5 ส ค 2555    13.15 น. ถอดซีดี ธรรมะสัปดาห์ที่ 1 ของเดือน โดยองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ


• จำไว้ว่า ถ้าครูคนนี้เห็นแก่ได้ ก็จะไม่มีคำสอนอะไร มึงดีก็เรื่องของมึง
(กราบ)
เจริญธรรม เจริญสุข ท่านสาธุชนคนดีที่รักทุกท่าน ผู้รับชมรายการ ปุจฉา วิสัชนา ญาติ

โยมพุทธบริษัทผู้สถิตย์ ณ. สถานที่มหาสมาคมในศาลาวัดอ้อน้อยแห่งนี้ คุณก้อง ผู้

ดำเนินรายการ
เมื่อไหร่พวกหล่อนจะกลับบ้าน
(วันนี้)
กลับๆ เสียที ฝนมันจะได้ตกซะที
เมื่อเช้านี้ บิณฑบาตร ที่จริงสองวันที่ผ่านมา อยากด่า อย่างเมื่อเช้านี้ เห็นท่าไม่ด่าไม่ได้

เลยต้องด่า ด่าว่าอะไร อีห่าราก ก็สังเกต คนเค้ามานั่งรอใส่บาตร เค้ามาก่อน เค้าก็นั่งรอเป็น

แถว เรียบร้อยเป็นระเบียบ พอถึงเวลาหลวงปู่เดินมาบิณฑบาตร อีพวกตัวขาวๆ ทั้งหลาย

อ้ายพวกแต่งชุดขาวทั้งหลายก็มาบังเค้า มาเบียดเค้า มากันท่า กันหน้าเค้า ไม่รู้มันตั้งใจกัน

หรือไม่ตั้งใจกัน มันมาที ซ้อน 3 ซ้อน 4 ใส่บาตร แย่งกันใส่บาตร เรียกว่าแย่งไม่ได้

รอใส่บาตร อ้ายคนที่มาที่หลังนั่งรอเป็นระเบียบ ก็ชะเง้อ มึงใส่กันหรือยังๆ แม้ที่ใส่เสร็จแล้ว

เราจะรู้ว่า เออ พี่เค้าน้องเค้ามารอก่อนเรา เรามาที่หลัง มาเสียบกันข้างหน้า ใส่เสร็จแทนที่

จะถอย กลับลงรากเลย นั่งพับเพียบพนมมือแต้ กันท่าอยู่อย่างนั้นแหละ อ้ายคนข้างหลังก็

ปากหมุบหมิบๆ มองค้อนขวับๆๆ
อ้ายเราก็ เอ อ้ายพวกนี้มันใส่บาตรทำบุญ ใจมันต้องเป็นบุญนี่หว่า มันด่ากัน อ้ายคนข้าง

หน้ามันจะรู้ไม๊ว่า มันโดนด่า เออ เอ้า วันแรกผ่านไป เดี๋ยวมันคงจะคิดได้ ก็สอนแล้วว่า กุ

สลา สูละสัมปะทา การทำความดีต้องฉลาด ฉลาดทำ ต้องมีปัญญาทำ มีวิธีทำที่เลิศ ผลที่

ประเสริฐจะเกิดตามมาเอง
อ้าว วันที่ 2 เอาอีกล่ะ เหมือนเดิมอีกล่ะ เค้าก็นั่งรอเป็นระเบียบเรียบร้อย อ้ายพวกนี้มา

กรูกันเข้ามา แล้วก็มานั่งทอดสมอ ลงรากไม่ยอมขยับอีกแหละ อ้ายคนข้างหลังมันก็ค้อน

อีกแหละ มันก็ด่าอีกล่ะ
เอ สงสัยกูต้องด่าเองแล้วล่ะ รอให้มันด่า คือถ้ามันด่า มันจะตกนรก กูด่า กูตกนรก กูยังพอ

ทำเนาได้บ้าง พอรู้เอาตัวรอด เลยจัดการซะ อีห่าเอ๊ย ใส่เสร็จแล้วก็ลุกๆ ไปซิ คนข้างหลัง

เค้าจะได้ใส่บ้าง
เพราะไม่มีน้ำใจ อ้ายที่โดนด่าเพราะไม่มีน้ำใจ ไม่มีน้ำใจว่า เรามาที่หลัง ไม่มีน้ำใจ ไม่มี

มารยาท ไม่มีระเบียบวินัย แล้วก็ไม่มีสติปัญญา เรามาที่หลังแล้วยังมานั่งบังกันท่า เค้ามา

ก่อน เค้าให้ เค้ายอมเรามาบังหน้าเค้า เค้าก็หวังว่า พี่เอ๊ย น้องเอ๊ย ใส่เสร็จแล้วจะลุก พี่น้อง

เล่นไม่ลุกเลยแหละ เค้าก็ใส่ไม่ได้ ใส่ไม่ได้แล้วทำไงล่ะ จิตใจมันไม่เป็นบุญนี่
เป็นบุญไม๊
ถ้าเป็นมึง มีคนมาบังหน้ามึง มึงไม่ได้ใส่บาตร หรือใส่ยาก มึงจะรู้สึกใจเป็นบุญ แหมกุศล

เหลือเกิน สุขใจเหลือเกิน มีไม๊
เออ คิดถึงอกเขาอกเราสิ เวลาทำอะไร คิดถึงผลกระทบ เห็นไม๊ เนี่ย เสียตระกูลวงศ์ เห็นไม๊ 
เรื่องง่ายๆ อย่างนี้ ถ้าไม่ฉลาดทำ มันก็ผิดพลาดเสียหาย ถ้าไม่มีน้ำใจ ไม่มีปัญญา ก็แยก

แยะไม่ได้ว่า อะไรถูก อะไรผิด แล้วสังเกตุมาหลายเที่ยวแล้ว หลายปีล่ะ คนอื่นน่ะเค้าอาจ

จะไม่ว่า เพราะคนอื่นเค้าอยากได้ของๆ มึง แต่กูไม่ได้ กูต้องว่า เพราะกูไม่อยากได้ของๆ มึง
ก็บอกแล้ว กูไม่อยากได้ของ ไม่อยากได้ตังค์ แต่กูอยากได้คน คนที่มันมีคุณค่า คุณภาพ

คุณธรรม เวลาทำคุณประโยชน์ สังคมก็เห็นว่า เออ มีคุณภาพ สังคมก็จะรวมกันอยู่แล้ว

เป็นสังคมที่มีคุณภาพ
งั้น ให้รู้ไว้ว่า เวลาจะทำอะไร รู้จักอกเขา อกเรา ใจเขาใจเรา เอามาใส่วิเคราะห์บ้าง เรามา

แซงหน้าเค้า ต้องนึกถึงหัวใจคนข้างหลังบ้างว่า เค้าจะคิดยังไง เออ ใส่เสร็จแล้วก็รีบถอน

ยวงออกซะ ถอนสมอออก นี่ไม่เลย ลงหลักปักฐานเลย นั่งพับเพียบ พนมมือแต้เฉยเลย ไม่

ขยับเขยื่อนเลื่อนไปไหนเลย อ้ายคนข้างหลังก็ กูจะเข้าช่องไหนวะ เออ เริ่มกระสับกระส่าย

ล่ะ แล้วก็ทำปากหมุบหมิบๆ ไม่รู้ว่า มัน นะโม หรือว่า มันด่าใครก็ไม่รู้ล่ะ แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือ

มันไม่สบายใจ แล้วเค้าไม่สบายใจ เวลาทำบุญ มันจะได้บุญที่ไหน ไม่ได้บุญ งั้น ต้องระวัง

เราจะเป็นตัวบาปให้ชาวบ้านเค้า
ถ้าเมื่อไร รู้จัก เข้าใจ รู้จักแบ่งปัน สติปัญญาต้องเอามาใช้อยู่ตลอดเวลา อย่าเอาแต่อารมณ์

เป็นใหญ่ ก็แสดงบอกถึงสภาพสังคมไง สังคมและสิ่งที่เราอยู่ สิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ เห็นแก่ตัว

คับแคบ เอาเปรียบ ไม่รู้จักเสียสละ ไม่รู้จักแบ่งปัน คนเค้ามาก่อน เค้าเสียสละให้เรา เราก็

ต้องรู้จักเห็นใจ เสียสละ รับน้ำใจเค้าและซื่อตรงต่อน้ำใจของเค้า เออ ใส่ก่อน ขอใส่ก่อนนะ

คะพี่ ขอใส่ก่อนนะครับพี่ เอ้า ใส่เสร็จแล้วเดี๋ยวถอยออก เออ เค้าก็ไม่ได้ว่า ไม่ได้บ่น
อ้ายนี่ ไม่เลยล่ะ นั่งแช่ซ้อน 3 ซ้อน 4 อะไรก็ไม่รู้ เห็นหลายวันล่ะ
ด่าซะที เพราะถ้ากูไม่ด่า มึงก็จะต้องเป็นบาปต่อไปไม่จบ ทำบาป ทำบุญได้บาป
อย่างนี้เค้าเรียก ทำบุญได้บาป
ได้บาปไม๊
ได้สิ ไปกันท่าชาวบ้านเค้า ไม่ได้บาปได้ไง มันไม่ได้บุญน่ะ อ้ายเราก็มองมัน วันแรกก็มอง

มันทีล่ะ เออ วันที่ 2 เออ ท่าจะไม่ดีล่ะ ขืนปล่อยเอาไว้อย่างนี้ ไม่ปรับปรุง ไม่แก้ไข ไม่

เปลี่ยนแปลง
จำไว้ว่า ถ้าครูคนนี้เห็นแก่ได้ ก็จะไม่มีคำสอนอะไร มึงดีก็เรื่องของมึง มึงชั่วก็เรื่องของมึง

มึงได้มึงเสีย เรื่องของมึง
กูไม่ใช่เป็นคนเห็นแก่ได้ หลวงปู่ไม่ใช่เป็นคนที่เห็นแก่ได้ แต่เป็นคนที่เห็นแก่ธรรม เห็น

แก่ธรรม เห็นแก่คุณธรรม งั้น คุณธรรมต้องมาก่อน ต้องรู้จักว่า อะไรควรไม่ควร มารยาท

ง่ายๆ
ถึงได้บอกวันนั้น เทศน์สอนไงว่า สังคมไทย ถ้ามันมีระเบียบ มีวินัย มันเจริญรุ่งเรือง เค้า

บอกว่า ประเทศไทยอะไรก็ดีไปหมด ที่ไม่ดีก็คือ คนไทย อ้าว จริงๆ ทุกอย่างดีหมด ฟ้าก็ดี

ดินก็ดี ทรัพยากรก็ดี อากาศก็ดี สิ่งแวดล้อมก็ดี มีอยู่อย่างเดียวที่ไม่ดี คือ คน คนไม่ดี มัน

ไม่มีระเบียบ ไม่มีวินัย ไม่มีน้ำใจ ไร้ความรับผิดชอบ ขาดคุณภาพ ขาดปัญญา ไร้สำนึก

มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ งั้น ต้องให้เข้าใจ
นี่ ขนาดมึงมาวัดนะ เรียนกรรมฐานไปตั้งกี่วัน
4 วันล่ะ เออ 4 วัน 5 วัน ยังไม่มีสำนึก นี่ไม่ได้ เรื่องเล็กๆ อย่างนี้ ถ้ามองว่าเป็นเรื่อง

