Print
Hits: 2611

24 ธ.ค. 54 ถอดซีดี ปัจฉิมโอวาท พระนวกะ ปี 54 โดยองค์หลวงปู่พุทธะอิสระ 

หลังจากองค์หลวงปู่แจกใบประกาศวุฒิบัตร
• ครูบาอาจารย์คนนี้ สอนให้เป็นคนมีปัญญา
• มนุษย์ต้องไม่หยุดต่อการพัฒนา                                                         

เพราะถ้าเมื่อใดที่มนุษย์หยุดการพัฒนาสันดาน มันจะกลายเป็นการสั่งสมข้ามภพข้ามชาติ
• คนมีความเพียร มันสามารถทำให้เป็นคนดีได้ ใบประกาศวุฒิบัตรที่ท่านได้ ไม่ใช่เป็นเครื่องแสดงออกถึงความรู้ความสามารถ โดยความเป็นจริง ความรู้ความสามารถไม่ใช่อยู่ที่ใบประกาศฯ แต่มันอยู่ที่ทำได้ไม๊   และสิ่งที่ทำ พึ่งได้ไม๊ เป็นที่พึ่งของตัวเอง หรือคนอื่นพึ่งได้ในสิ่งที่ตัวเองทำได้ไม๊
ปัญหามันอยู่ตรงนั้น ถ้าได้ ได้น้อยไป หรือจะเป็นตำนานเล่าขาน  ครั้งหนึ่งเคยมารับใบประกาศนียบัตรจากหลวงปู่พุทธะอิสระ  ก็ได้แต่เพียงเล่าขาน
สาระสำคัญ มันไม่ได้อยู่ที่ใบประกาศฯ แต่มันอยู่ที่เราทำได้ไม๊
ถ้าทำไม่ได้ ก็ป่วยการ ก็ถือว่า ได้เศษกระดาษไปเพิ่มอีกใบแต่ถ้าทำได้ มันกลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์ สำเร็จระโยชน์ เอื้ออำนวยเกียรติประวัติของตนให้เป็นคนรุ่งเรือง เจริญ พร้อมที่จะเล่าขานสู่ลูกหลานฟังได้อย่างไม่อายปากไม่อายขายขี้หน้าใครว่า เราสามารถใช้ธรรมะของครูบาอาจารย์เป็นที่พึ่ง เป็นเครื่องดำเนินชีวิต เป็นวิถีทาง ทำ พูด คิด ให้เกิดความรุ่งเรือง เจริญ ในชีวิตตนและคนรอบข้างได้
นั่นคือ ประกาศเกียรติคุณ ซึ่งไม่ใช่แค่ใบประกาศ หรือวุฒิบัตร แต่มันเป็นเกียรติคุณ
งั้น ใบประกาศฯ ก็จะกลายเป็นเครื่องมือประกาศเกียรติคุณว่า เราเป็นผู้มีคุณ มีเกียรติ มีคุณลักษณะพิเศษ  แต่ถ้าเรารับใบวุฒิบัตร ใบประกาศฯไปแล้ว ไม่มีคุณเลย ไม่มีเกียรติอะไรเลย  ราไม่แข็งแรงพอที่จะพึ่งตัวเองได้ แล้วก็ไม่พร้อมที่จะเป็นที่พึ่งของคนอื่นได้ทำ พูด คิด ของเราผิดพลาดเสมอ บกพร่องอยู่เนืองนิจ ทั้งปีทั้งชาติ แล้วก็ซ้ำซากอยู่กับความผิดพลาดถ้าอย่างนี้ ใบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับกระดาษเช็ดก้น มันไม่ต่างอะไรกับเศษกระดาษ เศษขยะ แม้จะมีลายมือหลวงปู่พุทธะอิสระ มันก็ไม่ได้มีคุณค่า คุณประโยชน์ มันก็ต้องถามกลับไปว่า จะทำได้ไม๊                                                                           

