากดี แต่ไม่จำเป็นอะไรเลยสำหรับชีวิตจริงๆ เรา เราอยากทั้งนั้นแหละ ชีวิตเราก็

เลยยุ่งยากไม่จบสิ้น
ทั้งหมดทั้งหลายทั้งปวงเนี่ย ลูก มันมาจากอำนาจ ฤทธิ์เดชของ สิ่งนั้น และ สิ่งนั้น ก็คือ สติ

และสัมปชัญญะ
เพราะงั้น อย่าดูถูก ดูแคลนกับการเดินป๊อกไปเฉยๆ หรือทำให้จิตนิ่งสงบ ผ่อนคลาย ไม่

ไหวติงอะไร เพราะสิ่งเหล่านั้น มันเป็นการปลุก เร่งเร้า เอาสติ สัมปชัญญะให้เกิดขึ้น ก็

อย่างที่บอกวันแรก เป็นปฐมนิเทศน์ว่า เราไม่ได้เกิดมาพร้อมสติ เราไม่ได้มีสติเกิดมา

เพราะงั้น มันจะต้องมาหาเอาเอง เพราะถ้าเราเกิดมาพร้อมสติ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องการเกิดของ

เราแล้ว มันเป็นเรื่องพระอริยเจ้าเกิด
งั้น สติ หรือ สิ่งนั้น ต้องเป็นสิ่งที่เราต้องขวนขวาย แสวงหา ค้นหาให้เจอ ให้เจริญ ให้ตั้งมั่น

แล้วก็ให้รุ่งเรือง แล้วมันก็จะเป็นอุปการะต่อชีวิต จิตวิญญาณ และสันดานเราในที่สุด
งั้น ก็ขอให้ทุกท่าน จงตระหนักสำนึก แล้วก็จำไว้ว่า
โลกข้างนอกน่ะ ลูก ไม่มีใครเค้าบอกทุกเรื่องอย่างที่เป็นอยู่นี้หรอก
โลกข้างนอก ไม่มีใครเค้าเมตตาเราด้วยความปรารถนาดี อยากให้เราได้ดี อย่างชนิดที่ เต็ม

หัวจิตหัวใจ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนเรา
โลกข้างนอก ก็ไม่มีใครเมตตาใครได้มากที่สุด เท่ากับตัวเราเองเมตตาตัวเราเองหรอก
โลกข้างนอกน่ะ มันมีแต่ความแก่งแย่ง เอารัดเอาเปรียบ และชิงดีชิงเด่น ด้วยพลังขับ

เคลื่อนของรัก โลภ โกรธ หลง ของราคะ โทสะ โมหะ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน
ถ้าท่านทั้งหลายไม่ระมัดระวัง สุดท้าย ก็จะกลายเป็นผู้ถูกครอบงำในที่สุด
อย่าทำตัวเป็นผู้โดนครอบงำ จนเหมือนกับหมาแก่ๆ ที่ไม่ยอมสะบัดขน และไม่ยอมสะบัด

เห็บ ไม่ยอมสะบัดเหา แล้วปล่อยให้เห็บ ให้เหา ให้หมัด มันกัด จนแก่ตายไปในที่สุด
นั่น น่าเสียดายสัญชาติหมาจริงๆ
อันนี้ ไม่ได้ด่า นะจ๊ะ พูดเปรียบให้ฟังเฉยๆ
เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้
(สาธุ)
จบ กัณฑ์ว่าด้วย หมาแก่
เออ มันต้องชัดอย่างนี้ พวกมึงคลุมเครือไม่ได้, คลุมเครือ แล้วกลับไปสงสัย เพราะ พวก

มึงเป็นคนขี้สงสัย กูก็จะพูดไม่ให้คลุมเครือ ให้ชัดเจน
เอาละ ทำพิธีลา ลูก สิกขา
...............
เอ้า ขอบใจ อนุโมทนาในคณะเจ้าภาพทุกท่านนะ ลูก เจ้าภาพน้ำ เจ้าภาพข้าว เจ้าภาพอาหาร

เจ้าภาพแรงงาน ญาติมิตร ลูกหลานใกล้ชิด ผู้ทำการงาน เพื่อเป็นบริกรที่ทำหน้าที่ให้บริการ

กับทุกส่วน ทุกภาค ทุกเรื่อง ทุกงาน ทุกกรรม ทุกพฤติกรรม รวมทั้ง ทุกสิ่งที่ช่วยกันจัดทำ

ให้ลุล่วงสำเร็จ
ขอบใจคณะแม่ครัว พ่อครัวรวมทั้งคณะจัดน้ำปานะ อ้ายทองดีกับศรีภรรยา ขอบใจคณะ

เจ้าภาพที่ให้ปัจจัย ให้สตางค์ ให้อาหารคาวหวาน น้ำดื่ม ที่อยู่อาศัย รวมทั้งยารักษาโรค

เครื่องอำนวยความสะดวก
แล้วก็ ขอบใจเทพยเจ้า เทวา อารักษ์ เจ้าที่ เจ้าทาง เจ้าทุ่ง เจ้าท่า เจ้าถ้ำ เจ้าป่า เจ้าเขา ที่

ร่วมอนุโมทนา เมื่อวานนี้ ฝนตก กูนอนๆ อยู่ให้คนเค้าเหยียบหลัง เลยบ่นขึ้นมาว่า ไม่รู้จัก

บาปจักกรรม พระ เจ้า จะปฏิบัติธรรม ฝนดันเสือกมาตก เทวดามึง เออ เทวดาเลยโดนกูด่า

เลยสะดุ้ง หยุดเยี่ยวไปเลย
งั้น ก็ขอบใจท่านที่รักทั้งหลาย ทุกท่าน ขอให้ รุ่งเรือง ร่ำรวย ให้โชคดี มีความสุข อายุยืน

ปัญญายิ่งใหญ่ คิดหวังสิ่งใด ให้เป็นไปตามความจำเป็น
เจริญธรรม ลูก
(สาธุ)
.................
สาธุ
เดี๋ยวใครกลับไป ผ่านวัด ก็เอาของ ติดกลับไปด้วย คนเค้าขนมา แล้วมันกลับก่อน ส่วน

ไตรจีวร เอาไว้ใช้สำหรับบวชเณรภาคฤดูร้อน กับหนังสือสวดมนต์
(กราบ)
ลาสิกขา และ รับศีล 5
..............