ขึ้ไก่ มันจะพอกพูน สันดานอย่างนี้มันจะพอกพูนไปเรื่อยๆ เหมือนดินพอกหางหมู แล้ว

มันแก้ไม่ได้ จนกลายเป็นสันดาน เป็นสันดอน เป็นนิสัย ข้ามภพข้ามชาติต่อไปไม่จบสิ้น
ลองหลับตานึกดู ถ้าเราเข้ามาใส่บาตรแล้วคนข้างหลังเค้ารอ มีน้ำใจให้แก่เค้าเราใส่เสร็จ

รีบออก พี่ใส่ต่อเลยค่ะ เออ นั่นเป็นสันดานดี อย่างนี้ สันดานดี แล้วมันชาติหนึ่ง ชาติสอง

ชาติสาม มันผูกไว้อย่างนี้ มันกลายเป็นผู้ให้อย่างใจบริสุทธิ์นะ มันมีจิตใจแช่มชื่น เบิกบาน

รื่นเริง บันเทิง แล้วถ้าเข้าใจ รู้จักตามสภาพธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริง เราก็จะรู้ว่า เออ

ใจเขาใจเราเป็นอย่างไร
งั้น ทำอะไรต้องคิด ลูก วิถีแห่งปัญญา ไม่ใช่ทำอะไรตามอำเภอน้ำใจ ทำอะไรไม่รับผิด

ชอบต่อการกระทำของตน ไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ พูด คิด
ไม่ได้ ต้องรับผิดชอบ ต้องรู้จัก
เห็นออกมาบรรยาย ซึ้งเหลือเกิน ภูมิใจเหลือเกิน ได้ โอย ดีไปหมด คำสอนใช้ได้ แต่ลืมไป

ว่า อ้ายที่เราทำน่ะ มันก็ยังใช้ไม่ได้ เพราะเรายังทำตัวให้คนอื่นเค้าลำบากใจ ประโยชน์ตน

และประโยชน์ท่าน จำไม่ได้เหรอ มึงเอาแต่ประโยชน์ตน แล้วประโยชน์ท่านไม่ให้

แล้วอย่างนี้จะเรียกว่า ถูกทำนองคลองธรรมได้ยังไง
ถูกไม๊
เออ มันไม่ถูกทำนองคลองธรรม ไม่เข้าทำนองคลองธรรม ไม่อยู่ในมรรคาปฏิปทา ยังไม่

ได้อยู่ในมรรควิถี คำสอนสุดท้ายของพระผู้มีพระภาคเจ้า สอนให้เรารักษาประโยชน์ ไม่ใช่

ประโยชน์เราอย่างเดียว ต้องประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อม คือ ไปได้พร้อมๆ

กัน เราก็ได้ประโยชน์ เค้าก็ได้ประโยชน์ ใส่บาตรนี่ เราก็เอาเปรียบประโยชน์เค้าละ แล้ว

เราจะเรียกว่า เป็นผู้ดำเนินตามวิถีมรรคาปฏิปทา เป็นผู้อยู่ในทำนองคลองธรรม
เพราะอย่างนี้ไง สังคมไทยมันถึงไม่ได้พัฒนาไปไหน มันก็ย่ำอยู่กับที่ ได้แต่วัตถุ บางทีจะ

สังเกตเห็น
หลวงปู่ไปบิณฑบาตรเช้าๆ อ้ายทางเดินถนน เดี๋ยวนี้ต้องลงไปเดินข้างล่างอยู่ช่วงหนึ่ง อ้าย

ปั๊มแก๊สสากกะเบือที่ไหนไม่รู้ มันติดขวางทางไว้เลยล่ะ ตรงหน้าบ้านอ้ายพงศ์ เยื้องๆ ไป

หน่อย มันติดขวางทางไว้เลย มีปั๊มแก๊สกับรีสอร์ทอะไร อ้ายเราก็ต้องลงไปเดินข้างล่าง มัน

ติดขวางเต็มเลย มันไม่สนใจหรอกว่า นี่ทางใคร
ไม่มีสำนึกไง เดี๋ยวจะให้คนไปเขียนด่าแม่มันไว้ตรงนั้น เออ เอาสีไปพ่นด่าแม่มันเลย

โคตรพ่อโคตรแม่มึงไม่อบรมสั่งสอนหรือไง ไม่รู้ว่านี่มันทางสาธารณะ มันติดขวางกั้นเลย

นะ มันจะให้เรารอดป้ายมันไป แล้วมันก็ไม่ได้สูงอะไรนะ ต้องก้มรอดมันไป
ดูมัน คนมันทุเรศขนาดไหน คนมันเอาเปรียบ แค่ติดป้าย ไม่คำนึงนึกถึงว่า ชาวบ้านเค้า

เดือดร้อนแค่ไหน เออ ถ้ามันติดแคบๆ ติดข้างๆ แอบๆ นี่เล่นขวางทางเลย เออ ทางมันไป

ทางโน้น มันติดทางนี้เลย กั้นเลยล่ะ พูดง่ายๆ ถ้าจะเดินผ่าน ก็ต้องรอด หรือไม่ก็ลงถนนไป

เลย
เออ สังคมไทยมันเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวกล้องมึงไปถ่ายทีนะ เอ๊ย ตามไปเก็บภาพ จะได้ออก

ตามสื่อที่บอก กูบรรยายแล้วมึงถ่ายภาพ เออ ให้เค้าเห็นเลย อ้ายสภาพนี้มันเป็นอย่างนี้

จริงๆ เดี๋ยวกูจะดูว่า มีไม๊ ถ้าไม่มี เดือนนี้ไม่จ่ายตังค์ เพื่อให้รู้ว่า สังคมมันเป็นอย่างนี้ พันธุ์นี้

แล้วเรามีคนอย่างนี้เยอะไม๊ โอ้โห บ้านเมืองเต็มไปหมด แล้วเราก็คอยชอบว่าแต่คนอื่นนะ

แต่ตัวเราเองไม่ยอมว่าตัวเราเอง
นี่คือ ข้อเสีย
งั้น ก็อยากบอกว่า อย่าไปมัวแต่คิดว่า ธรรมะนั้นจะต้องปฏิบัติธรรมให้ได้เท่านั้นเท่านี้ แต่

วิถีชีวิตปัจจุบันยังทำไม่ได้เรื่อง ยังทำให้เสียเรื่อง แล้วก็เอาประโยชน์ตน ไม่คำนึง

ประโยชน์ท่าน อย่างนี้ ไม่ได้ งั้น เอาแค่เดิน กินข้าว นั่งกินข้าว อาหารที่มี
งั้น ทำทุกเรื่องที่มีให้เป็นระเบียบจนกลายเป็นระบบของจิตใจ ให้รู้จักประโยชน์ มีชีวิต

อย่างคุ้มค่า มีคุณธรรม การทำกิจกรรม การงานอย่างมีคุณภาพ เกิดคุณประโยชน์มหาศาล

แล้วก็ชีวิต สังคม สิ่งแวดล้อมก็ทรงคุณค่า รักษา 4 คุณนี้ไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะทำพูดคิดอะไร

ต้องคำนึงนึกถึงเสมอตลอดเวลา อย่าเอาแต่เฉพาะมานั่งปฏิบัติธรรมแล้วก็ไม่มีคุณ

แล้วนอกนั้นก็กลายเป็นอคุณหรือหมดคุณธรรม ไม่มีคุณธรรมประจำอยู่ในหัวใจ ถ้าอย่าง

นั้นมันใช้ไม่ได้ เค้าเรียกว่า ชั่ว 7 ที ดี 1 หน แม้ชั่ว 7 ที ดี 7 หน อ้ายดี 7 หนมัน

ดีนิดเดียว ดีทีละนิด แต่ชั่ว 7 ที มันชั่วทั้งปี ก็ยังใช้ไม่ได้ ชั่งกิโลแล้วก็ยังใช้ไม่ได้
งั้น ต้องปรับพฤติกรรมตัวเอง ต้องเรียนรู้ ต้องศึกษาพฤติกรรมตัวเอง หาขยะในตัวเองออก

ชั่วชีวิตหลวงปู่ไม่เคยมีครูมาพร่ำสอน ตลอดเวลาคอยเฝ้ามองตัวเองว่า กูมีขยะตรงไหนบ้าง

ในหัว ในใจ ในความรู้สึก ในสามัญสำนึก ถ้ามีขยะตรงไหนก็ต้องกำจัด เขียนบทโศลกไว้

สอนลูกหลานไว้ไงว่า
ลูกรัก กิจพระศาสนานี้มันไม่มีอะไรมาก มีแค่ 3 อย่างเท่านั้นแหละ
1. ก็คือ ไม่เพิ่มขยะใหม่
2. ทำลายขยะเก่า
3. ทำของดีที่มีอยู่แล้วให้ผ่องใส
กูเขียนไว้ตั้งแต่ 30 กว่าปีที่แล้ว บทโศลกบทนี้ แล้วชั่วชีวิตก็ทำอย่างนี้มาตลอดล่ะ แล้ว

ต้องถามตัวเองว่า มีขยะอะไรบ้าง ของเก่ามีไม๊ กำจัดเสีย ของใหม่ไม่เพิ่มขึ้น แล้วหาวิธีค้น

หาของดีให้เจอ คือ ท่านผู้รู้ให้คงที่ ให้ตั้งอยู่ให้คงทนอยู่กับเรา
พอมีท่านผู้รู้อยู่กับเรา ความรู้ทั้งหลายก็จะหลั่งไหลพรั่งพรูเข้ามา
แต่ถ้าท่านผู้รู้นั่งอยู่บนกองขยะ นั่งได้ไม๊
ตั้งอยู่ไม่ได้ เหมือนกับเอาดอกไม้ไปทิ่มถังขี้ มันจะหอมและสวยที่ไหน
งั้น ต้องกำจัดถังขี้ให้หมด ให้เหลือแต่ถังว่างๆ ล้างถังให้เลี่ยมเอี่ยมเชียว แล้วก็เอาดอกไม้

ไปปักไปปลูก มันก็ยังดูสดชื่นหอม
งั้น เรายังขี้อยู่เต็ม มีขยะอยู่เต็ม ต้องกำจัด หาวิธีกำจัด เห็นแก่ตัวไม๊ คับแคบไม๊ เอาเปรียบ

ไม๊ ตระหนี่ไม๊ มักมากไม๊ มักง่ายไม๊ อยากได้ของชาวบ้านบ้างไม๊ เป็นคนขี้อิจฉาตาร้อนไม๊

เป็นคนคับแคบไม๊ เป็นคนลำเอียงไม๊ รำไม่ตรงน่ะ รำเอียงๆ รำหมูไม่กินนั่นแหละ รำบูดน่ะ

หรือเป็นคนที่ขี้โมโห พยาบาท อาฆาต จองเวร ละโมภ โลภมาก เหล่านี้ มันเป็นขยะทั้งนั้น

แหละ ลูก หาวิธีกำจัดมัน
กำจัดมันด้วยกรรมวิธีหลากหลาย แค่รู้จักตัวเอง แล้วก็จะรู้วิธีกำจัดมัน ไม่ต้องไปเอาเครื่อง

มือวิเศษ เอาของวิเศษ เอาวิชาวิเศษจากครูบาอาจารย์คนไหนเลย ไม่ต้อง แค่ได้รู้จักตัวเอง

