VisakhaArticle2559

พระพุทธเจ้าทรงพระคุณอันประเสริฐ เป็นที่พึ่งอันเลิศของข้าพเจ้า

พระธรรมทรงพระคุณอันประเสริฐ เป็นที่พึ่งอันเลิศของข้าพเจ้า

พระสงฆ์ทรงพระคุณอันประเสริฐ เป็นที่พึ่งอันเลิศของข้าพเจ้า

ที่พึ่งอื่นใดข้าพเจ้าไม่มี ด้วยเดชแห่งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ทั้งปวง

ข้าพเจ้าผูกความรักษา ขอความสวัสดีมีมงคล จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า

ด้วยเพราะพระปัญญาธิคุณขององค์พระผู้มีพระภาค จึงทำให้ปวงข้าพระพุทธเจ้าได้สัมผัสลิ้มรสอมฤตธรรม อันบริสุทธิ์ บริบูรณ์ ที่เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์โดยแท้

ด้วยเพราะพระบริสุทธิคุณในวิชาและจรณะขององค์พระผู้มีพระภาคเจ้า

จึงทำให้ปวงข้าพระพุทธเจ้าได้เห็นต้นแบบอันงดงามที่ประพฤติตามแล้วได้ผล

และด้วยพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระผู้มีพระภาคเจ้าที่ทรงมีพระเมตตาคุณ พระวิริยะคุณ เสด็จพระดำเนินประทานอมฤตธรรมโปรดเวไนยสัตว์ผู้มืดบอด จมทุกข์ ให้มีดวงตาเห็นแสงสว่างแห่งสัจธรรมความจริง จนหลุดพ้นจากเครื่องผูกรัดแห่งกองทุกข์ทั้งปวงได้

ทั้งยังทรงอุดมมงคลพระคุณอันหาที่สุดประมาณได้ดังปรากฏคำพรรณนาว่า

อิติปิ โส ภควา (แม้เพราะอย่างนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น)

๑. อรหํ (เป็นพระอรหันต์ คือ เป็นผู้บริสุทธิ์ ไกลจากกิเลส ทำลายกำแห่งสังสารจักรได้แล้ว เป็นผู้ควรแนะนำสั่งสอนผู้อื่น ควรได้รับความเคารพบูชา เป็นต้น)

๒. สมฺมาสมฺพุทฺโธ (เป็นผู้ตรัสรู้ชอบเอง)

๓. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน (เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชา คือความรู้ และจรณะ คือความประพฤติ)

๔. สุคโต (เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว คือ ทรงดำเนินพระพุทธจริยาให้เป็นไปโดยสำเร็จผลด้วยดี พระองค์เองก็ได้ตรัสรู้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพุทธกิจก็สำเร็จประโยชน์ยิ่งใหญ่แก่ชนทั้งหลายในที่ที่เสด็จไป และแม้ปรินิพพานแล้ว ก็ได้ประดิษฐานพระศาสนาไว้เป็นประโยชน์แก่มหาชนสืบมา)

๕. โลกวิทู (เป็นผู้รู้แจ้งโลก คือ ทรงรู้แจ้งสภาวะอันเป็นคติธรรมดาแห่งโลกคือสังขารทั้งหลาย ทรงหยั่งทราบอัธยาศัยสันดานแห่งสัตวโลกทั้งปวง ผู้เป็นไปตามอำนาจแห่งคติธรรมดาโดยถ่องแท้ เป็นเหตุให้ทรงดำเนินพระองค์เป็นอิสระ พ้นจากอำนาจครอบงำแห่งคติธรรมดานั้น และทรงเป็นที่พึ่งแห่งสัตว์ทั้งหลายผู้ยังจมอยู่ในกระแสโลกได้)

๖. อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ (เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ฝึกได้ ไม่มีใครยิ่งไปกว่า คือ ทรงเป็นผู้ฝึกคนได้ดีเยี่ยม ไม่มีผู้ใดเทียมเท่า)

๗. สตฺถา เทวมนุสฺสานํ (เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย)

๘. พุทฺโธ (เป็นผู้ตื่นและเบิกบานแล้ว คือ ทรงตื่นเองจากความเชื่อถือและข้อปฏิบัติทั้งหลายที่ถือกันมาผิดๆ ด้วย ทรงปลุกผู้อื่นให้พ้นจากความหลงงมงายด้วย อนึ่ง เพราะไม่ติด ไม่หลง ไม่ห่วงกังวลในสิ่งใดๆ มีการคำนึงประโยชน์ส่วนตน เป็นต้น จึงมีพระทัยเบิกบาน บำเพ็ญพุทธกิจได้ถูกต้องบริบูรณ์ โดยถือธรรมเป็นประมาณ การที่ทรงพระคุณสมบูรณ์เช่นนี้ และทรงบำเพ็ญพุทธกิจได้เรียบร้อยบริบูรณ์เช่นนี้ ย่อมอาศัยเหตุคือความเป็นผู้ตื่นและย่อมให้เกิดผลคือทำให้ทรงเบิกบานด้วย)

๙. ภควา (ทรงเป็นผู้มีโชค คือ จะทรงทำการใด ก็ลุล่วงปลอดภัยทุกประการ หรือ เป็นผู้จำแนกแจกธรรม)

ด้วยพระคุณอันประเสริฐนี้ ปวงข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอบูชาอย่างยิ่ง ด้วยปฏิบัติบูชา และอามิสบูชา แด่องค์พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงเป็นพระสัพพัญญู ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน


อุกาสะ วันทามิ ภันเต ภะคะวา โลกะนาถัง อะตีตัง เม โทสัง,

อะนาคะตัง เม โทสัง, ปัจจุปปันนัง เม โทสัง, ขะมะถะ เม ภันเต

สาธุ สาธุ สาธุ ขมามิภันเต

พุทธะอิสระ

[ขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต]