29 ม.ค. 2555 บ่าย วัดอ้อน้อย ถอดซีดี ธรรมะ วันสุดท้ายงานวันตรุษจีน แสดงธรรม โดยองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ
• ก็เลยเป็นที่มาของการสร้างโรงเจ
• ไม่ใช่ขออย่างเดียว ต้องทำดีด้วย
• หลวงปู่บอกหลายเที่ยวแล้วว่า เทวดาก็อยากให้พร ทีนี้ มนุษย์ไม่ค่อยทำตัวพร้อมรับพร
• ก็ทำบุญ เพราะไม่คิดว่า เงินเหล่านี้ มันเป็นของเรา
ของลูกหลาน ต้องเอาบุญส่งกลับไปสู่ลูกหลาน
เจริญธรรม เจริญสุข ท่านสาธุชนคนดีที่รักทุกท่าน
.......อย่างที่รู้กันงานใหญ่ที่ผ่าน ...2 วันที่ผ่านมา ต้องอาศัยความร่วมไม้
ร่วมมือทั้งมนุษย์ ทั้งเทวดา ทั้งเทพ ทั้งพรหม ทั้งมาร ที่ช่วยสงเคราะห์
อนุเคราะห์ ประสิทธิ์ประสาทให้เกิดความสำเร็จสมบูรณ์ สิ่งที่เหล่าเทวดาและพระ
โพธิสัตว์....ว่างานเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะพรมน้ำมนต์
ก็เมื่อวานหมดแรง ไม่มีแรงพรมน้ำมนต์ วันนี้ได้แรงขึ้นมาหน่อย ก็พรมน้ำมนต์ที่เค้า
อยากได้
แล้วก็วันนี้เป็นวันปิดงาน วันสุดท้าย หรือวันพิเศษซึ่งสำเร็จภารกิจของการหาเงิน หาเงินเข้า
วัด หาเงินเข้ากองทุนศาสนสงเคราะห์ หาเงินเพื่อการใช้จ่ายที่จะต้องมีต่อไปในอนาคต
ของวัด
วันนี้ ถือเป็นวันหาเงินวันสุดท้าย ที่จะนำไปใช้จ่ายในกิจกรรมของศาสนา เพื่อสาธารณะ
ประโยชน์ของแผ่นดิน งั้น ทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มาจากการได้มา ทั้งชาวบ้าน ญาติโยมทั้ง
หลาย ที่ช่วยกัน สงเคราะห์ อนุเคราะห์ ก็อยากให้พวกเรารู้กันว่า หลวงปู่ไม่ได้เอาไปใช้ที่
เสียหาย เสียความต้องการ และเจตนาของพวกท่าน
ชั่วชีวิตที่ผ่านมา จะใช้อะไรก็จำกัดจำเขี่ย ให้เหมาะสม ให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของผู้ให้
เพราะถือว่า เมื่อใดที่เราใช้เงินไม่ถูกวัตถุประสงค์ เมื่อนั้น เราก็ต้องเป็นหนี้ข้ามภพข้ามชาติ
เป็นหนี้อยู่ตลอดเวลา
มันไม่คุ้มกับการที่เราจะเอาจิตวิญญาณของเรามาแลกกับเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ
ซึ่งใครทำอย่างนี้ ก็ถือว่า ท่านเสียหาย งั้น พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงว่า เงินที่ได้มา
ที่บริจาคให้กับอาวาสวัดนี้ จะเอามาใช้ผิดวัตถุประสงค์
ถ้าหากว่า ใครอยู่กับหลวงปู่มา ชั่วชีวิต อย่างอ้ายพงษ์ศักดิ์นี่ ลูกศิษย์รุ่นแรก จะรู้ดีว่า
ตลอดระยะเวลาร่วม 40 ปี ที่เค้าอยู่ร่วมกับหลวงปู่มาเนี่ย เรื่องการใช้เงิน หลวง
ปู่จะจำกัดมาก มักจะเป็นคนที่ไม่เก็บเงินเอง เพราะไม่ชอบที่จะพกพา ก็มีเจ้า