เรียนรู้ตัวเอง กรรมฐานที่สอนไว้ มีอะไรบ้าง
(เรียนรู้ชีวิต ศึกษาวิชา ลุถึงปัญญา นำพาชีวิต)
แล้วเรียนรู้ไปได้แค่ไหนแล้ว
เรียนรู้ชีวิต ศึกษาวิชา ลุถึงปัญญา นำพาชีวิต
ไม่ได้สอนกรรมฐานอย่างอื่นเลย
ทำไม่ได้ ค้นหาตัวเองไม่เจอ
แล้วเราจะรู้ว่า กายนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก กายศักดิ์สิทธิ์ เพราะเราปฏิบัติในธรรมศักดิ์สิทธิ์ จนลุถึง

จิตศักดิ์สิทธิ์ได้
แล้วทำให้กายนี้ศักดิ์สิทธิ์อย่างไร
ถ้ากายศักดิ์สิทธิ์ได้ก็เมื่อมันไร้ขยะ มันต้องไม่มีขยะหลงเหลืออยู่แล้วใช้กายนี้อย่างสมบูรณ์

ถูกต้อง
มึงเห็นไม๊ว่า 4-5 วันที่ผ่านมาเนี่ย หลวงปู่ลงสอนพวกมึงทุกวัน แล้วกูก็กลับไปป่วยทุก

วัน ฉันยาทุกวัน แล้วก็ไม่ใช่แค่สอนพวกมึง กูก็ยังไปดูงาน ไปคุมงาน เย็นๆ ก็ยังแบ่งเวลา

ไปเจริญมนต์ ภาวนา กลับไปห้อง ก็ยังไปนั่งจารพระ ก็กูทำกายให้ศักดิ์สิทธ์ ให้สำเร็จ
ศักดิ์สิทธิ์ แปลว่า สำเร็จประโยชน์ ลูกหลานที่นั่งอยู่นี่ ยังทำกายตัวเองยังไม่ศักดิ์สิทธิ์ ยัง

ไม่สำเร็จประโยชน์ทุกเรื่องล่ะ มีข้อแม้ มีข้อจำกัด มีข้ออ้าง มีข้อตำหนิติว่า มีข้อแม้ มีข้ออ้าง

ข้อห้ามเยอะแยะมากมาย เพราะเรามีกายเหมือนดั่งหุ่นยนต์น่ะ ไขจึงจะไป ไม่ไขไม่ไป

หรือไม่มีสามัญสำนึกอยู่ในกายตน
งั้น ต้องระวังให้ดี เรื่องขยะตัวเองนี่ ไม่มีใครรู้หรอก ไม่มีใครเห็นขยะในตัว ชอบไปมอง

ขยะคนอื่น
งั้น ก่อนจะมองขยะคนอื่น หันมามองขยะตัวเองซะถ้าไม่มีคนเค้าช่วยมอง ครูบาอาจารย์ก็

จะมองให้ แค่พอมองให้ อาทิตย์หน้ามันก็มาล่ะ มีคำถามล่ะ อุ๊ย ปากมาก จู้จี้ขี้บ่น ไม่เอาแล้ว

วัดนี้ไม่มาล่ะ ด่าหูอื้อไปเลยล่ะ
ใส่บาตรก็ด่า อีห่า มีแต่ชาวบ้านเค้าให้พร วัดนี้ให้ อีห่า เออ อีห่าไม่ธรรมดา อีห่ารากด้วยนะ
เออ ว่า พรวิเศษมาก อีห่ารากไปเลย วัดนี้ไม่เอา ภาษาเก่า พ่อขุนราม
กูก็ไม่ว่า กูก็ไม่เอามึงเหมือนกันแหละ ไม่ใช่มึงไม่เอากู กูก็ไม่เอามึง
ไม่เอาสมบัติอะไร เอาคน คนที่มันยอมที่จะพัฒนา
วัดนี้ สอนคนที่สอนได้
สอนคน ที่สอนได้
บอกคน ที่ฟังได้
ชี้คน ที่เดินตามได้
ถ้าสอนคนที่สอนไม่ได้ บอกคนที่ฟังไม่ได้ ชี้คนแล้วมันไม่ยอมเดินตาม
มันคิดว่า มันเก่ง มันดี ถ้าอย่างนั้น ก็ไป๊ รกคนดีกว่ารกหญ้า พ่อว่า ถูก แต่ถ้ารกคนบ้าๆ พ่อ

ว่า รกหญ้าดีกว่าหวะ เพราะมันยังมาใช้เลี้ยงวัว เลี้ยงสัตว์ ทำปุ๋ยได้ อ้ายคนรกบ้าๆ มันใช้

ทำห่าอะไรไม่ได้เลย มีแต่อีห่า อ้ายห่าอย่างเดียว มันเป็นแต่โรคร้ายที่คอยกัดกินมนุษย์ กัด

กินสังคม อยู่มากก็มากเรื่อง อยู่น้อยก็มีเรื่อง ไม่อยู่ไม่มี ไม่มีเรื่อง เขียนมานานแล้ว เพราะ

วัดนี้ เจอแต่คนพันธุ์นี้ทั้งนั้น ที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มสร้างวัด อ้ายบทโศลกบทนี้ เขียนตั้งแต่เริ่ม

สร้างวัด ไม่ใช่เพิ่งจะเขียนนะ เพราะรู้ดีว่า คนที่เข้ามาที่นี่ มันมีหลากหลาย แต่ในพระวินัย

ท่านก็ยังกำหนดไว้นะ
“ภิกษุผู้ว่ายากสอนยาก เป็นอาบัติตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงที่สุด”
ภิกษุ คือใครบ้าง ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก แล้วก็อุบาสิกา งั้น คนว่ายาก สอนยากนี่ มันไม่ต่าง

อะไรกับดอกบัวเหล่าสุดท้ายน่ะ เค้าเรียกว่า ปทปรมัตร ปทปรมะ ไม่ใช่ปรมัตร ปรมะ ก็คือ

พวกที่เป็นอาหารของเต่าและปลาเฉยๆ จมอยู่ในโคลนตมนั่นแหละ ไม่มีสิทธิ์จะพัฒนามา

เป็นดอกบัวบานรับแสงพระอาทิตย์ แสงจันทร์ได้ เพราะว่ายาก สอนยาก เค้าจึงได้สอนได้

บอก ในเวลาจะมาบวชเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา ต้องนุ่งขาวห่มขาว มาอยู่ให้เห็นนิสัย

รักษาศีลให้เห็นน้ำใจ มีพฤติกรรมที่พร้อม ควรยอมรับได้ในหมู่สังคมพระสงฆ์
ขนาดนั้นก็ยังไม่วายเลย เพราะคนสันดานมันไม่ใช่ว่า เพิ่งจะว่ายากสอนยากชาติปัจจุบัน

มันยากมาตั้งแต่ชาติที่แล้วๆ มานะ ถ้าเรารู้สึกตัว เข้าใจรู้จักจะพัฒนาตัวเอง คิดจะพัฒนาตัว

เอง
ไม่เป็นไร เออ เพราะศาสนานี้ เขียนบทโศลกไว้อีกว่า
“ ลูกรัก ถ้าสัจธรรม คุณธรรมของพระผู้มีพระภาค มีเอาไว้สอนเฉพาะคนดี พ่อว่า

ศาสนานี้ไม่จำเป็นสำหรับโลกมนุษย์ แต่ถ้าเมื่อใดที่สัจธรรมและคุณธรรมของพระผู้มีพระ

ภาคสอนคนไม่ดีให้กลายเป็นคนดี พ่อว่า ศาสนานี้ สุดยอดดี ดี ดี๊ ดี ยังเป็นที่สุดสำหรับโลก

มนุษย์ ”
เพราะงั้น ศาสนานี้ เค้ามีเอาไว้สอนคนไม่ดี
ทีนี้อ้ายคนไม่ดี มันไม่รับฟังคำสอน ไม่ยอมรับคำสอน ปฏิเสธคำสอน เห็นคำสอนเป็นเรื่อง

เบื่อ น่ารำคาญ เอียน ขยะแขยง หงุดหงิด อย่างนี้ก็แสดงว่า ศาสนานี้ก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อ

มนุษย์ แล้วคนๆ นั้นก็ไม่มีสิทธิ์จะพัฒนาได้
งั้น หลวงปู่ไม่ห่วงหรอกว่า จะไม่มีคนเอาตังค์มาให้ เอาลาภมาถวาย มายกมือกราบไหว้

หรือ มาเทิดทูนบูชา หรือนิยมยอมรับ เหมือนกับที่เล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อวัดหนึ่ง ชื่อ หลวง

พ่อดีนะ ดีนะ ดีนะ คนมารุมใส่บาตร ก็ดีนะ ตดรดหน้าคนข้างหลัง ก็ดีนะ เออ คนข้างหลัง

ใส่ไม่ได้ ก็ดีนะ ดีนะไปหมด อ้ายนี่มันชั่วนะ อ้ายนักบวชคนนี้ มันชั่วนะ หลวงพ่อองค์นี้ ไม่

ใช่ดีนะ
เพราะถ้าดีนะ ต้องบอก โยม อย่าไปยืนบังชาวบ้านเขา คนข้างหลังเค้าลำบาก เค้าใส่บาตร

ไม่ได้ หรือ โยม อย่าไปแย่งคนเค้า เข้าแถวกันมาเป็นแถวๆ อย่ามาเป็นฝูง ต้องสอน
ถ้าดีนะ ต้องสอน แต่ถ้าชั่วนะ ไม่ต้องสอน เห็นดีก็เฉย เห็นชั่วก็ดีนะ ลูกชาวบ้านไปขโมย

มะม่วง มาบอกหลวงพ่อ ดีนะ ดีนะ อย่างนี้ไม่ได้
กูนี่ ด่านะ ด่านะ หลวงพ่อด่านะ กูไม่ใช่หลวงพ่อดีนะ อย่าผิดนะ ถ้าผิด กูด่านะ
ที่ด่า เพราะต้องการให้รู้ว่า อะไรควรไม่ควร ด่านี่ คนเค้าไม่ชอบปากหรอก
มึงว่า หลวงปู่เป็นคนฉลาดไม๊
(ฉลาด)
มีปัญญาไม๊
(มี)
แล้วถ้ามีปัญญา ฉลาด ทำไมกูชอบให้คนไม่ชอบกู ที่จริงกูควรจะต้องชอบให้คนชอบกู แต่

เพราะคนไม่ดี กูไม่อยากให้ชอบกู คนไม่ดี ไม่อยากให้มาชอบ เพราะคนไม่ดี ขืนมันมาชอบ

เดี๋ยวเราเดือดร้อน เดี๋ยวเราซวย แต่คนดีๆ มาชอบเรา เราไม่เดือดร้อน เราไม่ซวย
ก็คนมันไม่ดี มักมาก อยากได้ เอาเปรียบ ตระหนี่ คับแคบ เห็นแก่ตัว โลภโมโทสัน ไม่

สำนึกบุญคุณคน อิจฉาริษยา อาฆาตพยาบาท จองเวร แล้วก็เป็นคนลำเอียง พวกนี้ถ้ามา

ชอบเรา นี่ เราซวยนะ
อ้ายคนมีน้ำใจ ให้อภัย ไม่เห็นแก่ตัว ซื่อสัตย์ กตัญญู สำนึกคุณคน รู้จักตอบแทนบุญคุณ

