visakha59 1

ทุกข์ เหตุ (สมุทัย) ทางดับทุกข์ นิโรธ มีมาก่อน พระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าทรงมาพบทาง เป็นผู้บุกเบิก มีพระมหาปัญญาคุณ ข้อปฏิบัติให้ถึงทางดับทุกข์ ก็มีอยู่เดิม ทุกอย่างมีอยู่เดิม

ส่วนสำนักอลัชชี มีทาน ศีล มีสมาธิ แต่ไม่มีปัญญาที่จะเห็นทุกข์ เห็นเหตุแห่งทุกข์ หรือเห็นทางดับทุกข์ และข้อปฏิบัติให้ถึงทางดับทุกข์ ไม่มีปัญญาให้เห็นธรรมะที่มีมาก่อน

พระพุทธเจ้า ทรงมีพระสติปัญญาเหนือมนุษย์ทั้งปวง เป็นพระมหาบุรุษ เป็นการเห็นอริยสัจธรรมที่ใครจะลบล้างไม่ได้ และสามารถช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นจากภัยพิบัติใดๆ ธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงสอนให้คนมีปัญญา

สมาธิ คือเปลือกไม้ ปัญญาคือแก่นไม้ พระผู้มีพระภาค สอนให้เรามีแก่นไม้ ไม่ใช่เปลือกไม้

รู้แล้ว ต้องไม่แบก ไม่ยก ไม่หยิบ ไม่ยึด ถ้ามีไม่ใช่พุทธธรรม ทุกข์ต้องรู้ สมุทัยต้องละ ทางดับทุกข์ทำให้แจ้ง ข้อปฏิบัติให้ถึงทางดับทุกข์ต้องให้รู้จริงชัดเจน จึงจะถึงคำว่า ไม่หยิบ ไม่ยก ไม่ยึด ไม่แบก

วันวิสาขบูชา จึงเป็นวันที่ พระมหาโพธิสัตว์ทรงประสูติ พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และพระพุทธเจ้าปรินิพพาน

พระองค์ทรงเคยตรัสไว้ว่า.

...ภิกษุเราจะไม่กระทำกับเธอ เหมือนดั่งช่างจัดดอกไม้ที่จะทนุถนอม แต่จะกระทำกับเธอเหมือนช่างผู้ปั้นหม้อ พร้อมที่จะนวดเฟ้น ปั้นขึ้นรูป ด้วยวิถีแห่งพุทธะ ที่ไม่อ้อมค้อม... ใน ๘๔๐๐๐ พระธรรมขันธ์

สัจจะคือของจริง ถ้าไม่ใช่ของจริงไม่ใช่พุทธธรรม

อายตนะนิพพาน... จริงไหม อะไรที่พิสูจน์ไม่ได้ ยังไม่ใช่ ถ้านำไปศึกษา ปฎิบัติ สำรวจแล้วตรงกับอรรถพยัญชนะ ที่พระองค์ทรงสั่งสอนไว้ ก็จริง...

ถ้าไม่เข้าใจไม่รู้จักสัจจะเรื่องจริงไม่มีสิทธิ์ ถ้ามีสัจจะและเรื่องจริง จึงจะเป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอน ท่านทั้งหลายอย่ากลัวความจริง ทุกข์ ความตาย ความแก่ ทุกคนต้องเจ็บป่วย เป็นเรื่องจริง

ทรงตรัสรู้สิ่งที่เป็นความจริง ทรงสอนเฉพาะใบไม้ในกำมือ ถ้าสอนใบไม้นอกกำมือ เป็นการสอนของเจ้าลัทธิอื่น ถ้าเช่นนั้น ก็ควรจะออกไปตั้งเป็นลัทธิอื่น

พระองค์ทรงตรัสว่า ธรรมะที่พระองค์ทรงตรัสรู้มีมากเท่าจำนวนใบไม้ในป่า แต่พระองค์ทรงสอนเท่ากับใบไม้ในกำมือ ทรงเลือกที่มีประโยชน์ที่สุดจำนวนหนึ่งกำมือ คือ จำนวน ๘๔๐๐๐ พระธรรมขันธ์ สามปิฎกคือ วินัยปิฎก สุตตันตปิฎก และอภิธรรมปิฎก ส่วน อลัชชีนั้นมักจะอ้างว่า เป็นใบไม้นอกกำมือ นอกพระปิฎกทั้งสาม

ศาสนาพุทธสอนให้มีปัญญา ด้วยวิปัสสนา เป็นกุศโลบาย เพราะมีปัญญาจึงเห็นทุกข์ เห็นเหตุแห่งทุกข์ เห็นทางดับทุกข์ และข้อปฏิบัติให้ถึงทางดับทุกข์ที่มีอยู่เดิม

บุญ ศีล ทานสมาธิ เอาไปไม่ได้ เพราะเมื่อถึงฝั่งก็ไม่ต้องใช้พ่วงแพ ทานเหมือนกับไม้ซีก ศีลเหมือนกับเถาวัลย์ สมาธิเหมือนแผ่นกระดานที่วางอยู่ เราข้ามฝั่งได้โดยใช้ปัญญา เมื่อถึงฝั่งก็ไม่จำเป็นต้องใช้พ่วงแพอีก ...

ใน(สภาวะ) นิพพานมีตัวรู้ ท่านผู้รู้ อยู่ภายในกาย ไม่ได้อาศัยสิ่งอื่นใด

จิต อยู่ภายใน เจตสิกและ รูป มีทั้งภายในและภายนอก

นิพพานอยู่ภายใน ไม่มีใครสร้างให้เราได้ ...

คนจะรักษาศีลได้ ต้องอาศัยสติ ต้องมีหริ โอตัปปะ มีสังวร ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ จึงเป็นศีลที่พึ่งพาได้ ปัจจุบันเป็นศีลที่มีเฉพาะเข้าพิธี

ต้องประกอบด้วยอินทรีย์พละ ๕ มีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา...

วิธีขจัดสนิมใจ ต้องเรียนรู้ศึกษา จับต้อง เข้าใจแต่เรื่องจริง อะไรที่ยังไม่ได้พิสูจน์ อย่าเพิ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง...

บทโศลก พระอาทิตย์ สว่างกลางวัน พระจันทร์สว่างกลางคืน คนมีปัญญาสว่างทั้งกลางวันและกลางคืน ปัญหาทุกวันนี้ของคนพุทธคือ ยังไม่มีปัญญา จึงยังไม่ได้เป็นพุทธบริษัทที่สมบูรณ์ ถ้ามีปัญญา เข้าใจความจริง จึงจะเป็นบริษัทของ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน สมาธิขั้นนสูงสุด จตุตถฌาน คือ มีความจำดีที่สุด อยู่กับอารมณ์หนึ่งเดียว

ในวันวิสาขาบูชา ท่านอย่าทำให้ วันนี้เป็นวันที่มีทลทิน ขมุกขมัว จงทำให้วันนี้ให้จิตผ่องแผ้ว แจ่มชัด เข้าใจ รู้จักตามเป็นความจริง จนเห็นแสงสว่างแห่งปัญญา ไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจของมายากาล หลุดพ้นจากเครื่องร้อยรัดทั้งปวง ได้เข้าใจรู้จัก มายาคติทั้งภายในและภายนอก มีอิสระเสรีภาพ จากมายาคติ มายาสาไถ จึงจะสมกับคำว่า การบูช่าในวันวิสาขะ ...

อวยพร...ให้มีปัญญารุ่งเรืองดุจพระอาทิตย์ยามเที่ยงวันด้วยเทอญ


ผู้บันทึกย่อ: Apiradee Kongchira