หน้าที่มาดูแลควบคุม แล้วใช้ให้เหมาะสมตามความจำเป็นที่เราจำเป็นที่จะ
ต้องใช้
เพราะการบริหารจัดการที่ค่อนข้างจะเข็มงวด ก็เลยได้มาซึ่งผลงานอย่างต่อเนื่องยาวนาน
แล้วก็โตทุกปี โตอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ใช่โตแบบชนิดที่ไม่รู้จักตาย
หลวงปู่คิดอยู่เสมอว่า เราจะโตอย่างไรอย่างยั่งยืน โตแล้วไม่ตาย
ทำไงเมื่อเราตายแล้ว วัดอ้อน้อยก็ยังโตอยู่
นั่น ก็เลยเป็นที่มา หลายคนสงสัยอยู่เนืองๆ อยู่เสมอว่า สร้างวัดเสร็จแล้ว ก็น่าจะพอแล้ว
มันน่าจะหยุดยุติได้แล้ว เหนื่อยแล้ว พักผ่อนเถอะ หลายคน ลูกหลานเก่าๆ ก็จะพูด
ท้วงติง
แต่ด้วยความคิดของหลวงปู่ อาจจะคิดไม่เหมือนลูกหลานหลายคนที่เค้าพูด
ก็ด้วยเหตุผลว่า ชั่วชีวิตที่ตะลอนไปทั่วแผ่นดิน คณาจารย์ เกจิ หรือ หลวงปู่ หลวงพ่อ
ครูบาอาจารย์ ผู้มีคุณูปการต่อแผ่นดิน ต่อพระศาสนา ต่อวัดวาอาราม สิ้น
ชีพิตักษัย หรือ มรณกรรมลงไป วัดก็กลายเป็นวัดร้าง บางวัดนี่ แม้แต่ค่าไฟ ยังไม่มีปัญญา
จ่าย
มีกองทุนตั้งไว้มากมายมโหฬารยังไง สุดท้ายมันก็จะต้องหมดไป เพราะไม่มีคนจะหา
มีแต่คนจะทำให้มันหมดไป
ทำไมไม่เอาเก้าอี้มาตั้งข้างหน้านี่ เออ วางไว้ เดี๋ยวมันร่มไปเองแหละ
งั้นก็ มันก็เลยทำให้เห็นต้นแบบตัวอย่าง
หลวงปู่ก็คิดต่อมาว่า เราจะต้องลงทุนเสียก่อน ตอนที่เรามีชีวิตอยู่
เพราะเดี๋ยวเราตายแล้ว ไม่มีใครกล้าลงทุน ลงทุนทำเสียตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่
เสื่อน้ำมัน ถ้าเอามาปูอย่างนั้น มันจะขาดเสีย ต้องเอาเสื่อธรรมดา ก้อนหินมันจะแทงเสื่อ
น้ำมันทะลุ เวลาเราไปเหยียบไปยืน ก็เสียหาย ก็ใช้ได้ครั้งเดียว ก็เลิกใช้
ไปหาเสื่อธรรมดามาปูก่อน แล้วจึงทับด้วยเสื่อน้ำมัน
ก็คิดเสมอต่อมาตลอดเวลาว่า เราจะทำอย่างไรที่จะเลี้ยงวัดอ้อน้อย เลี้ยงศาสนา
เลี้ยงสังคมให้ได้ยาวนาน ยั่งยืน ตราบนานเท่านาน
ก็เลยเป็นที่มาของการสร้างโรงเจ
ที่จริงก็ได้ปรึกษา ไม่ใช่ปรึกษามนุษย์ ปรึกษามนุษย์ก็ไม่เห็นด้วย เพราะมนุษย์ขี้เกียจ กลัว
เหนื่อย ก็ปรึกษาผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์ ท่านผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์ ก็เห็นด้วยว่า มันก็เป็นการดี
สงเคราะห์ระยะยาว ก็ช่วยกัน ถ้ามีการสร้างถาวรวัตถุที่เป็นเหมือนดั่งบ่อ เหมือนดั่งหลุม
พราง ใช้คำว่าหลุมพรางก็คงไม่ได้ เหมือนดั่งแอ่งน้ำ ที่ฝนตกมา
ในทิศใด มันก็ไหลลงสู่แอ่ง
ก็เลยเป็นที่มาของการสร้างโรงเจ
ตั้งใจว่า สร้างโรงเจแล้ว ก็จะสร้างพระมหาเจดีย์ 8 เหลี่ยมไว้ด้านหลัง
