แสงแดดยามบ่ายอ่อนแสงลง ตรงกับวันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม 2541 หรือวันแรม 1 ค่ำ เดือน 9 ปีขาล เสียงรถนำขบวนหวอ หวอของตำรวจดังลั่นหน้าวัดธรรมอิสระ (อ้อน้อย)นำหน้าขบวนด้วยรถของโรงพักกำแพงแสน ตามด้วยรถของตำรวจทางหลวงนครปฐม อีก 4 คัน และรถของตำรวจกองปราบปรามอีก 1 คัน รถจำนวนนี้ทำหน้าที่ถวายความปลอดภัยให้กับรถยนต์พระที่นั่งสีเหลืองหมายเลข รยล-664 เสียงดังลั่นหน้าวัด ทุกคนพากันตระหนกไม่ทราบว่าอะไรเกิดขึ้น ประกอบกับผู้เขียนมาอุดหนุนที่ร้านศาสนสงเคราะห์ที่เปิดร้านขายอาหาร ทุกอย่าง 5 บาท ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ขนมหวาน 5 บาท ซึ่งเป็นร้านขายอาหารราคาถูก ช่วยเหลือคนตกงาน คนจน ตามโครงการของหลวงปู่พุทธอิสระ ซึ่งเคยเปิดตัวครั้งแรกในงานเกษตรแห่งชาติ ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสน เมื่อปี 2540 เป็นที่ฮือฮาของชาวพารามาครั้งหนึ่งแล้ว
       
       ต่อมาได้ยินเสียงในรถตำรวจประกาศว่า สมเด็จพระสังฆราชเสด็จมาวัดอ้อน้อย รถของผู้ใดที่จอดขวางทางขอให้เลื่อนรถด้วย เมื่อได้ยินเสียงประกาศแล้วจึงรีบไปที่รถขึ้นรถแล้วขับออกไปกลับรถที่ถนน หน้าวัด จึงรีบตามขบวนเข้าวัดอ้อน้อยโดยทันที และแจ้งให้พระภิกษุ สามเณร ในวัดได้ทราบข่าว สมเด็จพระสังฆราชเสด็จมาโดยไม่มีหมายกำหนดการแต่อย่างใด ได้มีโอกาสสอบถามคณะที่ติดตามเสด็จ ทราบรายละเอียดพอคร่าวๆ ว่าสมเด็จพระสังฆราช เสด็จมาที่ จ.นครปฐม และจะเสด็จต่อไปยัง จ.กาญจนบุรี เนื่องจากวัดอ้อน้อยเป็นทางผ่าน มีเวลาจึงแวะมาเยี่ยมดูการก่อสร้างถาวรวัตถุของวัดอ้อน้อย และมาดูการทำงานของพระภิกษุสามเณร จึงไม่แจ้งหมายกำหนดการให้วัดได้ทราบ
       
       ดังนั้น ภาพที่ปรากฎออกมา จึงเป็นภาพที่เห็นเป็นปกติสำหรับผู้ที่เคยเข้าวัดโดยไม่มีการจัดฉากแต่อย่าง ใด พระภิกษุสามเณรจึงอยู่ในระหว่างการปฏิบัติงาน (ก็คือการปฏิบัติธรรม) พระบางองค์อยู่กลางแจ้ง ขุดดิน จัดสวน ทั่วกายเต็มไปด้วยเหงื่อ อังสะเปียกชุ่ม จึงจำเป็นที่จะต้องถอดอังสะออกจากตัว พระบางองค์เข็นรถบรรทุกขยะไปทิ้ง เมื่อเลยไปถึงศาลาเห็นพระภิกษุสามเณรหลายองค์ กุลีกุจอกับการจัดสถานที่เตรียมการใน "วันแม่แห่งชาติ" บ้างก็เช็ดถูโต๊ะหมู่ บ้างก็จัดแจกัน บ้างก็จัดดอกไม้ใส่แจกันทันทีที่ทราบว่า สมเด็จพระสังฆราชเสด็จมา พระภิกษุสามเณร ก็รีบหาจีวรกันจ้าละหวั่น จีวรพระ จีวรสามเณรสลับกันห่มเป็นที่เฮฮากันพอสมควร บางองค์อาจต้องรีบวิ่งไปเอาจีวรที่กุฏิมาห่ม แต่ดูเหมือนว่า พระภิกษุสามเณรเตรียมห่มจีวรอย่างรวดเร็วพร้อมเสร็จสรรพภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที
       
       ทุกคนภายในวัดดูเหมือนว่าจะประหม่าตกใจกับที่ สมเด็จพระสังฆราชเสด็จมา คนในวัดหลายคนเริ่มตั้งสติได้ แม่ครัวเตรียมน้ำมาถวายพระภิกษุสามเณร ปูพรม ปูอาสนะ พร้อมที่ประทับที่เหมาะสมในศาลา สมเด็จพระสังฆราชทรงกราบพระประธานแล้วหันมาสอบถามเรื่องต่างๆ ภายในวัดกับหลวงพี่มาลัย ป้าหม่อม หลังจากได้ฟังการสนทนาปราศรัยจากสมเด็จพระสังฆราชแล้ว ดูสีหน้าแววตาของพระภิกษุสามเณรในวัดเริ่มมีสีหน้าสดชื่น คลายความประหม่าตกใจ ที่ทุกคนในวัดเกรงกลัวไปว่าจะทำสิ่งใดที่ไม่ดีไม่งาม หรือบกพร่อง ท่านมิได้ทรงตำหนิแต่อย่างใด หนำซ้ำยังมีเมตตานำจีวรมาแจกพระภิกษุภายในวัดถึง 15 ไตร อีกต่างหาก
       