เป็นผู้มีมารยาท มีวินัย มีระเบียบ มีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตน อ้ายคนเหล่านี้มาชอบเรา

แค่มันคิดชอบเรา เราก็เป็นบุญคุณล่ะ เราก็รู้สึก เออ ปลื้มอกปลื้มใจ สบายอกสบายใจ เย็น

กายเย็นใจ เหมือนอย่างกับอยู่ใกล้น้ำ แต่อ้ายคนที่มีขยะทั้งตัว ตั้งแต่หัวจรดปลายตีน อยู่

ใกล้ขยะที่ไหนจะหอม เหม็นทั้งนั้น นี่เรื่องจริง นี่มองจริงๆ เป็นวาจาสุภาษิต ไม่ใช่ทุภาษิต

พูดเรื่องจริง
งั้น หลวงปู่ไม่ได้อยากให้ใครมาชอบ ใครที่ไม่ดีแล้วมาชอบ นี่ไม่ดี ไม่เอา อ้ายคนดีๆ มา

ชอบน่ะ ไม่เป็นไร ไม่เดือดร้อน ไม่ซวย ไม่มีเรื่อง แล้วไม่ต้องหาเรื่องใส่กัน อ้ายคนดีมัน

มาชอบเรานี่ แหม มันรุ่งเรืองเจริญ ไปที่ไหนก็ชื่อหอมหวาน
อ้ายคนไม่ดีมาชอบนี่มันก็ แหม ซวยไปหมด แค่คิดก็ปวดหัวจี๊ดจ๊าดแล้ว
สืบเนื่องเรื่องมาจากใส่บาตรบังหน้ากัน เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้
(สาธุ)
พักนี้ ดังแล้วไม่ค่อยเข้าวัดเลยนะ พิธีกร
คุณก้อง   ยังไม่ดังครับ
หลวงปู่    เออ ไม่ค่อยเห็นหน้าเลย วิสาขฯ อาสาฬหฯ เข้าพรรษา ไม่เวียนเทียน ไม่ไหว้

พระเลยนะ
คุณก้อง   ทำงานครับ หลวงปู่
หลวงปู่     อ๊อ เอ้า เชิญๆ
คุณก้อง   นมัสการหลวงปู่ และสวัสดีพุทธศาสนิกชนทุกท่านณ.ที่นี้ด้วยครับ กลับมาพบ

กับผม ธนบูลย์ฯ ในรายการปุจฉา วิสัชนา สนทนาธรรมกับท่านหลวงปู่พุทธะอิสระ
หลวงปู่    ชื่ออะไรนะ
คุณก้อง    ธนบูลย์ครับ เลิศไกรสร
หลวงปู่     ธน บูลย์ ได้ยินว่า ชนะมูล ชนะมูล มูลนี่ขี้ ชนะขี้ อ๊อ ชื่อคนตายเพราะๆ ไม่เอา

เออ เอาเฮอะ บูลย์ก็บูลย์ เอ้า ถามปัญหา มีเวลานิดหน่อย ลูก เพราะว่า วันนี้เค้านิมนต์ให้ไป

เป็นประธานจุดไฟพระราชทานงานศพแม่ท่านผ.อ.โรงพยาบาลศิริราชตอนบ่าย 3 โมง

เดี๋ยวบ่าย 2 โมงก็จะเลิก ก็จะไป เอาเป็นว่า ถามปัญหา
ปุจฉา    คนไข้ อายุไม่ถึง 30 ปีเป็นมะเร็งลำไส้ ผ่าตัดแล้วแต่ยังไม่หมด หมอให้ฉาย

แสงกับให้คีโม แต่คนไข้ไม่ได้ทำ พบว่า มะเร็งลามไปที่รังไข่ด้านขวา หมอบอกก้อนใหญ่

และไปทับเส้นประสาทชาด้านขวา ทำให้ปวดขามาก ควรกินยาอะไรของหลวงปู่ และ

ปฏิบัติตัวอย่างไร
วิสัชนา     อืม ที่จริงน่ะ มะเร็งมันมีตั้งร้อยแปดชนิด แล้วการรักษามันถ้าแรกๆ รู้เข้าและ

รักษาให้มันถูกวิธี มันก็จะหายได้ แต่ถ้าไม่รักษา ไม่บำบัดให้ถูกวิธี มันก็เรื้อรัง มันก็เผย

แพร่ไปทั่ว ทีนี้มันก็ยากต่อการที่จะรักษาได้ กินยาก็ได้แค่บรรเทา หรือทำให้มันเบาบาง

ความเจ็บปวดลง ก็ลองถึงเวลา อาทิตย์ต้นเดือน ลองมาตรวจดู แล้วค่อยมาวางยาว่า ควรจะ

ได้ยาชนิดไหนอย่างไร เพราะยามันมีหลายพิกัดหลายขนานมากในการบำบัดรักษาโรค

มะเร็ง ไม่ใช่มีแค่ตัวเดียว ต้องดูจังหวะ ดูช่วงเวลา ดูอาการว่า ช่วงนี้ คนไข้มีอาการอย่างนี้

อยู่ในขั้นตอนนี้ มะเร็งขั้นนี้ ควรจะต้องวางยาชนิดไหนจึงจะเหมาะสม
ไม่ใช่อยู่ดีๆ แล้วก็เริ่มต้นก็ให้กินแต่ยี่ห้อเดียว ขนานเดียว พิกัดเดียว ยันตลอด มันก็ไม่ใช่

เพราะมะเร็งมันพัฒนา หนียาอยู่เรื่อยๆ เชื้อมันต้องเอาตัวรอด มันเหมือนกับการไปวิ่งไล่

จับแมวจับหมา จับสัตว์มีชีวิต มันต้องหนีเอาตัวรอด แล้วการเอาหนีเอาตัวรอด ก็คือ การ

ขยายเชื้อโรคให้ลาม ขยายขอบเขตของการติดโรค เป็นโรค งั้น ก็ต้องมาตรวจดู จบ
ปุจฉา     เป็นไทรอยด์ อ่อนเพลีย ตาพร่ามัว ควรรับประทานยาอะไร
วิสัชนา     เป็นไทรอยด์ เค้ามียาแก้ไทรอยด์อักเสบ กับยาฟอกเลือด และบำรุงเลือด ต้องทำ

ให้เลือดแข็งแรง แล้วก็ขับเลือดเสียออกจากกาย จบ
ปุจฉา    เวลากำหนดจิตในกาย จะรู้สึกถึงความร้อนในกายที่เพิ่มขึ้น ควรจะรู้สภาวะที่เกิด

ขึ้นเฉยๆ หรือ ควรกำหนดให้ไอร้อนนั้นระบายออกทางใดทางหนึ่ง เช่น ปลายเท้า ปลายมือ

หรือที่ศีรษะ
วิสัชนา     ยังไม่ได้สอนให้ใช้ แต่สอนให้เห็น ใช่หรือเปล่า (ใช่)
เออ อย่าเพิ่งล้ำเส้น เดี๋ยวจะโดนใบเหลือง จบ แค่ใบเหลือง ถ้าใบแดงนี่ ไล่ออกเลย
ปุจฉา    ลักษณะของสมาธิเบื้องต้น มีสภาพจิตเป็นอย่างไร ปฏิบัติ 1 ครั้ง มีสุขถึง 7 วัน

ใช่หรือไม่
วิสัชนา     สมาธิเบื้องต้น มันก็ เรียนหนังสือ อ่านหนังสือ ทำการงาน ยืนอยู่ นั่งอยู่ เดินอยู่

นอนอยู่อย่างไม่ผิดพลาด มีแต่เรื่องถูกต้อง หรือตั้งมั่น สมาธิเบื้องต้นนี่ เราเห็นได้ไม่ยาก

จากคนที่ขยันทำงาน หรือทำงานกลางแดด กลางฝนได้อย่างอดทน อดกลั้น เค้ามีสมาธิเบื้อง

ต้น พวกนี้เค้าเรียกว่า ขนิกสมาธิ คนที่ตั้งมั่นอยู่ในการงาน อดทนอดกลั้นในเรื่องบีบคั้นได้

เค้าเรียกว่า สมาธิเบื้องต้น แต่เราอาจจะเรียกว่า อู้หู อ้ายนี่มันอย่างหนา ทนมาก อดทนมาก

จริงๆ แล้ว นั่นคือ ระดับของขั้นสมาธิในจิต เพราะมันทำให้ตั้งมั่นอยู่ในสถานการณ์ที่บีบ

คั้นได้อย่างไม่หวั่นหวาด ไม่สะดุ้งผวา มันต้องมีครั้งหนึ่งที่เค้าอยู่ไม่ได้
อ้ายคนที่สมาธิสั้นๆ คือ ทำอะไรจับจด ทำอะไรไม่เสร็จ ทำ เลิก ทำ เลิก อย่างนี้ เค้าเรียก

สมาธิไม่มี หรือ สมาธิสั้น
อ้ายคนที่มีสมาธิเบื้องต้น คือ ทำเสร็จ ทำไม่เลิก ทำจนเรียบร้อย ทำจนสำเร็จ อย่างนี้ เค้า

เรียก สมาธิเบื้องต้น
ส่วนสมาธิในคำถามที่ให้เกิดสุขนั้น ไม่ใช่เบื้องต้น มันเข้าถึงองค์คุณแห่งปฐมฌานแล้ว คือ มี

วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เอกัคคตา นั่นมันเข้าถึงปฐมฌาน เรียกสมาธิชนิดนี้ว่า อุปจารสมาธิ

ถ้าสูงขึ้นไป มันก็ขึ้นฌาน 4 ก็เรียกว่า อัปมาสมาธิล่ะ จบ
ปุจฉา   มีลมในท้องเยอะ กดเส้นจนร่างกายตัวงอ มีอาการกล้ามเนื้อหดเกร็ง กระตุก ควร

รับประทานยาอะไร
วิสัชนา     ก็ตดสิ จะไปยากอะไร มีลมในท้องก็ตดสิ ผายลม ทำไม เสียดายลมเหรอ หรือ

หวง ไม่ยาก ลูก ดื่มน้ำขิงก็ได้ น้ำขิงร้อนๆ ดื่มเข้าไปสักแก้วหนึ่ง เดี๋ยวก็ผายลมแล้ว ทำไม

จะต้องไปหาอะไรยาก สมุนไพรบ้านเราก็มี ไม่งั้นก็ ใบกะเพราแดง เอาสดๆ สักกำมือหนึ่ง

มาคั้นเอาน้ำสักแก้วถ้วยชาหนึ่ง เดี๋ยวก็ระบาย เลอออกมาเอื๊ออ๊าก ตดปู๊ดป๊าด ถ้าไม่อย่างนั้น

ก็น้ำยาปรับธาตุ พงกมึงดื่มน้ำยาปรับธาตุแล้วระบายลมไม๊ เออ นั่นแหละ ง่ายๆ ขับลม

บางทีระบายมากไป กูเห็นบางที มีคนดื่มไป ปู๊ดๆ อ้ายห่านี่ ไม่มีมารยาท กูนึกในใจ เออ