ทีนี้ ก็ ทำไปทำมา อ้ายพัดลมนี่มันเป่าให้ใครวะ อ้ายพวกนี้ ไม่ใช่ลูกศิษย์กูเลย
มันกล้านั่งบังพัดลมกู แล้วก็ผ่านลมใส่ตัวมัน แล้วมาหาครูบาอาจารย์ ไม่มีสัมมา
คารวะ
ก็เลยคิดว่า เอ เราจะทำวิธีใด
ก็คิดกับเหล่าบรรดาพระโพธิสัตว์ และเทพอารักษ์ประจำวัด
ก็ตกลง ก็ทำโรงเจ
โรงเจ ถามว่า ใช้เงินลงทุนไปเท่าไหร่แล้ว
ก็ปีหนึ่ง ร้อยกว่าล้าน ปีที่ผ่านมา ใช้ไป ร้อยสิบสี่ล้าน
ปีก่อนหน้านั้น ก็ ร้อยกว่าล้าน
ไม่มีปีไหนที่ต่ำกว่าร้อยกว่าล้าน
โรงเจทำมาก็
ประมาณซัก กี่ปีแล้ววะ อ้ายเฒ่า
9 ปี จ่ายปีละ ร้อยกว่าล้าน
เออ หมดไป พันกว่าล้านแล้ว
พันกว่าล้านนี่ ถามว่าหลวงปู่หาลำ
บากไม๊ ถ้าลำบาก กู
ตายไปแล้ว
ถ้ายังอยู่ได้ ก็แสดงว่า ยัง ...ได้
ก็บอกแล้วว่า พุทธะอิสระ ลูกศิษย์พุทธะอิสระ
หิวนัก กินข้าว ก็หาย
ร้อนนัก อาบน้ำ ก็ผ่อนคลาย
เหนื่อยนัก พักหน่อยก็สบาย
เพราะฉะนั้น
ก็ใช้บทโศลกบทนี้สอนตัวเองอยู่เสมอๆ
แล้วด้วยแรงบันดาลใจที่ลูกหลานพยายามสนับสนุนส่งเสริม เอื้ออำนวย
ทั้งพรหม มาร เทพยดา สวรรค์ มนุษย์ ช่วยเหลือเกื้อกูลมาตลอดเวลา
ไม่ใช่หลวงปู่เก่ง ไม่ใช่เก่ง และวิเศษอยู่คนเดียว ลูก
ลำพังหลวงปู่คนเดียว ทำอะไรไม่ได้หรอก
อาศัยลูกหลานเป็นมือ เป็นเท้า เป็นหัวให้บ้าง บางทีหัว
หลุดบ้าง บางทีก็เป็นหัวให้บ้าง ก็ช่วยกันคนละไม้คน
ละมือ เราก็อาศัยการคุม คุม
เยอะหน่อย ก็เหนื่อยมากหน่อย
ก็ไม่เป็นไร ก็ขอให้ได้ทำ ได้คุม
แล้วก็คิดอยู่เสมอว่า การนำพาลูกหลานได้ทำภาระกรรม
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ต่อปวงชน ต่อศาสนา
มันเป็นวิถีแห่งบุญชนิดเยี่ยม วิเศษสุด
เพราะคนที่กล้าที่จะเสียสละความสุขส่วนตัว
ให้เป็นประโยชน์ส่วนรวม มันหาได้น้อยในโลกใบนี้
มันมี
แต่คนที่แสวงหาประโยชน์ใส่ตน และไม่สนใจประโยชน์ส่วนใหญ่
งั้น ถ้าเราเป็นตัวตั้งตัวตี จัดกำลังพล พลัดผันความรู้ความสามารถ สติปัญญา
ความเพียรพยายามของผู้คนเอามาใช้กับการได้
ไปช่วยกัน พัดลมที่อยู่ในตึกอื่นๆ มาตั้งรอบๆ เอาไว้
อ้ายจุดไหนที่ไม่มีคน เอาพัดลมดึงมาก่อน เอามาเป่าตรงที่เค้ามีคน
ลมเย็นๆ แล้วเดี๋ยวเค้าจะได้ควักตังค์ได้ลื่นๆ
ลมร้อนๆ แล้วตังค์มันฝืด มัน
ควักไม่ค่อยออก เออ
เอาใจมันหน่อย ทั้งอาหารการกิน บำรุงบำเรอมันหน่อย
อาหารการกินให้เพรียบพร้อมหน่อย ไปหาอาหารมา ให้น้ำท่า
คนทำงานไปเตรียมน้ำ น้ำชาวันนี้ ไม่ต้องชง ชาหยุดชง
เพราะกินชาวันนี้ เดี๋ยวหูมันจะชา มือไม้มันชา ทำอะไร
มันจะเชื่องช้า ยืดยาด เออ คิดยาก กว่าจะยกแขนประมูล ก็
ช้าเสียแล้ว มันชา เพราะงั้น ชาหยุดชง น้ำ