ทำในสิ่งที่ครูบาอาจารย์สั่งสอนอบรมมาได้ไม๊                                        

แล้วครูบาอาจารย์คนนี้สั่งสอนอบรมอะไร                              

ลองทบทวนดูตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย ที่ได้มี

โอกาสเรียนรู้ ศึกษากับครูบาอาจารย์ครูบาอาจารย์สอนอะไร                       

ครูบาอาจารย์คนนี้

สอนให้เป็นคนมีปัญญา
มีปัญญาที่จะมีชีวิต                                                                                                 

มีปัญญาที่จะบริหารจัดการชีวิต                                                     

มีปัญญาที่จะอยู่กับชีวิต                                     

 มีปัญญาที่จะใช้กับการแก้

ปัญหาชีวิต   และมีปัญญาที่เป็นที่พึ่งของตน                                                                         

อีกทั้งก็มีปัญญาอย่างแข็งแรงและยั่งยืนที่จะเป็นที่พึ่งของคนอื่นได้
นี่คือ คำสอนที่สรุปได้ ว่า ครูบาอาจารย์คนนี้สอนอะไร ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา
ถ้าหากเรายังมีชีวิตอยู่อย่างขาดปัญญา ไร้ปัญญา ไม่สามารถนำพาชีวิตได้  แน่นอนล่ะ อ้ายสิ่งที่เราทำก็ตาม คำที่พูดก็ดี แม้แต่สิ่งที่คิด                           

 ทุกเรื่องก็จะบกพร่อง ไม่ถูกต้อง และผิดพลาดเสมอ                 

แล้วชีวิตเรา คือตัวปัญหา                                     

แล้วเราก็จะไปหาจำเลยที่อื่นไม่ได้ 

เพราะตัวเรากลายเป็นจำเลย                                                                                     

แต่โดยสันดานมนุษย์โดยทั่วไป มันจะหาจำเลยที่อื่นอยู่เสมอ                  

มันจะโทษคนอื่น ไม่โทษตัวเอง แต่จ้องที่จะโทษคนอื่น            

แม้ที่สุด ก็โทษครูสอน โทษครูบาอาจารย์ โทษ

คนตำหนิว่า ตักเตือนว่ากล่าว   แต่ไม่โทษตัวเองว่า สาเหตุจริงๆ

มันมาจากที่ตัวเองทำถูกหรือทำผิด  คิดถูกหรือคิดผิด พูด

ถูกหรือพูดผิด
เพราะฉะนั้น สันดานอย่างนี้ เค้าเรียก สันดานเสีย
นี่คือ คำสอนที่ออกมาของครูบาอาจารย์คนนี้ว่า                                                            

เราจะทำยังไงให้ตนเป็นคนสันดานดี ไม่ใช่สันดานเสีย หรือ สันดานดิบ

นิสัยดี ไม่ใช่นิสัยเสีย
ก็อย่างที่บอกให้ฟังว่า มนุษย์มันไม่มีอะไรแตกต่างกัน                                                  

 เหมือนกัน มีตา มีหู มีตูด มีตีน เหมือนกัน แยกกันตรงหญิงกับชาย                  

แต่ที่มันแตกต่างกัน คือ สันดาน กับ นิสัย                                

พี่น้องเกิดท้องแม่เดียวกัน ห้องเดียวกัน ออก

ตามๆ กันมา ทุกอย่างเหมือนกัน ต่างกัน คือ 2 อย่าง สันดาน กับนิสัย
ถ้าใครมีปัญญามาก ก็พัฒนาศักยภาพ สันดานและนิสัยตัวเองได้ดีมาก   ใครมีปัญญาทราม ก็จะพัฒนาศักยภาพ สันดานและนิสัยตัวเองอย่างต่ำทรามหรือไม่พัฒนาจนปล่อยให้สันดานดิบ เค้าเรียก สันดานเถื่อน นี่คือ สันดานมนุษย์ที่ไม่ได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นที่รังเกียจของคนในครอบครัวตน และคนรอบข้างงั้น ถ้าเราจะกลายเป็นสันดานดี ก็จะต้องพัฒนามนุษย์ต้องไม่หยุดต่อการพัฒนา เพราะถ้าเมื่อใดที่มนุษย์หยุดการพัฒนาสันดาน                 

มันจะกลายเป็นการสั่งสมข้ามภพข้ามชาติ
กลายเป็นสันดานเถื่อน สันดานดิบ สันดานเสีย สันดานไม่ดี สันดานเลวทราม
เพราะอย่างนี้ไง พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงสอนและบอกให้เราท่านทั้งหลายได้รู้ว่า  พระอรหันตพุทธสาวก ผู้เป็นอรหันต์ขีณาสพ คือผู้ไม่ต้องศึกษาแล้ว                     