ตดมัน ทำไงได้ คนมันจะตด อ้าว จริง น้ำยาปรับธาตุ ดื่มแล้วมันจะระบายลมในท้อง ขับลม

ขับแก๊ส แก้ท้องอืดในกระเพาะได้
คุณก้อง     ต้องกินเวลาอยู่คนเดียว
หลวงปู่    อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ คงไม่มีใครเค้าเอามานั่งกินตรงนี้ล่ะมั๊ง น้ำยาปรับธาตุ

กินแล้วมันจะทำให้สบายตัว สบายท้อง น้ำขิงก็ได้ น้ำขิง ใบกะเพราะ ใบแมงลัก ใบโหระพา

ชาขู่ ของพวกนี้ พืชที่มีรสเผ็ด ร้อน ฉุน
เอาอย่างนี้ดีกว่า พืชที่มีรสเผ็ด ร้อน ฉุน นั่นแหละ คือ ตัวขับลม ร้อน ฉุน นี่มีอะไรบ้าง

พริกไทยนี่ร้อนไม๊ (ร้อน) ดีปลีร้อนไม๊ (ร้อน) แต่เผ็ดอย่างพริกขี้หนูนี่มันก็อาจจะ

ระคายเคืองต่อกระเพาะลำไส้ คนอายุมากๆ เข้า กินเผ็ดมากไม่ดีนะ ลูก เพราะว่า เยื่อบุลำไส้

เยื่อบุกระเพาะมันจะบาง มันจะบางแล้วเวลากินเผ็ดเข้าไปมันจะรู้สึกแสบ บ่อยๆ เข้าแล้ว

มันเป็นแผลเรื้อรัง มันจะพัฒนาได้ มันติดเชื้อโรคได้ อาจจะกลายเป็นมะเร็งได้ งั้น ก็ต้อง

ระมัดระวัง
คนอายุมากๆ นี่ เค้าแนะนำให้กินขม กินจืด เค้าเรียกว่า ปัจฉิมวัยเนี่ย รสที่เหมาะสมกับ

ปัจฉิมวัย จืด ขม หอม ฉุน ร้อนก็นิดหน่อย อย่าร้อนมาก แต่เผ็ด หวาน เค็ม เค้าไม่นิยม

ให้กิน จบ
ปุจฉา     ทานยาต่อมลูกหมากของหลวงปู่มา 6 เดือน แล้วมีอาการปัสสาวะอั้นไม่อยู่บ้าง

บางเวลา อาการปวดมีเล็กน้อย อาการปัสสาวะแรงขึ้น สรุปแล้วอาการดีขึ้นมาบ้าง ถ้าทาน

หมดครบ 1 เดือนควรจะพบหลวงปู่ หรือทานยาต่อไปโดยไม่พบหลวงปู่อีกสัก 2-3

เดือนแล้วจึงมารายงานผล
วิสัชนา     ไม่ต้องหรอก ยาต่อมลูกหมากกินได้ตลอดเวลา คนไม่เป็นก็กินได้ กลัวจะเป็นก็

สามารถจะกินได้ เพราะมันเป็นผัก มันสกัดมาจากผัก วันนี้ก็มีคนไข้ เค้าเป็นโรคต่อมลูก

หมาก กินแล้วก็รู้สึกดีขึ้น เค้าก็มาขอยาใหม่ นอกจากรักษาต่อมลูกหมาก แล้วก็ยังต้อง

รักษาความดัน โรคหัวใจอะไรก็ไม่รู้ คนนี่มันเป็นหลายโรคมาก
กินให้มันตรงให้มันถูกแล้วกัน สำคัญก็คือ เค้าเขียนฉลากยาไปในใบสั่งแพทย์ เขียนว่า 5

เม็ด ดันไปอ่านฉลากในห่อยาว่า 3 เม็ด 2 เม็ด อย่างนี้ กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักหายเสียที

เหมือนกับคนที่เป็นโรคเรื้อนกวาง คัน ถามว่า นี่กินยานานเท่าไหร่ เดือนนึง เดือนนึงไม่ดี

ขึ้นเลยเหรอ เค้าบอกไม่ดีขึ้น มันคันมาก แล้วกินกี่เม็ด กิน 2 เม็ด อ้าว เวรแล้วอีห่าเอ๊ย

กูบอกให้กิน 5 เม็ด ก็เค้าเขียนไว้ที่ฉลาก นี่ กูเขียนไว้นี่ๆ  เห็นไม๊ หลักฐานนี่ กูมี นี่ 5

เม็ดอยู่นี่ อ้าว กินยาผิดขนาด
งั้น ยามันต้องกินให้ถึง กินให้ถึงกับสภาพอาการของโรค จบ
คุณก้อง    แล้วมีคำถามต่อมาว่า ผมประคบใบชามา 1 เดือน จะประคบต่อไปได้หรือไม่
หลวงปู่    มันไม่ได้เสียหายอะไรนี่ การประคบใบชาที่ต่อมลูกหมาก ลูกอัณฑะ ก็เพื่อจะทำ

ให้เส้นเลือดมันหดตัว มันได้เสียหาย กลับดีเสียอีก ไม่ทำให้กล้ามเนื้อหย่อนยาน ต่อมลูก

หมากโตนี่มันมาจากกล้ามเนื้อที่มันหย่อนยาน แล้วมันมีความดันในท่อลูกหมาก
งั้น ก็ต้องลดมัน ความร้อน ต้องใช้ใบชาประคบ สมัยก่อน เค้าจะใช้ใบชา ใบกอขู่ ใบขู่เดี๋ยว

นี้มันหายาก เอาแต่ใบชาที่เรากินๆ เนี่ย ชงน้ำกินเนี่ย คือ ประคบเสียก่อนแล้วมาชงน้ำกิน

ไม่ใช่อย่างนั้นนะ มึงกล้ากินก็กินไปเฮอะ ไปซื้อใบชาถูกๆ นี่แหละ เออ เอามาชงน้ำร้อน

เสร็จแล้วก็มาใส่ผ้าห่อ แล้วก็มาประคบ นั่งประคบ จบ
ปุจฉา     อายุ 30 กว่าปี เป็นมะเร็งปอด ลามไปถึงกระดูก ควรกินยาอะไรของหลวงปู่

และควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง
วิสัชนา   อืม
คุณก้อง    ถามไปแล้วครับ เอาใหม่ครับ
หลวงปู่    แหม มาวัดนี้ ไม่มีโรคไม่มีบ้างเลยเหรอ
คุณก้อง     มีแต่คำถามเกี่ยวกับโรคทั้งนั้นเลยครับ
หลวงปู่     เป็นอะไรที่หมอเค้าไม่รับแล้วส่วนใหญ่มาวัดนี้ มะเร็งปอดลามกระดูกอย่างนี้ โอ

โห มะเร็งปอดลามกระดูกนี่รักษาไม่ได้นะ รักษาไม่ได้ ไม่ใช่รักษาได้ งั้นก็ มีสมบัติหรือ

เปล่าล่ะ เตรียมๆ เอาไว้ อยู่ก็ทำบุญเยอะๆ แล้วกัน เออ ถ้าไม่มีสมบัติ ก็ไปเฮอะ อย่าอยู่เลย

ลำบาก แต่อย่าไปฆ่าตัวตายแล้วกัน จบ
ปุจฉา    เมืองลับแล อยู่ต่างมิติกับเมืองมนุษย์อย่างไร
วิสัชนา      อืม อยู่อุตรดิตถ์ กูไปแจกรูปในหลวงมา อุตรดิตถ์ อำเภอลับแล จบ
ปุจฉา    อยากทราบว่า พระปรอทมีอานุภาพอย่างไร
วิสัชนา     ที่แน่ๆ ก็คือ แพง มีอานุภาพ คือ ถ้ามี ก็ขายได้ตังค์ ขายได้ตังค์ จบ
ปุจฉา    ตลอดเส้นทางที่เคลื่อนที่ของท่านผู้รู้ และรู้สึกไออุ่นในตลอดเส้นทางนั้นด้วย

ชอบทำแบบนี้มากกว่าแบบเดิมที่เคยทำ ปฏิบัติเช่นนี้ ถูกต้องหรือไม่ ต้องแก้ไขอย่างไร

บ้างหรือไม่
วิสัชนา    ฟังไม่รู้เรื่อง
คุณก้อง   ผมก็ยังงงครับ
หลวงปู่   มึงงง แล้วกูจะไม่งงได้ไง
ปุจฉา    พิธีบังสุกุลเป็น บังสุกุลตาย ที่หลวงปู่มีเมตตาให้เข้าพิธีได้ทุกเพศทุกวัย
วิสัชนา    เค้าให้พาแม่มาไม่ใช่เหรอ เออ เค้าให้พาแม่มาร่วมพิธี
คุณก้อง    แล้วถ้ามาคนเดียว จะเข้าพิธีได้หรือไม่ คือ คลุมผ้าบังสุกุลให้ตัวเอง
หลวงปู่     ไม่มีแม่เหรอ
คุณก้อง   ในนี้ถามว่า ถ้ามาคนเดียวจะคลุมผ้าเองได้หรือไม่
หลวงปู่    ได้ ไม่ได้เสียหาย แต่เค้าให้พาแม่มาในวันแม่ มาทำบุญกับแม่ ให้พาแม่มา ให้

มาจอง
ไว้ ให้พาแม่มารับของฝาก ของขวัญ ทำบุญให้แม่ แล้วกูก็ทำให้แม่ กูไม่ได้ทำให้มึง จบ
ปุจฉา    ถ้ามีอาการปัสสาวะบ่อยๆ จนหน้ารำคาญ จะต้องทานยาตัวใดจึงจะหายขาด
วิสัชนา    ปัสสาวะบ่อยๆ จนน่ารำคาญ ต้องถามว่า เป็นโรคไตหรือเปล่า กระเพาะปัสสาวะ

อักเสบ
หรือเปล่า โรคหูรูดปัสสาวะมันเสื่อมไม๊ คนถามต้องถามด้วยว่า อายุเท่าไหร่
คุณก้อง    กลั้นปัสสาวะนี่ก็มีส่วน
หลวงปู่     ก็มันมีส่วนทั้งนั้นแหละ แม้กระทั่งกินน้ำมากก็มีส่วน บางทีบางครั้งเป็นนิ่วในไต

มันก็ทำ
ให้ระคายเคืองในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ระคายเคืองจากปัสสาวะ ปัสสาวะไม่ออก มันมี

หลายวิธี
หลายโรคมาก แล้วก็เป็นเหตุทำให้เกิดโรคเยอะแยะมาก ต้องดูให้ดีว่า เป็นอะไร มาจากไหน

จบ
ปุจฉา     หลานชายอายุ 18 ปี มีอาการปวดหลัง ก้มหลังไม่ได้ ผลการตรวจเลือด

หมอบอกว่า อาจจะ
มีพังผืดเกาะอยู่ที่กระดูกสันหลัง จะมียาตัวใดของหลวงปู่ช่วยรักษาอาการนี้ได้บ้าง
วิสัชนา    ทำกายภาพ ไม่ก็ ฝึกวิชาขยับกาย สบายชีวี วิถีพุทธ เรียกว่า สมาธิพระโพธิสัตว์

แบ่งเป็น 4
ภาค ไปหา เค้ามีแผ่นซีดี เอ เอสทีวี เค้าเคยเอาไปทำ ทำจำหน่าย ทำแจก ลองไปเช็คดู หา