ในตู้ มีน้ำอะไร เอามาเลี้ยง เออ
เฉาก๊ง เฉาก๊วย อะไร ใส่ถ้วยมาแจก
ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูคิด กินทีหลัง
ไปดูซิ คนทำงาน ช่วยกัน
ก็เลยเป็นที่มาของการสร้างโรงเจ
แต่ถามว่า ณ. วันนี้ หลวงปู่สร้างโรงเจได้เงินพอไม๊
ก็ต้องบอกลูกหลานตรงๆ ว่า ได้เงินก็...เงิน เดือนหนึ่งก็ส่งยอดเงิน
คนนั้นมาไหว้ คนนี้มาบวงสรวง คนนั้นมาทำบุญ
ใครมาบวงสรวงเจ้าแม่ ทำดีได้..ตามที่
ใจปรารถนา ก็มาถวาย 10 ล้าน
วันดีคืนดี ใจปรารถนา เค้าต้องการขอเจ้าแม่
ไม่ใช่ขออย่างเดียว เค้าต้องทำดีด้วย
ขอเจ้าแม่ พระมหาโพธิสัตว์ ท่านเมตตา เห็นคนทำดี เทวดาอยากให้
พรอยู่แล้ว ลูก หลวงปู่บอกหลายเที่ยวแล้วว่า เทวดาก็อยากให้พร
เทวดาอยากให้พรคนทำดี เพราะถือว่า หน้าที่ของ
เทวดาต้องอวยชัยให้พร ถ้าเทวดาไม่ให้พร เทวดาก็อยู่
เทวสภาไม่ได้ พอถึงคราว
พวกเทวดาจะไถ่ถามกันว่า ท่าน วันนี้ ปีนี้ ได้อวยชัยให้พร
ให้ประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ สรรพสัตว์ ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทำดี ได้มากน้อยแค่ไหน
ผู้ทำดีแล้วตกทุกข์ได้ยาก เทวดาตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้ทำหน้าที่ ก็เข้าสู่เท
วสภาไม่ได้
เพราะงั้น เทวดา เค้าอยากให้พรมนุษย์
ทีนี้ มนุษย์ไม่ค่อยทำตัวพร้อมรับพร คือ ไม่ค่อยทำดี ไม่ค่อยพูดดี
ไม่ค่อยคิดดี ทำดี ก็ดีไม่ทนทาน ดีสั้นๆ ดีนิดหน่อย ดีเล็กน้อย แล้วก็มาทวง
ความดี แต่ถ้าดียิ่งใหญ่ ยั่งยืน ยาวนาน เทวดาไม่
กล้าหรอกที่จะปฏิเสธการที่จะอวยชัยให้พร ถ้าขืนปฏิเสธ เทวดาก็อยู่บน
สวรรค์ไม่ได้
งั้น เทพ พรหม มาร เทวดาทั้งหลาย เค้าอยากให้พรมนุษย์จะตายไป เค้าอยากให้พร
เดี๋ยว คืนนี้ หลวงปู่ก็จะเชิญ ทำพิธีกรรม สวดนพเคราะห์ ต่อชะตาสืบอายุขัย
เค้าก็อยากมาให้พร แต่มนุษย์ ถ้าไม่ทำดี ไม่พูดดี ไม่คิดดี
ให้ขอให้ตาย ก็ไม่กล้าจะให้ เหมือนตำรวจไม่จับผู้ร้าย
ก็ผิด เทวดาไม่ให้พรคนชั่ว ผิดไม๊
(ไม่ผิด)
บาปด้วย ผิด
บาป
ให้ขอให้ตาย ก็ไม่ได้ประโยชน์
แต่ถ้าหากคนทำดี พูดดี คิดดี เนืองนิจ
ก็เหมือนตำรวจ ถ้าเราทำดี ถ้าเป็นตำรวจที่ดีนะ
เพราะตำรวจสมัยนี้ ก็ไว้ใจไม่ค่อยได้ เออ ไว้ใจ
ไม่ค่อยได้
เอาเป็นว่า สรุปแล้วก็คือ เทวดาอยากช่วยคนดี เมื่ออยากช่วยคนดี และดีจริงๆ
ขอให้ท่านช่วย ท่านก็ช่วย
มนุษย์เหล่านี้ ก็เห็นคุณเทวดา คุณพระโพธิสัตว์ ก็เอาสตางค์มาให้
หลวงปู่ก็ได้ทุกปี ถ้าปีไหนไม่ได้ ก็จะมายืน ไปยืนต่อหน้าเจ้าแม่
แต่เดี๋ยวนี้ ถ้ากูออกมาหน้าโรงเจ แล้วก็ยืนเนี่ยนะ