       ก่อนเสด็จกลับสมเด็จพระสังฆราช ทรงกราบพระประธานอีกครั้งจึงเสด็จออกจากศาลา ไปดูการก่อสร้างโบสถ์จุฬามณีที่โดดเด่นกลางน้ำภายในวัด มีสีสันที่สวยสด งามสง่า ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ทอแสงวาววับกับสายน้ำในสระ แม้ว่าจะอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง จึงระเกะระกะเต็มไปด้วยไม้ค้ำยันทั่วบริเวณ บางแห่งต้องก้มย่อพระเศียรลงมาเพื่อให้รอดพ้นจากไม้ค้ำยัน การก่อสร้างจะเหลือเพียงงานตกแต่งภายใน งานปิดทองประดับฐานพระประธาน และงานวาดภาพฝาผนังใต้หลังคาโบสถ์
       
       ก่อนเสด็จเข้าไปในอุโบสถ ทรงสอบถามเกี่ยวกับหินหยกที่นำมาจากสระบุรี เพื่อประดับสวนหย่อม เมื่อเข้าไปในพระอุโบสถได้ทรงพิจารณาดูภาพวาด ช่างวาดภาพได้บรรยายพอสรุปว่า กำลังวาดรูปภูเขาคันธมาทน์ในแดนสวรรค์ที่มีถ้ำแก้ว ถ้ำเงิน ถ้ำทอง และที่นั่งสีรุ้งสำหรับพระโพธิสัตว์
       เมื่อได้ทรงชมแล้วจึงเสด็จออกจากอุโบสถไปยังรถยนต์พระที่นั่ง พระภิกษุสามเณรทุกองค์มาส่งเสด็จที่รถยนต์พระที่นั่งสีเหลืองคันเดิม ซึ่งจอดรอหน้าอุโบสถ พระภิกษุสามเณรทุกองค์พร้อมฆราวาสคุกเข่าพนมมือก้มลงกราบกับพื้นถนนยางมะตอย กันถ้วนหน้า เป็นภาพที่แสนจะปลื้มใจและประทับใจอยู่ในความทรงจำมิรู้ลืม ดูเหมือนว่าได้ทำตามคำสอนที่หลวงปู่ เคยกล่าวว่า
       
       ลูกรัก...รากเหง้าของศีลธรรม จริยธรรม และพระบริสุทธิธรรม คือความอ่อนน้อมถ่อมตน
       
       เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้อยู่ใกล้และพบเห็นสมเด็จพระสังฆราชประมุข แห่งสงฆ์ของพุทธศาสนิกชนชาวไทย นับว่าเป็นวันมหามงคลวันหนึ่งในชีวิตที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้มีโอกาส กราบนมัสการสมเด็จฯ โดยใกล้ชิดอย่างนี้
       
       สะมะณานัญจะ ทัสสะนัง "การได้เห็นสมณะทั้งหลาย เป็นมงคลอย่างหนึ่ง"
       
       หมายเหตุ...ในวันนั้นหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ท่านมิได้อยู่ที่วัด ท่านได้ติดภารกิจอยู่ที่ถ้ำแก้วมังกรทอง (ถ้ำไก่หล่น) ซึ่งอยู่ในเขต ต.หนองพลับ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อยู่ห่างจากชายหาดหัวหิน ไปทางป่าละอู ประมาณ 20 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ป่าสงวนเกือบ 800 ไร่ ซึ่งในวันนี้มีพ่อค้า ประชาชน ข้าราชการ หลายหน่วยงานรวมทั้ง ตชด. ค่ายนเรศวร มาร่วมกันปลูกป่า เทอดพระเกียรติ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ โดยมีหลวงปู่พุทธอิสระ เป็นแกนนำในการปลูกป่าช่วยอนุรักษ์พันธุ์ไม้นานาชนิด ยังผลให้เป็นที่พึ่งพิงของสัตว์ป่าอีกหลายประเภท ทั้งยังได้ช่วยบูรณะเขื่อนให้สามารถเก็บกักน้ำได้ใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด และเป็นที่อาศัยดื่มกินของสัตว์ป่าอีกด้วย
       
       เมื่อหลวงปู่กลับมาถึงวัดก็เป็นเวลาที่พระภิกษุสามเณรกลับจากทำวัตร เย็นลงจากศาลา หลวงปู่จึงได้ทราบว่าสมเด็จพระสังฆราช ทรงมีเมตตาเสด็จมาเยี่ยมที่วัดธรรมอิสระ(อ้อน้อย)อย่างเป็นทางการ