ใช้ฝึกดู
น่าจะได้ผล จบ ทำกายภาพ อายุยังน้อยๆ
ปุจฉา    การทานยามากๆ เป็นประจำจนทำให้ตับและม้ามหย่อน และท้องโต จะมีวิธีรักษา

อย่างไร
วิสัชนา    หยุด หยุด หยุดทาน หยุดทานแล้วก็พยายามออกกำลังกาย สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

แล้วก็ดึง
เอาลำไส้ขึ้น สูดลมหายใจ ขะแเม่วท้อง ดึงไส้ขึ้น เคยสอนใช่ไม๊ เคยไม๊ (เคย) เออ ฝึก

บ่อยๆ จบ
ปุจฉา       พระที่ดูดวง หรือใบ้หวย ผิดวินัยสงฆ์และอาบัติหรือไม่
วิสัชนา     อาบัติแน่ ผิดวินัยด้วย ไม่อยู่ในสมณะสารูป แต่เดี๋ยวนี้เค้าก็อ้างว่า เป็นอาชีพ

เราก็เลยไม่รู้
ว่า อาชีพของใคร เพราะอาชีพของพระ ก็คือ ขอเค้ากิน มันไม่มีอาชีพที่ต้องไปรับดูดวง ต่อ

ชะตา
เสริมมงคลชีวิต เดี๋ยวนี้เค้าก็ทำกันเกร่อไปหมด แล้วรู้สึกว่า ไม่ใช่คนอื่นทำด้วยนะ ระดับ

กรรมการ
มหาเถระสมาคมก็ยังทำ ก็เลยไม่รู้ว่า จะบังคับบัญชาใคร เพราะผู้บริหารศาสนา องค์กร

ใหญ่ที่
รักษาบริหารศาสนา ดูแลระเบียบความสะอาด ความเรียบร้อยของพระศาสนาทำเสียเอง

มันก็เลยไม่
รู้จะทำยัไง มีเจ้าคุณ ระดับรองสมเด็จฯ เค้าคุยเขื่องเรื่อง โอ๊ย เจ้านายขึ้น เป็นคนดูหมอดูดวง

องค์นู้น
โทรฯมา องค์นี้โทรฯมา เรียกให้ไปดู หลวงปู่ฟังแล้วก็ ฮืม สมเพช แล้วก็สงสารพระศาสนา

เพราะมี
เผ่าพันธุ์พวกนี้อยู่มากๆ ไม่สำนึกถึงตระกูลวงศ์ คุณของตระกูลตัวเอง แย่ น่าละอาย จบ
ปุจฉา    การกรวดน้ำ ต้องกรวดก่อนเที่ยง หรือว่า เลยเวลาไปแล้วก็ได้
วิสัชนา     อืม นึกได้เมื่อไหร่ ก็กรวดเมื่อนั้นแหละ ถามคำ มีอะไรให้เค้า เอาอะไรไปกรวด

อย่างสู
เจ้าทั้งหลายที่นั่งๆ อยู่นี่ หน้าเหมือนคนมีบุญไม๊ แค่เหมือน จบ
ปุจฉา    เป็นตาปลาที่ฝ่าเท้า ช่วงใต้นิ้วเท้าลงมา จะรักษาอย่างไร
วิสัชนา     ตาปลา ก็มาถามกู เวรกรรมของกู ประคบไข่ ก็มาถามกู ตาปลา ก็มาถามกู เมื่อ

วานนี้
จะคลอดลูกยังมาถามเลย ผ่าดีไม่ผ่าดี เออ ผู้หญิงท้อง เค้าบอกว่า อะไรนะ ลูกมันหัวมันยัง

ลอย มัน
จะใกล้ครบกำหนดแล้ว มันยังไม่ออก หมอแนะนำให้ผ่า เราก็เลยบอก หมอมันจะเอาตังค์

สายรก
ขาดหรือยัง ยัง ไม่เสมอไปว่า คนเมื่อครบถึงเวลาแล้วมันจะต้องคลอด บางทีมันเลยเวลา 5

วัน 10
วัน ก็ได้ แล้วก็อายุขัยของครรภ์ เมื่อมันยังไม่แก่จัด มันยังไม่ถึงเวลาคลอด เดี๋ยวนี้ มนุษย์

เรานี่ให้
ออกตามดวงตามวันนะ วันมงคล วันอะไรเนี่ย
มันหนีไม่พ้นนะ กรรมของคนน่ะ กรรมของคนจะต้องไปอยู่ในครรภ์มารดากี่เดือน กี่ปี กี่

วันแล้ว
จะต้องคลอดออกมาในเวลานั้น เวลานี้ มันหนีไม่พ้นนะ มึงเปลี่ยนวัน มันก็หนีไม่พ้นอยู่ดี

สัตว์โลก
มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มึงจะบอกว่า ลูกชั้นออกปีมังกร เออ วันเกล็ดทอง

หางแดง
อะไรก็แล้วแต่เถอะ ยังไงมึงไม่พ้นเพศ ออกมายังไงมึงไม่พ้น กรรมมันกำหนดแล้ว เด็ก

คนนี้มัน
จะต้องออกมาในวันนี้ เดือนนี้ แต่เราไปบังคับให้มันออกผิดวัน ผิดเดือน ยังไงมันก็หนีไม่

พ้น มัน
หนีไม่พ้น แล้วก็เด็กมันยังไม่พร้อมที่จะออกมาดูโลก เราก็ไปบังคับให้มันออกมา ไปผ่า

แล้วไปควัก
มันออกมา มันก็เหมือนกับผลไม้ที่มันยังไม่สุกแล้วไปบังคับให้มันสุก เออ แล้วมันจะเกิด

อะไรขึ้น
ล่ะ มันไม่หอมหวาน
บอก มึงจะไปเสียตังค์ผ่าทำไม รอให้มันออก น้ำมันเดินก่อน หรือขี้เกียจจะเบ่ง เดี๋ยวนี้ กู

ตอบ ถาม
เกาหัว นี่ ถ้ามันให้กูท้องแทนได้ มันคงให้กูท้องแทนมัน อะไรของมันก็ไม่รู้
ปุจฉา    เดี๋ยวนี้ มีหินที่อ้างว่า มาจากภูเขาไฟ มีพลังงานแม่เหล็ก ออกมาวางขาย เป็น

สินค้าสุขภาพ
ลองใส่ดูก็รู้สึกสบายขึ้น อาการปวดตามกล้ามเนื้อต่างๆ ทุเลาลง โดยเฉพาะครั้งแรกๆ จะ

รู้สึกมี
แรงสั่นสะเทือนไหลไปยังบริเวรที่เจ็บป่วย และทำให้กล้ามเนื้อคลาย หลวงปู่มีความเห็น

อย่างไร
เกี่ยวกับเรื่องนี้
วิสัชนา     เออ วันนั้นก็มา ตาเฒ่าคนหนึ่งใส่หินมาเลย พวงเบ่อเร่อเลย ถามว่า หลวงพ่อ

อะไร เค้า
บอก ไม่ใช่หลวงพ่อ หิน ซื้อมาเท่าไหร่ อันนี้ 8,000
กันอะไร
กันปวด
อ้าว แล้วมึงมาหากูทำไม
ปวดเข่า
อยากจะกระโดดถีบหน้า มึงใส่หินตั้ง 8,000 แล้วมาหากู
ถาม มาทำไม ปวดเข่า
อ้าว แล้วมึงใส่ไว้ทำไม
ไม่รู้ เค้าบอก ลูกเค้าซื้อมาให้ใส่
ใส่แล้วเป็นไง มันก็อย่างนี้ ต้องมาหาหลวงปู่ ปวดเข่า
มันทุเรศน่ะ อุ๊ย แก่ปานนี้แล้วทำไมมัน
เออ บอก สรุปแล้วมึงจะใส่หินหายปวด หรือว่า กินยากูหายปวด
เค้าบอกว่า กินยาหายปวด
เอ้า ถ้าอย่างนั้น เที่ยวหน้า อย่าใส่หินให้กูเห็น เดี๋ยวพอกินยากูหายปวดแล้วมึงก็อ้างว่า ใส่

หินหาย
ปวด เออ เดี๋ยวนี้ อะไรกันก็ไม่รู้ แล้วขายง่ายมาก หลอกกันก็ง่ายมาก เดี๋ยวนี้ เกลื่อนไป

หมดล่ะ
ประกาศขายทางโทรทัศน์ สื่อวิทยุ หนังสือพิมพ์ ขายกันเป็นล่ำเป็นสัน เป็นเรื่องเป็นราว

ไม่ต้องใคร
อ้ายเขม ปวดไหล่ก็ไปซื้อหินมาใส่ ซื้อมา แล้วถามว่า ทำไมไม่เห็นหน้า ปวดไหล่ หินน่ะใส่

แต่ก็ไม่
หายปวด อะไรของมัน ไม่มีปัญญา ขาดปัญญา คือคนสมัยนี้ ถ้ามันขาดปัญญา แล้วมันจะ

สอนให้
เชื่อง่าย หลอกง่าย หลอกง่ายมาก อย่าไปเชื่อมัน
ถ้าหินมันดีจริง หลวงปู่เคยเขียนบทโศลกสอนลูกหลานเอาไว้ ว่า
ลูกรัก ถ้าฟ้ามันศักดิ์สิทธิ์จริง นกที่บินบนฟ้า มันคงไม่โดนยิงตก
น้ำ ถ้าศักดิ์สิทธิ์จริง ปลาที่ว่ายในน้ำ มันคงไม่โดนตกขึ้นมากิน
ภูเขา ป่า ถ้ามันศักดิ์สิทธิ์จริง  สัตว์ป่ามันคงไม่สูญพันธุ์ ต้นไม้มันคงไม่ล้มตาย
งั้น ความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้อยู่ที่ฟ้าดิน แต่มันอยู่ที่คน ให้เข้าใจเสียใหม่ คิดอะไรมันก็

ศักดิ์สิทธิ์ไปหมด
ล่ะ ดูอย่างเค้ามีนิทาน คนมีวิชา ชลบุรีได้พระหลวงพ่อแก้วมา อ้าว โดนพวกรุมกระทืบ

พระหลุด
มารู้ว่าเจอโจทย์เข้า ใส่ปาก โดนเค้าชกปาก พระหลุดออกจากปาก ก็ลงไปควานหาเพราะ

มันมืดนี่
ตอนกลางคืน คว้าอะไรมาได้ ยัดใส่ปาก อุ๊ย หลวงพ่อเต้นดึ๋งๆๆ อัดใหญ่เลย หลวงพ่อมี

แรงกำเริบ 7
ต่อ 1 พอชนะเรียบร้อย คายหลวงพ่อออกมา แหม ยังดิ้นไม่หยุดเลย คายออกมา ตายห่า

ลูกคางคก
เจอพ่อคกเข้าไปแล้ว เห็นไม๊ อืม คนนี่มันอะไรก็เชื่อได้ไปหมด
ให้เข้าใจเสียใหม่ ลูก อย่าไปเชื่ออะไรง่ายๆ มากนัก โดนเค้าปอก แล้วมันก็เป็นอาชีพไป

แล้วเดี๋ยวนี้
อาชีพขายอาหารเสริม ขายวัตถุอะไรของมันไม่รู้ สมัยก่อนนี้ มีคนเค้าซื้ออ้ายแก้วน้ำแม่