เทวดาทั้งหลายก็พากันหนีหมดล่ะ มันก็จะเข็ด
เออ ถ้าเมื่อไหร่ ถ้าเดือนไหน วันไหน ไม่มีตังค์ใช้ เราก็จะมายืนชะเง้อ
เราก็นึกในใจ ไม่รู้จักเมื่อยบ้างหรือไง ก็ไปหาอยู่หากินบ้าง
เออ ช่วยเหลือกันบ้าง เกื้อกูลกันบ้าง ตังค์หมดแล้ว อะไรอย่างนี้
เดี๋ยวรุ่งขึ้น ก็ได้ล่ะ ล้านสองล้าน แล้วแต่คนจะเอามา
ถวายตามกำลัง
งั้น รวมๆ สรุป ก็คือ นี่คือ ความคิดหลวงปู่ ถ้าหลวงปู่ไม่ทำอย่างนี้
ถ้าเราตายไป วัดอ้อน้อยก็คงจะเหงาเหมือนกับวัดอื่นๆ ที่เค้าเหงาแหละ
ไม่มีใครเลี้ยงดู ไม่มีใครใส่ใจ อุปถัมภ์บำรุง จะเอาเงินที่ไหน
แล้วยิ่งสมภารวัดอ้อน้อย สากกะเบือยังแพ้ด้วย
เออ สมภารวัดอ้อน้อยนี่
สากกะเบือแพ้นะ
งั้น ไปอาศัยท่าน ก็คงจะยาก ต้องใช้วิธีนี้
แล้วมันก็พิสูจน์ให้ลูกหลานและคนทั้งหลายได้เห็น
หลายคนมาถามหลวงปู่เอาตังค์มาจากไหน ปีหนึ่ง อย่าง
ปีนี้ใช้ร้อยสิบสี่ล้าน แล้วถามว่า หาได้เท่าไหร่ ปีนี้หาได้
ประมาณ 91 ล้าน ใช้ไป 114 หาได้ 91
ขาดทุนกำไร
ก็กำไร ชีวิตหลวงปู่กำไร เพราะว่า เกิดมาท้องแม่ไม่มีอะไร
ทุกวันนี้มีผ้าใส่ มีเครื่องอยู่อาศัย
งั้น ทุกอย่างเป็นกำไรหมด
เงินร้อยกว่า
ล้านที่ใช้ไป ก็ไปทำกำไรเพิ่ม ไปทำให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ
ปีนี้ทำบุญมาก ทำบุญไม่ต่ำกว่า 30 ล้าน เพราะบริจาคมหาทาน
งานน้องน้ำมาเยือนเมืองไทย ใช้เวลาร่วม 3 เดือน ทำมาตลอด
ตั้งแต่เริ่มท่วมแถวพิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร ส่งโรงครัวไป ไหนจะท่วมใต้ ไหนจะท่วมเหนือ
แล้วก็สุดท้าย ก็มาจมปลักอยู่ตรงภาคกลางเป็นเดือนๆ ทำทุกวัน เงินก็ต้องใช้ทุกวัน เวลา
หลวงปู่ออกไปแจกข้าวสารอาหารแห้งเอง นำรถ 10 ล้อคัน 6 ล้อคัน ก็คนหนึ่งก็ 200
บาท ครั้งหนึ่งก็ล้านกว่าบาท แปดแสนกว่า ไม่เคยมีครั้งไหน ไปแล้วไม่เอาตังค์ใส่ซอง ก็มี
ทั้งข้าวสาร อาหารแห้ง เอาล๊อกเกตในหลวงไปแจก
รวมๆ แล้วใช้จ่ายทำบุญ เมื่อ 2 วัน อาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ยังทอดผ้าป่า ให้กับวัดธรรมศาลา
เค้า 1 ล้าน 1 แสน 2 หมื่นกว่าบาท ก็ทำบุญ เพราะไม่คิดว่า เงินเหล่านี้ มันเป็นของเรา
ของลูกหลาน ต้องเอาบุญส่งกลับไปสู่ลูกหลาน
เราเองใช้ส่วนตัว ชั่วชีวิตหลวงปู่ หาเงินทีเป็นร้อยล้าน
แต่ลำพังตัวเองจะใช้ซักร้อยหนึ่งนี่ ยัง
ยากเลย ไปที่ไหนกับ
ลูกหลาน ที่จะไปบอก กูอยากได้อ้ายนั่น กูอยากได้อ้ายนี่ ไม่มี
กูพกน้ำกูไปกินเอง ไม่ต้องไปหากินที่ไหน ข้าวกูก็ใส่ปิ่นโตกูไปกินบนรถ
งั้น ไม่ใช่เป็นคนชอบไปนั่งเสนอหน้า ลอยหน้าลอยตา อยู่ตามร้าน...