มีความสามารถตัดขาดจากสันดานและวาสนา                                      

คือ สันดานไม่ดีที่สั่งสมอบรมมา ชำระล้างจนหมด ตัดขาด

หมด ไม่เหลือสันดานดิบ สันดานเลว สันดานเสีย

สันดานไม่ดีเอาไว้ให้เป็นมลทิน เป็น

ภาระของตนและคนรอบข้างได้
ปัญหาของโลกสังคมและสิ่งแวดล้อมและชุมชนและที่อยู่อาศัยของคนในเวลานี้                  

ก็คือ คนสันดานเสีย คนสันดานไม่ดี คนสันดานดิบ คนสันดานเถื่อน                      

คนไม่พัฒนาสันดานของตน ไม่พัฒนานิสัยตน ไม่รับผิดชอบ ไม่ใส่ใจ        

เป็นคนหยาบกระด้าง จิตใจรวนเร ไม่อดทน อดกลั้น ทำอะไรไม่

อดทน ต่อสู้ ฟันฝ่า เจอปัญหา อุปสรรค ก็หมดกำลังกาย สิ้นกำลังใจ ท้อแท้

ท้อถอย อ่อนแอ  แล้วสุดท้ายก็พ่ายแพ้ และเกรงกลัวต่อสิ่ง

แม้แต่ชีวิตตัวเอง ก็น่ากลัว
เนี่ย คนสันดานเสีย คนสันดานดิบ คนสันดานไม่ดี                                                        

 งั้น ถ้าจะพัฒนาให้กลายเป็นคนสันดานดี                                                  

ก็คือ ต้องทำในสิ่งที่มันตรงกันข้ามกับของไม่ดี
นี่คือ คำสอนของครูบาอาจารย์คนนี้
ข้อต่อมา ก็คือ สอนให้รู้จักรับผิดชอบ                                                                         

รับผิดชอบต่อคนรอบข้างให้เหมือนกับที่ตัวเองรับผิดชอบตัวเอง                     

 คนอื่นสอนเราไม่เท่ากับเราสอนตัวเอง ชั่วชีวิต ถ้ารู้จักสอนตัว

เองบ้าง  24 ชั่วโมง สอนซัก 4 ชั่วโมง ก็ได้ดี

มโหฬารแล้ว  แต่ถ้าทุกวันนี้

24 ชั่วโมง ไม่คิดจะสอนตัวเอง แล้วจับจ้องจะจับผิดแต่คนอื่น                                      

 อัปรีย์มันก็จะมโหฬารเหมือนกัน
เพราะงั้น เราจะทำยังไงให้รู้จักที่จะสอนตัวเอง
ครูวิเศษเท่าไหร่ ก็ไม่ได้สอนเราได้ทุกเวลา                                                                  

                    อาจารย์ที่ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่ได้มาพูดเป่าหูให้เราฟังได้

ตลอดเวลา                        มีแต่ตัวเราเท่านั้น ที่จะเฝ้าพร่ำสอนอบรมตัวเราได้อยู่ตลอดเวลา

แม้หลับและตื่น
สำคัญอยู่ที่ว่า เราจะสอนตัวเองได้อย่างไร                                                                   

 ถ้าเรายังสันดานเลว สันดานเสีย สันดานดิบ สันดานไม่ดี                  

ก็กลายเป็นคนอยู่แบบเถื่อนๆ หลักลอย คอยงาน

สังขารเสื่อม                                                     เลื่อนลอยไปเรื่อยเปื่อย เลอะเทอะไร้

สาระ    จนกลายเป็นที่พึ่ง

ของตนและคนรอบข้างไม่ได้                                                                                

เพราะตัวเองมันมาจากคำว่า สันดานเสีย                                                                     

พอสันดานเสียแล้ว มันก็ไม่แข็งแรงพอที่จะสอนตัวเอง                       

ไม่รู้จะเอาอะไรไปสอนตัวเอง ก็ต้องอาศัยคนอื่นสอน

 พอคนอื่นสอนเข้า ก็ไม่ค่อย

อยากฟัง                                                                                                  แม้ฟัง

ก็ไม่ค่อยอยากทำ                                                                                                   

 แม้ทำ ก็ไม่อยากจำ                                                                              

หรือ ทำบ้าง จำบ้าง เสียหายบ้าง                                  

 งั้น สิ่งที่ได้มาก็ไม่เท่ากับสิ่งที่ครูบา

อาจารย์อบรมสั่งสอน
เพราะงั้น ความเป็นคนสันดานเสีย สันดานเถื่อน สันดานไม่ดี สันดานเลว สันดานดิบ           