เหล็ก อ้าย
แก้วอะไร แก้วสังกะสี มาจากจีน ไต้หวัน เค้าบอกใส่น้ำเข้าไปในนี้แล้วกิน มันจะมีแร่ธาตุ

ผสม มี
ปริมาณของแร่ธาตุเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า สุขภาพจะดี กูก็เห็นกินแล้วก็เยี่ยวเป็นน้ำ ไม่

เห็นมันออกเป็น
เหล็กเป็นแร่อะไร จนเดี๋ยวนี้มันวางเกลื่อนกล่นไปหมด ไม่เห็นมีใครเห็นคุณค่า ก่อนนี้ใบ

หนึ่งเป็น
พันนะ อ้ายแก้วที่เป็นเหล็ก เป็นสแตนเลส เป็นบีเนียมบี้ สีเหมือนกับสีเหล็ก นั่นแหละ

เดี๋ยวนี้วาง
กันเกลื่อนหมด ไม่เห็นคุณค่า แล้วก็ไม่เห็นมีใครหายเพราะอ้ายแก้วใบนี้
อย่าไปเชื่อ อะไรก็ไม่รู้ คนไทยเป็นแบบนี้แหละ จบ
ปุจฉา     มีปัญหาในการทำงานกับหัวหน้างาน หัวหน้าไม่พูดด้วย ไม่สบตา ไม่มองหน้า

ไม่ให้งาน
ทำ ไม่สบายใจมาก พยายามแผ่เมตตาให้ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลผลบุญให้เสมอๆ ปฏิบัติเช่น

นี้จะ
ทำให้ช่วยลดกรรมเวรต่อกันได้หรือไม่
วิสัชนา     ก็เดี๋ยววันจันทร์นี้ มึงไปเจอหัวหน้า ก็บอก หัวหน้า หนูกรวดน้ำให้นะ เออ

กรวดน้ำให้
ไปสู่ที่ชอบๆ
คุณก้อง    ไล่ออกเลยคราวนี้
หลวงปู่     มึงก็ พอกรวดน้ำให้ไปสู่ที่ชอบๆ เค้าไม่มองตาเรา มึงก็จับตาเค้ามามองตาซิ

แล้วมึงก็
ส่งตาหวานใส่ เออ คนเรามันก็แปลกนะ คือ คนไทยเราไม่แยกระหว่างอารมณ์กับการงาน

ชอบเอา
อารมณ์มาปนกับการงาน มันจะต่างจากต่างชาติ ต่างประเทศเค้า เค้าแยกกันชัดว่า อะไรคือ

อารมณ์
อะไรคือเหตุผล อะไรคือการงาน เค้าเถียงกันได้หน้าดำหน้าแดง แต่ถ้าเป็นการงาน เค้าก็ให้

ความ
ร่วมมือกัน เพราะนี่คือ งาน นี่คือ ความสำเร็จของการงาน
แต่ไทยเรามันไม่ใช่ มันผูกติดกันไปหมด อะไรกูไม่ชอบขี้หน้า แม้มึงจะวิเศษยังไง ดีอย่าง

ไร
ประเสริฐอย่างไร มีความสามารถแบบไหน มันก็คือ ไม่ดี นี่คือ คนไทย
งั้น ประเทศไทยก็เลยเป็นแบบที่เห็นไง ก็บอกว่า คนต่างชาติเค้าบอกว่า อะไรก็ดีหมดบ้าน

เมืองนี้
อากาศก็ดี ทรัพยากรก็ดี ภูมิทัศน์ก็ดี มีไม่ดีอยู่อย่างเดียว คน ถ้าประเทศนี้ไม่มีคนไทย ดี อืม
นี่หลวงปู่ไม่ได้พูดเองนะ ต่างชาติเค้าพูดให้ฟังว่า ถ้าประเทศนี้ไม่มีคนไทยจะดีมาก กูก็ไม่รู้

ว่า ถ้าไม่
มีคนไทย จะมีพันธุ์ไหน
งั้น อยากจะบอกว่า คนไทยเราไม่มีระเบียบในจิตใจ ความคิดก็ไม่เป็นระบบ แยกแยะไม่ได้

ไม่ดู
เหตุดูผล มันก็ปนเป ก็ทนๆ ไป เค้าจ่ายตังค์อยู่ก็ไม่เห็นเป็นไร มึงไม่ให้กูทำ กูก็ยังอยู่ จน

กว่ามึงจะ
หน้าด้านอยู่ไม่ได้ หรือ กูอยู่ไม่ได้อะไรก็ว่าไป แต่ที่แน่ๆ ตังค์ต้องจ่ายก็แล้วกัน ไม่เห็นยาก

มึงจะ
จ้างกูโดยที่ไม่ให้งานกูทำ กูก็ไม่ว่า
ทำได้ไม๊ล่ะ
เออ กูทำได้ สบายเสียด้วย กูก็นอนเอกขเนก จิบน้ำชา อ่านหนังสือพิมพ์
หัวหน้ามาถาม อ้าว ทำอะไรน่ะ
ทำงาน
ทำงานอะไร เห็นอ่านหนังสือพิมพ์ แล้วไม่หางานทำ
ก็ไม่ให้กู แล้วกูทำจะอะไร ก็อ่านหนังสือพิมพ์
ไม่เห็นยากลำบาก
งั้น บางทีอยู่กับคนพวกนี้ ก็ต้องใช้วิธีแบบโง่ๆ เหมือนกัน แบบหน้าด้านๆ โง่ๆ เราไม่ได้ตื้อ

จบ
ปุจฉา    ถ้าฌานเบื้องต้นเสื่อม เพราะไม่ได้อย่างปฏิบัติต่อเนื่อง และตอนได้ฌานเบื้องต้น

ยังอายุแค่
16 ปี หากจะให้ได้ฌานเบื้องต้นกลับมาเหมือนเก่า จะมีวิธีอย่างไรบ้างที่เร็ว ถ้าติดใน

ฌานที่เคยได้จะ
แก้อย่างไร
วิสัชนา     ฌานอะไร ไม้มันผุหรือไง ชาน นอกชานไม้มันผุ ไม้มันผุก็ซ่อม ชานเบื้องต้น

อะไรวะ งง
เฮอ คนเราเนี่ยนะ มันชอบแสวงหา แต่ไม่ถามว่า ตัวเองพร้อมที่จะหาไม๊
ชอบที่จะรู้ แต่ไม่ถามตัวเองว่า แล้วใครไปรับรู้
ฟังอย่างนี้ เข้าใจไม๊
ยังไม่รู้จักตัวเองเลย จะไปหาชาน หาช่องอะไร
ถ้าทำความรู้จักตัวเอง ไม่มีอะไรเสื่อมหรอก ลูก
เพราะเราไม่มีตัวรู้ เราก็เลยไปหาความรู้ เหมือนกับเอามาใส่ตระกร้ารั่วๆ
แต่ถ้าเรามีตัวรู้ ท่านผู้รู้อยู่กับเรา ความรับรู้ก็จะแจ่มชัด แล้วความรู้ที่มันหลั่งไหลเข้ามา

มันก็จะไม่
รู้จักเสื่อมจักสูญ จบ
นี่ 2 โมงครึ่งแล้วนะจ๊ะ
คุณก้อง    คำถามสุดท้ายแล้วครับ
ปุจฉา     การปฏิบัติความรู้สึกที่กลางศีรษะจะซ่าทั้งหัว เป็นวงเล็กๆ บ้าง เป็นวงเหมือนหมุน

เข้าไป
ในศีรษะบ้าง จะให้ความรู้สึกที่กลางศีรษะเป็นอย่างไร จึงจะเป็นประโยชน์
วิสัชนา      อืม อย่าไปทำให้มันเป็น ปล่อยให้มันเป็น ถ้าทำให้มันเป็น แสดงว่า เราเอาจิต

ไปปรุงแต่ง ถ้าเมื่อใดที่เราไปทำให้มันเป็น แสดงว่า เอาจิตไปปรุงแต่ง แล้วการปรุงแต่งนั้น

มันจะต้องเป็นคนใหญ่ เป็นคนใหญ่ เป็นผู้รู้ ผู้เจริญ จะไม่มีวันเสื่อม ทีนี้จะปรุงแต่งอย่างไร

ก็ได้
แต่ถ้าเราไปทำให้มันเป็นทั้งๆ ที่เราเป็นเด็ก เหมือนกับเด็กสร้างบ้าน มันสร้างได้ไม๊
ได้ก็ไม่แข็งแรง อยู่ได้ไม่นาน เหมือนกับเด็กมันปั้นปราสาทแต่เป็นทราย เออ มันก็อยู่ได้

ไม่นาน
งั้น อย่าทำให้มันเป็น แต่จงปล่อยให้มันเป็น เราแค่ไปรู้ว่า มันเป็นอะไรเท่านั้น จบ
คุณก้อง   และนั่นก็เป็นวิสัชนาจากหลวงปู่พุทธะอิสระ............ตั้งแต่วัน

จันทร์และวันศุกร์ เวลา 21:00 - 22:00 นาฬิกา ทางช่อง Top Star

Channel .....สวัสดีครับ
หลวงปู่     กูนั่งลุ้นอยู่ว่า มันจะจบลงได้ยังไง
อ้าว เหลืออีกครึ่งชั่วโมง ลูก มีใครจะถามอะไรอีกไม๊
วันนี้ คนมาฟังธรรม ก็ขออภัย เพราะรับปากเค้าไว้ว่า จะไปเป็นประธานประชุมเพลิงพระ

ราชทาน เดี๋ยว  3 โมง จะต้องออกเดินทาง แล้วก็เอาไว้สัปดาห์หน้า วันที่เท่าไหร่เค้าจะมี

กิจกรรม วันเสาร์หรือวันอาทิตย์ล่ะ เออ ก็มาร่วมกิจกรรมงานเจริญมนต์พระปริตร เป็นครั้ง

สุดท้าย
ถามว่า ทำไมถึงเป็นครั้งสุดท้าย เพราะไม่ทำแล้ว เลิก พอ ทุกอย่างทำให้เป็นริ้วรอยเฉยๆ

ค่อยๆ เก็บของเก่าทิ้งไปเรื่อยๆ ให้คนได้ดูเป็นต้นแบบเยี่ยงอย่างได้
ตั้งใจไว้ว่า จะหุงน้ำมันอีกสักครั้งเป็นครั้งสุดท้าย เดี๋ยวรอเวลาว่า วันไหน ให้เป็นตัวอย่าง ให้

เป็นต้นแบบเฉยๆ แล้วก็จบ พอ งั้นก็ ยังไม่รู้จะไหวหรือเปล่านะ
แต่ลูกหลานที่มาปฏิบัติธรรมก็ให้จำไว้ว่า เราจะรู้ว่า เราเป็นผู้ปฏิบัติธรรมได้ ก็ต่อเมื่อ

พฤติกรรมของเราเป็นที่พึ่งของตนและคนอื่น นั่นแหละ คือ ผู้ปฏิบัติธรรม
เมื่อใดที่เราคิดว่า เข้าใจว่า รู้สึกว่า จำได้ว่า พูดได้ว่า แสดงได้ แต่ยังลงมือทำไม่ได้ ทำไม่