รถนี่ เค้าถวายมาให้ใช้ ถ้าไม่มีความจำเป็น ไม่นั่งรถออกจากวัด
เวลาหลวงปู่ออกไป วันปีใหม่ที่ผ่านมานี่
เออ วันนี้ วันเกิด มึงพากูไปเที่ยวหลังวัดหน่อยวะ
เออ นั่งรถเที่ยวซักวันตอนเย็นๆ อ้าย
พวกนี้ มันก็นั่งพาไป ก็ไปดูหลังวัด แล้วก็ไปชี้ มึงเห็น
ไม๊ว่า คนหลังวัดนี่ เค้าทำเพาะปลูกตั้งเยอะแยะ
มีปุ๋ย ไม่รู้จักมาขายเค้า ก็พาไปเที่ยว บอกวิธีทำกิน ทำอย่างไร
ถามว่า เพราะอะไร ไปเที่ยวหลังวัด
เพราะอยู่ที่นี่มาตั้งกี่สิบปี ไม่เคยรู้เลยว่า หลังวัดมันมี
อะไรบ้าง ไม่เคยไปเที่ยว ไม่เคยออกเที่ยว ไม่ชอบที่จะไป
นั่งรถเที่ยวเตร่ที่นั่นที่นี่ ไม่ชอบ เพราะนิสัยเป็นคน
ที่ชีวิตต้องมีงาน มีประโยชน์
มีลมหายใจ ใช้พลัง ได้พลัง ใช้พลัง สร้างสรรค์การงาน
หมดลมหายใจ สิ้นพลัง ก็ยังดำรงค์ผลงาน
ไม่ใช้ชีวิตให้สิ้นเปลืองไปกับเรื่องไร้สาระ
ไม่รู้ด้วยซ้ำ จังหวัดนครปฐม เค้ามีดีอะไร
ตรงไหน งานพระปฐมเจดีย์
ชั่วชีวิต เคยไปเดินครั้งเดียวเท่านั้น
ไม่เคยไป ไม่รู้จะไปทำไม องค์พระก็อยู่ใกล้ๆ ก็ยกมือไหว้ หันหน้าไปถูกตรง ก็ใช้ได้ล่ะ
งั้น ก็เลยอยากบอกว่า หลวงปู่มีข้อคิดในใจว่า ถ้าจะเที่ยว ต้องเที่ยวอย่างราชา กินอย่างขอ
ทาน คือ ของที่กินอยู่ข้างหน้า กินอย่างมูมมาม กูไม่ประดิษฐ์ประดอยกิน ค่อยๆ
เอาช้อนตัก เอาผ้าเช็ดปาก ถ้าเที่ยวนะ ต้องให้ได้อย่างนั้น เที่ยวอย่างราชา กินอย่างขอทาน
ของกินเยอะ แต่กินไม่ต้องกลัวเสียมารยาท เคยคิดไปเที่ยวกับเค้าครั้ง เค้าลากไป คุณสุนัน
ทาเค้าลากไป ที่จริงก็ไม่ได้ไปเที่ยวหรอก ไม่ต้องมามองเหล่เลย เรื่องจริง เค้าลากไปอินเดีย
ไม่ได้อยากไปเลย เค้าลากไป เออ เราเห็นโยมเค้าไปด้วย โยมแม่ไป ก็เออไปหน่อย
เค้ามาชวน
ไป เราก็หวังว่า โอ้โห กูคงจะได้ไปโผล่นอนโรงแรม 5 ดาว กินอย่างกับราชา ที่ไหนได้
เอาไปเฝ้าหน้าห้องน้ำ แล้วห้องน้ำวัดด้วยนะ เออ แล้วอ้ายห้องโถงนั้น มีคนนอนตั้ง 20
กว่าคน ต้องผ่านกูก่อนล่ะ แล้วทุกคนมันต้องขี้ต้องเยี่ยว เราก็ไม่เป็นอันหลับอันนอน โอ้ย
แล้วก็พาไปนอนวัด อุตส่าห์ตะกายไปตั้งไกล มีปลาทูตัวเท่าหัวแม่โป้งตีน แหม เรานึกว่า
อาหารอินเดียมีอะไร ที่ไหนได้ ปลาทูทอดแข็งปั๋ง โยนให้หมา ดังเอ๋ง
แหม concept เรา นี่ ไม่ใช่ราชาเว้ย ถ้าจะมาอย่างขี้ข้า กลับ ตอนหลัง เค้าจะไปไหว้
พระเจดีย์สำคัญๆ ประสูตร ตรัสรู้ ปรินิพพาน เรากลับก่อนเลย ไม่เอา เค้าจะไปเที่ยวทัชมา
ฮง ทัชมาฮัล ไป shopping ไม่เอาๆ กูขาดใจ ตายแน่ กลับ กลับเดี๋ยวนี้เลย
เออ นั่งเครื่องบินกลับก่อน ตอนไปก็ไม่มีตังค์พกไปนะ ทำไงล่ะ ก็ไม่มีใครเค้าให้ไง ไปตัว
เปล่าๆ ก็อาศัยพกของดี เข็มขัดสมุนไพร เราปวดหลังนั่งเครื่องบิน ยายชีจากไหนไม่รู้ เห็น
เราใส่เข็มขัด กลิ่นหอม
ท่านซื้อที่ไหน
สนใจไม๊ล่ะ เออ สนใจ ขายนะ
ค่ะ