              มันเหมือนกับหม้อรั่ว ตุ่มรั่วๆ แม้ใส่น้ำลงไป มันก็ไหลออกหมด                       

 ทีนี้ จะมาโทษน้ำล่ะว่า  ใส่ทำไมๆ ไม่ไหวแล้ว                               

 ยังไม่ทันได้เต็มเลย ก็บอก ไม่ไหวแล้ว เพราะตัว

เองรั่วอยู่ตลอดเวลา                                             อ้ายมนุษย์รั่วๆ นี่แหละ ทำให้เกิด

เป็นปัญหาต่อสังคม                                                                       แล้วพอปัญหามัน

เกิดขึ้นมาเข้า พวกมนุษย์รั่วๆนี้ ก็แก้อะไรไม่ได้                                                 แก้

ปัญหาไม่ได้ จัดการกับปัญหาไม่ได้                                                                           

              สุดท้าย ก็กลายเป็นตัวสร้างปัญหา
งั้น มาจากทั้งหมด สันดานไม่ดี สันดานเสีย                                                                 

 แล้วมันสันดานไม่ดี เพราะอะไร                                                   

สันดานไม่ดี ก็เพราะไม่ขวนขวาย                        

พอสันดานหยาบ ก็เกียจคร้าน

เพราะไม่มีความเพียร เพราะไม่มีกระบวนการพัฒนา
เพราะฉะนั้น ความเกียจคร้าน สันหลังยาว ไม่มีความเพียร ทุกคนมีไม๊                            

มีหมด แต่ต้องดูที่กำเนิด และการสั่งสมอบรม รวมทั้งอดีตชาติที่อบรม

สั่งสมมา                             พระพุทธเจ้า จึงสอนให้เรารู้ว่า วิริเย ทุกข มัต เจติ บุคคล

ล่วงทุกข์ได้ เพราะความเพียร                        คนมีความเพียร มันสามารถทำให้เป็นคนดี

ได้                                                                    ที่ไม่ดี มันก็ทำให้ดีได้                     

อ้ายที่ดิบ ก็กลาย

เป็นสุกได้                                                                                                             

อ้ายที่เถื่อน ก็กลายเป็นประเสริฐขึ้นมาได้
เวลาเราทำชั่ว เราทำจัง                                                                                            

แต่เวลาเราทำดี เราไม่ค่อยเพียรที่จะทำเลย                        

 เพราะเราไม่ทนทำ                             

 เพราะเรามีความรู้สึกว่า

ความดีมันทำได้ยาก                                                                                     

เหมือนๆ กับผมผัดข้าวเลี้ยงคน ต้มแกงเลี้ยงคน                                                            

 อ้ายคนที่มีจิตใจไม่ดี หรือว่า จิตใจหยาบกระด้าง สันดานไม่ดี                       

ก็จะบอกว่า ทุกข์ยากลำบาก ทนไม่ไหว ทำไม่ได้                    

อ้ายคนที่จิตใจดี ก็จะ ไม่ว่าจะเหนื่อยหนัก

หนาสาหัส                                                                 เพราะนี่มันเป็นวิถีแห่งการขึ้น

สวรรค์ เป็นหนทางแห่งความดี                                                             มันก็จะอดทน

เพื่อจะทำ                                                                                                             

 เพราะนี่คือการทำความดี สั่งสมสันดานดี ทำให้นิสัยดี                                       

ซึ่งจะต่างจากทำชั่ว แป๊บเดียว ก็ได้ชั่วล่ะ แล้วทำง่ายมาก              

 เพราะงั้น สัตว์มันจึงตกนรกมาก คนมันจึงตกนรก

มาก                                                                  เพราะทำชั่วมันง่าย ทำดีมันทำยาก
ทำดีมันทำยาก เพราะคนสันดานเสีย                                                                          

ถ้าคนสันดานดี ทำง่ายมาก เรื่องความดี แต่ความชั่วทำยาก
งั้น โลกใบนี้ มีคนสันดานดีน้อยหรือคนสันดานดีมาก                                                    

คนสันดานดีน้อย คนสันดานชั่วมาก                                                       

เมื่อคนสันดานชั่วมาก มันก็ยุ่งยากอย่างที่เห็น โลกใบนี้มัน

จึงวุ่นวาย
ทั้งหมดนี่แหละ คือ คำสอนของครู
ปัญหามันอยู่ที่ว่า เราจะไปทำให้เกิดผล เป็นมรรค เป็นผลและพึ่งพาอาศัย                         