ได้ก็คือ ไม่สามารถพึ่งตัวเองได้ แล้วไม่ทำตัวเองให้เป็นที่พึ่งของคนอื่นได้ แสดงว่า เรายัง

ไม่ได้ทำ ยังไม่ได้ปฏิบัติธรรม เพราะหลักการในการปฏิบัติธรรมจริงๆ พระผู้มีพระภาค

เจ้าทรงสรุปไว้ชัด 84,000 ข้อ ก็คือ ยังประโยชน์ตน คือทำประโยชน์ตนและ

ประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมหรือให้ได้ นั่นคือ หัวใจสำคัญของการปฏิบัติธรรม
ก็อย่างที่เมื่อครู่นี้ที่ยกให้ฟังว่า แม้กระทั่งจะใส่บาตร เราก็ยังไม่ยังประโยชน์ตนไม่ยัง

ประโยชน์ท่านให้ถูกต้องถึงพร้อม ก็ยังไม่ถือว่า เป็นการปฏิบัติธรรม
เรื่องง่ายๆ เล็กน้อยนิดหน่อย เรายังทำไม่ได้ จะไปทำเรื่องใหญ่ เข้าฌาน เข้านิโรธ เข้าวิปัส

นาญาณ เจริญปัญญา สติ สมาธิ สัมปชัญญะ มันก็ยาก
งั้น ต้องเริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทำชีวิตของเราให้อยู่ในทำนองครองธรรม ถูกกับร่อง

กับรอยแห่งธรรม อยู่ในวิถีแห่งธรรม ทำ พูด คิด ก็มีธรรมเป็นเครื่องมือในการตัดสิน

เครื่องมือในการวิเคราะห์ คือ มีรากเหง้า พื้นฐานจากธรรม พูดอะไรก็มาจากธรรม คิด

อะไรก็มาจากธรรม ทำอะไรก็มาจากธรรม แล้วเมื่อมันมาจากรากเหง้าแห่งคุณธรรม สิ่ง

ที่ทำ คือ คุณประโยชน์ เพราะมนุษย์เรามีคุณธรรม เวลาทำคุณประโยชน์ สิ่งที่ทำ ผลออก

มาก็กลายเป็นคุณค่า สังคมก็มีคุณภาพ ทั้งหมดมันมาจากธรรม
งั้น เดี๋ยวพอกลับไปบ้าน ก็ทำให้คนในบ้านเห็นว่า เรามีคุณธรรม เคยปากมาก ก็ลดลงเหลือ

ปากน้อยๆ ไม่ใช่บอก ปากน้อยแล้ว วันทั้งวัน นั่ง (ทำปากจู๋) ถามว่า แม่ทำอะไร ทำ

ปากน้อย ไม่ใช่ อ้ายนั่น ปัญญาอ่อนแล้ว เออ อ้ายนั่นมันปากจู๋ เออ ปากน้อย ปากจู๋ นั่งห่อ

ปากอยู่อย่างนั้นแหละ
เออ งั้น ปากน้อย คือพูดให้มันน้อย พูดแล้วให้มันได้น้ำหนัก อยากจะพูดจะจาอะไร ก็ต้อง

คิดถึงคนฟังว่า เค้าฟังเรารู้เรื่องไม๊ ฟังแล้วได้ปัญญาหรือฟังแล้วรำคาญ ถ้าพูดแล้วได้ปัญญา

พูดมากน่ะไม่เป็นไร แต่ถ้าพูดแล้ว ฟังแล้วรำคาญ พูดมากก็รำคาญมาก พูดน้อยก็รำคาญ

น้อย ไม่พูดไม่รำคาญ เค้าจึงบอกว่า นิ่งเสียพันตำลึงทอง เออ ไม่ใช่เสียพันตำลึงทองไปนะ

แต่เรานิ่งเฉยๆเนี่ย เราได้มูลค่าตั้งพันตำลึงทอง
งั้น ก็นิ่งเสียบ้างก็ดี ถ้าปกติกลับบ้าน 5 วัน กูตากผ้า มึงยังตากอยู่เหร๊อ อืม ไม่พูด เดี๋ยว

พอถึงเวลาผ้ามัน กูก็ไม่เก็บ เอ้า หลวงปู่สอนไม่ให้พูด กูก็ไม่พูด แต่ผ้ากูมึงไม่เก็บ ผ้ามึงกูก็

ไม่เก็บ เออ ผลัดกัน เออ อะไรอย่างนี้ อย่างนี้ไม่ได้ อ้ายอย่างนี้เค้าถือว่า แม้ไม่พูด แต่ทำ

ทำผิด ทำไม่ดี ก็อย่าไปถือ อย่าไปคิด กลับไปบ้าน ต้นไม้กูทำไมมันเหี่ยว ไม่รด เดี๋ยว ไม่

พูด เออ มันเหี่ยวมึงไม่รด ไม่รดกูรด กลับไปบ้านชามจานช้อนหม้อยังคาราคาซังเกรอะ

กรังอยู่ สกปรก ไม่พูด ขนเอาไปใส่ถัง ถึงเวลามันกลับมา อ้าว ไม่หุงข้าว ไม่มี ทิ้งหมดแล้ว

มึงอย่าไปทำอย่างนี้เชียวน้า มึงเป็นเรื่องล่ะ
งั้น ก็เอามาล้างซะ รักษาให้ดี
สรุปรวมๆ ก็คือ ทำให้ชีวิตเรามันเป็นประโยชน์ เออ เห็นว่าเรามีคุณธรรมในหัวใจแล้ว
คนมีคุณธรรมน่ะ ทำอะไรชาญฉลาด รอบรู้ เข้าใจ รู้จักว่าจะสอนอย่างไร จะมีวิธีการอย่าง

ไรที่จะสอน คำสอนที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องพูดเสมอ บางทีทำให้ดู มันจำได้ง่ายกว่าสอน ก็

บอกให้ฟัง
งั้น เราต้องทำ เค้าจะได้ไม่มาด่าว่า โอ๊ย เข้าวัดตั้งหลายวัน มึงกลับมาก็เหมือนเดิมแหละ

พูดไม่ได้เพราะเรา กูไม่เหมือนเดิมนะโว้ย อย่างน้อยกูก็เปลี่ยนไปล่ะ กูก็รู้จักเอาหนาม

ยอกหนามบ่งเหมือนกัน รู้จักคิด มีวิธีการแยบยลแยบคายได้เหมือนกัน ก็อย่าไปทำให้มัน

ถึงขนาดว่า กระอักเลือดตาย หรือว่า เอาชนะคะคาน แบบนั้นไม่ได้ แต่ต้องเริ่มต้นจากตัวเรา
ทั้งหมดต้องถาม เรามีขยะไม๊ เข้าบ้านปุ๊บเราจะเอาขยะไปใส่บ้าน หรือ ตัวเรามีขยะมากไม๊

ถ้ามีต้องกำจัดและสำรอก และถ้าในบ้านมีขยะ ต้องหาวิธีช่วยกำจัดอย่างนุ่มนวล อย่างชาญ

ฉลาดและเข้าใจ เรียกว่า เราทำภาระกิจของพระศาสนา คือ ไม่เพิ่มขยะใหม่ ทำลายขยะเก่า

แล้วทำของดีที่มีอยู่แล้วให้ผ่องแผ้วและผ่องใส เท่านี้ ก็ถือว่า เราจบกิจพระศาสนา เจริญ

ธรรม
(สาธุ)
ขอกราบขอโอกาสน้อมถวายสังฆทานเจ้าค่ะ
เอ้า ว่า นะโม 3 จบ
................
(สาธุ)
สังฆทานและสิ่งของทั้งหลาย รวมทั้งเทียนประจำพรรษาและปัจจัยที่ลูกหลานถวาย หลวงปู่

รับแล้ว ยกให้เป็นสมบัติของวัดและมูลนิธิฯ ไปจัดสรรแบ่งปันส่วนไปตามวัดในจังหวัด

นราธิวาส ซึ่งวันอังคารนี้ เค้าจะเอารถ 6 ล้อมารับ แล้วก็ไปถวายตามวัดต่างๆ วัดนี้ก็เก็บ

ไว้คู่เดียวที่อยู่ในโบสถ์ เทียนรับพระราชทานจากเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ที่เหลือ

นอกนั้นก็แจกจ่ายไปตามวัดต่างๆ รวมทั้งปัจจัย วัดละ 5,000 ขอท่านทั้งหลาย

อนุโมทนา
(สาธุ)
แล้วก็ เมื่อกี้กูสอนว่า ไม่เพิ่มขยะใหม่ ทำลายขยะเก่า ทำของดีที่มีอยู่แล้วให้ผ่องใส งั้น ก็

อย่าไปหวงห่วง อย่าไปคิดว่า แหม จะมาปฏิบัติธรรม พระอาจารย์กู หลวงปู่กู ครูกูหนีไป

เสียแล้ว แบ่งปันธรรมให้แก่คนอื่น เป็นการเจือจานธรรม ถือว่า เป็นการทำให้ใจเรากว้าง

ขวาง สร้างกัลยาณมิตร กัลยาณธรรม เป็นการสืบทอด เราปฏิบัติธรรม ฟังธรรมมาได้ใน

ระดับหนึ่ง ก็เข้าใจได้แล้วว่า ในตัวเรามีขยะหรือไม่ แม้แต่คิดว่า เสียดาย ก็เป็นขยะอย่าง

หนึ่ง
คิดว่า แหม จะมาปฏิบัติธรรม กลับหนีไป ก็เป็นขยะอย่างหนึ่ง
ถ้าคิดในมุมกลับอีกอย่างว่า เออ เราแบ่งปันธรรมให้กับคนอื่น ท่านจะได้ไปอบรมสั่งสอน

อย่างน้อยก็ไปเป็นผู้นำ เป็นประธาน เป็นทัศนานุกิริยะ คือ ทำให้คนทั้งหลายได้เห็นรูปงาม

ของท่าน กูงามอยู่แล้ว รูปงามของท่าน ก็ถือว่า เป็นประโยชน์ในการได้เห็นความเห็นอัน

ประเสริฐ
ถ้าคิดให้เป็นบุญ อย่างนี้เค้าเรียกว่า ไม่เพิ่มขยะ อย่าเห็นแก่ตัว อย่าคับแคบ อย่าเอาเปรียบ

อย่าตระหนี่ ในธรรม ต้องแบ่งปันกัน
ตั้งใจกรวดน้ำ ว่าตามแล้วรับพร
................
เอ้า กล่าวคำขอลาสิกขาเลย ลูก ยังมีเวลาเหลือ 10 กว่านาที
ใครที่ถือศีล 8 ลาศีลซะ
..................
หลวงปู่ให้พร
..............
โชคดี ลูก ธรรมะรักษา ให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพปลอดภัย
อะระหังสัมมา
................
(กราบ)
เจริญธรรม ลูก ขออภัยที่วันนี้กลับเร็ว
(กราบ)
เฮ้ย เอานี้ไปให้ลูกมึง ซื้อยาแก้ภูมิแพ้ให้มันกิน เออ นั่งซื๊ดๆ เดี๋ยวก็ ไปที่มูลนิธิฯ ซื้อยา
(หลวงปู่เขียนใบสั่งยาให้พ่อที่พาลูกมานั่งอยู่ข้างกองสังฆทานตอนถวายทาน)
(กราบ)
ไป กลับบ้านได้แล้ว