เอ้า ขายเข็มขัดได้เท่าไหร่หว่า สิบเส้นแน่ะ จ่ายตังค์ก่อนด้วย แล้วส่งไปให้ทีหลัง
กูได้มากี่พันไม่รู้ ได้มาบนเครื่องบินแหละ ขายของบนเครื่องบินแหละ
นั่นคือ ชีวิตหลวงปู่แหละ ลูก
เป็นคนไม่หือไม่อืออะไรกับเค้า ไม่ค่อยฟู่ฟ่าสมิหรา เพราะเงินทุกบาททุก
สตางค์ คิดว่าเป็นของชาวบ้าน เรา
จะใช้อย่างไรที่จะต้องไม่ให้กินเลือดเนื้อเรา
อย่าเอาเลือดเนื้อชาวบ้านมาเป็นเลือดเนื้อเรา ต้องใช้ให้คุ้ม
แล้วเราก็ไม่กล้าที่จะไปแตะต้องของเค้า
อย่าว่าแต่ของเค้าเลย ย่า แม่ โยม
แม่ป่วย หลวงปู่ยังไม่กล้าไปเอาเงินที่ชาวบ้านเค้าถวายมาไปรักษา เพราะว่า มันไม่ใช่เงิน
ของเรา เพราะว่า นี่คือ ย่า ญาติของเรา ไม่เกี่ยวอะไรกับชาวบ้าน เราก็ต้องบอกแม่ บอกย่า
ว่า อย่าป่วยมากนะ เดี๋ยวชาวบ้านเค้าจะเดือดร้อน เพราะชั่วชีวิต มีชีวิตเกิดขึ้นมา ก็เพื่อ
ประโยชน์ของแผ่นดินและศาสนา ไม่ได้ให้ย่ามากอบโกย เอาความสุขใส่ตัว ไม่ต้องการให้
เอาเงินที่ชาวบ้านเค้าถวายมาใช้ในทางที่สนับสนุนให้ย่าร่ำรวย รุ่งเรือง
เพราะงั้น หลวงปู่จึงกล้าจะพูดได้อย่างเต็มปากว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ของพวกท่านที่
ถวายมา ไม่ว่าจะมากจะน้อย จะเล็กจะหน่อย นิดหน่อยแค่ไหนหรือจะเยอะแยะเป็นร้อย
ล้านพันล้าน มันไม่ได้หายไปในที่ใดๆ วัดอื่นนี่ เค้ามีบัญชีหลายบัญชี สมภารนี่มีบัญชีส่วน
ตัว พระตามวัดต่างๆ ไม่เชื่อลองไปถามดูเถอะ วัดหลวง วัดราษฎร์ วัดไหนๆ ก็แล้วแต่ เค้า
จะมีเงินสมภาร เงินของวัด เงินของรองสมภาร เงินของเจ้าอาวาส เค้ามี แล้วก็บรรดาญาติ
ของสมภาร ถ้ายิ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง เค้าก็จะร่ำรวยตามสมภาร ก็จะมีวาสนา มีบารมีเท่ากับ
สมภาร
แต่วัดนี้ไม่มี ไม่มีเงินของสมภาร ไม่มีเงินของหลวงปู่ มีแต่เงินของศาสนา เงินของวัด เงิน
ของมูลนิธิฯ ได้มาทุกบาททุกสตางค์ ก็เป็นของศาสนา ของวัด ของมูลนิธิฯ
ถามว่า วันนี้ หลวงปู่มีสมบัติ มีเป็นส่วนตัวของหลวงปู่ไม๊ ไม่มี ไม่เชื่อไปถามดู
วันนั้นใครเค้าให้อั่งเปามา ชั่วชีวิตไม่เคยเอาตังค์ไปถวาย หลายปีมาแล้ว ไม่เคยเอาตังค์ไป
ให้ย่า วันเกิดแกก็ไม่ได้ให้ มีแต่เค้าให้ วันนั้นใครเค้าให้อั่งเปามา ลูกอ้ายจิโรจน์ พ่อมันตาย
อ้ายจิโรจน์ทุกปี มันต้องเอามาถวายอั่งเปา ทีนี้ พ่อมันตาย ลูกมันก็เลยมาถวายแทน เท่า
ไหร่ก็ไม่รู้ เออ ย่าแกอุตส่าห์ไปขายน้ำมาได้ พวกขโมยเงินแกไปกินเสียอีก
เลยเอาตังค์ไปให้แก เกิดเผื่อแกจะใช้ อยากไปพม่าด้วย อยากไปดู
ทองที่พม่ายึดไปจากอยุธยา เอาสตางค์ไปให้แก แหม แกแสดงความดีใจอย่างที่เราไม่เคย
เห็น อุ๊ย คว้า 2 มือเลย
อุ๊ย ขอบใจมาก ขอบพระคุณเจ้าค่ะ วันนี้ ฟ้าต้อง สวรรค์ต้อง อู้หู แกพูดเสียจนล้นเหลือ
เราฟังแล้วเราเขินเลยล่ะ เพราะไม่เคยให้แกเลยไง ไม่เคยให้
ก่อนหน้านั้น ก่อนหลวงปู่จะบวช หลวงปู่ทำงานได้ทุกบาททุกสตางค์ ก็ไม่เคยพก ก็ให้แกเก็บ