 ทำตนเป็นคนมีสันดานไม่ดิบ สันดานดี นิสัยดี ไม่ใช่นิสัยเลว                           

คนมีความเพียร ใช้ปัญญาในการจัดการบริหารชีวิต
เท่านี้แหละ ใบประกาศธรรมดาๆ นี่แหละ มันจะกลายเป็นใบประกาศเกียรติคุณ                

เพราะท่านเป็นผู้ที่มีสันดานดี สันดานไม่ดิบ นิสัยดี นิสัยไม่ดิบ นิสัยไม่เลว        

ท่านก็เป็นคนมีเกียรติ เวลาทำอะไร มันก็เป็นคุณ เป็นประโยชน์
งั้น ใบที่ท่านถือเอาไว้ในมือ มันกลายเป็นใบศักดิ์สิทธิ์ ใบที่สำเร็จประโยชน์                       

 มันส่งให้ท่านถึงมรรค ถึงผล ถึงความเจริญ รุ่งเรือง                         

เพราะเป็นใบประกาศเกียรติคุณ
แต่ในมุมกลับกัน ถ้าท่านไม่ได้ทำอย่างที่กล่าวมา                                                         

ใบประกาศนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับเศษกระดาษ หรือไม่ก็ ขยะ กระดาษเช็ดก้น

เป็นภาระต้องมาดูแลรักษาด้วยซ้ำไป ไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์สำเร็จ

ประโยชน์
นี่คือ สิ่งที่อยากฝากบอกไว้
สำหรับคนที่จะสึกในวันพรุ่งนี้ ก็ 8 โมงครึ่ง มาพร้อมกันในศาลา                                   

คนที่จะไม่สึก ก็ต้องถามตัวเองว่า จะอยู่ไปเพื่ออะไร                                      

  ถ้าอยู่มาเป็นภาระให้กับครูบาอาจารย์ เป็นภาระให้กับศาสนา    

แต่ถ้าอยู่แล้วจะมาช่วยเหลือ

กิจการ ภาระกรรมของพระศาสนา                                                             เพื่อยืด

อายุขัยของพระศาสนา ให้เจริญเติบโตอย่างรุ่งเรือง แข็งแรง                                          

ทำให้ครูบาอาจารย์เบากายเบาใจได้ จงอยู่
เพราะทุกวันนี้ มีแต่คนทำให้ครูบาอาจารย์หนักกายหนักใจ                                            

 ไม่ใช่เป็นคนที่ทำให้ครูบาอาจารย์เบากายเบาใจ                                   

มีแต่คนจ้องเอาเปรียบ ไม่ใช่มีคนที่จะช่วยเสียเปรียบ
งั้น มันก็เลยกลายเป็นว่า ไม่ได้มาสร้าง แต่มาช่วยทำลาย คอยจ้องจะล้างผลาญ                   

 หาวิธีการสารพัดอย่างที่จะล้างผลาญให้มันเสียหาย                                            

 ทำลายล้างไปด้วยกรรมวิธีที่โง่เขลาแบบสันดานดิบ สันดานเสีย

สันดานเลว ไม่ใช่สันดานดี
งั้น จึงอยากจะบอกว่า ถ้าคิดจะอยู่ ก็ต้องถามตัวเองว่า ทำอะไรได้                                    

 พึ่งตัวเองได้ไม๊  แล้วเป็นที่พึ่งของคนอื่นได้หรือเปล่า                               

 ถ้าทำได้ อยู่ได้                                                             

  แต่ถ้าทำไม่ได้ อย่าอยู่                       

เพราะมันจะทำให้กลาย

เป็นภาระ เป็นภาระให้กับศาสนา                                                                             

เป็นภาระให้กับครูบาอาจารย์ เป็นภาระให้สังคมต้องเลี้ยงดู                                            

                      แล้วก็กลายเป็นบาปให้กับตัวเอง
ก็ขอให้ทุกท่านจงรุ่งเรือง เจริญ สำเร็จประโยชน์                                                           

และคิดหวังสิ่งใด ให้ได้ตามความรู้ความสามารถของตน                         

ด้วยเหตุด้วยปัจจัยแห่งคนสันดานดี นิสัยดี                      

เจริญธรรม