เพราะว่าเราเป็นคนไม่เก็บตังค์ เกิดมาชั่วชีวิต ทำงานมาได้กี่ตังค์ ก็ให้แกเก็บ แกก็เป็นผู้
เก็บตังค์ เรามีหน้าที่หาตังค์ ไม่เคยเอาตังค์ที่ได้มาไปใช้อย่างอื่น แล้วเป็นคนเก็บตังค์ไม่เป็น
ก็อย่างที่บอก ชั่วชีวิตก่อนจะบวช ทำเงินได้ตั้งแต่วันละ 5 บาท จนร้อยกว่าบาท ชุดนอน
ชุดเที่ยว ก็ชุดเดียวกัน ชั่วชีวิตตัดกางเกงชุดเดียว ไม่เคยไปเที่ยว ใช้สุรุ่ยสุร่ายที่ไหน ดูหนัง
ฟังเพลง กินเหล้าเมายา ไม่เคย เพราะไม่ชอบ เพราะมันไม่เห็นเกิดประโยชน์ ไม่มี
ประโยชน์ ไม่มีคุณอะไร
งั้น อยากบอกลูกหลาน ที่เล่าให้ฟังยืดยาว ก็เพื่อให้ท่านได้เห็นว่า เงินของพวกท่าน
ทุกบาททุกสตางค์ที่บริจาค ที่จ่าย ที่เปียของ ที่ได้จากการประมูลวัตถุมงคลทั้งหลาย
ของพระกวนอิม ของพระโพธิสัตว์ ของเทพเจ้าทั้งปวงเนี่ย รวมทั้งเครื่องราง
ของขลัง ก็จะเอาไปใช้ประโยชน์ให้แก่วัด แก่ศาสนา
ก็อย่างที่รู้ว่า เราจะต้องใช้เงินอีกเป็นพันล้านกับการปั้นพญานาค นาคก็ต้องทำด้วยทอง
เหลือง ทองเหลืองตอนนี้ก็โลร่วม 270 บาท แล้วต้องใช้ทองเหลืองเป็นพันตัน ที่จะต้อง
เป็นพญานาค ขึ้นไปแผ่พังพอนบนยอดพระเกศของพระมหาพุทธพิมพ์
นี่ว่า เดือนเมษาฯ นี่ก็จะยกได้อีกซักท่อน เมื่อวานนี้ เค้าก็ขึ้นอีกท่อนหนึ่งแล้ว ท่อนท้อง
เดือนเมษาฯ ก็จะขึ้นอีกซักท่อนหนึ่ง ท่อนอก จะขึ้นจนเสร็จ
ทำบุญมาเยอะขนาดนี้ หลวงปู่ยังไม่เย็นใจเท่ากับเห็นพระขึ้นไปตั้งบน
ฐานแม้แค่เข่า ก็ยังรู้สึกชุ่มฉ่ำหัวใจ
ถามว่า เพราะอะไร
ก็ได้ทำบุญทั้ง
เราทำพลีกรรม ทำบุญต่อแผ่นดิน ต่อโลก ต่อศาสนา ต่อมนุษยชาติอย่างสมบูรณ์ สำหรับ
หลวงปู่แล้วถือว่า เป็นการทำสิ้นเสร็จสมบูรณ์
ถ้าพระองค์นี้สำเร็จเสร็จสมบูรณ์ กูก็เสร็จสมบูรณ์ นอน...สบาย
อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขกันถ้วนหน้า ลูกหลานก็รุ่งเรือง
เจริญ แผ่นดินก็ร่มเย็นเป็นสุข
งั้น ก็เป็นเมตตาธรรมของบรรดาเหล่าพระโพธิสัตว์ เทพเจ้าดลบันดาลให้กิจกรรมการงาน
ทั้งหลายสำร็จลุล่วงอย่างต่อเนื่องยิ่งใหญ่ยาวนานสืบๆ ไป
ขออนุโมทนาในกุศลและเจตนาและคณะทำงานลูกหลานทุกคนที่มาเหนื่อยยาก ทนลำบาก
ก็บอกแล้วไม่ใช่หลวงปู่องค์เดียว ลูก ลูกหลานทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ พระสงฆ์องคเจ้า ชาว
ธรรมอิสระ ครอบครัวธรรมอิสระทุกคน ช่วยเหลือกันคนละไม้คนละมือ มันจึงเกิดความ
สำเร็จเกิดขึ้น
ขออำนาจแห่งความสำเร็จครั้งนี้ จงพันสำเร็จ จงพันสำเร็จ และบังเกิดมีต่อท่าน ทุกท่านทุก
คนเทอญ
(สาธุ)
กราบ
เย็นนี้ เค้าจะมีสวดนพเคราะห์ ต่อสืบอายุขัย ใช้พิธีวิชาโบราณสมัยสุโขทัย อยุธยา แต่
ต้องอยู่ดึกหน่อย ประมาณซักทุ่มนึง ทุ่ม 49 นาที ใครจะอยู่ร่วมพิธี ก็เขียนชื่อ ใส่
กระดาษ แล้วก็ใส่บายศรี แล้วพระเค้าจะเวียนเทียนสวด